เราเปิดตัว Google Play Console ใหม่ไปเมื่อปี 2020 โดยได้ออกแบบเครื่องมือและฟีเจอร์หลายอย่างใหม่ เพิ่มเครื่องมือและฟีเจอร์ใหม่ๆ ตลอดจนปรับโฉมแผงการนำทางเพื่อให้รวมกลุ่มฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกันได้ดียิ่งขึ้น
เรามั่นใจว่าประสบการณ์ใช้งานผลิตภัณฑ์แบบใหม่จะช่วยให้คุณจัดการและเผยแพร่แอปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเราทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยสักพัก บทความนี้มีคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยซึ่งเราได้รับจากนักพัฒนาแอปที่เปลี่ยนไปใช้ Play Console แบบใหม่
คำถามที่พบบ่อย
ฉันจะอัปโหลดไฟล์การแมปการถอดรหัสซอร์สโค้ดที่สร้างความสับสน/ไฟล์การแมป ReTrace/ไฟล์สัญลักษณ์สำหรับแก้ไขข้อบกพร่องได้ที่ไหนไฟล์การแมปการถอดรหัสซอร์สโค้ดที่สร้างความสับสนและ ReTrace ที่งาน Gradle มาตรฐานรวมไว้ใน App Bundle จะเชื่อมโยงกับโปรเจ็กต์และใช้เพื่อถอดรหัสซอร์สโค้ดที่สร้างความสับสนในสแต็กเทรซโดยที่คุณไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม หากต้องการหรือจำเป็นที่จะต้องอัปโหลดไฟล์เหล่านี้ด้วยตนเอง คุณมีตัวเลือกในการอัปโหลดดังต่อไปนี้
- อัปโหลดไฟล์ขณะเตรียมความพร้อมของรุ่น: ในเมนูรายการเพิ่มเติมของอาร์ติแฟกต์ในตารางอาร์ติแฟกต์ ให้เลือกเพิ่มไฟล์การแมป ReTrace
- อัปโหลดไฟล์สำหรับรุ่นที่มีอยู่
- ในตารางอาร์ติแฟกต์ขณะดูรายละเอียดของรุ่น หรือ
- ในหน้า App Bundle Explorer ให้เลือกแท็บดาวน์โหลด ในส่วน "เนื้อหา" ให้คลิกสัญลักษณ์อัปโหลดทางด้านขวาของไฟล์ที่ต้องการเพิ่ม
โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความถอดรหัสซอร์สโค้ดที่สร้างความสับสนหรือแทนที่สแต็กเทรซข้อขัดข้องด้วยสัญลักษณ์
คุณตั้งค่านโยบายความเป็นส่วนตัวได้ในส่วน "นโยบายความเป็นส่วนตัว" ของหน้าเนื้อหาแอป หน้าเนื้อหาแอปเป็นที่ที่คุณจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาในแอปเพื่อให้มั่นใจว่าแอปเป็นไปตามนโยบายของ Google Play
นี่เป็นบทความที่มีประโยชน์ต่อการเตรียมแอปสำหรับการตรวจสอบ
ฟังก์ชันการทำงานนี้ได้รับการปรับปรุงแล้ว โดยตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "การเผยแพร่ที่จัดการ" และเป็นส่วนหนึ่งของ "ภาพรวมการเผยแพร่" ทางด้านบนของแผงการนำทางด้านซ้าย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเผยแพร่ที่จัดการได้ในบล็อกโพสต์เพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการเผยแพร่แอปของคุณด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Google Play Console และที่เลือกเวลาในการเผยแพร่อัปเดตของแอปด้วยการเผยแพร่ที่จัดการใน Play Academy
นอกจากนี้ คุณสามารถอ่านบทความเรื่องควบคุมเวลาในการเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงในแอปด้วยการเผยแพร่ที่จัดการเพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างทั้งหมดระหว่างการเผยแพร่ตามกำหนดเวลากับการเผยแพร่ที่จัดการ
ฟีเจอร์การแจ้งเตือนแบบเก่าได้เปลี่ยนเป็นกล่องจดหมาย ซึ่งอยู่ทางด้านบนของแผงการนำทางด้านซ้าย จุดสีน้ำเงินบ่งบอกว่าคุณมีข้อความที่ยังไม่อ่าน คุณตั้งค่ากำหนดการแจ้งเตือนได้ในหน้าการแจ้งเตือน (การตั้งค่า > การแจ้งเตือน)
คุณสามารถเปลี่ยนภาษาสำหรับ UI ของ Play Console ผ่านทาง URL ที่มีพารามิเตอร์ GET (หรือที่เรียกว่าพารามิเตอร์ URL หรือสตริงการค้นหา) ซึ่งจะใช้ภาษาที่ตั้งค่าไว้ไปจนกว่าคุณจะรีเซ็ต
ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปลี่ยนภาษาสำหรับ UI ของ Play Console เป็นภาษาสเปน คุณสามารถเพิ่ม hl=es
ลงใน URL ดังนี้ https://play.google.com/console?hl=es
ขณะเตรียมความพร้อมของรุ่น ให้คลิกคัดลอกจากรุ่นก่อนหน้าเหนือช่อง "บันทึกประจำรุ่น" ในส่วน "บันทึกประจำรุ่น"
คุณดูไฟล์ทั้ง 2 อย่างนี้ รวมถึง App Bundle หรือ APK สำหรับการกำหนดค่าเฉพาะอุปกรณ์แต่ละรายการได้ในแท็บดาวน์โหลดของ App Bundle Explorer
โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความตรวจสอบเวอร์ชันของแอปด้วย App Bundle Explorer
คุณเปลี่ยนความพร้อมให้บริการของแอปได้ในหน้าการตั้งค่าขั้นสูง (รุ่น > การตั้งค่า > การตั้งค่าขั้นสูง) ในแท็บความพร้อมให้บริการของแอป
คุณแก้ไขรายละเอียดของแอป (เช่น คำอธิบาย ภาพหน้าจอ และวิดีโอโปรโมต) ได้ในหน้าข้อมูลหลักของผลิตภัณฑ์ใน Store (เติบโต > การแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > ข้อมูลหลักของผลิตภัณฑ์ใน Store) ตอนนี้รายละเอียดการติดต่อจะอยู่ในหน้าการตั้งค่าร้านค้า
คุณสามารถเปลี่ยนประเทศที่ใช้บริการได้ในแท็บประเทศ/ภูมิภาคสำหรับการติดตามการเผยแพร่แต่ละรายการ
ตอนนี้คุณเปิดหรือปิดการกำหนดเป้าหมายจากผู้ให้บริการได้ในหน้าการตั้งค่าขั้นสูง (รุ่น > การตั้งค่า > การตั้งค่าขั้นสูง) ในแท็บการกำหนดเป้าหมายจากผู้ให้บริการ เมื่อเปิดแล้ว คุณจะเห็นปุ่มการตั้งค่าผู้ให้บริการในแท็บประเทศ/ภูมิภาคของแทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริง