ไม่พบปลายทางการแคสต์

มีปัญหาหลายประการที่ทำให้อุปกรณ์ Chromecast ไม่ปรากฏขึ้นเมื่อแคสต์จาก Chrome หากคุณค้นหา Chromecast, Chromecast Ultra, Chromecast Audio, ทีวีที่มี Chromecast Built-In หรือลำโพง Chromecast Built-In ไม่พบ โปรดดูขั้นตอนการแก้ปัญหาด้านล่าง

แนะนำ: เครื่องมือแก้ปัญหา

ขั้นแรก ให้ลองใช้เครื่องมือแก้ปัญหานี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดซึ่งทำให้ไม่พบอุปกรณ์ หรือจะทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ด้วยตนเองก็ได้

ขั้นตอนการแก้ปัญหา

ขั้นตอนที่ 1 รีบูตอุปกรณ์ Chromecast
  1. ถอดสายชาร์จออกจากอุปกรณ์ Chromecast จากนั้นรอสักครู่แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่
  2. รอสักครู่
  3. ตรวจสอบว่าตอนนี้อุปกรณ์ปรากฏอยู่ในรายการอุปกรณ์ที่แคสต์ไปได้หรือไม่
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหาอุปกรณ์ Chromecast และตรวจสอบว่าตั้งค่าอุปกรณ์ไว้อย่างถูกต้องแล้ว

ขั้นตอนที่แนะนำ: ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้ Android หรือ iOS

ตั้งค่าอุปกรณ์ Chromecast (รุ่นที่ 3 ขึ้นไป)

ขั้นตอนที่ 3: ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ จากนั้นกลับไปที่ขั้นตอนที่ 2 ด้านบน

สำคัญ: ทำขั้นตอนนี้เฉพาะเมื่อคุณยืนยันไม่ได้ว่าอุปกรณ์ได้รับการตั้งค่าตามขั้นตอนที่ 2 หรือไม่ หากยืนยันได้ว่ามีการตั้งค่าอุปกรณ์แล้ว ให้ไปที่ขั้นตอนที่ 4

  1. ถอดปลั๊กเราเตอร์ รอสักครู่ แล้วค่อยเสียบปลั๊กกลับเข้าไป
  2. รีเซ็ตอุปกรณ์ Chromecast เป็นค่าเริ่มต้น
หลังจากทำตามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งข้างต้นหรือทั้ง 2 ขั้นตอนแล้ว ให้กลับไปที่ขั้นตอนที่ 2 ด้านบนเพื่อค้นหาและยืนยันการตั้งค่าอุปกรณ์ Chromecast หากต้องการค้นหาและยืนยันการตั้งค่าอุปกรณ์ Chromecast ให้กลับไปที่ขั้นตอนที่ 2 หลังจากทำตามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งข้างต้นหรือทั้ง 2 ขั้นตอนแล้ว
ขั้นตอนที่ 4 แคสต์เนื้อหา

สำคัญ: ทำขั้นตอนนี้เฉพาะเมื่อยืนยันได้แล้วว่ามีการตั้งค่าอุปกรณ์โดยใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ในขั้นตอนที่ 2

เมื่อยืนยันได้ว่ามีการตั้งค่าอุปกรณ์ในแอป Google Home ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้ว คุณควรจะแคสต์ได้

ลองแคสต์จากแอปที่พร้อมใช้งาน Chromecast ซึ่งระบบรองรับ เช่น Netflix, YouTube, Pandora และอื่นๆ

หากคุณแคสต์เนื้อหาได้ แสดงว่าการตั้งค่า Chromecast ไม่มีปัญหา และคุณจะไปยังขั้นตอนถัดไปได้

ขั้นตอนที่ 5 ทําตามขั้นตอนการแก้ปัญหาของ Chrome

หากยังแคสต์จากแล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปไม่ได้ แสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากแล็ปท็อป เดสก์ท็อป หรือเบราว์เซอร์ Chrome

สำคัญ

  • ฟีเจอร์การแคสต์จากเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปมีอยู่ในตัวเบราว์เซอร์ Google Chrome คุณต้องใช้แอปเบราว์เซอร์ Chrome และแคสต์โดยใช้เมนู Google Cast ภายในเบราว์เซอร์ Chrome ดูวิธีแคสต์แท็บ Chrome หรือทั้งเดสก์ท็อป
  • หากคุณไม่มีอุปกรณ์เคลื่อนที่ และทําตามขั้นตอนทางเลือกในขั้นตอนที่ 2 แล้ว แต่ยังตั้งค่า Chromecast ไม่ได้ ให้กลับไปที่ขั้นตอนที่ 2 หลังจากทำตามขั้นตอนต่อไปนี้แต่ละขั้นตอน เพื่อดูว่าระบบค้นพบอุปกรณ์แล้วหรือยังและคุณตั้งค่าอุปกรณ์ได้หรือไม่

