การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

จัดการแอป Android ส่วนตัวใน Google Play

เผยแพร่แอปงานภายในให้กับผู้ใช้

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Starter, Business Standard และ Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Fundamentals, Education Standard, Teaching and Learning Upgrade, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Essentials, Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Free และ Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

คุณสามารถฝากแอป Android สำหรับองค์กรของคุณเป็นกรณีพิเศษใน Managed Google Play Store และควบคุมว่าผู้ใดบ้างที่ดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ได้ และคุณจะยังได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยต่างๆ เช่นการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการตรวจจับมัลแวร์ใน Managed Google Play ด้วย

คุณสามารถเลือกเผยแพร่แอปส่วนตัวไปยัง Play Store จากคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google หรือจาก Google Play Console ก็ได้ โดยหลังจากเพิ่มแอปส่วนตัวในรายการแอปแล้ว ผู้ใช้จะดาวน์โหลดแอปได้จาก Managed Play Store ในอุปกรณ์ Android ทั้งนี้ระบบอาจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงก่อนที่ผู้ใช้จะดาวน์โหลดได้

ข้อควรทราบก่อนที่จะเริ่มต้น

โปรดอ่านข้อมูลด้านล่างนี้เพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการเผยแพร่แอปของคุณและดูข้อควรพิจารณาต่างๆ ที่สำคัญ

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

การจัดการแอปส่วนตัวในคอนโซลผู้ดูแลระบบเทียบกับ Google Play Console

คุณอาจต้องใช้ Google Play Console ในกรณีต่อไปนี้

  • คุณมีแอปส่วนตัวใน Play Console อยู่แล้ว โดยแอปส่วนตัวที่มีอยู่แล้วจะไม่สามารถจัดการในคอนโซลผู้ดูแลระบบได้

คุณควรใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบหากมีเงื่อนไขตรงกับข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้

  • คุณไม่ได้วางแผนที่จะเผยแพร่แอปส่วนตัวต่อสาธารณะ
  • คุณไม่ต้องการชำระค่าธรรมเนียมการลงทะเบียน 25 USD ที่เรียกเก็บเพียงครั้งเดียว
  • คุณต้องการให้รายการแอปของคุณมีแอปที่มีการจัดการทั้งหมด ได้แก่ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่แบบสาธารณะ แอป SAML และแอปส่วนตัว
  • คุณต้องการให้แอปใช้งานได้เฉพาะหน่วยขององค์กรและกลุ่มบางกลุ่มเท่านั้น
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเผยแพร่แอป
  • คุณไม่สามารถเผยแพร่แอปเป็นแอปส่วนตัวและเผยแพร่ใน Google Play Store สาธารณะพร้อมกันได้ หากมีแอปที่มีรหัสตรงกับแอปที่องค์กรอื่นเผยแพร่ (เผยแพร่แบบสาธารณะหรือแบบส่วนตัว) คุณจะไม่สามารถเผยแพร่แอปนั้นได้จนกว่านักพัฒนาแอปจะเปลี่ยนรหัสแอปพลิเคชันสำหรับรุ่นของคุณ แต่คุณสามารถเพิ่มแอปสาธารณะลงในรายการแอปเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ในฐานะแอปที่มีการจัดการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาแอปที่เกี่ยวกับการทำงานทั้งหมดได้ในที่เดียว
  • หากเผยแพร่แอปใน Google Play Store สาธารณะ คุณสามารถเปลี่ยนแอปให้เป็นส่วนตัวได้ แต่จะจัดการแอปในคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
  • แอปส่วนตัวไม่รองรับฟีเจอร์การเรียกเก็บเงิน ผู้เผยแพร่จะไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าบริการแอปเหล่านี้ได้
  • ใน Play Console คุณไม่สามารถเผยแพร่แอปสำหรับผู้ใช้เพียงบางกลุ่มได้ คุณสามารถเผยแพร่แอปโดยกำหนดเป้าหมายไปยังบางประเทศหรืออุปกรณ์บางรุ่นได้ หากต้องการดำเนินการทดสอบแอปรุ่นเบต้ากับกลุ่มที่กำหนด หรือกับผู้ใช้ Play Store ให้จัดการทดสอบอัลฟ่า/เบต้า
  • แอปจะต้องมีขนาดต่ำกว่าขีดจำกัดขนาดการดาวน์โหลด

