กลุ่มเป้าหมายคืออะไร
กลุ่มเป้าหมายใน Google Analytics คือกลุ่มผู้ใช้จากเว็บไซต์และ/หรือแอปที่สร้างข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่คล้ายกัน หรือที่มีข้อมูลประชากรหรือข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ที่คล้ายกัน (เช่น กลุ่มอายุเดียวกัน เพศเดียวกัน หรือได้มาจากแคมเปญเดียวกัน)
เช่น คุณอาจต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้ทั้งหมดที่ได้ซื้อรายการประเภทใดก็ได้ (purchase event_count > 0)
คุณอาจพบว่ากลุ่มเป้าหมายนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะใช้งานได้จริงตามวัตถุประสงค์ในแคมเปญโฆษณา ในกรณีนี้ก็สามารถระบุผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ ที่มีพฤติกรรมและข้อมูลประชากรบางอย่างเหมือนกันมากขึ้นได้ เช่น
- ผู้ใช้จากแคลิฟอร์เนียที่ซื้อ 1-5 รายการ
- ผู้ใช้จากซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนียที่ซื้อ 1-5 รายการในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
- ผู้ใช้จากซานฟรานซิสโกที่ซื้อ 1-5 รายการในช่วง 7 วันที่ผ่านมาและผู้ที่ใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป
คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลที่รวบรวมได้ และยังกําหนดกลุ่มเป้าหมายให้กว้างหรือแคบได้ตามต้องการได้ด้วย เช่น ผู้ใช้ทั้งหมดที่ซื้อแว่นกันแดด หรือผู้ใช้ทั้งหมดที่ซื้อแว่นกันแดดสีดํากับเลนส์สะท้อนแสงสีฟ้า
เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอป และผู้ใช้ดังกล่าวมีพฤติกรรมและ/หรือข้อมูลรายละเอียดตรงกับเงื่อนไขกลุ่มเป้าหมาย ระบบก็จะเพิ่มผู้ใช้รายนั้นลงในกลุ่มเป้าหมาย อัตราความเร็วในการรวบรวมผู้ใช้ของกลุ่มเป้าหมายจะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ที่เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปมีพฤติกรรมและ/หรือมีข้อมูลรายละเอียดตรงกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการบ่อยแค่ไหน กลุ่มเป้าหมายที่มีคําจํากัดความกว้างกว่า (เงื่อนไขน้อยกว่า) จะรวบรวมผู้ใช้ได้เร็วกว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีคําจํากัดความแคบกว่า (เงื่อนไขมากกว่า)
Analytics จะทดแทนข้อมูลกลุ่มเป้าหมายด้วยข้อมูลสูงสุดไม่เกิน 30 วันในกรณีที่มีข้อมูลดังกล่าว หากคุณมีผู้ใช้ที่ตรงกับการกําหนดกลุ่มเป้าหมายแล้วในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ระบบจะเพิ่มผู้ใช้ในกลุ่มเป้าหมายนั้นทันที
กลุ่มเป้าหมายมีไว้เพื่ออะไร
คุณสามารถใช้กลุ่มเป้าหมายในรายงานและแคมเปญการโฆษณา
การรายงาน
หากคุณไม่ดําเนินการใดๆ นอกจากสร้างกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น คุณสามารถเปิดรายงานเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายใน Analytics และดูจำนวนผู้ใช้จากกลุ่มเป้าหมายนั้นที่เข้าชมเว็บไซต์/แอป จํานวน Conversion และเซสชันที่มีส่วนร่วม รวมถึงเทคโนโลยีที่ผู้ใช้เหล่านั้นใช้ในการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ
คุณสามารถใช้กลุ่มเป้าหมายเป็นพื้นฐานสําหรับการเปรียบเทียบในรายงาน (เลือกชื่อกลุ่มเป้าหมายเป็นมิติข้อมูลและเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสําหรับค่ามิติข้อมูล) จากนั้นคุณก็สามารถเปรียบเทียบกลุ่มเป้าหมายในบริบทของข้อมูลเดียวกันได้ เช่น กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าจากลอสแอนเจลิสซื้อแว่นกันแดดมากกว่ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าจากซานฟรานซิสโกไหม ใครซื้อไอเทมที่แพงกว่าบ้าง
ในโมดูลสํารวจ คุณสามารถใช้มิติข้อมูลชื่อกลุ่มเป้าหมายและชื่อกลุ่มเป้าหมายล่าสุดเพื่อเจาะลึกว่าวิธีการใดดีกว่ากันในการทำให้ได้กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม กลุ่มเป้าหมายใดที่ยังคงมีส่วนร่วมต่อไปเรื่อยๆ หลังจากได้รับกลุ่มเป้าหมายนั้นมาแล้ว ผู้ใช้กลุ่มนั้นสํารวจเนื้อหาและผ่าน Funnel เฉพาะเจาะจงที่คุณกำหนดไว้อย่างไร
การโฆษณา
หากพร็อพเพอร์ตี้ Analytics ลิงก์กับผลิตภัณฑ์การโฆษณาของ Google เช่น Google Ads, Display & Video 360 หรือ Search Ads 360 คุณจะแชร์กลุ่มเป้าหมาย Analytics กับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
ระบบจะแชร์กลุ่มเป้าหมายของผู้ซื้อที่ Analytics สร้างขึ้นโดยค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ทริกเกอร์เหตุการณ์ in_app_purchase หรือ purchase กับผลิตภัณฑ์การโฆษณาที่ลิงก์ไว้
