การใช้รายงานกิจกรรมของผู้ใช้

รายงานกิจกรรมของผู้ใช้ช่วยให้คุณเห็นข้อมูลต่างๆ ของแอปได้แบบรอบด้าน โดยจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้มีส่วนร่วม และวิธีการสร้างรายได้จากแอป คุณใช้รายงานนี้เพื่อทำสิ่งต่อไปนี้ 

• ตรวจสอบประสิทธิภาพการทํางานของแอป (ผู้ใช้ที่ใช้แอปของฉันทุกวันมีจำนวนกี่คน)
• ทําความเข้าใจผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อแอป (รายได้โดยรวมต่อผู้ใช้คืออะไร ผลกระทบของการเผยแพร่แอปล่าสุดที่มีต่อเมตริกนี้มีอะไรบ้าง)
• ระบุโอกาสในการเพิ่มรายได้ (ผู้ใช้ดูโฆษณากี่รายการในแต่ละวันสำหรับแต่ละรูปแบบ ฉันควรเพิ่มไหม)
• ระบุโอกาสเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้งานแอป (ผู้ใช้เข้าใช้แอปวันละกี่เซสชัน ฉันจะเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแอปได้อย่างไร)
• การแก้ปัญหา (การเปลี่ยนแปลงด้านรายได้สัมพันธ์กับจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายวันหรือจํานวนการแสดงโฆษณาต่อวันที่เปลี่ยนไปหรือไม่)

หมายเหตุ: หากต้องการใช้รายงานกิจกรรมของผู้ใช้ คุณต้องติดตั้ง Google Mobile Ads SDK เวอร์ชันล่าสุด (18.1.0 ขึ้นไปสําหรับ Android หรือ 7.44 ขึ้นไปสําหรับ iOS) และรวบรวมเมตริกผู้ใช้ หากต้องการรวบรวมข้อมูลเมตริกผู้ใช้ ให้ลิงก์แอปใน AdMob กับ Firebase และผสานรวม SDK ของ Google Analytics สําหรับ Firebase เข้ากับแอปของคุณ (Android, iOS)

หากต้องการดูข้อมูลการซื้อในแอปของแอป Android คุณต้องทําดังนี้

• ลิงก์แอปกับโปรเจ็กต์ Firebase
• ลิงก์บัญชี Google Play ของคุณกับโปรเจ็กต์ Firebase

ตัวกรอง

ตัวกรองจะทำหน้าที่ซ่อนข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการจากรายงาน การเลือกตัวกรองคือการกำหนดสิ่งที่คุณต้องการให้มีในรายงาน และ AdMob จะซ่อนทุกสิ่งที่ไม่ตรงกับเกณฑ์ในตัวกรอง

รายการต่อไปนี้จะใช้ได้กับรายงานนี้และรายงานที่บันทึกไว้ที่ใช้เป็นเทมเพลต

แอป (จำเป็น)

1. เลือกแอปที่คุณต้องการใช้กรอง โดยต้องเลือก 1 แอป ข้อมูลสำหรับแอปที่เลือกจะแสดงในรายงาน คุณใช้ช่องค้นหาเพื่อหาแอปที่ต้องการได้โดยการระบุชื่อ
2. คลิกใช้เพื่อใช้ตัวกรองกับรายงาน
3. หากต้องการเพิ่มตัวกรองอื่น ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง แล้วเลือกอีกครั้ง

ประเทศ

1. ทำเครื่องหมายในช่องถัดจากภูมิภาคหรือประเทศที่คุณต้องการใช้กรอง คลิกปุ่มลูกศรเพื่อแสดงประเทศในแต่ละภูมิภาคหากต้องการกรองแบบละเอียดมากขึ้น
2. คลิกใช้เพื่อใช้ตัวกรองกับรายงาน
3. หากต้องการเพิ่มตัวกรองอื่น ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง แล้วเลือกอีกครั้ง

