วิธีตั้งค่าการผสานรวมเดิมกับ Salesforce

บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนในการตั้งค่าการผสานรวมเดิมกับ Salesforce ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเตรียมบัญชี Salesforce บัญชี Google Ads และเว็บไซต์ จากนั้นลิงก์บัญชี Salesforce กับ Google Ads แล้วจึงเริ่มนำเข้า Conversion

แต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกัน ในที่นี่เราจะบอกถึงวิธีการพื้นฐานเท่านั้น คุณอาจต้องปรับแต่งการตั้งค่าตามลักษณะการใช้งาน Salesforce ของคุณ หากคุณมีคนอื่นจัดการบัญชี Salesforce ให้ คุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อหาโซลูชันที่ดีที่สุด โปรดทราบว่าคุณควรสามารถแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์ได้ คุณหรือนักพัฒนาเว็บจะต้องแก้ไขโค้ดเพื่อเก็บ Google Click ID (GCLID)

หมายเหตุ: หากต้องการดูการผสานรวม Salesforce ที่ทำงานอยู่ในบัญชี สําหรับการผสานรวมเดิมกับ Salesforce คุณจะเห็น "Salesforce" ในรายการแหล่งที่มาที่จะนําเข้าขณะสร้างการกระทําที่ถือเป็น Conversion ใหม่จากการนําเข้า คุณจะมีตัวเลือกในการอัปเกรดเป็นการผสานรวมมาตรฐานกับ Salesforce ในอนาคต หากไม่เห็น "Salesforce" ในรายการแหล่งที่มา แสดงว่าคุณมีการผสานรวมมาตรฐานกับ Salesforce

ก่อนเริ่มต้น

คุณต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้จึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้

  • มีข้อมูลเข้าสู่ระบบ Salesforce ที่เป็นไปตามข้อกําหนดสิทธิ์ขั้นต่ำในบัญชี Salesforce
  • สามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชี Sales Cloud ของ Salesforce โดยใช้การเข้าสู่ระบบที่มีสิทธิ์เพียงพอ เพื่อให้ตั้งค่าได้ง่ายที่สุด คุณควรใช้บัญชีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสิทธิ์การเข้าถึงเริ่มต้น
  • เปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติในบัญชี Google Ads
  • แก้ไขโค้ดในเว็บไซต์ของคุณเองได้ คุณหรือนักพัฒนาเว็บจะต้องแก้ไขโค้ดเพื่อเก็บ Google Click ID (GCLID)
  • สามารถทำการเปลี่ยนแปลงในบัญชี Salesforce ได้ รวมถึงการสร้างฟิลด์ที่กำหนดเอง และการเปิดใช้การติดตามประวัติฟิลด์
  • มีวงจรตั้งแต่คลิกไปถึง Conversion ที่น้อยกว่า 90 วัน Conversion ที่อัปโหลดเกินกว่า 90 วันหลังจากคลิกสุดท้ายที่เกี่ยวข้องจะไม่ถูกนำเข้าโดย Google Ads และจะไม่ปรากฏในสถิติ Conversion
  • ใช้ฟีเจอร์ Web-to-Lead ของ Salesforce หรือโซลูชันอื่นเพื่อส่งข้อมูลโอกาสในการขายจากเว็บไซต์ไปยัง Salesforce

วิธีการ

ขั้นตอนที่ 1: กำหนดค่าบัญชี Salesforce

ก่อนที่จะเริ่มต้น คุณควรตั้งค่าบัญชี Salesforce ให้มีลักษณะดังต่อไปนี้ หากธุรกิจของคุณมีคนอื่นจัดการบัญชี Salesforce ให้ พวกเขาช่วยคุณได้ในขั้นตอนนี้

  1. อัปเดตออบเจ็กต์โอกาสด้วยการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้
    • สร้างฟิลด์ที่กำหนดเองโดยใช้ "Field Name" เป็น GCLID (อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดและไม่มีเครื่องหมายคำพูด) และตั้งชื่อ "Field Label" เป็นอะไรก็ได้ตามต้องการ กำหนดความยาวฟิลด์เป็น 255 อักขระ กำหนดให้ฟิลด์นี้เป็นแบบอ่านอย่างเดียวเพื่อที่ผู้ใช้จะได้ไม่เผลอไปแก้ไขโดยไม่ตั้งใจ
    • เปิดใช้การติดตามประวัติฟิลด์สำหรับฟิลด์ "Stage"
  2. อัปเดตออบเจ็กต์โอกาสในการขายด้วยการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 2: ปรับเปลี่ยนแบบฟอร์ม Web-to-Lead ของ Salesforce

