Gmail เท่านั้น: อัปโหลดคีย์การเข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ได้แก่ Enterprise Plus และ Education Standard และ Education Plus  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

หากต้องการใช้การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ (CSE) ของ Google Workspace สําหรับ Gmail คุณต้องเปิดใช้ Gmail API และให้สิทธิ์เข้าถึงกับทั้งองค์กร จากนั้นสําหรับผู้ใช้แต่ละคน คุณต้องใช้ Gmail API เพื่ออัปโหลดใบรับรอง S/MIME (Secure/Multipurpose Internet Mail Extensions) (คีย์สาธารณะ) และข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวไปยัง Gmail หากใช้บริการจัดการคีย์การเข้ารหัส คุณจะต้องเข้ารหัส (หรือ "รวม") ข้อมูลเมตาคีย์ส่วนตัวของผู้ใช้โดยใช้บริการจัดการคีย์ด้วย

คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้บริการจัดการคีย์อื่นได้ทุกเมื่อโดยอัปโหลดใบรับรอง S/MIME ใหม่และข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวที่เข้ารหัสโดยบริการใหม่

เกี่ยวกับ S/MIME

S/MIME เป็นโปรโตคอลมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างในเรื่องลายเซ็นดิจิทัลและการเข้ารหัสอีเมลเพื่อความสมบูรณ์และความปลอดภัยของข้อความ Gmail CSE ต้องใช้มาตรฐาน S/MIME 3.2 IETF เพื่อส่งและรับข้อมูล MIME ที่ปลอดภัย ซึ่ง S/MIME กำหนดให้ผู้ส่งและผู้รับอีเมลมีใบรับรอง X.509 ที่ Gmail เชื่อถือ

หมายเหตุ: อีกทางเลือกหนึ่งคือ คุณสามารถใช้ S/MIME โดยไม่มีการเข้ารหัสและความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมที่ CSE มีให้ ใช้ทางเลือกนี้ในกรณีที่ไม่จําเป็นต้องป้องกันไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ของ Google ถอดรหัสข้อมูลกับ CSE เท่านั้น โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเปิด S/MIME ที่โฮสต์สำหรับการเข้ารหัสข้อความ

ข้อควรปฏิบัติก่อนที่จะเริ่มต้น

ตรวจสอบว่าคุณได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้แล้ว

  1. เลือกบริการจัดการคีย์
  2. เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว (IdP)
  3. ตั้งค่าบริการจัดการคีย์ภายนอกหรือการเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์
  4. มอบหมายบริการจัดการคีย์หรือการเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์ให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม

    หากใช้บริการจัดการคีย์หลายราย โปรดตรวจสอบว่าได้มอบหมายบริการเหล่านั้นให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มการกำหนดค่าที่เหมาะสมแล้ว 

ตั้งค่า Gmail API

หมายเหตุ: การใช้ API จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

ขั้นตอนที่ 1: เปิดใช้ Gmail API
  1. สร้างโปรเจ็กต์ GCP ใหม่ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการสร้างและจัดการโปรเจ็กต์

    โปรดจดบันทึกรหัสโปรเจ็กต์ไว้ คุณจะใช้รหัสดังกล่าวเพื่อให้สิทธิ์เข้าถึงทั้งโดเมน API

  2. ไปที่คอนโซล Google API และเปิดใช้ Gmail API สำหรับโปรเจ็กต์ใหม่ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการเปิดใช้ API ในโปรเจ็กต์ Google Cloud
ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีบริการระดับโดเมน
  1. ในคอนโซล Google Cloud ให้ไปที่หน้าบัญชีบริการ แล้วสร้างบัญชีบริการระดับโดเมน โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อสร้างและจัดการบัญชีบริการ
  2. สร้างคีย์ส่วนตัวของบัญชีบริการ และบันทึกคีย์ลงในไฟล์ JSON ในระบบของเครื่อง เช่น svc_acct_creds.json โดยไฟล์นี้มีข้อมูลเข้าสู่ระบบที่คุณจะใช้เมื่อตั้งค่า Gmail สำหรับผู้ใช้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อสร้างและจัดการคีย์บัญชีบริการ
ขั้นตอนที่ 3: ให้สิทธิ์เข้าถึงทั่วทั้งโดเมน Gmail API