มิติข้อมูล

มิติข้อมูลจะทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดวิธีจัดระเบียบรายงาน เช่น หากต้องการดูรายได้แบ่งตามประเทศ คุณจะต้องเพิ่มมิติข้อมูลประเทศ การเพิ่มมิติข้อมูลใหม่ๆ จะเป็นการปรับแต่งและจัดระเบียบข้อมูลใหม่

รายการต่อไปนี้จะใช้ได้กับรายงานนี้และรายงานที่บันทึกไว้ที่ใช้เป็นเทมเพลต

• วันที่: ดูประสิทธิภาพตามวันที่
• ประเทศ: ดูประสิทธิภาพโดยแบ่งตามประเทศของผู้ใช้แอป 
• เวอร์ชันแอป: ดูประสิทธิภาพตามเวอร์ชันแอป เวอร์ชันแอปจะเปลี่ยนไปตามการอัปเดตแอปแต่ละครั้ง  

เมตริก

เมตริกจะทำหน้าที่เป็นตัวบ่งบอกประเภทของข้อมูลหรือค่าที่อยู่ในรายงาน โดยมักจะจัดเป็นคอลัมน์และประกอบด้วยตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ เมื่อมีการเพิ่มมิติข้อมูล ระบบจะคำนวณค่าของเมตริกใหม่โดยอิงตามลำดับใหม่หรือการจัดกลุ่มที่มิติข้อมูลสร้างขึ้น การเพิ่มหรือนำเมตริกออกจะเพิ่มหรือนำคอลัมน์ข้อมูลออกจากรายงาน

รายการต่อไปนี้จะใช้ได้กับรายงานนี้และรายงานที่บันทึกไว้ที่ใช้เป็นเทมเพลต

รายได้จากโฆษณา

รายได้โดยประมาณที่มาจากโฆษณา ซึ่งรวมรายได้จากเครือข่าย AdMob แหล่งที่มาของโฆษณาที่ใช้การเสนอราคา และรายได้ของบุคคลที่สามโดยประมาณ

รายได้จากโฆษณา / DAV

รายได้เฉลี่ยที่มาจากโฆษณาต่อผู้ดูโฆษณารายวัน (DAV)  

จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวัน (DAU)

จำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำซึ่งเปิดแอป 

จำนวนผู้ดูโฆษณารายวัน (DAV)

จำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำซึ่งดูโฆษณา 

หมายเหตุ: จํานวน DAV ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ขั้นต่ำจึงจะแสดงข้อมูลได้ ซึ่งหมายความว่าคุณอาจเห็น DAV เป็น 0 แม้ว่าจํานวนการแสดงผลจะไม่ใช่ 0 ก็ตาม

% DAV

เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันซึ่งดูโฆษณาของคุณ คำนวณได้ดังนี้

จำนวนผู้ดูโฆษณารายวัน (DAV) / จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวัน (DAU) x 100%

รายได้จากการซื้อ (รวมค่าธรรมเนียม)  

รายได้โดยประมาณจากการซื้อในแอป (IAP) การสมัครใช้บริการ (รวมถึงการต่ออายุ) และการซื้อจากอีคอมเมิร์ซ โปรดทราบว่าจำนวนนี้ยังไม่ได้หักค่าบริการและ/หรือค่าคอมมิชชันออก 

หมายเหตุ: หากต้องการดูข้อมูล IAP สําหรับแอป Android คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้

• ลิงก์แอปกับโปรเจ็กต์ Firebase 
• ลิงก์บัญชี Google Play ของคุณกับโปรเจ็กต์ Firebase

การแสดงผล

จำนวนโฆษณาทั้งหมดที่แสดงต่อผู้ใช้

หมายเหตุ: เมื่อแหล่งที่มาของโฆษณาสื่อกลางตามลำดับขั้นของบุคคลที่สามแสดงโฆษณาแบนเนอร์ AdMob จะนับการแสดงผลเมื่ออะแดปเตอร์ของบุคคลที่สามส่งการเรียกกลับของจำนวนโฆษณา ซึ่งอาจทำให้การแสดงผลที่รายงานระหว่าง AdMob กับแหล่งที่มาของโฆษณาของบุคคลที่สามมีความคลาดเคลื่อน เช่น หากโหลดโฆษณาแบนเนอร์ที่ไม่แสดงทันทีไว้ล่วงหน้า คุณอาจสังเกตเห็นการแสดงผลที่สูงขึ้นที่รายงานใน AdMob