ในการจัดเก็บ GCLID พร้อมกับข้อมูลโอกาสในการขาย คุณจะต้องแก้ไขแบบฟอร์มการส่ง Web-to-Lead เพื่อให้โอกาสในการขายใหม่ทั้งหมดมีค่า GCLID ดังกล่าว คุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนาเว็บและผู้ดูแลระบบ Salesforce เพื่อดําเนินขั้นตอนนี้ให้เสร็จสมบูรณ์

ต่อไปนี้เราจะอธิบายวิธีเพิ่มฟิลด์ GCLID ลงในแบบฟอร์ม Web-to-Lead ที่คุณมีอยู่

  1. สร้างแบบฟอร์ม Web-to-Lead มาตรฐาน และใส่ฟิลด์ทั้งหมดที่ต้องการให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าส่ง และใส่ฟิลด์ "GCLID" ของโอกาสในการขายเป็นฟิลด์ที่ "ซ่อนไว้" ตอนนี้ ผู้ดูแลระบบ Salesforce หรือนักพัฒนาเว็บของคุณจะทราบวิธีทําการเปลี่ยนแปลงนี้
  2. ผู้ดูแลเว็บต้องจดบันทึกรหัสของฟิลด์ป้อนข้อมูล GCLID ใหม่ เนื่องจากจำเป็นสำหรับขั้นตอนถัดไปซึ่งจะใช้ JavaScript ในเว็บไซต์
  3. จากนั้นนักพัฒนาเว็บจะใช้โค้ด HTML ของแบบฟอร์มใหม่นี้ และอัปเดตแบบฟอร์มที่มีอยู่ ซึ่งหมายความว่าแบบฟอร์มจะเริ่มส่งค่า GCLID ไปพร้อมกับข้อมูลของโอกาสในการขายไปยัง Sales Cloud
หมายเหตุ: คุณควรปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่นเกี่ยวกับความยินยอมในการใช้คุกกี้ด้วย

Salesforce และหน้าเว็บพร้อมที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว ขั้นตอนถัดไป นักพัฒนาเว็บจะอัปเดตเว็บไซต์เพื่อให้ส่งค่า GCLID ไปยังฟิลด์แบบฟอร์ม GCLID ใหม่โดยอัตโนมัติ

โปรดทราบว่าแบบฟอร์ม Web-to-Lead ต้องอยู่ในโดเมนเดียวกับหน้าเว็บที่เหลือ JavaScript จึงจะโอนค่า GCLID ไปยังแบบฟอร์มได้อย่างถูกต้อง

หมายเหตุ: วิธีการอื่นในการส่งโอกาสในการขาย

หากข้อมูลโอกาสในการขายจากแบบฟอร์มบนเว็บของคุณถูกส่งผ่านทางระบบอื่นก่อนจะไปถึง Salesforce โปรดตรวจสอบว่าระบบประมวลผลโอกาสในการขายที่เป็นตัวกลางนั้นได้ส่งต่อ GCLID มาด้วยหรือไม่ เพื่อที่ค่า GCLID จะไปถึงบัญชี Salesforce ในที่สุด ระบบที่คุณใช้น่าจะมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ หากไม่แน่ใจ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนของระบบตัวกลางที่คุณใช้อยู่

ขั้นตอนที่ 3: แก้ไขเว็บไซต์เพื่อรวบรวมและบันทึกรหัสคลิก

เมื่อผู้เข้าชมคลิกโฆษณา Google Ads จะเพิ่มพารามิเตอร์ "GCLID" ของ URL ต่อท้าย URL ที่นำไปยังหน้า Landing Page

เว็บไซต์จะต้องบันทึกและเก็บค่าของพารามิเตอร์นี้เพื่อดึงข้อมูลในภายหลังเมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าป้อนข้อมูลในแบบฟอร์มโอกาสในการขาย นักพัฒนาเว็บจะให้ความช่วยเหลือคุณในการแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์ได้เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้

