นักพัฒนาแอปที่เสนอการซื้อในแอปสำหรับสินค้าและบริการดิจิทัลที่จัดจำหน่ายใน Google Play จะต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
ระบบนี้ช่วยให้คุณทำธุรกรรมกับผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกได้โดยง่าย รวมถึงเป็นช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัยซึ่งให้ผู้ใช้จัดการการชำระเงินได้จากศูนย์กลางเพียงจุดเดียว ระบบการเรียกเก็บเงินของ Play มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราคงความเชื่อมั่นของผู้ใช้และดูแลให้ Google Play มีความปลอดภัย
เกี่ยวกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เป็นบริการที่เปิดโอกาสให้คุณขายผลิตภัณฑ์และเนื้อหาดิจิทัลในแอป Android โดยคุณสามารถใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เพื่อขายผลิตภัณฑ์แบบเรียกเก็บเงินครั้งเดียวหรือการสมัครใช้บริการที่มีการเรียกเก็บเงินแบบเกิดซ้ำ ดูวิธีผสานรวมระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ไว้ในแอปของคุณได้ที่เว็บไซต์ของนักพัฒนาแอป Android
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตตามนโยบายการชำระเงิน การซื้อที่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play รวมถึง
- ไอเทมดิจิทัล (เช่น เงินตราเสมือน การเพิ่มชีวิต การเพิ่มเวลาเล่น ไอเทมเสริม ตัวละคร หรือรูปโปรไฟล์)
- บริการที่ต้องสมัครสมาชิก (เช่น ฟิตเนส เกม การออกเดต การศึกษา เพลง วิดีโอ หรือบริการสมัครรับเนื้อหาอื่นๆ)
- ฟังก์ชันหรือเนื้อหาของแอป (เช่น แอปเวอร์ชันที่ไม่มีโฆษณา หรือฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่มีในเวอร์ชันฟรี) และ
- ซอฟต์แวร์และบริการระบบคลาวด์ (เช่น บริการพื้นที่เก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ หรือซอฟต์แวร์จัดการทางการเงิน)
การซื้อที่ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ไม่รองรับรวมถึง
- การซื้อหรือเช่าสินค้าที่จับต้องได้ (เช่น ของชำ เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
- การซื้อบริการที่จับต้องได้ (เช่น บริการขนส่ง ตั๋วเครื่องบิน สมาชิกฟิตเนส หรือการจัดส่งอาหาร) และ
- การชำระค่าบัตรเครดิตหรือสาธารณูปโภค
ห้ามใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับการชำระเงินระหว่างบุคคล เนื้อหาที่ส่งเสริมการพนันออนไลน์ หรือสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่ถือว่ายอมรับไม่ได้ภายใต้นโยบายเนื้อหาของศูนย์การชำระเงินของ Google
การชี้แจงนโยบายการชำระเงิน
เมื่อปี 2020 เราได้ชี้แจงข้อความในนโยบายการชำระเงินเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่านักพัฒนาแอปทุกรายที่ขายสินค้าและบริการดิจิทัลในแอปจะต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play แอปที่ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการซื้อในแอปจะต้องนำระบบดังกล่าวออกเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการชำระเงิน
เราพากเพียรทำงานร่วมกับชุมชนนักพัฒนาแอปเพื่อช่วยรักษาแอปไว้ใน Play ขณะที่นักพัฒนาแอปทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น แม้ว่านักพัฒนาแอปส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามนโยบายที่มีมานานนี้อยู่แล้ว แต่เราก็ได้ให้ระยะเวลาผ่อนผัน 1 ปีสำหรับนักพัฒนาแอปที่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงในแอปของตน จากความคิดเห็นของนักพัฒนาแอป เรามีตัวเลือกให้นักพัฒนาแอปที่มีสิทธิ์สามารถขอขยายเวลาเพิ่มอีก 6 เดือน ซึ่งทำให้นักพัฒนาแอปมีระยะเวลามากกว่า 18 เดือนในการแก้ไขแอปให้เป็นไปตามข้อกำหนด เราจะยังคงทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์นักพัฒนาแอปเพื่อตอบสนองความต้องการของระบบนิเวศของเราที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023 นักพัฒนาแอปสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play แก่ผู้ใช้ในอินเดียที่ทำการซื้อในแอปมือถือและแท็บเล็ตซึ่งเผยแพร่ผ่าน Play ข้อกำหนดในการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play มีผลบังคับใช้กับการซื้อเนื้อหาดิจิทัลในแอปสำหรับผู้ใช้ที่อยู่ในและนอกประเทศอินเดีย โปรดไปที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ตอนนี้นักพัฒนาแอปที่มีผู้ใช้ในอินเดียและเกาหลีใต้จะมีตัวเลือกในการผสานรวมระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการซื้อในแอป โปรดไปที่คำถามที่พบบ่อยเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
นักพัฒนาแอปที่มีสิทธิ์จะมีตัวเลือกต่อไปนี้ในการเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในบางประเทศ
- นักพัฒนาแอปสามารถเลือกที่จะเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจของเรา โปรดไปที่คำถามที่พบบ่อยเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
- นักพัฒนาแอปสามารถเลือกที่จะเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับผู้ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) โปรดไปที่คำถามที่พบบ่อยเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อย
ฉันจะจัดจำหน่ายแอปใน App Store อื่นๆ ของ Android หรือเว็บไซต์ของฉันได้ไหมได้ คุณจัดจำหน่ายแอปด้วยวิธีใดก็ได้ตามสะดวก เนื่องจากเราเป็นระบบนิเวศแบบเปิด อุปกรณ์ Android ส่วนใหญ่จึงมี Store ติดตั้งมาล่วงหน้ามากกว่า 1 แห่ง และผู้ใช้ยังติดตั้ง Store อื่นๆ ได้ด้วย Android ให้อิสระและความยืดหยุ่นแก่นักพัฒนาแอปในการจัดจำหน่ายแอปใน App Store อื่นๆ ของ Android, จากเว็บไซต์โดยตรง หรือผ่านการโหลดล่วงหน้าในอุปกรณ์ โดยไม่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
ใช่ นโยบายสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Play รวมถึงการกำหนดให้แอปใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับการซื้อสินค้าดิจิทัลในแอป มีผลกับแอปทั้งหมดใน Google Play ซึ่งรวมถึงแอปของ Google เองด้วย
ได้ คุณสื่อสารกับผู้ใช้เกี่ยวกับตัวเลือกอื่นๆ ในการซื้อได้นอกแอปของคุณ คุณอาจใช้การทำการตลาดทางอีเมลและช่องทางอื่นๆ นอกแอปเพื่อให้ข้อเสนอการสมัครใช้บริการ หรือแม้แต่จะให้ราคาพิเศษก็ได้
แต่ในแอป นักพัฒนาแอปต้องไม่นำผู้ใช้ไปยังวิธีการชำระเงินอื่นนอกเหนือจากระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เว้นแต่จะได้รับอนุญาตตามนโยบายการชำระเงิน ซึ่งรวมถึงการลิงก์โดยตรงไปยังหน้าเว็บที่อาจนำไปยังวิธีการชำระเงินอื่นหรือใช้ข้อความที่สนับสนุนให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าดิจิทัลนอกแอป
นักพัฒนาแอปส่งผู้ใช้ไปยังข้อมูลด้านการดูแลระบบ เช่น หน้าการจัดการบัญชี นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือศูนย์ช่วยเหลือได้ ตราบใดที่สุดท้ายแล้วหน้าเว็บดังกล่าวไม่นำไปสู่วิธีการชำระเงินอื่นที่นโยบายการชำระเงินห้าม
สำหรับบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีไว้เพื่อการบริโภคเท่านั้น (แอปที่ไม่ได้ให้ผู้ใช้ซื้อสิทธิ์เข้าถึงสินค้าหรือบริการดิจิทัลจากภายในแอป) นักพัฒนาแอปเลือกที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการซื้อแบบไม่มีลิงก์โดยตรงได้ ซึ่งรวมถึงการใช้ข้อความดังตัวอย่างต่อไปนี้
- "คุณซื้อหนังสือเล่มนี้บนเว็บไซต์ของเราได้โดยตรง"
- "ไปที่เว็บไซต์ของเราเพื่ออัปเกรดการสมัครใช้บริการเป็นแบบพรีเมียม"