ขั้นตอนที่ 1 รีบูตคอมพิวเตอร์

ขั้นตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นชั่วคราวได้และควรใช้วิธีนี้ก่อนที่จะทำตามขั้นตอนการแก้ปัญหาที่ลงลึกยิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ Chromecast อยู่ในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน

หมายเหตุ: Chrome จะไม่เห็นอุปกรณ์ Chromecast ในเครือข่ายอื่น

หากไม่แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ Chromecast ควรเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ใดและคุณมีหลายเครือข่าย ให้ทําตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอื่นที่มีอยู่
  2. คลิกปุ่ม "แคสต์" แล้วมองหาอุปกรณ์ของคุณในรายการ หากพบอุปกรณ์แล้วและต้องการเปลี่ยนเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่ ให้ทําตามวิธีการในขั้นตอนที่ 2 

ขั้นตอนที่ 3 ยืนยันว่าเบราว์เซอร์ Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  1. พิมพ์ "chrome://chrome" ในแถบค้นหา
  2. หากจําเป็นต้องอัปเดตเบราว์เซอร์ ให้อัปเดตเบราว์เซอร์ Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุด

ขั้นตอนที่ 4 ยกเลิกการเชื่อมต่อกับเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) หรือพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

อุปกรณ์ Chromecast สื่อสารกับแล็ปท็อปผ่านเครือข่ายเหล่านี้ไม่ได้ หากต้องการความช่วยเหลือ โปรดขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการ

ขั้นตอนที่ 5 ตรวจสอบว่าไฟร์วอลล์หรือซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเป็นเวอร์ชันล่าสุดและไม่ได้บล็อกการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Chromecast

สําหรับซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์: หากคุณเช่าเราเตอร์ไร้สาย โปรดติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หากคุณซื้อเราเตอร์ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าไฟร์วอลล์ของเครือข่าย

ขั้นตอนที่ 6 หากยังคงประสบปัญหาอยู่ ให้ลองใช้ตัวเลือกสำหรับระบบปฏิบัติการของคุณโดยเฉพาะที่ด้านล่าง

หากคุณใช้ OSX ใน Mac

หาก Chrome ใน Mac ไม่ได้รับอนุญาตให้ยอมรับการเชื่อมต่อ ก็จะไม่สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ Chromecast ได้ ตรวจสอบว่า Chrome อนุญาตให้ดำเนินการโดยทำตามขั้นตอนด้านล่าง

  1. คลิกไอคอน Apple ที่มุมซ้ายบน
  2. เปิดค่ากำหนดของระบบ จากนั้น ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว จากนั้น ไฟร์วอลล์
  3. หากไฟร์วอลล์เปิดอยู่ ให้ไปที่ตัวเลือกไฟร์วอลล์
    • หากเปิดใช้ "บล็อกการเชื่อมต่อขาเข้าทั้งหมด" ให้ปิดการตั้งค่านี้ บันทึกการตั้งค่า รีบูต Chrome โดยออกจากการทำงานโดยสมบูรณ์และเปิดขึ้นมาใหม่ แล้วลองเชื่อมต่ออีกครั้ง
    • หากเปิดใช้ "อนุญาตซอฟต์แวร์ที่ผ่านการรับรองให้รับการเชื่อมต่อขาเข้าโดยอัตโนมัติ" ให้ตรวจสอบว่าไม่มีรายการของ Google Chrome อยู่ในรายชื่อแอปพลิเคชัน
    • หากไม่ได้เปิดใช้ "อนุญาตซอฟต์แวร์ที่ผ่านการรับรองให้รับการเชื่อมต่อขาเข้าโดยอัตโนมัติ" ให้คลิกปุ่ม "+" จากนั้น ไปที่ Chrome ใน "/แอปพลิเคชัน" จากนั้น แล้วเลือก
หากคุณใช้ Windows 7 หรือ Vista ในเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป

คุณตั้งค่าเครือข่ายเป็น "บ้าน/ที่ทำงาน" หรือ "สาธารณะ"