เราขอแนะนำให้ดำเนินการนี้โดยแก้ไขและฝังโค้ด JavaScript ต่อไปนี้ แต่ก่อนที่จะฝังโค้ด โปรดอัปเดตบรรทัด "var gclidFormFields" เพื่อรวมรหัสฟิลด์ของฟิลด์ใหม่ที่เพิ่มไว้ในขั้นตอนก่อนหน้า เพราะนี่คือวิธีที่ JavaScript จะรู้ว่าฟิลด์ใดควรมีค่า GCLID เมื่อแก้ไขเสร็จ คุณควรฝังโค้ดนี้ไว้หน้าแท็กปิด </body> ของหน้าเว็บทุกหน้า

<script>

function getParam(p) {

var match = RegExp('[?&]' + p + '=([^&]*)').exec(window.location.search);

return match && decodeURIComponent(match[1].replace(/\+/g, ' '));

}

function getExpiryRecord(value) {

var expiryPeriod = 90 * 24 * 60 * 60 * 1000; // 90 day expiry in milliseconds

var expiryDate = new Date().getTime() + expiryPeriod;

return {

value: value,

expiryDate: expiryDate

};

}

function addGclid() {

var gclidParam = getParam('gclid');

var gclidFormFields = ['gclid_field', 'foobar']; // all possible gclid form field ids here

var gclidRecord = null;

var currGclidFormField;

var gclsrcParam = getParam('gclsrc');

var isGclsrcValid = !gclsrcParam || gclsrcParam.indexOf('aw') !== -1;

gclidFormFields.forEach(function (field) {

if (document.getElementById(field)) {

currGclidFormField = document.getElementById(field);

}

});

if (gclidParam && isGclsrcValid) {

gclidRecord = getExpiryRecord(gclidParam);

localStorage.setItem('gclid', JSON.stringify(gclidRecord));

}

var gclid = gclidRecord || JSON.parse(localStorage.getItem('gclid'));

var isGclidValid = gclid && new Date().getTime() < gclid.expiryDate;

if (currGclidFormField && isGclidValid) {

currGclidFormField.value = gclid.value;

}

}

window.addEventListener('load', addGclid);

</script>

เราแนะนำอย่างยิ่งให้คุณแทรกโค้ดนี้ลงบนหน้าเว็บในไซต์ของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณไม่ต้องเพิ่มโค้ดทุกครั้งที่คุณสร้างโฆษณาใหม่ที่มีหน้า Landing Page ใหม่ นอกจากนี้คุณยังไม่ต้องกังวลว่า GCLID จะหายไป หากคุณเริ่มเปลี่ยนเส้นทางการเข้าชมโฆษณาไปยังหน้า Landing Page อื่น คุณอาจเพิ่มโค้ดนี้ลงในเทมเพลตหน้าเว็บหรือองค์ประกอบของหน้าที่ใช้ร่วมกัน เช่น ส่วนท้าย เพื่อให้หน้าเว็บทุกหน้ารวมโค้ดนี้ไว้โดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนที่ 4: ทดสอบว่าระบบของคุณทำงาน

  1. ไปที่เว็บไซต์ของคุณแล้วเพิ่มพารามิเตอร์ ?gclid="test" ลงใน URL
    • ตัวอย่างเช่น http://www.example.com?gclid="test"
  2. เข้าไปที่แบบฟอร์มโอกาสในการขายของคุณแล้วส่งโอกาสในการขายทดสอบ
  3. ลงชื่อเข้าใช้ Salesforce มองหาโอกาสในการขายทดสอบรายการใหม่นี้ แล้วดูว่าฟิลด์ GCLID ที่กำหนดเองของคุณแสดงค่าเป็น "test" (ทดสอบ) หรือไม่
  4. เปลี่ยนโอกาสในการขายทดสอบให้เป็นโอกาส ฟิลด์ GCLID ที่กำหนดเองของโอกาสใหม่ควรจะแสดงค่าเป็น "test" (ทดสอบ) ด้วยเช่นกัน
  5. ทำตามขั้นตอนที่ 2 ถึง 4 สำหรับแบบฟอร์มโอกาสในการขายทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกแบบฟอร์มกำหนดค่าอย่างถูกต้อง หากค่า "test" (ทดสอบ) แสดงในฟิลด์ GCLID สำหรับโอกาสในการขายและโอกาสที่มีต้นทางมาจากแบบฟอร์มโอกาสในการขายทั้งหมด แสดงว่าคุณพร้อมที่จะลิงก์บัญชีแล้ว