ตัวเลือกที่ 1: เผยแพร่แอปส่วนตัวจากคอนโซลผู้ดูแลระบบ

หากต้องการอัปโหลดและเผยแพร่แอปส่วนตัวในคอนโซลผู้ดูแลระบบ คุณต้องใช้เพียงแพ็กเกจแอปพลิเคชัน Android (APK) และชื่อเท่านั้น เมื่อเผยแพร่แอปส่วนตัวเป็นครั้งแรก ระบบจะสร้างบัญชี Play Console ในนามขององค์กร แอปส่วนตัวจะได้รับการอนุมัติสำหรับองค์กรโดยอัตโนมัติ ซึ่งโดยปกติแล้วจะพร้อมเผยแพร่ภายใน 10 นาที โดยคุณจะอัปโหลดแอปส่วนตัวได้สูงสุด 15 แอปต่อวัน

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกเพิ่มแอปจากนั้นเพิ่มแอป Android ส่วนตัว
  4. คลิกสร้าง ที่ด้านล่าง
  5. ป้อนชื่อ
  6. คลิกอัปโหลด APK
  7. เลือก APK แล้วคลิกเปิด
  8. คลิกเลือก
  9. ตั้งค่าบุคคลที่ดูและดาวน์โหลดแอปได้
    • หากต้องการให้ผู้ใช้ทุกคนในองค์กรติดตั้งแอป ให้เลือกทั้งองค์กร
    • หากต้องอนุญาตเฉพาะผู้ใช้บางราย ให้คลิกเลือกกลุ่มหรือเลือกหน่วยขององค์กร คุณสามารถเพิ่มได้ทั้งกลุ่มและหน่วยขององค์กร รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

      Groups settings are applied at the top organizational unit level and override organizational unit settings. If a user belongs to multiple groups with conflicting configurations, the settings are applied in order of group precedence, which you can set after you add the app.

  10. คลิกต่อไป
  11. ตั้งค่าตัวเลือกแอป
    • วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
      • ใช้งานได้ - ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปด้วยตนเอง ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแอปก็ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลด
      • บังคับติดตั้ง - ติดตั้งแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่อนุญาตให้เลือกไม่ใช้ หรือคุณสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอปที่บังคับติดตั้งได้
        นอกจากนี้ ตัวเลือกบังคับติดตั้งยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย
    • อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ตในหน้าจอหลัก - อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างทางลัดบนหน้าจอหลักเมื่อมีวิดเจ็ตให้ใช้งาน
    • ใช้เป็นแอปที่ใช้ VPN ตลอดเวลา - เมื่อเปิดใช้แล้ว การเข้าชมแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการจะต้องผ่านแอปนี้ โดยต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลในโปรไฟล์งาน
    • การกำหนดเวลาทำการอัปเดตแอปอัตโนมัติ - เลือกว่าจะติดตั้งการอัปเดตแอปเมื่อใด
      • ค่าเริ่มต้น - อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi, ชาร์จอยู่, ไม่ได้ใช้งาน และแอปไม่ได้ทํางานอยู่เบื้องหน้า
      • ลําดับความสําคัญสูง - อัปเดตแอปทันทีที่นักพัฒนาแอปเผยแพร่เวอร์ชันใหม่และ Google Play ตรวจสอบแอป หากอุปกรณ์ออฟไลน์ในขณะนั้น แอปจะอัปเดตทันทีที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในครั้งถัดไป
      • เลื่อนออกไป - เลื่อนการอัปเดตแอปออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากที่การอัปเดตเริ่มเปิดให้ใช้งาน หลังจากผ่านไป 90 วัน ให้ติดตั้งแอปเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการรองรับการอัปเดตแอป
      รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; Cloud Identity Premium  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
    • แทร็กทดสอบ (ไม่บังคับ) - เลือกแอปเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดตัวที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานได้ การเลือกหลายแทร็กจะทําให้รหัสเวอร์ชันสูงสุดพร้อมใช้งาน หากต้องการดูวิธีทำให้แอปพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร โปรดดูการทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร 
      รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; Cloud Identity Premium  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
  12. คลิกเสร็จสิ้น
คุณอาจมีตัวเลือกการตั้งค่าเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่กับแอปนั้นๆ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อกำหนดการตั้งค่าแอป

แก้ไขและยกเลิกการเผยแพร่แอปส่วนตัวจากคอนโซลผู้ดูแลระบบ

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

แก้ไขชื่อหรือ APK ของแอปส่วนตัว
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกเพิ่มแอปจากนั้นเพิ่มแอป Android ส่วนตัว
  4. เลือกแอปส่วนตัวที่ต้องการแก้ไข
  5. คลิกแก้ไข
  6. อัปเดตชื่อหรือคลิกแก้ไขเพื่ออัปโหลด APK ใหม่
  7. คลิกบันทึก
แก้ไขรายละเอียดขั้นสูงของแอปส่วนตัว