ในขั้นตอนนี้ คุณจะใช้บัญชีบริการที่สร้างไว้เพื่อให้สิทธิ์แก้ไข Gmail API แก่ผู้ใช้ทุกคน 

  1. ทำตามวิธีการควบคุมการเข้าถึง API ด้วยการมอบสิทธิ์ทั่วทั้งโดเมน
  2. ป้อนข้อมูลต่อไปนี้เมื่อได้รับข้อความแจ้ง

    รหัสไคลเอ็นต์: รหัสไคลเอ็นต์ของบัญชีบริการที่สร้างในขั้นตอนที่ 2 ข้างต้น

    ขอบเขต OAuth: gmail.settings.basic

เปิดใช้ CSE ของ Gmail ให้กับผู้ใช้

เปิดใช้ CSE ของ Gmail ให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเปิดหรือปิดการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

หมายเหตุ: สำหรับหน่วยขององค์กร คุณจะตั้งค่าอีเมลทั้งหมด (เขียน ตอบ และส่งต่อ) ให้เข้ารหัสโดยค่าเริ่มต้นได้ และผู้ใช้จะยังคงปิดการเข้ารหัสได้ หากจำเป็น Requires having the Assured Controls add-on. 

ตั้งค่าใบรับรอง S/MIME ของ CSE ให้กับผู้ใช้

หลังจากตั้งค่า Gmail API และเปิดใช้ CSE ของ Gmail ให้ผู้ใช้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบแล้ว คุณสามารถตั้งค่าใบรับรอง S/MIME สำหรับ CSE และข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวให้ผู้ใช้ได้ 

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมใบรับรอง S/MIME และข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัว

สำหรับผู้ใช้แต่ละรายที่จะใช้ CSE ของ Gmail เพื่อส่งหรือรับอีเมล ให้ทำดังนี้

ใช้ผู้ออกใบรับรอง (CA) ในการสร้างคู่คีย์สาธารณะ/ส่วนตัว S/MIME ที่มีเชนใบรับรอง ใบรับรอง Leaf ของ S/MIME ต้องมีที่อยู่ Gmail หลักของผู้ใช้เป็นชื่อเรื่องหรือเรื่องของส่วนขยาย SAN

โดยเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • ใช้ใบรับรองรูท CA ที่ Google เชื่อถือ: โปรดดูรายการใบรับรองรูทที่หัวข้อใบรับรอง CA ที่ Gmail เชื่อถือสําหรับ S/MIME
  • ใช้ CA ที่ Google ไม่เชื่อถือ: เช่น หากต้องการใช้ CA ของตนเอง คุณสามารถเพิ่มใบรับรองรูทของ CA ดังกล่าวได้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการใบรับรองที่เชื่อถือได้สำหรับ S/MIME

    หมายเหตุ: หากคุณใช้ CA ที่ Google ไม่เชื่อถือ และผู้ใช้จะส่งอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ไปยังภายนอกองค์กร ผู้รับต้องเชื่อถือ CA ด้วย

ขั้นตอนที่ 2: รวมใบรับรองและข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัว

ใช้บริการจัดการคีย์เพื่อเข้ารหัส หรือ "รวม" ข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัว S/MIME โปรดติดต่อบริการจัดการคีย์เพื่อดำเนินการดังกล่าว หรือทำตามวิธีการที่ระบุ

หากใช้การเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์ - โปรดข้ามขั้นตอนนี้และอย่ารวมข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวสำหรับผู้ใช้ที่จะใช้การเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์ ในกรณีนี้ ไม่จำเป็นต้องรวมข้อมูลเมตาเนื่องจากคีย์ส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับ Gmail จะอยู่ในสมาร์ทการ์ดของผู้ใช้   Requires having the Assured Controls add-on.

ขั้นตอนที่ 3: อัปโหลดใบรับรอง S/MIME ของผู้ใช้และข้อมูลเมตาคีย์ส่วนตัวไปยัง Gmail

ใช้ Gmail API เพื่ออัปโหลดเชนใบรับรอง S/MIME คีย์สาธารณะของผู้ใช้แต่ละรายและข้อมูลเมตาคีย์ส่วนตัวมาไว้ใน Gmail และกำหนดเป็นคีย์หลักให้กับผู้ใช้ด้วยการสร้างข้อมูลประจําตัว

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้สำหรับผู้ใช้แต่ละราย โดยใช้ไฟล์คีย์ส่วนตัวที่คุณดาวน์โหลดเมื่อสร้างบัญชีบริการระดับโดเมนสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์

  1. อัปโหลดเชนใบรับรองและข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวโดยใช้การเรียก Gmail AP keypairs.create
  2. เปิดใช้คู่คีย์สำหรับอีเมลหลักของผู้ใช้โดยใช้การเรียก Gmail API identities.create

    การเรียก identities.create จำเป็นต้องมีรหัสคู่คีย์ที่ส่งกลับมาในเนื้อหาการตอบสนองของการเรียก keypairs.create

    หมายเหตุ: วิธีการเปิดใช้คู่คีย์สำหรับอีเมลของผู้ใช้ทำได้ดังนี้

    • สร้างข้อมูลระบุตัวตน CSE ที่ได้รับสิทธิ์ให้ส่งอีเมลจากบัญชีของผู้ใช้
    • กำหนดค่า Gmail ให้ใช้ข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวเพื่อลงนามในอีเมล CSE ที่ส่งออก
    • เผยแพร่ใบรับรองไปยังที่เก็บที่แชร์ทั่วทั้งโดเมนเพื่อให้ผู้ใช้ CSE คนอื่นๆ ในองค์กรเข้ารหัสข้อความที่ส่งถึงผู้ใช้รายนี้ได้

หากต้องการทําตามขั้นตอนดังกล่าวให้เสร็จสิ้น ให้ใช้สคริปต์ที่เชื่อมต่อกับ Gmail API โดยเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • เขียนสคริปต์ของคุณเอง
  • ใช้สคริปต์ตัวอย่าง Python ที่ Google มีให้ โปรดดูวิธีการที่หัวข้อใช้สคริปต์ Python ของ Google เพื่ออัปโหลดใบรับรองของผู้ใช้และคีย์ที่รวมกันไปยัง Gmail ด้านล่าง

    หมายเหตุ: สคริปต์นี้จะใช้กับผู้ใช้ที่จะใช้บริการจัดการคีย์ในการเข้ารหัสเนื้อหา Gmail เท่านั้น สําหรับผู้ใช้ที่จะใช้การเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์ คุณจะต้องสร้างสคริปต์อื่นเพื่ออัปโหลดข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวที่ไม่ได้รวมของผู้ใช้เหล่านั้น

หลังจากอัปโหลดใบรับรองแล้ว ระบบอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงเพื่อให้ใบรับรองพร้อมใช้งานใน Gmail แต่โดยปกติแล้วจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นมาก 

(ไม่บังคับ) ใช้สคริปต์ตัวอย่าง Python ของ Google เพื่ออัปโหลดใบรับรองของผู้ใช้และคีย์ส่วนตัวที่รวมไปยัง Gmail

หากต้องการทําตามขั้นตอนที่ 3 ด้านบนให้เสร็จสิ้น คุณสามารถใช้สคริปต์ Python ที่ Google มีให้แทนการเขียนสคริปต์ของคุณเองได้ 

ดาวน์โหลดสคริปต์

ดาวน์โหลดแพ็กเกจสคริปต์ Python (.zip) ลงในคอมพิวเตอร์ (Mac, Linux หรือ Windows) และแตกไฟล์ลงในไดเรกทอรีการทำงาน

สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนและติดตั้งโมดูล

ป้อนคำสั่งต่อไปนี้โดยใช้บรรทัดคำสั่งจากไดเรกทอรีที่ทำงานอยู่

python3 -m venv cli_env
source cli_env/bin/activate
pip install -r requirements.txt

