เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้แคมเปญ Google Ads ได้ลูกค้าใหม่ บทความนี้อธิบายวิธีตั้งค่าการรายงานการได้ลูกค้าใหม่โดยใช้การติดแท็ก เพื่อเพิ่มความแม่นยําในการตรวจหาลูกค้าใหม่ในแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
วิธีตั้งค่าการรายงานการได้ลูกค้าใหม่
ติดตั้งด้วยแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์
หมายเหตุ: หากต้องการใช้ตัวเลือกนี้ คุณต้องตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion "การซื้อ" ใน Google Ads ที่เป็นไปตามข้อกําหนดบางประการ และตั้งค่าการได้ลูกค้าใหม่ในบัญชี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งโค้ดเครื่องมือวัด Conversion ของแท็ก Google ในเว็บไซต์
อ่านวิธีตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion สําหรับเว็บไซต์เพื่อติดตั้งเครื่องมือวัด Conversion ด้วยแท็ก Google
ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มพารามิเตอร์ new_customer
ในข้อมูลโค้ดเหตุการณ์ของแท็ก
คุณต้องเพิ่มพารามิเตอร์เกี่ยวกับลูกค้าดังต่อไปนี้ในข้อมูลโค้ดเหตุการณ์
พารามิเตอร์ | ประเภทค่า | คำอธิบาย |
new_customer |
บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] | ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
|
ตัวอย่างแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์ที่กำหนดค่าด้วยพารามิเตอร์ข้างต้น
<script type="text/javascript">
gtag('event', 'purchase', {
"send_to": "AW-CONVERSION_ID/CONVERSION_LABEL", /* โปรดแทนที่ด้วยค่าของคุณ */
...
"new_customer": true, /* calculate dynamically, populate with true/false */
...
]
});
/* ]]> */
ติดตั้งด้วย Google Tag Manager
ทําตามวิธีการต่อไปนี้เพื่อเพิ่มพารามิเตอร์ new_customer
ในโค้ด Google Tag Manager
- เลือกแท็ก Conversion ของลูกค้าใหม่
- เลือกช่องทำเครื่องหมาย "ให้ข้อมูลลูกค้าใหม่"
- เลือกแหล่งข้อมูลเป็นชั้นข้อมูลหรือช่องที่กําหนดเอง
- ต้องเพิ่มตัวแปรต่อไปนี้ในหน้าชำระเงินที่จะอ้างอิง
พารามิเตอร์ | ประเภทค่า | คำอธิบาย |
new_customer |
บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] | ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
|
customer_lifetime_value |
สกุลเงิน |
มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้ามาจากการที่ลูกค้าทํา Conversion ในฐานะลูกค้าใหม่ใช่ไหม
|
ชั้นข้อมูลมีไว้เพื่อเก็บข้อมูลชั่วคราว Tag Manager จะใช้รูปแบบที่มีโครงสร้างนี้เพื่อช่วยให้คุณย้ายข้อมูลดังกล่าวจากหน้าเว็บหรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปยังแท็ก ทริกเกอร์ และตัวแปรอื่นๆ ใน Tag Manager ได้อย่างง่ายดาย
คุณไม่จำเป็นต้องสร้างชั้นข้อมูลเพื่อให้ตัวแปรดึงข้อมูลเสมอไป นอกจากนี้ คุณยังกําหนดค่าตัวแปร Tag Manager ให้ดึงค่าจากช่องที่กําหนดเอง คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่ง และ DOM ได้โดยตรง แต่วิธีที่แนะนำคือการใช้ตัวแปรดึงข้อมูลจากออบเจ็กต์ชั้นข้อมูลที่มีการจัดระเบียบเป็นอย่างดีโดยตรง การใช้ชั้นข้อมูลช่วยลดโอกาสที่ข้อมูลจะสูญหายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโค้ดโดยไม่เจตนาได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้มีการจัดรูปแบบข้อมูลให้มีระเบียบและเข้าถึงได้ รวมถึงช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
สําหรับ Conversion แต่ละรายการ คุณสามารถให้ Google ตรวจหาโดยอัตโนมัติว่า Conversion นั้นเป็น Conversion ใหม่ หรือรายงานด้วยตนเองผ่านแท็ก Conversion ซึ่งจะทําให้รายงาน Google Ads มีความแม่นยํามากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังปรับการวัดมูลค่าของลูกค้าใหม่ได้อีกด้วยโดยการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยเป็นส่วนๆ ในการซื้อครั้งแรก
มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าจะคํานวณโดยใช้มูลค่า Conversion เฉลี่ยสําหรับแคมเปญ Shopping และความถี่ในการซื้อของลูกค้า โปรดทราบว่าคุณสามารถเลือกมูลค่าจำนวนหนึ่งเพื่อกําหนดมูลค่าลูกค้าใหม่ที่คุณพอใจได้
ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานกับชั้นข้อมูล
dataLayer.push({
"event": 'purchase',
"transaction_id": "1545c34e-691e-4726-aeda-b798df255e9c",
"affiliation": "Google online store",
"value": 23.07,
"currency": "USD",
"new_customer": true,
});
ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานกับช่องที่กําหนดเอง
<script type="text/javascript">
send_to = 'AW-CONVERSION_ID/CONVERSION_LABEL'; /* โปรดแทนที่ด้วยค่าของคุณ */
transaction_id = "1545c34e-691e-4726-aeda-b798df255e9c";