Windows จะแยกเครือข่ายเป็น "บ้าน/ที่ทำงาน" หรือ "สาธารณะ" แต่การสื่อสารกับอุปกรณ์ Chromecast จะถูกบล็อกในเครือข่ายสาธารณะ คุณตรวจสอบการตั้งค่านี้ได้โดยทำดังนี้

  1. เปิด "ศูนย์เครือข่ายและการแชร์" โดยคลิกไอคอนเครือข่ายในถาดระบบของ Windows หรือจากแผงควบคุม
  2. ในส่วน "ดูเครือข่ายที่ใช้งานอยู่" จะเห็นเครือข่ายของคุณ ซึ่งโดยปกติเป็นชื่อของจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi

หากคุณเห็น "เครือข่ายสาธารณะ" ในส่วนเครือข่ายที่มีไอคอนรูปเก้าอี้ในสวนสาธารณะ แสดงว่านี่อาจเป็นปัญหาที่ทำให้ Chrome สื่อสารกับอุปกรณ์ Chromecast ไม่ได้

  1. เปลี่ยนการตั้งค่านี้โดยคลิกเครือข่าย จากนั้น เครือข่ายในบ้าน
  2. รีบูต Chrome โดยออกจากการทำงานโดยสมบูรณ์และเปิดขึ้นมาใหม่ แล้วลองเชื่อมต่ออีกครั้ง หากไม่ได้ผล ให้รีบูตคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป แล้วลองอีกครั้ง

หมายเหตุ: หากติดตั้งบริการ Bonjour ไว้ การปิดใช้บริการนี้อาจช่วยให้ค้นพบอุปกรณ์ Chromecast

หากคุณใช้ Windows 8 หรือ 8.1 ในเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป

การตั้งค่า "ค้นหาอุปกรณ์และเนื้อหา" เปิดอยู่ไหม

Windows 8 และ 8.1 มีการตั้งค่าการแชร์ที่ต้องตั้งเป็น "เปิด" ขั้นตอนการดำเนินการจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ

ใน Windows 8.1 ซึ่งใช้กับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ให้ทำดังนี้

  1. ไปที่การตั้งค่า โดยเลื่อนเมาส์ไปที่ด้านขวาสุดของหน้าจอเพื่อแสดงแถบเมนู การตั้งค่าจะอยู่ด้านล่าง
  2. เลือกเปลี่ยนการตั้งค่าพีซี ที่ด้านล่างสุดของเมนู "การตั้งค่า"
  3. เลือกเครือข่าย
  4. เลือกเครือข่าย Wi-Fi ที่เชื่อมต่ออยู่ ข้างรูปภาพแถบ Wi-Fi
  5. ดูว่าในส่วน "ค้นหาอุปกรณ์และเนื้อหา" มีการตั้งค่าเป็นเปิด

ใน Windows 8 ให้ทำดังนี้

  1. ไปที่ "เดสก์ท็อป" ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ดเริ่มต้นในหน้าจอหลัก
  2. คลิกการตั้งค่า Wi-Fi ที่ด้านล่างของแถบเดสก์ท็อป ตรงมุมขวาล่างของ "เดสก์ท็อป"
  3. คลิกขวาที่เครือข่าย Wi-Fi ที่เชื่อมต่ออยู่
  4. เลือกเปิดหรือปิดการแชร์
  5. ตรวจสอบว่าตั้งค่าการแชร์เป็นเปิด

คุณได้ติดตั้งบริการ Bonjour ไว้ไหม

Disabling the Bonjour service (if installed) may help find your Chromecast device. You will need to change the Bonjour service properties so that it's startup type is set to 'disabled' and then reboot the machine.

Bonjour is installed by some Apple apps.

Get more information about Bonjour

คุณติดตั้งแอปป้องกันไวรัสไว้ไหม

Some antivirus apps are known to cause Chromecast discovery issues.