ขั้นตอนที่ 5: ลิงก์บัญชี Google Ads กับบัญชี Salesforce

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้ Salesforce คุณควรใช้การเข้าสู่ระบบ Salesforce โดยเฉพาะแทนการเข้าสู่ระบบส่วนตัว โปรดดูข้อกำหนดเรื่องสิทธิ์ที่นี่ หากต้องการดูวิธีการลิงก์บัญชีที่สมบูรณ์ โปรดอ่านลิงก์บัญชี Salesforce กับบัญชี Google Ads

เคล็ดลับ: เครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชี

หากใช้เครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชีในบัญชีดูแลจัดการ (MCC) คุณต้องลิงก์บัญชี Salesforce กับบัญชีดูแลจัดการ แต่ถ้าไม่ได้ใช้ ให้ลิงก์กับบัญชีที่ไม่ใช่บัญชีดูแลจัดการได้เลย

ขั้นตอนที่ 6: ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion

เมื่อบัญชี Google Ads และ Salesforce ลิงก์กันแล้ว คุณจะต้องเลือกเหตุการณ์ Salesforce (นั่นคือสถานะโอกาสในการขายและขั้นตอนโอกาส) ที่ต้องการติดตามเป็น Conversion ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่โอกาสในการขายหรือโอกาสมีความคืบหน้าไปจนถึงจุดที่กำหนด ระบบจะบันทึก Conversion ใน Google Ads โปรดทราบว่าหากโอกาสในการขายหรือโอกาสย้อนกลับไปยังระยะหรือสถานะก่อนหน้า Google Ads จะไม่บันทึกเป็น Conversion ตรวจสอบใน Salesforce ว่าลำดับเหตุการณ์ตรงกับ Funnel การขายของคุณ

หมายเหตุ: วิธีการด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Ads ที่ได้รับการออกแบบใหม่ หากต้องการใช้การออกแบบก่อนหน้า ให้คลิกไอคอน "ลักษณะที่ปรากฏ" แล้วเลือกใช้การออกแบบก่อนหน้า หากคุณใช้ Google Ads เวอร์ชันก่อนหน้าอยู่ ให้ดูแผนที่อ้างอิงฉบับย่อ หรือใช้แถบค้นหาในแผงการนำทางด้านบนของ Google Ads เพื่อค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย Goals Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิก Salesforce คุณจะเห็นรายการบัญชี Salesforce ทั้งหมดที่ลิงก์กับบัญชี Google Ads
  4. คลิกบัญชี Salesforce ที่คุณเพิ่งลิงก์ ซึ่งจะนำไปยังหน้าที่มีรายการเหตุการณ์ Salesforce ของบัญชีดังกล่าว
  5. ในแต่ละเป้าหมายที่ต้องการเชื่อมโยงกับการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    1. คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion จากเมนูแบบเลื่อนลง
    2. คลิก "สร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ใหม่" แล้วตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้เสร็จ ข้อควรทราบมีดังนี้
      • ชื่อ Conversion ที่ป้อนจะช่วยให้คุณจดจำการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ในภายหลังได้เมื่อชื่อนี้แสดงขึ้นในรายงาน Conversion ตัวอย่างเช่น "โอกาสในการขายที่เข้าเกณฑ์" หรือ "โอกาสใหม่"
      • หากต้องการได้รับ Conversion มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้เลือกกรอบเวลา Conversion สูงสุด 90 วัน
    3. คลิกสร้างและต่อไป
    4. เมื่อเห็นหน้ายืนยันระบุว่าเป้าหมายจับคู่กับการกระทำที่ถือเป็น Conversion แล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น
  6. กำหนดเวลาการนำเข้า Conversion ดังนี้
    1. คลิกส่วนกำหนดเวลาการนำเข้า
    2. ใช้เมนูแบบเลื่อนลงเพื่อเลือกความถี่ที่ต้องการให้ Google Ads นำเข้า Conversion และเลือกเวลาที่จะนำเข้า หากใช้กลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติของ Google Ads เพื่อเสนอราคา Conversion กลยุทธ์ดังกล่าวจะทำงานได้ดีที่สุดหากคุณอัปโหลด Conversion เป็นประจำ หากจะให้ดีคือวันละครั้ง
    3. คลิกบันทึก
  7. คลิก "กลับ" เพื่อย้อนกลับไปที่หน้า "บัญชี Salesforce"

