หากต้องทํางานกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานจากระยะไกลและในสํานักงาน โปรดดูวิธีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการทํางานแบบผสมผสาน

อัปเดตข้อมูลหลังวันหยุด

บทแนะนําทางธุรกิจของ Google Workspace
หากต้องการใช้แอป Google ในที่ทำงานหรือโรงเรียน  ลงชื่อสมัครทดลองใช้ Google Workspace

""สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้มีดังนี้

"" วิธีใช้ฟีเจอร์ของ Google Workspace เพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วเมื่อกลับมาทำงาน

สิ่งที่ต้องมี

"" ประมาณ 10 นาที
บัญชี บัญชี Google Workspace  หากยังไม่มีบัญชี เริ่มช่วงทดลองใช้ 14 วันได้เลย

" "

ในบทแนะนำนี้

""
รีเซ็ตการแจ้งเตือนและการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ ตรวจสอบรายการที่ยังไม่ได้ดู เริ่มงาน
" "

 1  รีเซ็ตการแจ้งเตือนและการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ


ขยายทั้งหมด  |  ยุบทั้งหมดยุบทั้งหมด
 

1.1 เปิดการแจ้งเตือน Google Workspace อีกครั้ง

หากคุณปิดการแจ้งเตือนสำหรับบริการของ Google Workspace ไว้เมื่ออยู่ในช่วงลางาน ให้เปิดการแจ้งเตือนใหม่อีกครั้ง

วิธีเปิดการแจ้งเตือนกิจกรรมใน Google ปฏิทิน

  1. ในปฏิทิน ให้คลิกการตั้งค่า การตั้งค่าจากนั้นการตั้งค่า
  2. ในส่วนทั่วไปทางด้านซ้าย ให้คลิกการตั้งค่ากิจกรรม
  3. คลิกการแจ้งเตือนและเลือกตัวเลือกดังนี้
    • ปิด
    • การแจ้งเตือนในเดสก์ท็อป
    • การแจ้งเตือน
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการตั้งเสียงการแจ้งเตือนที่เข้ามาใหม่ ให้เลือกช่องเล่นเสียงการแจ้งเตือน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการจัดการการแจ้งเตือน ให้คลิกปฏิทินจากนั้นการแจ้งเตือนทั่วไปทางด้านซ้าย
  6. ถัดจากตัวเลือกแต่ละข้อ ให้คลิกลูกศรลง "" แล้วเลือกไม่มีหรืออีเมล

จัดการการแจ้งเตือนกิจกรรม

วิธีเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนของ Google Chat

สำหรับข้อความใน Chat

  1. เปิด Gmail
  2. ที่ด้านบน ให้คลิกสถานะจากนั้นการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแชท
  3. ในส่วนเดสก์ท็อป ให้คลิกลูกศรลง "" แล้วเลือกตัวเลือกดังนี้
    • ข้อความทั้งหมด - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและข้อความในพื้นที่ทำงานทั้งหมด
    • ชุดข้อความใหม่ ชุดข้อความที่ฉันติดตามและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวทั้งหมด ข้อความแรกของแต่ละชุดข้อความใหม่ และชุดข้อความทั้งหมดที่ติดตามอยู่
    • ชุดข้อความที่ฉันติดตามและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและชุดข้อความทั้งหมดที่ติดตามอยู่
    • เฉพาะการ @พูดถึงและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและการ @พูดถึงในพื้นที่ทำงาน
    • ปิด - ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการให้ระบบเล่นเสียงการแจ้งเตือนของแชทที่เข้ามาใหม่ ให้เลือกช่องเล่นเสียงการแจ้งเตือน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการรับข้อความขาเข้าในหน้าต่างป๊อปอัปใน Gmail ให้เลือกช่องเปิดป๊อปอัปแชทขึ้นหากมีข้อความใหม่
  6. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนทางอีเมลสำหรับข้อความที่ยังไม่อ่าน ในส่วนอีเมล ให้เลือกเฉพาะข้อความ @พูดถึงและข้อความส่วนตัวหรือปิด

