การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ควบคุมการเข้าถึงแอปตามบริบทของผู้ใช้และอุปกรณ์

อนุญาตให้ผู้ใช้เลิกบล็อกแอปที่มีข้อความการแก้ไขในการเข้าถึงแบบ Context-Aware

ใช้ข้อความการแก้ไขเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เลิกบล็อกตัวเอง

เมื่อใช้ข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเองในการเข้าถึงแบบ Context-Aware คุณสามารถช่วยให้ผู้ใช้เลิกบล็อกตนเองได้ในกรณีที่มีนโยบายป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงแอป ข้อความที่ไม่บังคับ (แต่แนะนํา) เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้กลับมามีประสิทธิภาพในการทํางานได้เหมือนเดิมและลดภาระของผู้ดูแลระบบในเรื่องการโทรขอรับการสนับสนุน

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ใช้ Gmail ในสํานักงานได้ในวันนั้นๆ แต่ถูกบล็อกเมื่อพยายามเข้าถึง Gmail ที่บ้านในตอนเย็น เมื่อเปิดใช้ข้อความการแก้ไขแล้ว ผู้ใช้เหล่านั้นจะเห็นคําแนะนําเกี่ยวกับวิธีจัดการกับสาเหตุที่ตนเองถูกบล็อก

ระบบจะรองรับข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเองสําหรับระดับการเข้าถึงที่สร้างขึ้นทั้งในโหมดพื้นฐานและโหมดขั้นสูง และยังรองรับทั้งบริการหลักและแอป SAML อีกด้วย

ใช้ข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเองเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เลิกบล็อกตัวเอง

เมื่อถูกบล็อก ผู้ใช้จะพบกับสิ่งต่อไปนี้

  • ข้อความเริ่มต้น - จะแสดงหากคุณไม่ได้เพิ่มข้อความการแก้ไขหรือข้อความที่กําหนดเอง ตัวอย่างข้อความเริ่มต้นอาจเป็นดังนี้ "นโยบายขององค์กรของคุณบล็อกการเข้าถึงแอปนี้"
  • ข้อความการแก้ไข - จะแทนที่ข้อความเริ่มต้น โดยระบบจะสร้างข้อความเหล่านี้ขึ้น และสอดคล้องกับการละเมิดนโยบายที่บล็อกผู้ใช้ไว้
    ข้อความการแก้ไขอาจนำเสนอตัวเลือกการแก้ไขหลายๆ อย่างแก่ผู้ใช้ และสามารถขยายได้ด้วยการคลิกแสดงตัวเลือกเพิ่มเติม ในกรณีที่มีตัวเลือกการแก้ไขหลายรายการ ผู้ใช้จะต้องทําตามขั้นตอนสําหรับตัวเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีให้เพื่อเลิกบล็อกตัวเอง
  • ข้อความที่กําหนดเอง - เพิ่มความช่วยเหลือเฉพาะสําหรับผู้ใช้ เช่น คําแนะนําเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกบล็อกหรือลิงก์ที่มีประโยชน์ที่ผู้ใช้คลิกเข้าไปดูได้ โดยคุณจะเพิ่มข้อความที่กําหนดเองได้ตามต้องการ ข้อความที่กําหนดเองจะปรากฏร่วมกับข้อความเริ่มต้นหรือปรากฏร่วมกับข้อความการแก้ไขก็ได้ 

ตารางนี้จะแสดงการโต้ตอบของข้อความเหล่านี้

เปิดใช้ข้อความการแก้ไขหรือไม่ เพิ่มข้อความที่กําหนดเองแล้วใช่หรือไม่ ข้อความที่ผู้ใช้จะเห็น
ไม่ ไม่ ข้อความเริ่มต้นเท่านั้น
ใช่ ไม่ ข้อความการแก้ไขเท่านั้น ในบางกรณี ข้อความเริ่มต้นอาจแสดงขึ้นหากสร้างข้อความการแก้ไขไม่ได้
ไม่ ใช่ ข้อความเริ่มต้นและข้อความที่กําหนดเอง
ใช่ ใช่ ข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเอง

ทําความเข้าใจเกี่ยวกับข้อความการแก้ไข

การดําเนินการแก้ไขแต่ละรายการจะสอดคล้องกับแอตทริบิวต์ที่ทําให้ถูกปฏิเสธการเข้าถึง ตารางต่อไปนี้จะสรุปข้อความการแก้ไขที่เป็นไปได้ที่ผู้ใช้อาจจะได้เห็น ข้อความจะสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยขึ้นอยู่กับนโยบายที่ละเมิด

โปรดทราบว่าข้อความที่แตกต่างกันสามารถแสดงขึ้นสําหรับแอตทริบิวต์เดียวกันได้ตามความคาดหวังในระดับการเข้าถึง ตัวอย่างเช่น หากระดับการเข้าถึงคือ device.screen_lock_enabled == true ข้อความจะเป็น Set a screen password on your device (ตั้งรหัสผ่านล็อกหน้าจอในอุปกรณ์) หากระดับการเข้าถึงคือ device.screen_lock_enabled == false ข้อความจะเป็น Remove the screen password from your device (นำรหัสผ่านล็อกหน้าจอออกจากอุปกรณ์) การนำรหัสผ่านล็อกหน้าจอออกอาจมีความปลอดภัยน้อยกว่า ดังนั้นผู้ใช้ควรยืนยันการดำเนินการนี้กับผู้ดูแลระบบ

โดยทั้งนี้ข้อความจริงอาจแตกต่างจากข้อความที่แสดงด้านล่าง

แอตทริบิวต์ ข้อความ
การอนุมัติจากผู้ดูแลระบบ เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่องค์กรของคุณอนุมัติ ติดต่อผู้ดูแลระบบหากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ดังกล่าว
เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ไม่เชื่อมโยงกับองค์กรของคุณ โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้อาจทำให้อุปกรณ์ปลอดภัยน้อยลง คุณจึงอาจต้องยืนยันกับผู้ดูแลระบบ
อุปกรณ์ของบริษัท เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่องค์กรของคุณเป็นเจ้าของ ติดต่อผู้ดูแลระบบหากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ดังกล่าว
เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่องค์กรของคุณไม่ได้เป็นเจ้าของ
การจับคู่โปรไฟล์ CTS รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น
อุปกรณ์เข้าถึงแอปนี้ด้วยการติดตั้ง OEM Android ไม่ได้ ติดต่อผู้ดูแลระบบเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
การเข้ารหัส เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มีการเข้ารหัสสถานะใดสถานะหนึ่งต่อไปนี้: [สถานะ1, สถานะ2]
เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ไม่มีสถานะการเข้ารหัสต่อไปนี้: [สถานะ]
มีแอปที่อาจเป็นอันตราย ถอนการติดตั้งแอปทั้งหมดที่ Google Play Protect ระบุว่าอาจเป็นอันตราย
อุปกรณ์เข้าถึงแอปนี้ด้วยแอปที่ติดตั้งอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ ติดต่อผู้ดูแลระบบเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ IP คุณเข้าถึงแอปนี้จากเครือข่ายย่อยของ IP ปัจจุบันไม่ได้ โปรดติดต่อผู้ดูแลระบบเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ประเภทระบบปฏิบัติการ เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้: [ระบบปฏิบัติการ1, ระบบปฏิบัติการ2]
เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการดังนี้: ระบบปฏิบัติการ1
เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ อัปเดตอุปกรณ์เป็น [ระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน X] ขึ้นไป
อัปเดตอุปกรณ์เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันต่ำกว่า [ระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน X]
แอตทริบิวต์พาร์ทเนอร์ ติดตั้ง [ชื่อพาร์ทเนอร์] บนอุปกรณ์ของคุณ 1
อุปกรณ์ของคุณไม่เป็นไปตามข้อกําหนดบางประการเมื่ออิงจากข้อมูลของ [ชื่อพาร์ทเนอร์] 2
รหัสภูมิภาค คุณเข้าถึงแอปนี้จากตำแหน่งปัจจุบันไม่ได้ โปรดติดต่อผู้ดูแลระบบเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ล็อกหน้าจอ ตั้งรหัสผ่านล็อกหน้าจอในอุปกรณ์
นำรหัสผ่านล็อกหน้าจอออกจากอุปกรณ์ โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้อาจทำให้อุปกรณ์ปลอดภัยน้อยลง คุณจึงอาจต้องยืนยันกับผู้ดูแลระบบ
ตรวจสอบแอป เปิดใช้ Google Play Protect ในอุปกรณ์
ปิดใช้ Google Play Protect ในอุปกรณ์
การเปิดเครื่องที่ได้รับการยืนยัน ทำตามวิธีการของผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อล็อก Bootloader
ทำตามวิธีการของผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อปลดล็อก Bootloader
ChromeOS ที่ยืนยันแล้ว ติดตั้ง Chrome OS ที่ได้รับการยืนยันแล้วในอุปกรณ์
คุณไม่สามารถเข้าถึงแอปนี้ด้วย ChromeOS ที่ยืนยันแล้ว

