ใช้รายงานการเปรียบเทียบรูปแบบการระบุแหล่งที่มา เพื่อเปรียบเทียบว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกันจะส่งผลอย่างไรต่อการประเมินมูลค่าของช่องทางการตลาด
บทความนี้ประกอบด้วยรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่มีอยู่
รูปแบบการระบุแหล่งที่มา คือกฎหรือชุดของกฎที่กำหนดว่าจะให้เครดิตสำหรับการขายและ Conversion แก่ทัชพอยต์ในเส้นทาง Conversion อย่างไร ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่มีอยู่
วิธีใช้รายงาน
การเข้าถึงรายงาน
- ใน Google Analytics ให้คลิกการโฆษณาทางด้านซ้าย
- ไปที่การระบุแหล่งที่มา > การเปรียบเทียบรูปแบบการระบุแหล่งที่มา
เลือกช่วงวันที่และเหตุการณ์ Conversion
เริ่มต้นด้วยการเลือกช่วงวันที่จากเมนูแบบเลื่อนลงของเครื่องมือเลือกวันที่ทางด้านขวาบน จากนั้นเลือกเหตุการณ์ Conversion อย่างน้อย 1 รายการจากเมนูแบบเลื่อนลงที่ด้านซ้ายบนของรายงาน ซึ่งระบบจะเลือกเหตุการณ์ Conversion ทั้งหมดและรวมเข้าไว้ด้วยกันในรายงานโดยค่าเริ่มต้น
เพิ่มตัวกรอง (ไม่บังคับ)
รายงานจะแสดงข้อมูลจากผู้ใช้ทั้งหมด หากต้องการดูข้อมูลของกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ ให้คลิกเพิ่มตัวกรองที่ด้านซ้ายบน
คุณอาจใช้ตัวกรองดังต่อไปนี้
- กรองแคมเปญหนึ่งๆ เพื่อดูว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาให้คุณค่าแก่ทัชพอยต์ของแคมเปญนั้นๆ ได้อย่างไร โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกแคมเปญผู้ใช้ในส่วนการได้ผู้ใช้ใหม่ แล้วเลือกชื่อแคมเปญเป็นค่ามิติข้อมูล
- กรองภูมิภาคเพื่อทำความเข้าใจว่ารูปแบบการระบุแหล่งที่มาให้คุณค่าแก่ทัชพอยต์อย่างไร เมื่อพิจารณาจากแคมเปญต่างๆ ที่คุณมีในแต่ละภูมิภาค โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกภูมิภาคในส่วนผู้ใช้ แล้วเลือกค่ามิติข้อมูลที่ต้องการ
- กรองหมวดหมู่อุปกรณ์เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานบนอุปกรณ์ต่างๆ โดยให้สร้างตัวกรองรวม จากนั้นเลือกหมวดหมู่อุปกรณ์ในส่วนอุปกรณ์ แล้วเลือกเดสก์ท็อป อุปกรณ์เคลื่อนที่ และแท็บเล็ตเป็นค่ามิติข้อมูล
เลือกมิติข้อมูลที่จะรายงาน
ตารางข้อมูลจะแสดงข้อมูลที่แบ่งย่อยตามมิติข้อมูลกลุ่มแชแนลเริ่มต้น ใช้เมนูแบบเลื่อนลงเพื่อดูข้อมูลตามมิติข้อมูลแหล่งที่มา/สื่อ แหล่งที่มา สื่อ หรือแคมเปญ
เลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาเพื่อเปรียบเทียบ
ใช้เมนูแบบเลื่อนลงในคอลัมน์รูปแบบการระบุแหล่งที่มา (ไม่ใช่แบบโดยตรง) เพื่อเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่จะเปรียบเทียบ
ปรับแต่งรายงาน
คลิกแก้ไขการเปรียบเทียบ เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่แสดงในรายงาน ในแผงปรับแต่งรายงาน คุณสามารถเพิ่มตัวกรองหรือเปลี่ยนเวลาในการรายงานได้
ตัวกรอง
รายงานจะแสดงข้อมูลจากผู้ใช้ทุกคน คลิกชื่อตัวกรองเพื่อแก้ไขหรือเพิ่มตัวกรอง
เวลาในการรายงาน
ค่าเริ่มต้นคือเวลาที่เกิด Conversion
- เวลาที่เกิด Conversion: แสดงเครดิตที่มีการระบุแหล่งที่มาสำหรับทุกทัชพอยต์ที่เกิดขึ้นในกรอบเวลา Conversion ก่อนที่จะเกิด Conversion ในช่วงเวลาที่ระบุ โปรดทราบว่าทัชพอยต์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาที่ระบุ
- เวลาในการโต้ตอบ: แสดงเครดิตที่มีการระบุแหล่งที่มาสำหรับทุกทัชพอยต์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบุ โปรดทราบว่า Conversion อาจเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ระบุ
แชร์ ดาวน์โหลด หรือส่งออกรายงาน
คลิกแชร์รายงานนี้ ที่ด้านขวาบนเพื่อแชร์ ดาวน์โหลด หรือส่งออกข้อมูลที่แสดงในตารางในปัจจุบัน
ทำความเข้าใจข้อมูล
ตารางข้อมูลจะแสดงข้อมูลที่แบ่งย่อยตามมิติข้อมูลกลุ่มแชแนลเริ่มต้น โดยจะแสดง 2 เมตริกที่คํานวณตามรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่เลือกสําหรับแต่ละแชแนล ได้แก่
- Conversion: จํานวน Conversion ที่ระบุว่ามาจากมิติข้อมูลที่เลือก
- รายได้: จํานวนรายได้ที่ระบุว่ามาจากมิติข้อมูลที่เลือก
เมตริกรายได้ในรายงานใช้วิธีการคํานวณเดียวกับที่ใช้สําหรับเมตริกรายได้จากการซื้อ
คอลัมน์ % การเปลี่ยนแปลงจะแสดงเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ Conversion และรายได้เมื่อใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน
มิติข้อมูลที่ระบุแหล่งที่มาไม่ได้
ในบางกรณี Analytics จะไม่สามารถแสดงค่ามิติข้อมูลได้เนื่องจากค่าขาดหายไปหรือไม่พร้อมใช้งาน ดังนั้นรายงานอาจแสดงค่าต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ค่า เพื่อให้ข้อมูลเครดิตรายได้และ Conversion ที่ได้รับทั้งหมดมีความถูกต้องแม่นยำ
ค่า | คำจำกัดความ |
---|---|
(not set) | (not set) เป็นชื่อตัวยึดตำแหน่งที่ Analytics ใช้เมื่อไม่ได้รับข้อมูลสำหรับมิติข้อมูลที่คุณเลือกไว้ ตัวอย่างเช่น URL ที่ติดแท็กด้วยตนเองอาจไม่มีพารามิเตอร์ เช่น แคมเปญ แหล่งที่มา หรือสื่อ |
Unassigned |
Unassigned คือค่าที่ Analytics ใช้เมื่อไม่มีกฎแชแนล อื่นๆ ที่ตรงกับข้อมูลเหตุการณ์ |
Direct |
Direct คือค่าที่ Analytics ใช้เมื่อไม่มีข้อมูลเส้นทางที่ให้เครดิตกับ Conversion ตัวอย่างเช่น การนําเข้าข้อมูล |
Unattributable | ไม่สามารถให้เครดิตสําหรับมิติข้อมูลที่คุณเลือก |
(Other) | (Other) คือค่าที่ Analytics ใช้กับแถวรวมเนื่องจากขีดจำกัดของ Cardinality ดูข้อมูลเพิ่มเติม |