    การแจ้งเตือนทางอีเมลจะมีผลกับข้อความที่คุณยังไม่อ่านหลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมง โดยระบบจะไม่ได้ส่งอีเมลแจ้งสำหรับการ @พูดถึง

สำหรับข้อความ Chat ใน Gmail

  1. เปิด Gmail
  2. ที่ด้านบน ให้คลิกสถานะจากนั้นการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแชท
  3. ในส่วนเดสก์ท็อป ให้คลิกลูกศรลง "" แล้วเลือกตัวเลือกดังนี้
    • ข้อความทั้งหมด - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและข้อความในพื้นที่ทำงานทั้งหมด
    • ชุดข้อความใหม่ ชุดข้อความที่ฉันติดตามและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวทั้งหมด ข้อความแรกของแต่ละชุดข้อความใหม่ และชุดข้อความทั้งหมดที่ติดตามอยู่
    • ชุดข้อความที่ฉันติดตามและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและชุดข้อความทั้งหมดที่ติดตามอยู่
    • เฉพาะการ @พูดถึงและข้อความส่วนตัว - รับการแจ้งเตือนสำหรับข้อความส่วนตัวและการ @พูดถึงในพื้นที่ทำงาน
    • ปิด - ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการให้ระบบเล่นเสียงการแจ้งเตือนของแชทที่เข้ามาใหม่ ให้เลือกช่องเล่นเสียงการแจ้งเตือน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการรับข้อความขาเข้าในหน้าต่างป๊อปอัปใน Gmail ให้เลือกช่องเปิดป๊อปอัปแชทขึ้นหากมีข้อความใหม่
  6. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนทางอีเมลสำหรับข้อความที่ยังไม่อ่าน ในส่วนอีเมล ให้เลือกเฉพาะข้อความ @พูดถึงและข้อความส่วนตัวหรือปิด

    การแจ้งเตือนทางอีเมลจะมีผลกับข้อความที่คุณยังไม่อ่านหลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมง โดยระบบจะไม่ได้ส่งอีเมลแจ้งสำหรับการ @พูดถึง

1.2 ปิดการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ

หมายเหตุ: หากต้องการใช้การช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ บัญชีของคุณต้องมีอายุอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

  1. เปิด Gmail
  2. ที่ด้านขวาบน ให้คลิกการตั้งค่า ""จากนั้นดูการตั้งค่าทั้งหมด
  3. เลื่อนลงไปที่การช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ แล้วเลือกใช้งานการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติหรือไม่ใช้งานการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ
  4. หากเปิดการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ ให้ป้อนวันที่ที่ไม่ได้ใช้และเพิ่มข้อความ จากนั้นเลือกบุคคลที่ควรได้รับการตอบกลับ
  5. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ด้านล่าง
ตั้งค่าการช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ

↑ กลับไปด้านบน

" "

2 ตรวจสอบรายการที่ยังไม่ได้ดู

 

2.1 ดูอีเมลที่เป็นข้อความสำคัญ
  1. เปิด Gmail
  2. คลิกการตั้งค่า "" ที่ด้านขวาบน
  3. ในส่วนประเภทกล่องจดหมาย ให้คลิกค่าเริ่มต้นแล้วเลือกตัวเลือกดังต่อไปนี้
    • สำคัญปรากฏก่อน
    • ยังไม่อ่านปรากฏก่อน
    • ติดดาวปรากฏก่อน

      หมายเหตุ: คุณจะเห็นส่วนสำคัญ ยังไม่อ่าน และติดดาวปรากฏที่ด้านบนสุดของกล่องจดหมาย และอีเมลอื่นๆ ที่เหลือจะรวมอยู่ในส่วนสิ่งอื่นๆ
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการซ่อนอีเมลในแต่ละส่วน ให้คลิกลูกศรขึ้น "" ด้านข้างชื่อของส่วนที่ต้องการซ่อน
  5. หากต้องการแสดงอีเมลอีกครั้ง ให้คลิกลูกศรลง ""
2.2 ตอบกลับคำเชิญเข้าร่วมการประชุมใหม่