นอกจากนี้คุณยังตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ของ Salesforce จากหน้า "การกระทำที่ถือเป็น Conversion" ได้อีกด้วย

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย Goals Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกสรุป
  4. ซึ่งจะนำไปยังหน้าที่แสดงรายการการกระทำที่ถือเป็น Conversion
  5. คลิกปุ่มบวก แล้วคลิกนําเข้า
  6. เลือก Salesforce แล้วคลิกต่อไป
  7. ในส่วน "บัญชีและเป้าหมาย" ให้คลิกบัญชี Salesforce ที่ต้องการติดตาม Conversion แล้วเลือกเป้าหมายที่ Google Ads ควรรายงานเป็น Conversion หากต้องการใช้การตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion เดียวกันสำหรับเหตุการณ์ คุณจะเลือกเป้าหมายได้มากกว่า 1 รายการ
  8. ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้เสร็จสมบูรณ์
  9. คลิกสร้างและต่อไป
  10. เมื่อเห็นหน้ายืนยันระบุว่าเป้าหมายจับคู่กับการกระทำที่ถือเป็น Conversion แล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น หากต้องการจับคู่เป้าหมายอื่นกับการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้คลิก "ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ของ Salesforce รายการอื่น" โปรดทราบว่าวิธีนี้จะสร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่จะจับคู่กับเป้าหมาย Salesforce เท่านั้น หากต้องการกำหนดความถี่ของการนำเข้าเหตุการณ์ Salesforce เป็น Conversion ให้คลิก Salesforce ในเมนูทางด้านซ้าย และดูขั้นตอนการกำหนดเวลาการนำเข้าชุดก่อนหน้า สําหรับการผสานรวมเดิมกับ Salesforce คอลัมน์แหล่งที่มาของ Conversion จะแสดงเป็น "เว็บไซต์ (Salesforce.com)"

วิธีนำเข้ามูลค่า Conversion

ถ้าคุณให้เรานำเข้ามูลค่า Conversion จากบัญชี Sales Cloud ของคุณ Google Ads จะคำนวณมูลค่าด้วยการคูณค่า "Probability" ของระยะโอกาส (ตามที่กำหนดค่าในบัญชี Sales Cloud) กับค่าใหม่ที่สุดในฟิลด์ "Amount" ของโอกาสนั้นๆ

ตัวอย่าง

สมมติว่าคุณบอกให้ Google Ads นำเข้า Conversion ทุกสัปดาห์ และการนำเข้าครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 7 วันก่อน เมื่อ 2 วันก่อน คุณทำเครื่องหมายระยะในโอกาสเป็น "Negotiating" (กำลังเจรจา) ค่า "Amount" ของโอกาสนี้เท่ากับ 30,000 บาท และความน่าจะเป็นสำหรับระยะกำลังเจรจาคือ 75% คุณเปลี่ยนค่า "Amount" ของโอกาสเป็น 48,000 บาทเมื่อวานนี้ ในวันนี้ Google Ads จะนำเข้า Conversion และคำนวณมูลค่า Conversion เป็น 36,000 บาท (75% x 48,000 บาท)

หากคุณมั่นใจว่ามูลค่า Conversion ควรคำนวณจากค่า Amount ที่ตั้งไว้ในตอนที่ระยะของโอกาสเปลี่ยนแปลง เราขอแนะนำให้ตั้งค่าให้เกิดการนำเข้าทุกวัน

วิธีแก้ไขการกระทำที่ถือเป็น Conversion ของ Salesforce

ทำตามวิธีการด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเหตุการณ์ Salesforce ที่ต้องการติดตามเป็น Conversion

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย Goals Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิก Salesforce
  4. คลิกบัญชี Salesforce ซึ่งมีเหตุการณ์ที่แมปกับการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่คุณต้องการแก้ไข
  5. เลือกจากตัวเลือกต่อไปนี้
    • หากต้องการเปลี่ยนการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่จับคู่กับเป้าหมาย Salesforce ให้คลิกเมนูแบบเลื่อนลง และเลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion อื่น หรือสร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ใหม่
    • หากการกระทำที่ถือเป็น Conversion ไม่ควรจับคู่กับเป้าหมาย Salesforce อีกต่อไป ให้คลิกยกเลิกการเลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion
  6. คลิกกลับ