เรียกใช้สคริปต์

python cse_cmd.py -h

อัปโหลดใบรับรองและคีย์ของผู้ใช้

ขั้นตอนที่ 1: สร้างไดเรกทอรีสำหรับจัดเก็บคีย์ส่วนตัวที่รวมไว้ทั้งหมด

  • ตัวอย่างเช่น คุณอาจสร้างไดเรกทอรี $root/wrapped_keys
  • ชื่อไฟล์ของคีย์ส่วนตัวที่รวมกันแต่ละรายการต้องเป็นอีเมลแบบเต็มของผู้ใช้โดมมีนามสกุล .wrap เช่น $root/wrapped_keys/user1@example.com.wrap
  • ตรวจสอบว่าไฟล์คีย์ส่วนตัวที่รวมกันมีออบเจ็กต์ JSON ที่มีฟิลด์ที่ต้องกรอก 2 ช่อง ดังนี้
{
      'kacls_url': 'url of the key service configured in the Admin console',
      'wrapped_private_key': 'wrapped private key bytes'
    }

  ขั้นตอนที่ 2: สร้างไดเรกทอรีสําหรับเก็บใบรับรองทั้งหมด

  • ใบรับรองต้องอยู่ในรูปแบบ P7 PEM ดังนั้นคุณอาจสร้างไดเรกทอรี $root/p7pem_certs
  • ตรวจสอบว่าไฟล์ใบรับรองมีเชนแบบเต็มไปยังผู้ออกใบรับรอง (CA) รูท 
  • ชื่อไฟล์ของใบรับรองแต่ละรายการต้องเป็นอีเมลแบบเต็มของผู้ใช้โดมมีนามสกุล .p7pem เช่น $root/p7pem_certs/user1@example.com.p7pem

หากคุณมีไฟล์ P7B คุณสามารถใช้ความคิดเห็น openssl ต่อไปนี้เพื่อแปลงเป็นรูปแบบ P7 PEM ได้

openssl pkcs7 -inform DER -in {old_name.p7b} -outform PEM -out {new_name.p7pem}

ขั้นตอนที่ 3: อัปโหลดคู่คีย์และข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องใช้ไฟล์ JSON ที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบสําหรับบัญชีบริการที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ในขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีบริการด้านบน 

วิธีที่ง่ายที่สุดในการอัปโหลดคู่คีย์และข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้คือการเรียกใช้คำสั่ง insert โปรดทราบว่าคำสั่งแต่ละรายการต้องมีอาร์กิวเมนต์ เช่น

python cse_cmd.py insert
      --creds $root/svc_acct_creds.json
      --inkeydir $root/wrapped_keys
      --incertdir $root/p7pem_certs

หรือคุณจะทำตามขั้นตอนต่อไปนี้สำหรับผู้ใช้แต่ละรายก็ได้

  1. เรียกใช้ insert_keypair และจดรหัสคู่คีย์ไว้
  2. เรียกใช้ insert_identity โดยใช้รหัสคู่คีย์ดังกล่าว

นอกจากนี้ คุณยังรับรหัสคู่คีย์ได้โดยเรียกใช้คำสั่ง list_keypair

ขั้นตอนที่ 4: ยืนยันว่าผู้ใช้มีคู่คีย์และข้อมูลประจำตัว CSE

ตรวจสอบว่าผู้ใช้มีคู่คีย์และข้อมูลประจำตัวที่ถูกต้องใน Gmail โดยเรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้สำหรับผู้ใช้แต่ละราย

list_keypair

list_identity

วิธีเปลี่ยนไปใช้บริการจัดการคีย์อื่นสําหรับ CSE ของ Gmail

หากต้องการเปลี่ยนไปใช้บริการจัดการคีย์อื่นสําหรับ CSE ของ Gmail ให้ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ในหัวข้อตั้งค่า CSE ของ Gmail ให้กับผู้ใช้ด้านบน โดยใช้บริการจัดการคีย์ใหม่เพื่อรวมคีย์ส่วนตัว

หมายเหตุ: การอัปโหลดใบรับรองใหม่ให้กับผู้ใช้จะไม่ย้ายเนื้อหาไปยังบริการจัดการคีย์ใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะยังคงเข้าถึงอีเมลที่เข้ารหัสด้วยใบรับรองก่อนหน้าและข้อมูลเมตาของคีย์ส่วนตัวที่รวมไว้โดยบริการจัดการคีย์เดิมได้

ย้ายข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

เมื่อตั้งค่า CSE ของ Gmail แล้ว คุณจะเลือกนำเข้าข้อความได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อย้ายข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17507140165407234677
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false