เมื่อคุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนั้นจะปรากฏในปฏิทินของคุณ นอกจากนี้คุณยังได้รับข้อความเชิญทางอีเมลหากคุณสมัครรับการแจ้งเตือนทางอีเมล โดยหากคุณใช้ Gmail คุณจะตอบกลับคำเชิญทางอีเมลได้

วิธีการตอบกลับคำเชิญ

  1. ในตารางปฏิทิน ให้คลิกกิจกรรม
  2. ที่ด้านล่างถัดจากไปไหม ให้คลิกใช่ ไม่ หรืออาจจะ

เคล็ดลับ: หากต้องการตอบกลับกิจกรรมจาก Gmail ให้เปิดอีเมล จากนั้นคลิกใช่ ไม่ หรืออาจจะถัดจากไปไหม

ผู้เข้าร่วมทุกคนจะเสนอเวลาใหม่ได้ ยกเว้นกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คนหรือกิจกรรมตลอดวัน

ตอบกลับกิจกรรมในปฏิทิน
2.3 สร้างรายการตรวจสอบงานหลังการท่องเที่ยว

วิธีการสร้างงานจากอีเมล

  1. ไปที่ Gmail
  2. คลิก Tasks Tasks ทางด้านขวา
  3. ค้นหาอีเมลที่ต้องการบันทึกเป็นงาน
  4. ลากและวางอีเมลไว้ที่แผงด้านข้าง
  5. หากต้องการเพิ่มวันที่และเวลา ให้คลิกวันที่/เวลา
ย้ายการสนทนาเพื่อสร้างงาน
2.4 ตรวจหารายการสิ่งสำคัญที่ต้องทำ

ตรวจสอบว่าคุณเข้าดูการเปลี่ยนแปลงสำคัญในไฟล์ Google ไดรฟ์หรือรายการสิ่งที่ต้องทำในบริการอื่นๆ ของ Google Workspace เช่น Tasks ในปฏิทินหรือ Gmail แล้ว

คุณสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงในรายการที่สร้างหรืออัปโหลดในไดรฟ์ได้ นอกจากนี้ยังดูข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับไฟล์และโฟลเดอร์ของคุณได้อีกด้วย หากต้องการดูกิจกรรมของไฟล์หรือโฟลเดอร์ ให้เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการแล้วคลิกข้อมูล ""

วิธีการดูกิจกรรมของไดรฟ์ในแท็บกิจกรรม

ดูการเปลี่ยนแปลงที่ทำกับไฟล์ในไดรฟ์ และติดตามว่าใครเป็นผู้เปลี่ยนแปลง คุณอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีคนดำเนินการดังนี้

  • แก้ไขหรือแสดงความคิดเห็นใน Google เอกสาร
  • เปลี่ยนชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์
  • ย้ายหรือนำไฟล์หรือโฟลเดอร์ออก
  • อัปโหลดไฟล์ใหม่ในโฟลเดอร์
  • แชร์หรือเลิกแชร์รายการ

สำคัญ: ประวัติเวอร์ชันสำหรับ Google เอกสาร ชีต และสไลด์นั้นแตกต่างจากประวัติสำหรับไฟล์ .pdf, รูปภาพ และไฟล์อื่นๆ ที่เก็บไว้ในไดรฟ์ โปรดอ่านวิธีดูประวัติการเปลี่ยนแปลงของไฟล์ Google 


วิธีการดูกิจกรรมของไดรฟ์ในแท็บรายละเอียด

  1. ในไดรฟ์ที่ด้านบนของแผงกิจกรรม ให้คลิกรายละเอียดเพื่อดูข้อมูลและการเปลี่ยนแปลง เช่น
    • ประเภทไฟล์และเจ้าของ
    • ขนาดโฟลเดอร์และจำนวนรายการ
    • บุคคลที่แก้ไข สร้าง หรือเปิดรายการครั้งล่าสุด
  2. คลิกแก้ไข "" เพื่อเพิ่มรายละเอียดของรายการ