1 ตรวจสอบว่าติดตั้งแอปความปลอดภัยของพาร์ทเนอร์ (เช่น Lookout) ในอุปกรณ์แล้ว หากติดตั้งแล้วแต่ผู้ใช้ยังเห็นข้อความนี้อยู่ อุปกรณ์อาจไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้องกับพาร์ทเนอร์ MDM โปรดตรวจสอบหน้าแดชบอร์ดของพาร์ทเนอร์เพื่อดูว่าเป็นเพราะกรณีนี้หรือไม่ หากจําเป็น ให้ติดต่อพาร์ทเนอร์เพื่อแก้ปัญหา

2 ตรวจสอบแอปของพาร์ทเนอร์ในอุปกรณ์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หากจําเป็น ให้ติดต่อพาร์ทเนอร์เพื่อแก้ปัญหา

ทําความเข้าใจเกี่ยวกับข้อความการแก้ไขและการผสานรวมกับพาร์ทเนอร์บุคคลที่สาม

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถผสานรวมพาร์ทเนอร์บุคคลที่สามที่รองรับ (พาร์ทเนอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของ BeyondCorp Alliance) เข้ากับการจัดการปลายทางของ Google ได้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ข้อความที่ให้ข้อมูลนี้จะแสดงในอินเทอร์เฟซข้อความการแก้ไขที่จะอธิบายว่าผู้ใช้จะมองเห็นข้อความของพาร์ทเนอร์ได้ ดังนี้

เช่น จาก Lookout

โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อตั้งค่าการผสานรวมกับพาร์ทเนอร์บุคคลที่สาม

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่ต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถมองเห็นข้อความการแก้ไขหรือข้อความที่กําหนดเอง

คุณต้องล้างข้อผิดพลาดเหล่านี้ก่อนที่ผู้ใช้จะดูข้อความการแก้ไขได้

ระบบไม่รู้จักอุปกรณ์ ขั้นตอนของอุปกรณ์ประเภทต่างๆ อาจแตกต่างกัน

Google ไม่รู้จักอุปกรณ์เข้าสู่ระบบ ขั้นตอนการแก้ไขจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม

  • อุปกรณ์เดสก์ท็อป - ผู้ใช้ต้องใช้โปรไฟล์ Chrome ที่ติดตั้งส่วนขยายการยืนยันปลายทางไว้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบแอป Google Workspace ผ่านโปรไฟล์ที่ไม่ระบุตัวตน โปรไฟล์ผู้ใช้ชั่วคราว หรือโปรไฟล์ส่วนตัว โปรดทราบว่าข้อความแสดงข้อผิดพลาดนี้อาจแสดงเมื่อผู้ใช้พยายามลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องใหม่เป็นครั้งแรก ในกรณีนี้ ผู้ใช้ต้องซิงค์กับส่วนขยายการยืนยันปลายทาง และรีเฟรชเบราว์เซอร์
  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ - อุปกรณ์จะต้องได้รับการจัดการโดยการจัดการปลายทางของ Google (การจัดการขั้นพื้นฐานหรือขั้นสูง) เพื่อให้ CAA รู้จักอุปกรณ์ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการอุปกรณ์ด้วยการจัดการปลายทางของ Google นอกจากนี้ อุปกรณ์อาจต้องซิงค์ก่อน Google จึงจะจดจำตำแหน่งการเข้าสู่ระบบได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อซิงค์อุปกรณ์ของคุณ

ซิงค์อุปกรณ์ของคุณ

  • อุปกรณ์เดสก์ท็อป - ผู้ใช้ต้องซิงค์กับส่วนขยายการยืนยันปลายทาง
  • อุปกรณ์เดสก์ท็อป - อุปกรณ์ภายใต้การจัดการขั้นสูงสามารถซิงค์กับแอปนโยบายด้านอุปกรณ์ได้ ส่วนอุปกรณ์ภายใต้การจัดการขั้นพื้นฐานอาจรอให้อุปกรณ์ซิงค์โดยอัตโนมัติ หรือผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบแอป Google อีกครั้งก็ได้ โปรดแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าการซิงค์อุปกรณ์อาจใช้เวลาสักครู่
    • อุปกรณ์ iOS - เซสชันของ Google ในแอปพลิเคชันต่างๆ จะได้รับการติดตามด้วยเซสชันหรือโทเค็นใน Safari หากโทเค็น Safari ถูกลบ (โดยผู้ใช้เองหรือโดย Apple ITP) การเข้าสู่ระบบครั้งต่อๆ ไปจะจับคู่กับอุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบครั้งแรกไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้การเข้าสู่ระบบใหม่ถูกบล็อกด้วยข้อความ "ระบบไม่รู้จักอุปกรณ์ ขั้นตอนของอุปกรณ์ประเภทต่างๆ อาจแตกต่างกัน" หากเปิดใช้การแก้ไขไว้ ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นทั้งในอุปกรณ์ที่มีการจัดการขั้นพื้นฐานและขั้นสูง

      ผู้ใช้ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเลิกบล็อกตนเอง 

      1. นำบัญชี Google ขององค์กรออกจากแอปพลิเคชันทั้งหมดของ Google
        ออกจากระบบบัญชี Google จาก Safari และนำบัญชีออกจากแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ไม่ใช่ของ Google ซึ่งอาจใช้งานบัญชีอยู่ 

      2. ลบคุกกี้และแคชของ Safari

      3. เข้าสู่ระบบแอปพลิเคชันใดก็ได้ที่ Google เป็นผู้ให้บริการโดยตรง เช่น ไดรฟ์หรือ Gmail 

      4. เข้าถึงแอปพลิเคชันที่เหลือทั้งหมดที่ Google เป็นผู้ให้บริการโดยตรงเพื่อยืนยันว่าคุณมีสิทธิ์เข้าถึง 

      5. หากจำเป็นต้องเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ของ Google ให้ลงชื่อเข้าใช้แอปพลิเคชันภายใน 2-3 วันหลังจากลงชื่อเข้าใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ของ Google
        หากคุณไม่ลงชื่อเข้าใช้ภายใน 30 วันนับจากที่ทำตามขั้นตอนที่ 3 และแอปพลิเคชันถูกบล็อก ให้เริ่มดำเนินการใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1