เมื่อคุณสร้างลิงก์ผลิตภัณฑ์ระหว่าง Analytics กับผลิตภัณฑ์การโฆษณา และเลือกตัวเลือกเพื่อเปิดใช้โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ กลุ่มเป้าหมายจะใช้ได้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ตามพฤติกรรมออนไลน์ที่เฉพาะเจาะจง (เช่น โฆษณารีมาร์เก็ตติ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เคยดูในเว็บไซต์ของคุณแต่ยังไม่ได้ซื้อ)
เมื่อกลุ่มเป้าหมายใช้งานได้ในผลิตภัณฑ์การโฆษณาของ Google คุณจะใช้กลุ่มเป้าหมายนั้นเพื่อระบุผู้ที่ต้องการแสดงโฆษณาให้ดูได้ ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มเป้าหมายคือผู้ใช้ทั้งหมดที่ซื้อแว่นกันแดด เมื่อผู้ใช้รายใดรายหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายนั้นเปิดเว็บไซต์หรือแอปที่คุณโฆษณาอยู่ โฆษณาจะเข้าสู่การเสนอราคาโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงต่อผู้ใช้รายดังกล่าว วิธีนี้ช่วยให้คุณใช้จ่ายค่าโฆษณากับผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะตอบสนองต่อโฆษณามากที่สุด
ความแตกต่างระหว่างกลุ่มเป้าหมาย Universal Analytics กับ Google Analytics 4
Universal Analytics และ Google Analytics 4 ไม่ได้รวบรวมข้อมูลที่เหมือนกันทุกประการ มีมิติข้อมูลที่เหมือนกันในทั้ง 2 เวอร์ชัน (เช่น ประเทศ เมือง อายุ และเพศ) แต่ Analytics ทั้ง 2 เวอร์ชันจะรวบรวมข้อมูลที่แตกต่างกันสําหรับมิติข้อมูลอื่นๆ เช่น แหล่งที่มาและสื่อ ตัวอย่างเช่น ใน Universal Analytics หากคุณใช้พารามิเตอร์ utm_source เพื่อรวบรวมข้อมูล คุณจะได้รับค่าสําหรับมิติข้อมูลแหล่งที่มา หากคุณใช้พารามิเตอร์ utm_source ใน Google Analytics 4 คุณจะได้รับค่าสําหรับมิติข้อมูลแหล่งที่มา ,แหล่งที่มาของผู้ใช้ครั้งแรก และแหล่งที่มาของเซสชัน ใน Universal Analytics คุณมีเมตริกผู้ใช้จํานวนเซสชันต่อผู้ใช้ แต่ Google Analytics 4 จะไม่มีเมตริกนั้นอยู่
เนื่องจากข้อมูลจํานวนมากที่คุณใช้เพื่อกําหนดกลุ่มเป้าหมายใน Universal Analytics และ Google Analytics 4 นั้นแตกต่างกัน จึงต้องย้ายข้อมูลกลุ่มเป้าหมายจาก Universal Analytics ไปยัง Google Analytics 4 ด้วยตัวเอง โดยตรวจสอบการกำหนดกลุ่มเป้าหมายใน Universal Analytics แล้วสร้างใหม่ใน Google Analytics 4 ด้วยข้อมูลที่ตรงกันมากที่สุด
นอกจากรายละเอียดของข้อมูลที่แตกต่างกันแล้ว พื้นฐานของกลุ่มเป้าหมายจะเหมือนกันในทั้ง 2 เวอร์ชัน คุณสามารถสร้างด้วยวิธีเดียวกันโดยใช้เงื่อนไขที่อิงตามข้อมูล เช่น "รวมผู้ใช้ที่ซื้อแว่นกันแดด" หรือ "รวมผู้ใช้ที่ใส่แว่นกันแดดไว้ในรถเข็นแต่ไม่ได้ซื้อจริงๆ"
ความแตกต่างที่สําคัญอย่างหนึ่งคือ GA4 มีกลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์ แต่ UA ไม่มี ไปยังส่วนถัดไปเพื่อดูว่ากลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์คืออะไร
กลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์
กลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขอย่างน้อยหนึ่งข้อตามเมตริกตามการคาดการณ์ Analytics จะสร้างเมตริกตามการคาดการณ์โดยการจําลองข้อมูลที่คุณรวบรวม (ในกรณีที่คุณรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในปริมาณขั้นต่ำที่กำหนด) และคาดคะเนว่าผู้ใช้รายใดมีพฤติกรรมใด โมเดลการคาดการณ์จะประเมินข้อมูลของคุณเพื่อคาดการณ์ต่างๆ เช่น ผู้ใช้รายใดมีแนวโน้มจะซื้อ ผู้ใช้รายใดมีแนวโน้มจะเลิกใช้งาน (หยุดใช้เว็บไซต์/แอป) และผู้ใช้มีแนวโน้มจะสร้างรายได้เท่าใด
กลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์มีประโยชน์เมื่อคุณพิจารณาว่าจะใช้งบประมาณการตลาดกับใคร ระหว่างผู้ที่เคยซื้อสินค้าหรือผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะซื้อในอีก 7 วันข้างหน้าเท่านั้น
หาก Analytics กำลังสร้างเมตริกตามการคาดการณ์สําหรับพร็อพเพอร์ตี้อยู่ คุณจะสามารถใช้งานเมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายของคุณเองได้ เช่น "รวมผู้ใช้จากซานฟรานซิสโก AND ผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะซื้อใน 7 วันข้างหน้า"
ประโยชน์เพิ่มเติมของ Analytics ในการสร้างเมตริกตามการคาดการณ์คือ Analytics ใช้เมตริกดังกล่าวในการสร้างกลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์ เช่น ผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อภายใน 7 วันและผู้ที่คาดว่าจะใช้จ่ายสูงสุดในช่วง 28 วันซึ่งคุณจะนำมาใช้งานเลยก็ได้ หรือใช้เป็นพื้นฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองก็ได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมตริกตามการคาดการณ์และกลุ่มเป้าหมายตามการคาดการณ์