เมื่อเร็วๆ นี้เราได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Google Ads ซึ่งช่วยให้คุณเพิ่มเสียงบรรยายลงในโฆษณาวิดีโอบน YouTube โดยใช้เทคโนโลยีการอ่านออกเสียงข้อความของ Google
ปัจจัยสำคัญที่คุณต้องพิจารณาเมื่อโฆษณาบน YouTube คือเสียง ซึ่งเป็นพลังพิเศษที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมและกระตุ้นให้ดําเนินการใดๆ เราได้ศึกษาปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์จากโฆษณาหลายพันรายการบน YouTube และพบว่าองค์ประกอบเสียง เช่น เพลง เอฟเฟกต์เสียง และเสียงบรรยาย ส่งผลเป็นอย่างมาก
เมื่อพิจารณาถึงความสําคัญขององค์ประกอบเสียงร่วมกับความท้าทายต่างๆ ที่มาพร้อมกับการสร้างหรือการเปลี่ยนแปลงเสียงบรรยาย เราตั้งเป้าที่จะทําให้ทุกโฆษณามีเสียงบรรยายได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ฟีเจอร์ใหม่นี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI ของ Google ซึ่งจะแปลงข้อความที่ป้อนลงไปเป็นเสียงพูดให้ฟังดูเป็นธรรมชาติและวางซ้อนในวิดีโอ YouTube ได้
เสียงบรรยายมีคุณภาพใกล้เคียงกับภาษามนุษย์และได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการโฆษณา เราได้ร่วมมือกับนักเขียนโฆษณาและผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาระดับมืออาชีพเพื่อระบุสไตล์การให้เสียงบรรยายพื้นฐานในประเภทธุรกิจในอุตสาหกรรมและลักษณะตัวตนแบรนด์ที่หลากหลาย จากนั้นเราจึงสร้างรูปแบบดังกล่าวจากโฆษณา YouTube 5,000 รายการเพื่อสร้างเสียง 7 แบบ
ฟังก์ชั่นนี้มีให้บริการโดยตรงในไลบรารีชิ้นงานใน Google Ads เพียงพิมพ์สคริปต์ เลือกเสียงที่ต้องการ แล้วเพียงคลิกเดียวเราก็จะวางซ้อนเสียงบรรยายในวิดีโอของคุณ คุณสามารถลองใช้ตัวเลือกอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสคริปต์หรือเสียงรูปแบบต่างๆ และทดลองเพื่อค้นหาตัวเลือกที่ตอบโจทย์เป้าหมายของคุณมากที่สุด
ฟังโฆษณาวิดีโอต่อไปนี้ของ Sony ทีม Sony ได้เลือกเสียงบรรยายสําหรับโฆษณาวิดีโอความยาว 15 และ 30 วินาที และจากการทดสอบวิดีโอ พบว่าเสียงบรรยายกระตุ้นให้มีการจําโฆษณาได้เพิ่มขึ้น 25% และมีต้นทุนต่อผู้ใช้ที่มีความสนใจเพิ่มขึ้นลดลง 50% เมื่อเทียบกับเนื้อหาเดิมที่มีเพลงประกอบพื้นหลังเพียงอย่างเดียว1
"ก่อนที่จะเปิดให้บริการฟีเจอร์เสียงบรรยายของ Google ครีเอทีฟโฆษณาของเรากว่าครึ่งหนึ่งไม่มีการให้เสียงบรรยาย" Maya Wasserman หัวหน้าฝ่ายการตลาดด้านความบันเทิงในครอบครัวและเสียงของ Sony Electronics กล่าว "ตอนนี้เราได้ใช้ฟีเจอร์นี้แล้ว เราเห็นแล้วว่าคําบรรยายส่งผลดีแค่ไหน และผลลัพธ์ที่ได้ก็เกินความคาดหมายของเรา รวมถึงเป้าหมายทางธุรกิจอีกด้วย"
ในฐานะนักการตลาด เราเข้าใจถึงความจําเป็นในการนําเสนอแบรนด์ของคุณอย่างตรงไปตรงมาด้วยการเลือกใช้เสียงที่สะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์และตรงใจกลุ่มเป้าหมาย เราจึงนำเสนอตัวเลือกเสียง 7 แบบ (เพศชาย 4 และเพศหญิง 3 แบบ) เป็นภาษาอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา) เสียงเหล่านี้แสดงถึงลักษณะตัวตน น้ำเสียง ทิศทางของเสียงการเปล่งเสียง และรูปแบบการพูดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ช่วยให้คุณเลือกเสียงที่ตอบโจทย์สําหรับครีเอทีฟโฆษณาได้ เช่น หากแบรนด์ของคุณมีความหรูหรา ผ่อนคลาย หรืออบอุ่น เสียงที่มีบาร์ริโทนที่นุ่มหูหรือเสียงที่เบาสบายอาจเหมาะสมที่สุด ในทางกลับกัน หากแบรนด์ของคุณมุ่งไปที่การเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อย เสียงมีชีวิตชีวา ไม่เป็นทางการ และมีจังหวะสนุกสนานอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เราแนะนําให้ลองฟังเสียงทั้งหมดที่มีอยู่ใน Google Ads
นอกเหนือจากภาษาอังกฤษแล้ว ปัจจุบันเรายังมีฟีเจอร์การอ่านออกเสียงข้อความทั่วไปในภาษา ฟิลิปปินส์ ฝรั่งเศส ฮินดี อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย จีนกลาง สเปน และสวีเดน รวมถึงวางแผนที่จะเพิ่มเสียงและภาษาสำหรับโฆษณาเพิ่มเติมในอนาคต
องค์ประกอบเสียงสร้างสัมผัสประสบการณ์ที่ลุ่มลึก ช่วยให้ผู้คนให้ความสนใจกับ YouTube ซึ่งส่วนใหญ่ดูวิดีโอที่มีเสียง นอกจากนี้ องค์ประกอบเสียงจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของวิดีโอได้เมื่อใช้เพื่อเสริมและเน้นย้ำสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นบนหน้าจอ หากต้องการความช่วยเหลือในการเริ่มต้นใช้งาน โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google Ads
โพสต์โดย Prithvi Prabhakar ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของโฆษณา YouTube และ Sheenam Maheshwari ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Google Assistant
1. แหล่งที่มา: ข้อมูลของ Google Ads 9/8/21-10/4/21