ใช้ข้อความการแก้ไขหรือข้อความที่กำหนดเอง

เปิดใช้ข้อความการแก้ไข

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากหน้าแรกของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่ความปลอดภัยจากนั้นสิทธิ์เข้าถึงและการควบคุมข้อมูลจากนั้นการเข้าถึงแบบ Context-Aware
  3. เลือกข้อความสําหรับผู้ใช้
  4. ในส่วนข้อความการแก้ไข ให้คลิกปิด และเลื่อนไปทางขวาเพื่อเปิดข้อความ คุณจะเห็นเครื่องหมายถูก
  5. คลิกบันทึก
    นอกจากนี้ คุณยังเพิ่มข้อความที่กําหนดเองในขั้นตอนนี้ได้ด้วย

เพิ่มข้อความที่กําหนดเอง

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากหน้าแรกของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่ ความปลอดภัยจากนั้นสิทธิ์เข้าถึงและการควบคุมข้อมูลจากนั้น การเข้าถึงแบบ Context-Aware
  3. เลือกข้อความสําหรับผู้ใช้
  4. ที่ใต้ข้อความที่กําหนดเองเพิ่มเติม ให้ป้อนข้อความของคุณ
  5. คลิกแสดงตัวอย่างเพื่อดูสิ่งที่ผู้ใช้จะเห็น
  6. คลิกบันทึก

ประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเอง

ข้อความเริ่มต้นเท่านั้น

นี่คือตัวอย่างข้อความที่ผู้ใช้จะเห็นหากไม่มีการกําหนดค่าข้อความการแก้ไขหรือข้อความที่กําหนดเอง

ข้อความเริ่มต้นและข้อความที่กําหนดเอง

นี่คือตัวอย่างข้อความที่ผู้ใช้จะเห็นหากไม่ได้กําหนดค่าข้อความการแก้ไขไว้ แต่มีข้อความที่กําหนดเอง

ข้อความการแก้ไขเท่านั้น

นี่คือตัวอย่างข้อความที่ผู้ใช้จะเห็นหากมีการกําหนดค่าข้อความการแก้ไขไว้ แต่ไม่มีข้อความที่กําหนดเอง ผู้ใช้สามารถคลิกแสดงตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อขยายขั้นตอนการแก้ไข

ข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเอง

นี่คือตัวอย่างข้อความที่ผู้ใช้จะเห็นหากมีการกําหนดค่าทั้งข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเอง ผู้ใช้สามารถคลิกแสดงตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อขยายขั้นตอนการแก้ไข

คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้อความการแก้ไขและข้อความที่กําหนดเองของการเข้าถึงแบบ Context-Aware

ขยายทั้งหมด  |  ยุบทั้งหมด

การแก้ไขอาจทําให้เกิดกรณีที่การเข้าถึงเพิ่มเติมถูกปฏิเสธได้หรือไม่
ไม่ การเปิดหรือปิดใช้ข้อความการแก้ไขจะไม่ส่งผลต่อสถานะการเข้าถึง หากระบบไม่สร้างข้อความการแก้ไข หน้าจอที่มีอยู่จะแสดงข้อความเริ่มต้น
เหตุใดข้อความการแก้ไขจึงไม่แสดงนโยบายปัจจุบัน
หากการแก้ไขไม่แสดงนโยบายที่ถูกต้อง โปรดรอ 2-3 นาทีหลังจากเปลี่ยนนโยบายในคอนโซลผู้ดูแลระบบ นอกจากนี้ อาจใช้เวลาสักครู่ก่อนที่ข้อความการแก้ไขจะแสดงการตั้งค่าใหม่ของระดับการเข้าถึงหรือการแก้ไข
ผู้ใช้ต้องรอนานเท่าใดจึงจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงหลังจากที่ดำเนินการแก้ไขเสร็จแล้ว

ผู้ใช้จะยังไม่ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงจนกว่าอุปกรณ์จะซิงค์กับเซิร์ฟเวอร์ของ Google โดยผู้ใช้อาจบังคับให้ซิงค์ได้ในบางกรณี ดังนี้

