เมื่อเดือนมีนาคม 2021 เราได้ประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าบริการเพื่อช่วยกระตุ้นความสำเร็จของนักพัฒนาแอปใน Google Play ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไป เมื่อคุณขายสินค้าหรือบริการดิจิทัล ค่าบริการสำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 ล้านดอลลาร์ (USD) แรกที่นักพัฒนาแอปแต่ละรายทำได้ในแต่ละปีจะอยู่ที่ 15%
บทความนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ระดับค่าบริการ 15% และวิธีลงทะเบียนเข้าร่วม
การลงทะเบียน
หากต้องการลงทะเบียนรับสิทธิ์ระดับค่าบริการ 15% อย่างเป็นทางการ คุณต้องดําเนินการดังนี้
- มีโปรไฟล์การชําระเงิน
- สร้างกลุ่มบัญชี (ที่บัญชีนักพัฒนาแอปของคุณเป็นบัญชีนักพัฒนาแอปหลัก) และแจ้งให้เราทราบว่าคุณมีบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้ (ADA) หรือไม่ และ
- ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการของระดับค่าบริการ 15%
วิธีลงทะเบียนรับสิทธิ์ระดับค่าบริการ 15%
- เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้
- ทําตามวิธีการเหล่านี้เพื่อสร้างกลุ่มบัญชีและแจ้งให้เราทราบว่าคุณมี ADA หรือไม่
- เมื่อตั้งค่ากลุ่มบัญชีเรียบร้อยแล้ว คุณจะลงทะเบียนรับสิทธิ์ระดับค่าบริการ 15% ได้ในหน้าบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้ คุณจะเห็นแบนเนอร์ในหน้าเว็บที่มีส่วนหัวว่า "เมื่อตั้งค่ากลุ่มบัญชีเรียบร้อยแล้ว ให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าบริการ 15%" คลิกตรวจสอบและลงทะเบียนที่ด้านล่าง
- สําคัญ: กลุ่มบัญชีของคุณจะต้องระบุ ADA ทั้งหมดก่อนที่จะลงทะเบียน คุณจะลงทะเบียนไม่ได้หากมีคําขอที่ยังไม่ได้ตอบรับ หรือมีบัญชีนักพัฒนาแอปบางบัญชียังไม่ตอบรับคําขอที่จะเพิ่มพวกเขาเข้ากลุ่มบัญชีของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการคําขอที่นี่
- อ่านและยอมรับข้อกําหนดในการให้บริการของค่าบริการ 15%
- คลิกยอมรับและลงทะเบียน
หลังจากลงทะเบียนแล้ว คุณจะดูสถานะการลงทะเบียนได้ทุกเมื่อที่ด้านล่างของหน้าบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้ หากลงทะเบียนก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 โปรดทราบว่าค่าบริการ 15% จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไป หากลงทะเบียนหลังวันที่ 1 กรกฎาคม ค่าบริการ 15% จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์
ค่าบริการ 15% สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 ล้านดอลลาร์ (USD) แรก
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไป เมื่อคุณขายสินค้าหรือบริการดิจิทัล ค่าบริการสำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 ล้านดอลลาร์ (USD) แรกจะอยู่ที่ 15%
หากกลุ่มบัญชีของคุณมีบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้ (ADA) หลายบัญชี ระบบจะใช้ระดับค่าบริการ 15% ตราบใดที่มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมของ ADA ทั้งหมดในกลุ่มไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ (USD) และ ADA ทุกบัญชีจะได้รับสิทธิประโยชน์จากระดับค่าบริการ 15% เมื่อมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมเกิน 1 ล้านดอลลาร์ (USD) ค่าบริการจะเปลี่ยนเป็น 30% สำหรับ ADA ทั้งหมดตลอดระยะเวลาที่เหลือของปี
รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะคำนวณตามปีปฏิทิน (1 มกราคม - 31 ธันวาคม) เนื่องจากโปรแกรมนี้เริ่มต้นขึ้นในครึ่งปีหลัง (1 กรกฎาคม 2021) ขีดจำกัดรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของปี 2021 จะลดลงตามสัดส่วนเหลือที่ 500,000 ดอลลาร์ (USD)
หมายเหตุ: ระดับค่าบริการ 15% จะมีผลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 สำหรับนักพัฒนาแอปทั้งหมดที่ลงทะเบียนเสร็จสิ้นก่อนวันที่ดังกล่าว ส่วนนักพัฒนาแอปที่ลงทะเบียนเสร็จสิ้นหลังวันที่ 1 กรกฎาคม ค่าบริการ 15% จะมีผลตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนเสร็จสิ้นเป็นต้นไป
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงไว้ (ADA)
กลุ่มบัญชีเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Play Console ที่ช่วยให้เราทราบว่าคุณเชื่อมโยงอยู่กับบัญชีนักพัฒนาแอปบัญชีใดบ้าง การระบุข้อมูลนี้ช่วยให้เรามั่นใจว่าคุณมีสิทธิ์เข้าร่วมระดับค่าบริการ 15% ตลอดจนโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play และฟีเจอร์ Play Console อื่นๆ และเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ในอนาคต
ADA ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบัญชี ซึ่งจะเป็นตัวแทนในการลงทะเบียนเข้าร่วมระดับค่าบริการ 15% เพียงครั้งเดียว โดยบัญชีนักพัฒนาแอปหลักของกลุ่มจะสมัครเข้าร่วมในนามของ ADA ทั้งหมดในกลุ่ม
การจัดตั้งกลุ่มไม่ได้เป็นการสร้างหรืออนุญาตสิทธิ์เข้าถึงเพิ่มเติมไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปแต่ละบัญชีในกลุ่ม ผู้ถือบัญชีนักพัฒนาแอปหลักจะไม่มีสิทธิ์ดูหรือจัดการเนื้อหาใดๆ (รวมถึงแอป) ของ ADA ที่เพิ่มลงในกลุ่มบัญชี เว้นแต่ว่าผู้ดูแลระบบของบัญชีนักพัฒนาแอปแต่ละบัญชีได้เพิ่มหรือปรับเปลี่ยนผู้ใช้หรือสิทธิ์ของบัญชีอย่างชัดแจ้ง
การสร้างกลุ่มบัญชี
ไปที่สร้างและจัดการกลุ่มบัญชีเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบัญชี
คำถามที่พบบ่อย
กลุ่มบัญชีคืออะไรและทำไม Google Play จึงขอให้ฉันสร้างกลุ่มบัญชีเนื่องจากระดับค่าบริการ 15% จะมีผลในระดับนักพัฒนาแอป ไม่ใช่ระดับบัญชี เราจึงต้องการทราบว่าคุณเชื่อมโยงอยู่กับบัญชีใดบ้างเพื่อให้ใช้ค่าบริการนี้ได้อย่างถูกต้อง
สำหรับนักพัฒนาแอปที่มีเพียงบัญชีเดียว คุณจะสร้างกลุ่มบัญชีใน Play Console ได้ด้วยบัญชีเดียวที่คุณเป็นเจ้าของ ส่วนนักพัฒนาแอปที่มีหลายบัญชี เราจะขอให้คุณสร้างกลุ่มบัญชีที่มีรายชื่อบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยง (ADA) ทั้งหมดของคุณ บัญชีเหล่านี้ ได้แก่ บัญชีที่คุณเป็นเจ้าของ รวมถึงบัญชีของบริษัทสาขาซึ่งเผยแพร่แอปหรือเกมที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ของคุณ ระดับค่าบริการ 15% จะมีผลกับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมจาก ADA ทั้งหมดของคุณ
สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์มีคำจำกัดความอยู่ในข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอป (DDA) ตัวอย่างของสิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ ได้แก่ ทรัพย์สินทางปัญญาที่ผู้ใช้ระบุได้ว่ามาจากนักพัฒนาแอปรายหนึ่ง หรือมาจากแอป/เกมหรือซีรีส์ เช่น
- ชื่อนักพัฒนาแอป
- ชื่อแอปหรือเกม