ดูกิจกรรมของไฟล์


วิธีการดู Tasks บนเว็บเบราว์เซอร์ใน Gmail หรือปฏิทิน

คุณสามารถเพิ่มงานลงในแผงด้านข้างในแอป Google Workspace ได้บางแอป
  1. ไปที่ Gmail, ปฏิทิน, Chat, ไดรฟ์ หรือไฟล์ใน Google เอกสาร, ชีต หรือสไลด์
    • ข้อสำคัญ: หากคุณไม่เห็นแอป Tasks ให้คลิกลูกศรที่ด้านล่างขวาของหน้าจอเพื่อขยายแผง
  2. คลิก Tasks Tasks ทางด้านขวา

เคล็ดลับ: คุณสามารถสร้าง มอบหมาย แก้ไข ทำเครื่องหมายว่าเสร็จ และลบงานของกลุ่มในพื้นที่ทำงานใน Gmail ได้


วิธีการดู Tasks ในอุปกรณ์ Android

  1. แตะ Play Store Google Play เพื่อเปิด Google Play
  2. ติดตั้งแอป Tasks


วิธีการดู Tasks ในอุปกรณ์ iOS

ติดตั้งแอป Tasks สำหรับ Apple iPhone หรือ iPad

คลิกที่ดินสอเพื่อเพิ่มงาน

2.5 ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงไฟล์ของคุณ

วิธีการดูการเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยย่อ

  1. ให้เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์
  2. หากมีการเปลี่ยนแปลงเอกสารใหม่ คุณจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ได้
    • ถัดจากแถบเมนูให้คลิกดูการเปลี่ยนแปลงใหม่
    • คลิกไฟล์จากนั้นดูการเปลี่ยนแปลงใหม่
  3. ให้ใช้ลูกศรเพื่อเลื่อนดูรายการการเปลี่ยนแปลงที่ด้านบน ข้อความที่เพิ่มจะถูกไฮไลต์และข้อความที่ถูกลบจะมีขีดทับ
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการดูประวัติการแก้ไขทั้งหมดของเอกสาร ให้คลิกดูประวัติการแก้ไขที่มุมด้านบน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการกลับไปที่มุมมองเดิม ให้คลิกลูกศรย้อนกลับที่ด้านบน


วิธีการดูหรือเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. ให้เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์
  2. จากเอกสาร ชีต หรือสไลด์ ให้เลือกไฟล์จากนั้นประวัติเวอร์ชันจากนั้นดูประวัติเวอร์ชัน

    หมายเหตุ: คุณต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงแบบเจ้าของหรือเอดิเตอร์เพื่อเข้าถึงไฟล์

  3. คลิกการประทับเวลาเพื่อดูไฟล์เวอร์ชันก่อนหน้า ใต้การประทับเวลา คุณจะเห็นข้อมูลต่อไปนี้
    • ชื่อของผู้ที่แก้ไขเอกสาร
    • สีถัดจากชื่อของแต่ละคน โดยการแก้ไขจะมีสีตามชื่อของผู้ที่แก้ไข
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับ ตั้งชื่อ หรือคัดลอกเวอร์ชันก่อนหน้า ให้คลิกดังนี้
    • คืนค่าเวอร์ชันนี้เพื่อทำให้เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานอยู่
    • เพิ่มเติม ""จากนั้นตั้งชื่อเวอร์ชันนี้เพื่อตั้งชื่อเวอร์ชันก่อนหน้า 
    • เพิ่มเติม ""จากนั้นทำสำเนาเพื่อสร้างสำเนาของเวอร์ชันก่อนหน้า

ดูประวัติเวอร์ชันโดยคลิก "ไฟล์" พร้อมด้วยตัวเลือกให้ "ดูการเปลี่ยนแปลงใหม่" ที่ไฮไลต์ที่ด้านบนขวา

↑ กลับไปด้านบน

" "