  • เดสก์ท็อป - ซิงค์จากส่วนขยายการยืนยันปลายทางใน Chrome
  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (การจัดการขั้นสูง) - ซิงค์จากแอปนโยบายด้านอุปกรณ์
  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (การจัดการขั้นพื้นฐาน) - เข้าสู่ระบบอีกครั้งสําหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการขั้นพื้นฐาน

นอกจากนี้ หากอุปกรณ์ไม่เป็นไปตามนโยบายพาร์ทเนอร์ Beyondcorp Alliance ให้ลองซิงค์จากแอปพลิเคชันของพาร์ทเนอร์ โปรดทราบว่าในบางกรณีการซิงค์ด้วยตนเองอาจไม่ได้ผล ดังนั้นผู้ใช้ควรรอจนกว่าการซิงค์จะเกิดขึ้น

เพราะเหตุใดผู้ใช้ยังเห็นตัวเลือกการแก้ไขรายการเดิมอยู่หลังจากที่ดําเนินการแก้ไขไปแล้ว
ตัวเลือกการแก้ไขจะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าอุปกรณ์จะซิงค์ โปรดดูคำตอบของคําถามที่พบบ่อยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับตัวเลือกการซิงค์
เพราะเหตุใดตัวเลือกข้อความการแก้ไขจึงมีการเปลี่ยนแปลงทั้งที่ยังไม่ได้ดําเนินการใดๆ กับอุปกรณ์
แม้ว่าโดยปกติกรณีนี้มักจะไม่เกิดขึ้น แต่ระบบอาจแสดงตัวเลือกการแก้ไขที่แตกต่างกันในสถานะอุปกรณ์เดียวกันเมื่อระดับการเข้าถึงมีความซับซ้อน นอกจากนี้ หากมีการอัปเดตระดับการเข้าถึงและ/หรือมีการอัปเดตการแก้ไขเมื่อเร็วๆ นี้ อาจต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อให้การตั้งค่าที่อัปเดตแล้วมีการเผยแพร่อย่างเต็มรูปแบบ ในระหว่างนี้ ตัวเลือกการแก้ไขอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเองเมื่อรีเฟรชเบราว์เซอร์
เหตุใดข้อความการแก้ไขจึงหายไป แม้ว่าจะเปิดใช้ไว้
ปัญหานี้อาจเกิดจากระดับการเข้าถึงที่ไม่เข้าเกณฑ์ (เช่น example,  os = ‘windows’ && os = ‘mac’)
ผู้ใช้จะเห็นข้อความที่กําหนดเองสําหรับผู้ใช้หรือไม่ หากเปิดใช้การแก้ไขแล้ว
ข้อความที่กําหนดเองจะแสดงเฉพาะเมื่อผู้ดูแลระบบเปิดใช้เท่านั้น หากเปิดใช้แล้ว ข้อความที่กําหนดเองสำหรับผู้ใช้จะแสดงใต้ตัวเลือกการแก้ไขข้อความ
ฉันจะเปิดใช้การแก้ไขสําหรับนโยบายด้านอุปกรณ์ได้อย่างไร
ข้อความการแก้ไขจะไม่ครอบคลุมการปฏิเสธการเข้าถึงเนื่องจากนโยบายด้านอุปกรณ์ โดยจะแสดงการแก้ไขสำหรับนโยบายการเข้าถึงแบบ Context-Aware เท่านั้น
เพราะเหตุใดข้อความการแก้ไขระบบไม่รู้จักอุปกรณ์ของคุณปรากฏขึ้นเมื่อส่วนขยายการยืนยันปลายทางกำลังซิงค์
ตรวจสอบว่าบัญชีที่ใช้เข้าถึงแอปเป็นบัญชีที่กำลังซิงค์อยู่ในส่วนขยายการยืนยันปลายทางหรือไม่ หากโปรไฟล์ Chrome เป็นของผู้ใช้รายอื่น การยืนยันปลายทางอาจซิงค์กับผู้ใช้รายนั้น


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
16768636294513391410
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false