affiliation = "Google online store";
value = 23.07;
currency = "USD";
new_customer = true;
</script>
ติดตั้งด้วย Firebase
ขั้นตอนที่ 1 ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ของ Firebase
- เพิ่ม Google Analytics ลงในแอป Android หรือ iOS
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
- ลิงก์บัญชี Google Ads กับแอป Google Analytics และ Firebase โดยทำตามวิธีการลิงก์นี้
- วัด Conversion ของแอปที่ได้จากแอป Google Analytics โดยใช้ Firebase SDK โปรดทําตามวิธีการวัด Conversion แอปด้วย Firebase
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบการตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion
หากต้องการติดตามการได้ลูกค้าใหม่ คุณควรตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion อย่างถูกต้องแล้ว โปรดเลือกการตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion ดังนี้
- เลือก "หมวดหมู่ของการกระทำที่ถือเป็น Conversion" เป็น "การซื้อ"
- เลือก "เหตุการณ์ Firebase" เป็น "การซื้อ"
- เลือก "แหล่งที่มา" เป็น "Firebase"
- ทําให้การกระทําที่ถือเป็น Conversion "เสนอราคาได้" (การกระทำที่ถือเป็น Conversion หลัก)
ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มพารามิเตอร์ new_customer
ในเหตุการณ์ purchase
คุณต้องอัปเดตเหตุการณ์ purchase
ก่อนที่จะเพิ่มพารามิเตอร์ new_customer
หากยังไม่ได้สร้างเหตุการณ์ purchase ให้ทําตามวิธีการสําหรับ Android และสําหรับ iOS คุณต้องใช้พารามิเตอร์ new_customer
ที่ระบุด้านล่าง จึงจะติดตามการได้ลูกค้าใหม่โดยใช้ Firebase ได้
พารามิเตอร์ | ประเภทค่า | คำอธิบาย |
new_customer |
บูลีน: จริง / เท็จ / [ไม่ได้ระบุ] | ลูกค้าที่ทำ Conversion เป็นลูกค้าใหม่ใช่ไหม
|
ตัวอย่างเหตุการณ์ ecommerce_purchase
ของ Firebase ที่มาจากลูกค้าใหม่
Android:
// Prepare ecommerce bundle
Bundle ecommerceBundle = new Bundle();
// Set relevant bundle-level parameters
// New customer information Should be calculated dynamically and populated with true/false.
ecommerceBundle.putBoolean( "new_customer", true ); // or false
ecommerceBundle.putDouble( Param.VALUE, 37.39 ); // Revenue, optional
ecommerceBundle.putString( Param.CURRENCY, "USD" ); // Optional
// Log event with ecommerce bundle
mFirebaseAnalytics.logEvent( Event.PURCHASE, ecommerceBundle );
iOS:
// Prepare ecommerce dictionary
NSDictionary *ecommerce = @{
// New customer information Calculate dynamically, populate with @YES/@NO.
@"new_customer" : @YES, // or @NO
// kFIRParameterValue : @75.98, // Revenue, optional.
// kFIRParameterCurrency : @"USD", // Optional.
};
// Log ecommerce_purchase event with ecommerce dictionary.
[FIRAnalytics logEventWithName:kFIREventPurchase
parameters:ecommerce];
ทดสอบ Conversion ของลูกค้าใหม่
ตรวจสอบว่าคุณใช้แท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์อยู่และได้ติดตั้งพารามิเตอร์ new_customer
แล้ว หากคุณสร้างคำสั่งซื้อทดสอบได้ โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบว่ามีการส่งพารามิเตอร์หรือไม่
- ใช้เครื่องมือสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Chrome เพื่อตรวจสอบหน้าเว็บว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพโค้ดแล้ว โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เลือกเมนู Chrome ที่มุมขวาบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์ เลือกเครื่องมือ แล้วเลือกเครื่องมือสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
- คลิกขวาที่องค์ประกอบใดก็ได้ของหน้า แล้วเลือกตรวจสอบองค์ประกอบ ระบบจะเปิดหน้าต่างเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บขึ้นที่บริเวณด้านล่างของเบราว์เซอร์ Chrome
- เลือกเครือข่ายในหน้าต่างเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บ
- ส่งคำสั่งซื้อทดสอบในเว็บเบราว์เซอร์
- ค้นหาคำขอที่มี Conversion (ค้นหา "/conversion") พารามิเตอร์สตริงคำค้นหาควรมีพารามิเตอร์เพิ่มเติมตามที่แสดงในตัวอย่างด้านล่างนี้
vdnc: true where vdnc = new_customer
ทดสอบ Conversion ของลูกค้าใหม่ด้วย Firebase
ตรวจสอบว่าคุณใช้ Firebase อยู่และได้เพิ่มหรือปรับเปลี่ยนเหตุการณ์การซื้อด้วยพารามิเตอร์ข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง
จากนั้นคุณจะแก้ไขข้อบกพร่องเหตุการณ์ใน Firebase ได้ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาจริง และยังติดตามเหตุการณ์ของลูกค้าใหม่ใน Firebase ได้ด้วย