ขั้นตอนที่ 7: นำเข้า Conversion

ตอนนี้บัญชีจะนำเข้า Conversion จาก Salesforce โดยอัตโนมัติตามกำหนดเวลาที่คุณตั้งไว้

หากต้องการรับประกันว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้อง โปรดนำเข้า Conversion ด้วยตนเอง ไปที่หน้าที่แสดงเหตุการณ์ Salesforce ในบัญชี Google Ads แล้วคลิก "นําเข้าทันที" อยู่ในหน้านี้จนกว่าการนำเข้าจะเสร็จสมบูรณ์ แล้วคุณจะเห็นข้อความที่แจ้งว่านำเข้าสำเร็จหรือไม่

ในครั้งแรกที่คุณขอให้ระบบทำการนำเข้า Google Ads จะดึงข้อมูล Conversion ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในช่วง 14 วันล่าสุด สำหรับการนำเข้าที่เกิดขึ้นภายหลัง เราจะรวม Conversion ทั้งหมดตั้งแต่การนำเข้าครั้งล่าสุด (ย้อนหลังไม่เกิน 14 วัน) ดังนั้นคุณจึงควรนำเข้า Conversion อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

การนำเข้าอาจใช้เวลาสักครู่ขึ้นอยู่กับจำนวน Conversion ที่จะอัปโหลด ระบบจะปิดใช้ลิงก์ "นำเข้าทันที" เมื่อเริ่มการนำเข้า ในกรณีที่คุณยังไม่ได้จับคู่โอกาสในการขายและโอกาสของ Salesforce กับการกระทำที่ถือเป็น Conversion ของ Google Ads เลย หรือในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่ได้บันทึกของการกระทำที่ถือเป็น Conversion

หากเกิดปัญหากับการนำเข้าตามกำหนดเวลา คุณจะได้รับการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads

วิธีตรวจสอบประวัติการนำเข้าของคุณ

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย Goals Icon
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิก Salesforce
  4. คลิก "ประวัติการนำเข้า" ที่ด้านบนสุดของหน้า เรียกดูคอลัมน์ในหน้า "ประวัติการนำเข้า" เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะการอัปโหลด ดังนี้
    • คอลัมน์ "สถานะ" จะช่วยให้ดูได้อย่างรวดเร็วว่า Conversion ของ Salesforce ได้รับการนำเข้าเรียบร้อยแล้วหรือไม่
    • คอลัมน์ "ผลลัพธ์" มีลิงก์เพื่อดู Conversion ที่นำเข้าและ Conversion ที่ไม่ได้นำเข้าเนื่องจากข้อผิดพลาดของไฟล์
    • คอลัมน์ "การกระทำ" มีลิงก์ต่อไปนี้
      • ดาวน์โหลดผลลัพธ์: ดาวน์โหลดสำเนาไฟล์ที่อัปโหลด ลิงก์นี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบนำเข้า Conversion ทั้งหมดในไฟล์สำเร็จ
      • ดาวน์โหลดทั้งหมด: ดาวน์โหลดสำเนาของไฟล์ที่อัปโหลดรวมถึง Conversion ที่นำเข้าไม่สำเร็จ
      • ดาวน์โหลดข้อผิดพลาด: ดาวน์โหลดสเปรดชีตที่แสดงรายการ Conversion จากไฟล์ที่นำเข้าไม่สำเร็จพร้อมข้อความแสดงข้อผิดพลาด
    • เมื่อเลือกลิงก์ใดลิงก์หนึ่งจาก 3 ลิงก์ข้างต้น ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจะมีคอลัมน์ "ผลลัพธ์" ที่ยืนยันว่านำเข้า Conversion เรียบร้อยแล้วหรืออธิบายว่าทำไมจึงนำเข้าไม่สำเร็จ ระบบจะนำลิงก์เหล่านี้ออกภายใน 30-60 วันหลังจากการอัปโหลดครั้งแรก

วิธีแก้ไขข้อผิดพลาด

หากพบข้อผิดพลาดขณะอัปโหลด Conversion ของ Salesforce ให้ดูวิธีแก้ไขปัญหาการนําเข้า Conversion ของ Salesforce โดยใช้การผสานรวมเดิมกับ Salesforce

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10682433531903859562
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false