- "ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่พร้อมให้เช่าในแอปนี้ แต่ภาพยนตร์ที่คุณเช่าผ่าน website.com ของเราจะดูในแอปนี้ได้ทันที"
- "หากต้องการดูรายการสดเพิ่มเติม ไปซื้อที่เว็บไซต์ของเราได้เลย"
ได้ คุณสามารถส่งอีเมลให้ผู้ใช้หรือสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอต่างๆ กับผู้ใช้นอกแอป แม้ว่าข้อเสนอใน Google Play จะแตกต่างออกไป
ได้ เราไม่ได้กำหนดว่าแอปต้องเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์ม คุณสร้างแอปเวอร์ชันต่างๆ เพื่อรองรับแพลตฟอร์ม ฟีเจอร์ และรูปแบบการกำหนดราคาที่แตกต่างกันได้
ได้ Google Play อนุญาตให้แอปเป็นแบบเพื่อการบริโภคเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของบริการที่มีค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบเมื่อแอปเปิดและดูเนื้อหาที่ซื้อจากที่อื่นได้
โปรดทราบว่า "เพื่อการบริโภคเท่านั้น" แปลว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการจริงหรือแบบดิจิทัล ก็ไม่สามารถซื้อจากภายในแอป
ไม่ แอปทุกหมวดหมู่อยู่ภายใต้นโยบายการชำระเงินของ Google Play
ได้ คุณออกเงินคืนให้ลูกค้าและให้การสนับสนุนลูกค้าได้โดยตรง
ใช่ Google Play ยินดีรับแอปสตรีมมิงเกมระบบคลาวด์ที่เป็นไปตามนโยบายของ Google Play
ไม่ การซื้อสินค้าหรือบริการอย่างเช่นประกันภัย การซื้อขายหุ้น การให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ตลอดจนการเตรียมเอกสารและการยื่นภาษีไม่ควรใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
ธุรกรรมเกี่ยวกับบริการทางคลินิกที่มีกฎระเบียบควบคุมไม่ควรใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play บริการทางคลินิกที่มีกฎระเบียบควบคุมรวมถึงการให้บริการโดยหรือในนามของผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับอนุญาตเพื่อการวินิจฉัยหรือจัดการ (ป้องกัน รักษา บรรเทา หรือเยียวยา) อาการป่วย บริการเหล่านี้อาจรวมถึงการเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ การรับใบสั่งยาจากแพทย์ หรือการวางแผนเข้ารับการรักษาโดยผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขที่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ แอปสำหรับรับรองหนังสือเดินทางแสดงการฉีดวัคซีนโควิดรูปแบบดิจิทัลไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ในกรณีที่หน่วยงานรัฐบาลให้บริการและเป็นผู้ประเมินค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องโดยตรง
การซื้อสินค้าหรือบริการดิจิทัลที่ใช้งานได้เฉพาะเมื่ออยู่นอกแอปที่จัดจำหน่ายใน Play และไม่สามารถเข้าถึงได้จากแอปที่จัดจำหน่ายใน Play ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ตัวอย่างเช่น เสียงเรียกเข้าที่สามารถใช้กับอุปกรณ์แต่ใช้ในแอปไม่ได้ เนื้อหาเฉพาะสำหรับเว็บที่ใช้งานในแอปไม่ได้ และแอปที่จัดการแพลตฟอร์มบริการระบบคลาวด์ แต่ไม่ได้ให้สิทธิ์เข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ในแอป
ไม่ การขายบัตรของขวัญในแอปไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ไม่ว่าจะเป็นบัตรของขวัญอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรจริงที่ส่งไปให้ผู้ใช้ทางไปรษณีย์
ได้ คุณสามารถออกคะแนนสะสมในแอปโดยไม่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และผู้ใช้ก็สามารถแลกคะแนนดังกล่าวเป็นสินค้าและบริการดิจิทัลในแอปได้โดยไม่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าหากมีการขายคะแนนเหล่านี้ (หรือสกุลเงินเสมือนประเภทอื่นๆ) ในแอป คุณจะต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