  1. Make sure your antivirus software is up to date by installing any updates from the manufacturer.
  2. If you’re running AVG AntiVirus, the latest updates should correct issues with your Chromecast device. In older versions, click Options จากนั้น Advanced Settings จากนั้น Web Browsing Protection จากนั้น Online Shield จากนั้น Expert Settings. Clear the setting marked “Web Browsing Protection,” then restart Chrome after changing this setting.
  1. If you’re running Kaspersky, under “Network Settings,” disable Scan Encrypted Connections. After making this change, you should immediately be able to find devices.
  2. For other antivirus software, look for options related to SSL, TLS, or encrypted connection scanning. You might also try temporarily disabling or uninstalling antivirus software to confirm it’s the source of the issue.
หากคุณใช้ Windows 10 ในเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป

คุณตั้งค่าเครือข่ายเป็นสาธารณะหรือส่วนตัว

Windows 10 มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่ต้องตั้งเป็นเปิดเพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์ Chromecast หากคุณใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้ทำดังนี้

  1. ไปที่เมนูเริ่ม
  1. คลิกการตั้งค่า
  2. ใน "การตั้งค่า" ให้คลิกเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต
  3. เลือกประเภทการเชื่อมต่อในคอลัมน์ด้านซ้าย เช่น อีเทอร์เน็ตหรือ Wi-Fi จากนั้นเลือกชื่อของการเชื่อมต่อที่ใช้งานอยู่ทางด้านขวา
  4. คุณต้องเปลี่ยนการตั้งค่าโปรไฟล์เครือข่ายให้เป็นประเภท "ส่วนตัว"
    • หากใช้ Windows 10 Fall Creators Update (เผยแพร่ในเดือนตุลาคม 2017) หรือใหม่กว่า ให้มองหาส่วนชื่อ "โปรไฟล์เครือข่าย" แล้วเลือกส่วนตัว
    • หรือ คลิกอนุญาตให้พีซีและอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ในเครือข่ายนี้ค้นพบพีซีของคุณ Microsoft แนะนำให้เปิดการตั้งค่านี้ไว้สำหรับเครือข่ายส่วนตัวที่บ้านหรือที่ทำงาน แต่ปิดไว้สำหรับเครือข่ายสาธารณะ
  5. ยืนยันว่าเครือข่ายดังกล่าวได้เปลี่ยนจากเครือข่าย "สาธารณะ" เป็น "ส่วนตัว" แล้วโดยกดปุ่มย้อนกลับเพื่อกลับไปยังการตั้งค่าเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต เลื่อนลงและเลือกเครือข่ายและศูนย์การแชร์ คุณควรจะเห็นข้อความ "เครือข่ายส่วนตัว" ใต้ชื่อ Wi-Fi

คุณได้ติดตั้งบริการ Bonjour ไว้ไหม

Disabling the Bonjour service (if installed) may help find your Chromecast device. You will need to change the Bonjour service properties so that it's startup type is set to 'disabled' and then reboot the machine.

Bonjour is installed by some Apple apps.

Get more information about Bonjour

คุณติดตั้งแอปป้องกันไวรัสไว้ไหม

Some antivirus apps are known to cause Chromecast discovery issues.

  1. Make sure your antivirus software is up to date by installing any updates from the manufacturer.
  2. If you’re running AVG AntiVirus, the latest updates should correct issues with your Chromecast device. In older versions, click Options จากนั้น Advanced Settings จากนั้น Web Browsing Protection จากนั้น Online Shield จากนั้น Expert Settings. Clear the setting marked “Web Browsing Protection,” then restart Chrome after changing this setting.
  1. If you’re running Kaspersky, under “Network Settings,” disable Scan Encrypted Connections. After making this change, you should immediately be able to find devices.
  2. For other antivirus software, look for options related to SSL, TLS, or encrypted connection scanning. You might also try temporarily disabling or uninstalling antivirus software to confirm it’s the source of the issue.
ขั้นตอนที่ 6 แก้ปัญหาที่พบไม่บ่อย

ปัญหาบางอย่างอาจเกิดจากการตั้งค่าเราเตอร์หรือเครือข่าย

บางครั้ง Chrome อาจพบอุปกรณ์บนเครือข่าย แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นั้นได้ โดยปกติแล้ว ข้อผิดพลาดเหล่านี้เกิดจากการตั้งค่าเราเตอร์หรือเครือข่าย

ตรวจสอบว่าคุณปิดการแยก AP ในเราเตอร์แล้ว และไม่มีการเปิดใช้ฟีเจอร์ไฟร์วอลล์ในเราเตอร์ที่อาจบล็อกการเชื่อมต่อขาเข้ากับลําโพง Chromecast Built-In