วิธีเพิ่มคำอธิบาย ภาพหน้าจอ และรายละเอียดแอปขั้นสูงอื่นๆ

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกเพิ่มแอปจากนั้นเพิ่มแอป Android ส่วนตัว
  4. เลือกแอปส่วนตัวที่ต้องการแก้ไข
  5. คลิกทำการแก้ไขขั้นสูง
  6. ไปที่ Growจากนั้นการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Storeจากนั้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store หลัก
  7. ทำการแก้ไขแล้วคลิกบันทึก
ยกเลิกการเผยแพร่แอปส่วนตัว

หากคุณยกเลิกการเผยแพร่แอปส่วนตัว แอปนั้นจะไม่ปรากฏให้ผู้ใช้ใหม่เห็นและดาวน์โหลดใน Managed Google Play แต่ผู้ใช้ที่มีแอปอยู่แล้วจะยังคงใช้ได้ดังเดิม

วิธียกเลิกการเผยแพร่แอป

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกเพิ่มแอปจากนั้นเพิ่มแอป Android ส่วนตัว
  4. เลือกแอปส่วนตัวที่ต้องการยกเลิกการเผยแพร่
  5. คลิกทำการแก้ไขขั้นสูง
  6. ลงชื่อเข้าใช้ Play Console ด้วยบัญชี Google โดยคุณจะใช้บัญชีนี้เพื่อลงชื่อเข้าใช้ Play Console ในอนาคตด้วยก็ได้
  7. ไปที่รุ่นจากนั้นตั้งค่าจากนั้นการตั้งค่าขั้นสูง
  8. ในส่วนความพร้อมของแอป ให้เลือกยกเลิกการเผยแพร่

ตัวเลือกที่ 2: เผยแพร่แอปส่วนตัวจาก Play Console

โปรดดูคำแนะนำที่หัวข้อเผยแพร่แอปส่วนตัวจาก Play Console หมายเหตุ: เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในบทความนี้เพื่อเผยแพร่แอปส่วนตัวจากคอนโซลผู้ดูแลระบบ

ตั้งค่าบุคคลที่สามารถเผยแพร่และเข้าถึงแอปส่วนตัวได้

หากคุณไม่ใช่บุคคลที่เผยแพร่แอปส่วนตัว คุณจะสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้หรือนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามอื่นๆ เผยแพร่แอปส่วนตัว หากองค์กรของคุณใช้ Managed Play โดยไม่มี EMM (เดิมเรียกว่าช่องส่วนตัวของ Google Play) เพื่อให้สิทธิ์เข้าถึงแอปส่วนตัว คุณจะต้องดำเนินการเพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงและดาวน์โหลดแอปส่วนตัว โปรดดูคำแนะนำที่ส่วนต่างๆ เหล่านี้

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

อนุญาตให้ผู้ใช้อื่นเผยแพร่แอปส่วนตัว
หากต้องการให้องค์กรคงสิทธิ์เข้าถึงแอปที่เผยแพร่ไว้ต่อไปในกรณีที่พนักงานลาออก เราขอแนะนำให้ผู้ดูแลระบบสร้างบัญชีสำหรับบทบาทโดยเฉพาะ หรือจะกำหนดค่าบทบาทผู้ดูแลระบบเพื่ออัปโหลดแอปส่วนตัวก็ได้เช่นกัน
ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นบริการเพิ่มเติมของ Google
  3. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  4. เปิด Google Play Console สำหรับผู้ใช้ในหน่วยขององค์กรที่เลือก
  5. ที่ด้านซ้ายของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่อุปกรณ์ จากนั้นอุปกรณ์เคลื่อนที่และปลายทางจากนั้นการตั้งค่า Android
  6. คลิกแอปและการแชร์ข้อมูลจากนั้นแอปส่วนตัวใน Google Play
  7. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  8. หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ในหน่วยขององค์กรที่เลือกเผยแพร่แอปส่วนตัวได้ ให้เลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เผยแพร่และอัปเดตแอปส่วนตัวใน Google Play 
  9. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้
อนุญาตให้นักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเผยแพร่แอปส่วนตัว

โปรดดูคำแนะนำที่หัวข้อเผยแพร่แอปส่วนตัวจาก Play Console

ไม่มี EMM: อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงแอปส่วนตัว
ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น อุปกรณ์จากนั้นอุปกรณ์เคลื่อนที่และปลายทางจากนั้นการตั้งค่าจากนั้นAndroid
  3. คลิกแอปและการแชร์ข้อมูลจากนั้นแอปส่วนตัวใน Google Play
  4. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  5. เลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงแอปส่วนตัวใน Google Play
  6. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
12960489622431893445
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false