3  เริ่มงาน


 

3.1 รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับงานที่สำคัญและกำลังจะมาถึง

หากต้องการทราบลำดับความสำคัญของงานปัจจุบันหรือแผนการทำงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ส่งอีเมลถึงทีมหรือส่งข้อความเพื่อสอบถามจากเพื่อนร่วมงานใน Chat

  1. ไปที่ Gmail ในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกเขียน ที่ด้านซ้ายบน
  3. เพิ่มผู้รับในช่อง "ถึง" นอกจากนี้คุณยังเพิ่มผู้รับด้วยวิธีต่อไปนี้ได้ด้วย
    • ในช่อง "สำเนา" และ "สำเนาลับ"
    • เมื่อเขียนข้อความ ให้พิมพ์เครื่องหมาย "+" หรือ "@" แล้วตามด้วยชื่อของผู้ที่คุณติดต่อในช่องข้อความ
  4. เพิ่มเรื่อง
  5. เขียนข้อความ
  6. คลิกส่งที่ด้านล่างของหน้า

เคล็ดลับ: หากต้องการเพิ่มผู้รับรายบุคคลและกลุ่มรายชื่อติดต่อที่คุณสร้างป้ายกำกับติดเอาไว้ ให้คลิกถึง: 


วิธีส่งข้อความส่วนตัวถึงผู้อื่น

  1. ไปที่ Google Chat หรือบัญชี Gmail ของคุณ
  2. หากไม่พบชื่อในส่วน "แชท" ให้คลิกเริ่มแชท ""
  3. ป้อนชื่อหรืออีเมล คำแนะนำจะปรากฏขึ้นขณะที่ป้อนข้อความ
    • หากต้องการส่งข้อความแบบ 1:1 ถึงบุคคลภายนอกองค์กร ให้ป้อนอีเมลแของบุคคลนั้น
  4. คลิกคนที่ต้องการส่งข้อความถึง
  5. ป้อนข้อความแล้วคลิกส่ง ""


วิธีเริ่มการสนทนากลุ่ม

  1. ไปที่ Google Chat หรือบัญชี Gmail ของคุณ
  2. ในส่วน "แชท" ให้คลิกการสนทนากลุ่มที่มีอยู่ จากนั้นป้อนข้อความ จากนั้น คลิกส่ง ""
  3. หากการสนทนากลุ่มไม่ได้อยู่ในส่วน "แชท" ให้คลิกเริ่มแชท "" จากนั้น เริ่มการสนทนากลุ่ม
  4. ป้อนชื่อหรืออีเมล คำแนะนำจะปรากฏขึ้นขณะที่ป้อนข้อความ
  5. คลิกเสร็จสิ้น ""
  6. ป้อนข้อความแล้วคลิกส่ง ""

ส่งข้อความถึงกลุ่ม

3.2 ตรวจสอบเอกสารส่งต่องาน

หากคุณสร้างเอกสารส่งต่องานให้กับเพื่อนร่วมงานในขณะที่คุณไม่อยู่ ให้ตรวจสอบว่ามีการอัปเดตหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่

  1. ให้เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์
  2. หากมีการเปลี่ยนแปลงเอกสารใหม่ คุณจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ได้
    • ถัดจากแถบเมนูให้คลิกดูการเปลี่ยนแปลงใหม่
    • คลิกไฟล์จากนั้นดูการเปลี่ยนแปลงใหม่
  3. ให้ใช้ลูกศรเพื่อเลื่อนดูรายการการเปลี่ยนแปลงที่ด้านบน ข้อความที่เพิ่มจะถูกไฮไลต์และข้อความที่ถูกลบจะมีขีดทับ
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการดูประวัติการแก้ไขทั้งหมดของเอกสาร ให้คลิกดูประวัติการแก้ไขที่มุมด้านบน
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการกลับไปที่มุมมองเดิม ให้คลิกลูกศรย้อนกลับที่ด้านบน

