กำหนดการตั้งค่าสำหรับการตรวจสอบ

เครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย

ให้ใช้หน้าต่างการตั้งค่าจากเครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อกำหนดการตั้งค่าสำหรับการตรวจสอบ

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบขั้นสูงสำหรับงานนี้

สิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย

  • รุ่นที่รองรับเครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย ได้แก่ Enterprise Plus, Education Standard, Education Plus และ Enterprise Essentials Plus
  • ผู้ดูแลระบบที่มี Cloud Identity Premium, Frontline Standard, Enterprise Standard และ Education Standard ยังสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบสำหรับแหล่งข้อมูลบางส่วนได้
  • ความสามารถในการค้นหาในเครื่องมือตรวจสอบจะขึ้นอยู่กับรุ่นของ Google, สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ และแหล่งข้อมูล หากค้นหาในเครื่องมือตรวจสอบของแหล่งข้อมูลที่ต้องการไม่ได้ คุณจะใช้หน้าการตรวจสอบและการสืบสวนแทนได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อปรับปรุงประสบการณ์การตรวจสอบ
  • คุณสามารถค้นหาผู้ใช้ทุกคนในเครื่องมือตรวจสอบได้ ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้ Google รุ่นใดก็ตาม

การตั้งค่าที่กำหนดได้

การตั้งค่าการตรวจสอบจะมีผลกับผู้ดูแลระบบทุกคนในองค์กร เมื่อใช้การตั้งค่าเหล่านี้ ผู้ดูแลระบบขั้นสูงจะดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • เปิดการตั้งค่าต้องการผู้ตรวจสอบเพื่อกำหนดให้ผู้ตรวจสอบดำเนินการกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ซึ่งจะมีผลกระทบกับข้อมูลมากกว่า 300 รายการ
  • อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบซึ่งมีสิทธิ์ที่เหมาะสมดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนได้
  • กำหนดให้ผู้ดูแลระบบป้อนข้อความระบุเหตุผลก่อนดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน
  • อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบซึ่งมีสิทธิ์ที่เหมาะสมป้อนข้อความระบุเหตุผลก่อนดำเนินการต่างๆ ในเครื่องมือตรวจสอบ

เปิดการตั้งค่า "ต้องมีผู้ตรวจสอบ"

กำหนดให้มีผู้ตรวจสอบสำหรับการดำเนินการกับหลายรายการในเครื่องมือตรวจสอบ โดยทำดังนี้

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น ความปลอดภัยจากนั้นศูนย์ความปลอดภัยจากนั้นเครื่องมือตรวจสอบ
  3. คลิกการตั้งค่า 
  4. เปิดการตั้งค่าต้องการผู้ตรวจสอบ
  5. คลิกใช้

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและวิธีการที่หัวข้อต้องมีผู้ตรวจสอบสำหรับการดำเนินการกับหลายรายการ

เปิดการตั้งค่า "ดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน"

อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบซึ่งมีสิทธิ์ที่เหมาะสมดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนได้ การตั้งค่านี้จะมีผลกับแอปต่างๆ เช่น อีเมล ข้อความแชท และไฟล์แนบที่เป็นข้อความแชท

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น ความปลอดภัยจากนั้นศูนย์ความปลอดภัยจากนั้นเครื่องมือตรวจสอบ
  3. คลิกการตั้งค่า 
  4. เปิดการตั้งค่าดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน
  5. (ไม่บังคับ) เปิดปุ่มเปิด-ปิดเพื่อกำหนดให้ผู้ดูแลระบบป้อนข้อความอธิบายก่อนดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน 
  6. คลิกใช้

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและวิธีการที่หัวข้อดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน

หมายเหตุ: หากก่อนหน้านี้คุณปิดการตั้งค่านี้ (สําหรับ Gmail) ผู้ดูแลระบบที่เคยเข้าถึงเนื้อหาแชทได้จะเข้าถึงไม่ได้อีกต่อไป หากต้องการให้ผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์ที่ถูกต้องเข้าถึงเนื้อหาแชทได้ คุณจะต้องเปิดการตั้งค่าดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน

เปิดการตั้งค่า "เปิดใช้เหตุผลรองรับการดำเนินการ"

อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบซึ่งมีสิทธิ์ที่เหมาะสมป้อนข้อความระบุเหตุผลก่อนดำเนินการต่างๆ ในเครื่องมือตรวจสอบ โดยทำดังนี้

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น ความปลอดภัยจากนั้นศูนย์ความปลอดภัยจากนั้นเครื่องมือตรวจสอบ
  3. คลิกการตั้งค่า 
  4. เปิดการตั้งค่าเปิดใช้เหตุผลรองรับการดำเนินการ
  5. คลิกใช้

เปลี่ยนเขตเวลาในเครื่องมือตรวจสอบ

คุณจะเปลี่ยนเขตเวลาทั่วโลกได้ในเครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย โดยเขตเวลาจะมีผลกับเงื่อนไขการค้นหาและผลการค้นหา ในปัจจุบันการตั้งค่าเขตเวลาจะหายไปเมื่อเริ่มเซสชันใหม่ 

วิธีเปลี่ยนเขตเวลา

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น ความปลอดภัยจากนั้นศูนย์ความปลอดภัยจากนั้นเครื่องมือตรวจสอบ
  3. คลิกการตั้งค่า 
  4. คลิกลูกศรลง ไปหาการตั้งค่าเขตเวลา
  5. เลือกเขตเวลาจากรายการในเมนูแบบเลื่อนลง
  6. คลิกใช้

หมายเหตุ: คุณจะปรับเขตเวลาของการค้นหาได้แม้หลังจากค้นหาเสร็จสิ้นและได้ผลลัพธ์แล้ว ทั้งพารามิเตอร์ที่คุณป้อนและผลการค้นหาจะอัปเดตเป็นเขตเวลาใหม่ เช่น หากเขตเวลาทั่วโลกของคุณเป็นเวลาแปซิฟิก และผลการค้นหารายการหนึ่งแสดงพารามิเตอร์เวลาเป็น 13.00 น. ตามเวลาแปซิฟิก การอัปเดตเขตเวลาเป็นเวลาตะวันออกจะเปลี่ยนผลการค้นหานี้เป็น 16.00 น. ตามเวลาตะวันออก

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
290892296854099753
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
false
false