ปัญหาการซิงค์นาฬิกา
  1. ตรวจสอบว่านาฬิกาในคอมพิวเตอร์ตรงกับเวลาของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันหรือไม่ เว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์คือ Time.is ซึ่งรายงานเวลาที่ต่างกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับเวลาตามจริง หากนาฬิกาของคุณมีเวลาต่างออกไปไม่กี่ชั่วโมง ก็ข้ามขั้นตอนด้านล่างได้
  2. หากคุณตั้งเวลาด้วยตนเอง ให้ดูว่าตั้งนาฬิกาและเขตเวลาอย่างถูกต้องแล้ว หากนาฬิกาแสดงเวลาท้องถิ่นที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ตั้งเขตเวลาท้องถิ่นไว้ ก็อาจเป็นสาเหตุของปัญหาได้
  3. เราขอแนะนำให้เปิดการซิงค์เวลาอัตโนมัติเพื่อให้นาฬิกาแสดงเวลาปัจจุบันเสมอ

ขั้นตอนที่ 7 รีเซ็ต Chromecast เป็นค่าเริ่มต้น

คุณรีเซ็ต Chromecast เป็นค่าเริ่มต้นได้โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่แสดงด้านล่าง

สำคัญ: การดำเนินการนี้จะล้างข้อมูลของคุณและยกเลิกไม่ได้

 Chromecast ที่มี Google TV

ด้วย Chromecast Voice Remote

  1. ที่ด้านขวาบนของหน้าจอทีวี ให้เลือกโปรไฟล์ของคุณ จากนั้น การตั้งค่า
  2. เลือกระบบ จากนั้น เกี่ยวกับ จากนั้น รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

จากอุปกรณ์ Chromecast

  1. ในขณะที่ Chromecast เสียบอยู่กับทีวีและเปิดอยู่ ให้กดปุ่มด้านหลัง Chromecast ค้างไว้ ไฟ LED ควรเริ่มกะพริบเป็นสีเหลือง 
  2. เมื่อไฟ LED เปลี่ยนเป็นสีขาวติดสว่าง ให้ปล่อยมือ จากนั้น Chromecast ควรรีเซ็ต
 Chromecast (รุ่นที่ 2), Chromecast (รุ่นที่ 3) หรือ Chromecast Ultra

จากแอป Google Home

หมายเหตุ: ตัวเลือกนี้ใช้ได้เฉพาะในกรณีที่คุณยังมีสิทธิ์เข้าถึงเครือข่ายที่ตั้งค่า Chromecast ไว้

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการ์ดของอุปกรณ์ค้างไว้
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะการตั้งค่า  จากนั้น เพิ่มเติม More menu จากนั้น รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น จากนั้น รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

จากอุปกรณ์ Chromecast

ในขณะที่ Chromecast เสียบอยู่กับทีวี ให้กดปุ่มที่อยู่ด้านข้าง Chromecast ค้างไว้ ไฟ LED จะกะพริบเป็นสีส้ม เมื่อไฟ LED เปลี่ยนเป็นสีขาว ให้ปล่อยปุ่ม จากนั้น Chromecast จะรีสตาร์ท

Chromecast (1st Gen) Chromecast (รุ่นที่ 1)

จากแอป Google Home

หมายเหตุ: ตัวเลือกนี้ใช้ได้เฉพาะในกรณีที่คุณยังมีสิทธิ์เข้าถึงเครือข่ายที่ตั้งค่า Chromecast ไว้

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการ์ดของอุปกรณ์ค้างไว้
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะการตั้งค่า  จากนั้น เพิ่มเติม More menu จากนั้น รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น จากนั้น รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

จากอุปกรณ์ Chromecast

  1. ในขณะที่ Chromecast เสียบอยู่กับทีวี ให้กดปุ่มบนอุปกรณ์ Chromecast ค้างไว้อย่างน้อย 25 วินาที หรือจนกว่าไฟ LED ที่ติดอยู่จะเปลี่ยนเป็นไฟกะพริบสีแดง
  2. เมื่อไฟ LED กะพริบเป็นสีขาวและทีวีแสดงหน้าจอว่าง ให้ปล่อยปุ่มดังกล่าว อุปกรณ์จะรีสตาร์ท

หากยังแคสต์ไม่ได้

  1. แชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับ Chromecast
  2. ติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของ Chromecast

ยังต้องการความช่วยเหลือใช่ไหม ให้ดูคำถามที่เกี่ยวข้องจากฟอรัมความช่วยเหลือของเราด้านล่างหมายเหตุ: ขณะนี้ฟอรัมความช่วยเหลือมีเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
Android iPhone และ iPad
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
6198829597016057574
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
85561
false
false