ดูประวัติเวอร์ชันโดยคลิก "ไฟล์" พร้อมด้วยตัวเลือกให้ "ดูการเปลี่ยนแปลงใหม่" ที่ไฮไลต์ที่ด้านบนขวา

3.3 ตรวจสอบแผนโครงการเพื่อตรวจสอบว่ามีข้อมูลอัปเดตอย่างไรบ้าง

หากต้องการดูงานที่มอบหมายให้กับคุณหรืองานที่ครบกำหนดในวันที่ระบุ ให้สร้างมุมมองตัวกรองในชีต

1. คลิกข้อมูลจากนั้นมุมมองตัวกรองจากนั้นสร้างมุมมองตัวกรองใหม่ที่ด้านบน
2. คลิกถัดจากชื่อและป้อนชื่อสำหรับมุมมองตัวกรองที่มุมบนซ้าย
3. คลิกลูกศรในส่วนหัวคอลัมน์และเลือกตัวเลือกเพื่อจัดเรียงและกรองข้อมูล
4. (ไม่บังคับ) หากต้องการส่งลิงก์ไปยังมุมมองตัวกรอง ให้คัดลอก URL และวางในอีเมล
5.  คลิกปิด "" เพื่อปิดมุมมองตัวกรองที่ด้านขวาบน ระบบจะบันทึกมุมมองตัวกรองโดยอัตโนมัติ

แมปของวิธีการ 1 ถึง 5

 

3.4 ติดตามงาน

ติดตามงานและกำหนดเวลาที่สำคัญโดยใช้ Tasks เปิด Gmail หรือปฏิทิน จากนั้นคลิก Tasks "" ทางด้านขวา

ใน Tasks งานต่างๆ จะอยู่ในรายการ โดยจะมีรายการเริ่มต้นที่คุณเพิ่มงานเข้าไปได้ หรือจะสร้างรายการขึ้นเองก็ได้เช่นกัน

วิธีการสร้างรายการ

  1. ที่ด้านบนของหน้าต่าง Tasks ให้คลิกลูกศรลง ลูกศรแบบเลื่อนลงจากนั้นสร้างรายการใหม่
  2. ตั้งชื่อรายการและคลิกเสร็จสิ้น


วิธีการเพิ่มงานลงในรายการ

  1. ที่ด้านบนของหน้าต่าง Tasks คลิกลูกศรลง ลูกศรแบบเลื่อนลง แล้วเลือกรายการที่ต้องการเพิ่มงาน
  2. คลิกเพิ่มงาน
  3. ป้อนงาน โดยในขณะที่ป้อนงาน งานนั้นจะบันทึกลงในระบบโดยอัตโนมัติ


วิธีการสร้างงานจากอีเมล

  1. ไปที่ Gmail
  2. คลิก Tasks Tasks ทางด้านขวา
  3. ค้นหาอีเมลที่ต้องการบันทึกเป็นงาน
  4. ลากและวางอีเมลไว้ที่แผงด้านข้าง
  5. หากต้องการเพิ่มวันที่และเวลา ให้คลิกวันที่/เวลา


สร้างงานย่อย โดยการจัดระเบียบงานย่อยที่เกี่ยวข้องกันไว้ภายใต้งานหลักงานเดียว

เลือกตัวเลือกโดยวิธีการดังนี้

  • คลิกขวาที่งานและเลือกเพิ่มงานย่อย
  • ในส่วนงานหลัก ให้เพิ่มงานใหม่และกด Ctrl + ] (Windows) หรือ Command + ] (Mac)
  • ด้านข้างงานหลัก ให้คลิกแก้ไข "" และป้อนงานลงในช่องเพิ่มงานย่อย

หากต้องการยกเลิกการเยื้องงานย่อย ให้คลิกขวาที่งานย่อยนั้นแล้วคลิกยกเลิกการเยื้อง หรือคลิกงานย่อยนั้นแล้วกด Ctrl + [ (Windows) หรือ Command + [ (Mac)

สร้างรายการใหม่จากเมนูงาน

↑ กลับไปด้านบน


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
false
false