ในการหาผู้ใช้ใหม่ที่มีคุณค่าต่อแอป Google Ads จะศึกษารูปแบบในข้อมูล Conversion ของผู้ใช้ที่มีคุณค่าที่มีอยู่ในแอป
นั่นคือเหตุผลสําคัญในการติดตามการโต้ตอบที่หลากหลายที่ผู้ใช้มีต่อแอป ซึ่งจะทําให้ App Campaign มีข้อมูลมากขึ้นในการสร้างแบบจำลองที่จะจัดหมวดหมู่ผู้ใช้ที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายออกจากผู้ใช้รายอื่น
สำคัญ
ติดตามนอกเหนือจากเป้าหมายหลัก เช่น เมื่อผู้ใช้ตัดสินใจซื้อ รวมทุกอย่างที่นำไปสู่การเพิ่ม Conversion แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดจากช่องอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ Google Ads มีข้อมูลมากขึ้นในการระบุรูปแบบของผู้ใช้ที่มีคุณค่า
เริ่มต้นด้วยรายการเหตุการณ์ที่แนะนำเพื่อติดตามโดยการเลือกหมวดหมู่จากรายการนี้
วิธีตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion
คุณต้องติดตาม Conversion ของแอป Android และ iOS โดยใช้ตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
- Google Analytics 4
- การติดตามระหว่างเซิร์ฟเวอร์
- การวิเคราะห์แอปของบุคคลที่สาม
- เครื่องมือวัด Conversion แบบไม่ใช้โค้ดด้วย Google Play (Android เท่านั้น)
เลือกกรอบเวลา Conversion ที่เหมาะสม
กรอบเวลา Conversion คือเวลาคนใช้ในการทำการกระทำที่ถือเป็น Conversion เมื่อคลิกที่โฆษณา การกระทำที่ถือเป็น Conversion ใดๆ ที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลา Conversion จะระบุได้ว่ามาจากโฆษณาของคุณ ตั้งค่ากรอบเวลา Conversion ที่ครอบคลุมเวลาปกติที่คนใช้ในการทำให้เกิด Conversion หากคุณไม่ปรับแต่งกรอบเวลา Conversion ระบบจะนำกรอบเวลาเริ่มต้น 30 วันมาใช้
การนับผู้ใช้รายใหม่: การติดตั้งแอปเทียบกับการเปิดใช้ครั้งแรก
คุณสามารถวัดผู้ใช้แอปรายใหม่ได้โดยติดตามการติดตั้งแอปหรือการเปิดใช้ครั้งแรก "การติดตั้ง" คือเมื่อมีคนดาวน์โหลดแอปลงในอุปกรณ์ "การเปิดใช้ครั้งแรก" คือครั้งแรกที่มีคนเปิดแอปหลังจากติดตั้ง อย่าลืมนับเฉพาะเหตุการณ์เหล่านี้เป็น Conversion เมื่อวัดผู้ใช้ใหม่
หากใช้เครื่องมือวัด Conversion แบบไม่มีโค้ดกับ Google Play คุณจะติดตามผู้ใช้ใหม่จากการติดตั้งแอป Android คุณจะติดตามผู้ใช้ใหม่ผ่านการเปิดแอป iOS เป็นครั้งแรก
โปรดทราบว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการติดตาม Conversion เช่น การปรับเปลี่ยนกรอบเวลา Conversion อาจส่งผลต่อ App Campaign ที่กำลังทำงานอยู่ Google Ads ใช้การตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion เพื่อเรียนรู้ว่าผู้ใช้ประเภทใดทำให้เกิด Conversion Google Ads จะต้องเรียนรู้ข้อมูลนี้ใหม่อีกครั้งในการตั้งค่าใหม่