การแสดงผล / DAU

จํานวนเฉลี่ยของโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้ที่ใช้งานรายวัน (DAU) ต่อวัน

ซึ่งบางครั้งเรียกว่าความหนาแน่นของโฆษณาหรือจำนวนโฆษณา

จำนวนการแสดงผล / DAV    

จํานวนเฉลี่ยของโฆษณาที่แสดงต่อผู้ดูโฆษณารายวัน (DAV) ต่อวัน 

การแสดงผล / เซสชัน

จํานวนการแสดงผลเฉลี่ยที่แสดงระหว่างแต่ละเซสชัน 

รายได้โดยรวม

รายได้โดยประมาณทั้งหมด รวมถึงรายได้จากโฆษณาและรายได้จากการซื้อ 

รายได้จากโฆษณาประกอบด้วยรายได้จากเครือข่าย AdMob แหล่งที่มาของโฆษณาซึ่งใช้การเสนอราคา และรายได้โดยประมาณของบุคคลที่สาม 

รายได้จากการซื้อประกอบด้วยรายได้จากการซื้อในแอป (IAP) การสมัครใช้บริการ (รวมถึงการต่ออายุ) และการซื้อจากอีคอมเมิร์ซ  

รายได้โดยรวม / DAU

รายได้โดยรวมเฉลี่ยต่อผู้ใช้ที่ใช้งานรายวัน (DAU) และบางครั้งเรียกว่า ARPDAU 

รายได้โดยรวมประกอบด้วยรายได้จากโฆษณาและการซื้อในแอป (IAP) การสมัครใช้บริการ (รวมถึงการต่ออายุ) และการซื้ออีคอมเมิร์ซ คำนวณได้ดังนี้

(รายได้จากโฆษณา + รายได้จากการซื้อ) / DAU 

หมายเหตุ: หากต้องการดูข้อมูล IAP สําหรับแอป Android คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้

• ลิงก์แอปกับโปรเจ็กต์ Firebase 
• ลิงก์บัญชี Google Play ของคุณกับโปรเจ็กต์ Firebase

รายได้ที่ได้รับรางวัล / ผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล   

รายได้โดยประมาณจากโฆษณาที่มีการให้รางวัลเกิดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับรางวัลแต่ละราย

กิจกรรมที่มีการให้รางวัล    

จํานวนครั้งที่ได้รับรางวัลหลังจากดูโฆษณาที่มีการให้รางวัล 

กิจกรรมที่มีการให้รางวัล (%)

เปอร์เซ็นต์ของการแสดงผลที่มีการให้รางวัลที่ทําให้ผู้ใช้ได้รับรางวัล คำนวณได้ดังนี้

(กิจกรรมที่มีการให้รางวัล / การแสดงผลที่มีการให้รางวัล) x 100

การแสดงผลที่มีการให้รางวัล / ผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล    

จํานวนโฆษณาที่มีการให้รางวัลที่แสดงโดยเฉลี่ยต่อผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล

ผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล    

จำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำที่ได้รับรางวัลจากการโต้ตอบกับโฆษณาที่มีการให้รางวัล

ผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล (%)    

เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ได้รับรางวัลจากการดูโฆษณาที่มีการให้รางวัล ซึ่งคํานวณโดย

(ผู้ใช้ที่ได้รับรางวัล / DAU) * 100%

เซสชัน / DAU

ระบบจะนับเซสชันเมื่อแอปทํางานอยู่ในเบื้องหน้าของอุปกรณ์ เซสชันจะสิ้นสุดลงเมื่อแอปย้ายไปทำงานเบื้องหลังหรือหลังจากไม่มีการใช้งาน 30 นาที