หากคุณเป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคม บรอดแบนด์ ดาวเทียมหลายช่องสัญญาณ เคเบิล หรือ IPTV ที่มีการจัดการ (หรือที่เรียกว่า "บริการที่จับต้องได้") คุณอาจมีสิทธิ์รวมสินค้าหรือสินค้าดิจิทัลบางอย่าง (ซึ่งมีให้บริการผ่านช่องทางการขายที่ไม่ใช่อุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย) ไปกับใบเรียกเก็บค่าบริการที่จับต้องได้ของลูกค้า โดยจะต้องใช้ใบเรียกเก็บค่าบริการที่จับต้องได้ของลูกค้าเป็นรูปแบบการชำระเงินและจะขายสินค้าหรือสินค้าดิจิทัลดังกล่าวได้เฉพาะในแอปที่ผู้ใช้สามารถจัดการบริการที่จับต้องได้ของตนหรือในแอปที่ให้บริการการซื้อในแอปกับผู้สมัครใช้บริการที่จับต้องได้ของคุณเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
- การนำเสนอแพ็กเกจการสมัครใช้บริการดิจิทัลมาตรฐานหรือบริการที่จับต้องได้ที่มีให้ในวงกว้างในช่องทางการขายที่ไม่ใช่อุปกรณ์เคลื่อนที่และเรียกเก็บเงินผ่านใบเรียกเก็บค่าบริการที่จับต้องได้ของผู้ใช้
- การนำเสนอวิดีโอสตรีมมิง เพลง หนังสือการ์ตูนดิจิทัล หรือหนังสือดิจิทัลที่ได้จากการทำธุรกรรมหลังการสมัครใช้บริการดิจิทัลแบบชำระเงินที่เรียกเก็บเงินผ่านใบเรียกเก็บค่าบริการที่จับต้องได้ของผู้ใช้
- การนำเสนอวิดีโอออนดีมานด์ให้แก่ผู้ที่สมัครใช้บริการอุปกรณ์จริงสำหรับดาวเทียมหลายช่องสัญญาณ เคเบิล หรือ IPTV ที่มีการจัดการ
โปรดกรอกแบบฟอร์มนี้เพื่อให้มีสิทธิ์เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบในอินเดียและนิติบัญญัติของเกาหลีใต้ เราจึงให้นักพัฒนาแอปทุกรายสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับผู้ใช้ในอินเดียและเกาหลีใต้ที่ทำการซื้อในแอปมือถือและแท็บเล็ตซึ่งเผยแพร่ผ่าน Play
นักพัฒนาแอปจะยังคงต้องจ่ายค่าบริการสำหรับธุรกรรมที่ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการซื้อในแอป แต่ค่าบริการจะลดลง 4% ตัวอย่างเช่น หากค่าบริการเป็น 15% สำหรับธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ค่าบริการนี้จะเป็น 11% สำหรับธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น
หากเป็นนักพัฒนาแอปที่มีผู้ใช้ในเกาหลีใต้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ
หากเป็นนักพัฒนาแอปที่มีผู้ใช้ในอินเดีย คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ
โปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจออกแบบมาเพื่อทดสอบการเสนอตัวเลือกระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นซึ่งแสดงข้างๆ ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และเพื่อช่วยให้เราสำรวจการเสนอตัวเลือกนี้ให้แก่ผู้ใช้ในบางประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการมีสิทธิ์เข้าร่วม ข้อกำหนด และวิธีลงชื่อสมัครเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายตลาดดิจิทัล (DMA) เราได้เปิดตัวโปรแกรมใหม่เพื่อรองรับการเรียกเก็บเงินทางเลือกสำหรับผู้ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ตอนนี้นักพัฒนาแอปที่ขายเนื้อหาหรือบริการดิจิทัลสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นนอกเหนือจากระบบของ Google Play ให้กับผู้ใช้ใน EEA ภายในแอปของตน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโปรแกรม
นอกจากนี้ นักพัฒนาแอปอาจนำผู้ใช้ใน EEA ออกไปนอกแอป ซึ่งรวมถึงเพื่อโปรโมตข้อเสนอสำหรับฟีเจอร์และบริการดิจิทัลในแอป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโปรแกรม
ในกรณีที่มีการมอบเงินตอบแทนหรือเงินสนับสนุนทั้งหมดจากผู้ใช้ให้กับผู้สร้าง และการชำระเงินไม่ได้ให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาหรือบริการดิจิทัลใดๆ (รวมถึงสติกเกอร์ ป้าย อีโมจิพิเศษ ฯลฯ) เราจะถือว่าธุรกรรมประเภทนี้เป็นการชำระเงินระหว่างบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play แต่หากเป็นกรณีอื่นนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไป คุณจำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ตามข้อกำหนดของนโยบาย
หากแอปของคุณเสนอบริการออนไลน์แบบ 1:1 ที่มีค่าใช้จ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ในกรณีต่อไปนี้
- บริการที่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นบริการระหว่างบุคคลธรรมดา 2 คน
- บริการที่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่สามารถเล่นซ้ำได้ภายหลัง (กล่าวคือ ไม่มีการบันทึกเซสชันและจะไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้เซสชันนั้นได้อีกครั้ง) ในแอปที่ Play เป็นผู้จัดจำหน่าย
ตัวอย่างของบริการออนไลน์แบบ 1:1 ที่มีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ได้แก่
- ชั้นเรียนเพื่อการศึกษาหรืองานอดิเรก (เช่น บทเรียนดนตรีหรือศิลปะ)
- การฝึกสอนด้านสุขภาพ (เช่น เซสชันเทรนเนอร์ส่วนบุคคลหรือบริการให้คำปรึกษา)
- บริการที่ปรึกษาเฉพาะทาง (เช่น คำแนะนำด้านการเงิน ยกเว้นการสนับสนุนลูกค้าหรือบริการในลักษณะคล้ายกัน)
คุณต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับ SKU ในแอปที่มีสินค้าหรือบริการดิจิทัลมากกว่าสินค้าหรือบริการที่จับต้องได้ และสำหรับ SKU ในแอปที่ทำการตลาดกับผู้ใช้เป็นสินค้าหรือบริการดิจิทัล ดูตัวอย่างสินค้าและบริการแบบดิจิทัลและที่จับต้องได้ได้ที่นโยบายการชำระเงิน
นักพัฒนาแอปที่มีสิทธิ์ในบางภูมิภาค ซึ่งรวมถึงอินเดีย เกาหลีใต้ และเขตเศรษฐกิจยุโรป ยังเลือกที่จะนำเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ด้วย โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเพิ่มเติม
หากระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ไม่พร้อมให้บริการในประเทศใด ข้อกำหนดของนโยบายการชำระเงินที่ให้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ก็จะไม่มีผลกับประเทศนั้น
ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ไม่พร้อมให้บริการในประเทศเหล่านี้ เราหวังอยู่เสมอว่าจะได้เพิ่มการรองรับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นข้อกำหนดของนโยบายการชำระเงินที่ให้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ก็จะมีผล เราจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
หากมีการจำกัดการเข้าถึงทั้งแอปหรือบางส่วนของแอปโดยอิงตามข้อมูลเข้าสู่ระบบ รายละเอียดการลงชื่อเข้าใช้ การเป็นสมาชิก สถานที่ตั้ง หรือการตรวจสอบสิทธิ์รูปแบบอื่นๆ คุณต้องระบุรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมดในการให้สิทธิ์เข้าถึงแอป ดังที่อธิบายในนโยบายข้อกำหนดของ Play Console หากเราไม่สามารถตรวจสอบแอปของคุณเนื่องด้วยการจำกัดการเข้าถึง ระบบอาจบล็อกไม่ให้คุณเผยแพร่การอัปเดต หรืออาจนำแอปออกจาก Google Play
คุณให้ข้อมูลนี้แก่เราได้โดยทำตามวิธีที่อธิบายไว้ในบทความในศูนย์ช่วยเหลือ ในส่วน "การเข้าถึงแอป" แล้วส่งแอปเข้ารับการตรวจสอบอีกครั้ง
เนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็น เช่น NFT สามารถใช้เพื่อนำเสนอเนื้อหาดิจิทัลหรือเนื้อหาที่จับต้องได้ หากมีการใช้เนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็นสำหรับการซื้อเนื้อหาดิจิทัลในแอป นโยบายการชำระเงินของ Google Play จะมีผลบังคับใช้และคุณจะต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับธุรกรรมลักษณะดังกล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็นได้ในนโยบายเนื้อหาแบบบล็อกเชน