- ความคล้ายกันของตัวละคร ชื่อตัวละคร ชื่ออาณาจักร ตลอดจนเรื่องราวและฉากหลัง
- ความคล้ายกันและชื่อของไอเทมที่ไม่ซ้ำกัน/เป็นที่ยอมรับ
- โลโก้ แบบอักษร และวลีที่ไม่ซ้ำกันและแยกแยะได้
หากคุณเป็นผู้ควบคุมบริษัทอื่นๆ ซึ่งเผยแพร่แอปและเกมไปยัง Google Play โดยใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ของคุณ ก็จะต้องเพิ่มบริษัทเหล่านั้นลงในกลุ่มบัญชีของคุณ เป้าหมายของ Google Play คือเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ใช้ระดับค่าบริการ 15% กับนักพัฒนาแอปแต่ละรายอย่างเหมาะสม เราถือว่าสิ่งแสดงความเป็นแบรนด์เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าบัญชีใดเป็นของนักพัฒนาแอปบ้าง เนื่องจากสิ่งแสดงความเป็นแบรนด์เหล่านี้มีส่วนอย่างมากในการทำให้ผู้ใช้จำพอร์ตโฟลิโอแอปและเกมของนักพัฒนาแอปได้ ทั้งยังมีส่วนทำให้ผู้ใช้ติดตั้งและจ่ายเงินสำหรับแอปเหล่านั้นใน Google Play ด้วย
บัญชีนักพัฒนาแอปหลักของกลุ่มจะสมัครเข้าร่วมในนามของบัญชีนักพัฒนาแอปทั้งหมดในกลุ่มด้วยการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว ค่าบริการจะมีผลกับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมของบัญชีทั้งหมดในกลุ่ม ตราบใดที่มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ (USD) ทุกบัญชีในกลุ่มจะได้รับค่าบริการ 15% เมื่อมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (USD) ค่าบริการจะเปลี่ยนเป็น 30% สำหรับทุกบัญชีในกลุ่มตลอดระยะเวลาที่เหลือของปี
ปัจจุบันกลุ่มบัญชีพร้อมให้บริการสำหรับบัญชีนักพัฒนาแอปที่มีโปรไฟล์การชำระเงินใน Play Console เท่านั้น หากบัญชีของคุณไม่มีโปรไฟล์การชำระเงิน ก็ยังไม่จำเป็นต้องรวมไว้ในรายชื่อบัญชีนักพัฒนาแอปที่เชื่อมโยงในตอนนี้ เราจะให้บริการกลุ่มบัญชีสำหรับบัญชีดังกล่าวภายหลังใน Play Console
ได้ โปรดทราบว่าเมื่อมีการโอนแอประหว่างบัญชีนักพัฒนาแอปที่อยู่คนละกลุ่มบัญชีกัน รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของแอปนั้นจะรวมอยู่ในยอดรวมของกลุ่มบัญชีแต่ละกลุ่มในปีปฏิทินนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น หากบัญชีนักพัฒนาแอปในกลุ่มบัญชี ก. มีแอปที่มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 100,000 ดอลลาร์ (USD) ในปีนี้ แล้วมีการโอนแอปดังกล่าวไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปอีกบัญชีหนึ่งในกลุ่มบัญชี ข. รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 100,000 ดอลลาร์ (USD) นั้นจะรวมอยู่ในรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมของทั้งกลุ่มบัญชี ก. และกลุ่มบัญชี ข. เพื่อใช้ในการคำนวณระดับค่าบริการ 15% ของปีนี้
ได้ คุณสามารถเพิ่มหรือนำบัญชีนักพัฒนาแอปออกจากกลุ่มเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการเป็นเจ้าของบัญชี
โปรดทราบว่าเมื่อมีการโอนบัญชีนักพัฒนาแอปไปยังกลุ่มบัญชีอื่น รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของบัญชีดังกล่าวจะรวมอยู่ในยอดรวมของกลุ่มบัญชีทั้ง 2 กลุ่มในปีปฏิทินนั้นๆ
รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะคำนวณตามปีปฏิทิน (1 มกราคม – 31 ธันวาคม) เนื่องจากโปรแกรมนี้เริ่มต้นขึ้นในครึ่งปีหลัง (1 กรกฎาคม 2021) ขีดจำกัดของครึ่งปี 2021 จะลดลงตามสัดส่วนเหลือที่ 500,000 ดอลลาร์ (USD)
หมายเหตุ: ระดับค่าบริการ 15% จะมีผลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 สำหรับนักพัฒนาแอปทั้งหมดที่ลงทะเบียนเสร็จสิ้นก่อนวันที่ดังกล่าว หากนักพัฒนาแอปลงทะเบียนเสร็จสิ้นหลังวันที่ 1 กรกฎาคม ค่าบริการ 15% จะมีผลตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนเสร็จสิ้น
รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 ล้านดอลลาร์ของนักพัฒนาแอปกำหนดเป็นสกุลเงิน USD ระบบจะแปลงธุรกรรมของสกุลเงินอื่นๆ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เหมาะสมซึ่งจะมีการอัปเดตตลอดทั้งวัน
ระดับค่าบริการ 15% จะมีผลในไม่ช้าหลังจากที่นักพัฒนาแอปทำตามขั้นตอนการลงทะเบียนใน Play Console เสร็จเรียบร้อยและจะแสดงในรอบการชำระเงินรายเดือนถัดไป
เนื่องจากคุณเป็นเจ้าของบัญชีนักพัฒนาแอปทั้ง 2 บัญชี คุณจึงควรสร้างกลุ่มบัญชีเพียงกลุ่มเดียว กลุ่มบัญชีควรมีบัญชีนักพัฒนาแอปทุกบัญชีที่คุณเป็นเจ้าของ รวมถึงบัญชีนักพัฒนาแอปอื่นๆ ซึ่งเป็นของบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ของคุณ
ไม่ต้อง ตราบใดที่คุณไม่ได้ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ร่วมกับบริษัทแม่หรือเผยแพร่แอปหรือเกมของบริษัทดังกล่าว หากต้องการลงทะเบียน ให้สร้างกลุ่มบัญชีแยกจากกลุ่มบัญชีของบริษัทแม่ อย่าลืมใส่บัญชีนักพัฒนาแอปบัญชีอื่นๆ ที่คุณเป็นเจ้าของ รวมถึงบัญชีของบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ของคุณร่วมกัน
- ตัวอย่าง ก: บริษัทของคุณซื้อกิจการของนักพัฒนาแอปรายหนึ่งมาเป็นบริษัทในเครือ และนักพัฒนาแอปรายนั้นใช้แบรนด์และแคตตาล็อกแอป/เกมแยกจากของบริษัทคุณ ในกรณีนี้ นักพัฒนาแอปสามารถสร้างกลุ่มบัญชีแยกต่างหากได้
- ตัวอย่าง ข: บริษัทของคุณซื้อกิจการของนักพัฒนาแอปรายหนึ่งซึ่งเปลี่ยนชื่อผู้เผยแพร่ของตนเป็นชื่อบริษัทของคุณ เผยแพร่ทรัพย์สินทางปัญญาบางอย่างของคุณ หรือใช้ประโยชน์จากสิ่งแสดงความเป็นแบรนด์อื่นๆ จากบริษัทหรือแคตตาล็อกแอป/เกมของคุณ ในกรณีนี้ นักพัฒนาแอปควรแชร์กลุ่มบัญชีกับบริษัทของคุณ
หากบริษัทในเครือไม่ได้เผยแพร่แอปหรือเกมที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ร่วมกัน ก็สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้แยกต่างหากและสร้างกลุ่มบัญชีของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทในเครือที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ร่วมกันควรอยู่ในกลุ่มบัญชีเดียวกัน โปรดทราบว่าหากคุณมีบริษัทในเครือที่เผยแพร่แอปหรือเกมของคุณในเวอร์ชันที่แปลแล้วหรือมีการรีแบรนด์ในบางภูมิภาค แอปเหล่านี้จะถือว่าเป็นแอปของคุณ และบัญชีนักพัฒนาแอปที่เผยแพร่แอปเหล่านั้นจะถือว่าเป็นบัญชีนักพัฒนาแอปที่คุณเชื่อมโยงไว้และจะต้องอยู่ในกลุ่มของคุณ
ตัวอย่าง: บริษัทของคุณเป็นเจ้าของบริษัทในเครือที่เผยแพร่แอปหรือเกมของคุณในบางภูมิภาค หรือใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ร่วมกับคุณ บริษัทในเครือแปลแอปหรือเกมเหล่านี้บางรายการ ในกรณีนี้ คุณควรแชร์กลุ่มบัญชีกับบริษัทในเครือ
แต่ละบริษัทสามารถสร้างกลุ่มบัญชีของตนเองได้ตราบใดที่ไม่มีความสัมพันธ์ด้านการเป็นเจ้าของหรือผลประโยชน์ที่มีอำนาจควบคุมระหว่าง 2 บริษัท กลุ่มบัญชีเหล่านี้ต้องมีบัญชีนักพัฒนาแอปที่แต่ละบริษัทเป็นเจ้าของ รวมถึงบริษัทสาขาและบริษัทในเครือที่ใช้สิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ร่วมกันด้วย