เมื่อเปิด Voice Match คุณสอนให้ Google Assistant จําเสียงของคุณเพื่อยืนยันตัวตนก่อนจะแสดงผลการค้นหาเฉพาะบุคคลได้ คุณสามารถเปิดใช้ Voice Match สําหรับบ้านหรืออุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน Assistant ที่ต้องการ เช่น ลําโพง จออัจฉริยะ หรือนาฬิกาอัจฉริยะ โดยบ้านแต่ละหลังจะเปิดใช้ Voice Match ได้สูงสุด 6 คนในแอป Google Home
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Voice Match และผลการค้นหาเฉพาะบุคคล
สำคัญ: ภาษาที่คุณใช้ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ดูภาษาที่ใช้ได้ในอุปกรณ์ของคุณ
เปิด Voice Match
หากต้องการใช้ Voice Match จะต้องลิงก์บัญชี Google กับอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน Google Assistant หากมีบัญชี Google หลายบัญชี ให้เลือกบัญชีที่ต้องการใช้
-
เปิดแอป Google Home
ใน iPhone หรือ iPad
-
แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
การตั้งค่า Assistant
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- หากมีบ้านมากกว่า 1 หลัง ให้แตะบ้านที่ต้องการเพิ่ม Voice Match
-
แตะเริ่มต้นใช้งาน
-
ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ
- หากต้องการเปิด Voice Match โดยอัตโนมัติสําหรับลําโพง จออัจฉริยะ หรือนาฬิกาอัจฉริยะที่เพิ่มมาภายหลังในบ้านเดียวกัน ให้เปิดอุปกรณ์ที่คุณเพิ่มมาภายหลัง
ใน iPhone หรือ iPad
การตั้งค่า Assistant เคล็ดลับ: หากพบข้อผิดพลาดเมื่อพยายามเพิ่มอุปกรณ์ ให้ลองเข้าร่วมบ้านที่ลิงก์กับอุปกรณ์ดังกล่าว
จัดการการตั้งค่าเสียงและ Voice Match
ดูว่าอุปกรณ์ที่แชร์เครื่องไหนที่คุณเปิด Voice Match ไว้หากต้องการดูรายการอุปกรณ์ที่แชร์ เช่น ลําโพง จออัจฉริยะ และนาฬิกาอัจฉริยะ ให้ทําดังนี้
- เปิดแอป Google Home
- แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
การตั้งค่า Assistant
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- หากมีบ้านมากกว่า 1 หลัง ให้แตะบ้านหลังที่ต้องการตรวจสอบ
- เลื่อนลงเพื่อดูรายการอุปกรณ์ที่แชร์ที่คุณเปิด Voice Match ไว้
การตั้งค่า Assistant - เปิดแอป Google Home
- แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- แตะสอนให้ Assistant รู้จักเสียงของคุณอีกครั้ง
เมื่อปิด Voice Match สําหรับบ้าน คุณจะไม่ได้รับผลการค้นหาเฉพาะบุคคลในอุปกรณ์ใดๆ ในบ้านหลังนั้นอีก เว้นแต่คุณจะตั้งค่าผลการค้นหาเฉพาะบุคคลอีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อปิดการตั้งค่านี้ ระบบจะไม่ปิดการตั้งค่าอื่นๆ สำหรับเสียงของ Assistant หรือการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
- เปิดแอป Google Home
- แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- แตะบ้านหลังที่ต้องการนําเสียงของคุณออก
เมื่อปิด Voice Match สําหรับอุปกรณ์ คุณจะไม่ได้รับผลการค้นหาเฉพาะบุคคลในอุปกรณ์นั้นอีกต่อไป เว้นแต่คุณจะตั้งค่าผลการค้นหาเฉพาะบุคคลอีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อปิดการตั้งค่านี้ ระบบจะไม่ปิดการตั้งค่าอื่นๆ สำหรับเสียงของ Assistant หรือการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
- เปิดแอป Google Home
- แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- หากมีบ้านมากกว่า 1 หลัง ให้แตะบ้านที่มีอุปกรณ์นั้นอยู่
- ยกเลิกการเลือกช่องข้างอุปกรณ์ที่ต้องการปิด Voice Match
- แตะนำออก
เมื่อปิด Voice Match สําหรับอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาภายหลัง Assistant จะไม่จดจําเสียงของคุณและจะไม่แสดงผลการค้นหาเฉพาะบุคคลในอุปกรณ์เครื่องใหม่ที่เพิ่มไว้ในบ้าน
- เปิดแอป Google Home
- แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อของคุณที่ด้านขวาบน
- หากไม่เห็น "Voice Match" ให้แตะดูการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อน
- หากมีบ้านมากกว่า 1 หลัง ให้แตะบ้านหลังที่ต้องการอัปเดตการตั้งค่า Voice Match
- ปิดอุปกรณ์ที่คุณเพิ่มมาภายหลัง
เคล็ดลับ: คุณสามารถนำ Voice Match ออกจากอุปกรณ์ทั้งหมดได้เช่นกัน หากต้องการนำ Voice Match ออก ให้แตะนำ Voice Match ออกจากอุปกรณ์ทั้งหมด
ทำความเข้าใจว่าเสียงของคุณทำงานกับการตั้งค่าอื่นๆ อย่างไร
การทำงานของ Voice Match- หลังจากที่สอนให้ Google Assistant รู้จักเสียงของคุณแล้ว ระบบจะสร้างรูปแบบเสียงที่ไม่ซ้ำกันขึ้น โดยรูปแบบเสียงนี้จะสร้างขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์ของ Google และจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ที่คุณเปิดใช้ Voice Match เท่านั้น
- เมื่อมีคนพูดกับอุปกรณ์ของคุณ อุปกรณ์จะส่งรูปแบบเสียงไปให้ Google เพื่อประมวลผลคำพูดและพิจารณาว่าเป็นคุณหรือไม่โดยเปรียบเทียบกับรูปแบบเสียงดังกล่าว Google จะลบรูปแบบเสียงและข้อมูลการเปรียบเทียบทิ้งทันทีหลังประมวลผลข้อมูลเสร็จ
- หาก Google ระบุได้ว่าเป็นคุณ อุปกรณ์จะแสดงผลการค้นหาเฉพาะบุคคลให้
- หากไม่ตรงกัน อุปกรณ์จะถือว่าคำพูดนั้นเป็นของผู้อื่น และจะไม่แสดงผลการค้นหาเฉพาะบุคคล
- หากไม่มีใครเปิด Voice Match สําหรับอุปกรณ์ Google Assistant และผู้ที่ตั้งค่าอุปกรณ์ดังกล่าวอนุญาตให้มีผลการค้นหาเฉพาะบุคคล ทุกคนจะเข้าถึงผลการค้นหาเฉพาะบุคคลเหล่านั้นได้
- หลังจากเปิด Voice Match แล้ว Google Assistant จะไม่ตอบสนองด้วยผลการค้นหาเฉพาะบุคคลของคุณเมื่อได้ยินเสียงของคนอื่น
- หากเปิด Voice Match แล้วเลือกบริการเพลงและวิดีโอที่ต้องการ Google Assistant จะแนะนําเพลงและวิดีโอที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณได้
- เมื่อคนอื่นใช้อุปกรณ์ Google Assistant ที่คุณเปิด Voice Match ไว้ ประวัติการใช้สื่อของคุณและคําแนะนําจากบริการเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง
- หากไม่ต้องการให้คนอื่นใช้บริการสื่อของคุณ ลองบอกบุคคลเหล่านั้นให้เปิด Voice Match สําหรับอุปกรณ์ที่แชร์ แล้วลิงก์บริการเพลงและวิดีโอของตนเอง
Google อาจประมวลผลรูปแบบเสียงของคุณชั่วระยะเวลาหนึ่งจากเสียงที่บันทึกไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีเสียงของ Google หากคุณดําเนินการต่อไปนี้
- เปิด Voice Match และ
- เลือกบันทึกกิจกรรมเสียงพูดและเสียงจากการโต้ตอบกับ Search, Assistant และ Maps ในกิจกรรมบนเว็บและแอปในบัญชี Google ของคุณ
การตั้งค่านี้ช่วยให้ Google ปรับปรุงเทคโนโลยีเสียงและบริการของ Google ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว