เครื่องมือนำออกช่วยให้คุณบล็อกหน้าเว็บในเว็บไซต์ที่คุณเป็นเจ้าของไม่ให้ปรากฏในผลการค้นหาของ Google Search ได้เป็นการชั่วคราว ดูประวัติคําขอนําออกจากทั้งเจ้าของและผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงดู URL ในเว็บไซต์ของคุณที่ถูกรายงานว่ามีเนื้อหาสําหรับผู้ใหญ่
หากต้องการนำเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ ให้ดูหน้านี้
การนำออกใน Search Console - การฝึกอบรม Google Search Console
ข้อกำหนดเบื้องต้น
โปรดทำตามขั้นตอนนี้เพื่อบล็อกไม่ให้ URL ในเว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google ชั่วคราว
เมื่อใดที่ควรใช้เครื่องมือนี้
- คุณมี URL ในพร็อพเพอร์ตี้ Search Console ที่คุณเป็นเจ้าของและต้องการนำออกจาก Google Search อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากต้องการนำ URL ออกอย่างถาวร คุณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพิ่มเติม โดย URL ที่จะนำออกอาจเป็น URL ของหน้าเว็บหรือรูปภาพก็ได้
- คุณได้อัปเดตเพื่อนำเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนออกจากหน้าเว็บและต้องการให้ Google แสดงการเปลี่ยนแปลงนั้นในผลการค้นหา
เมื่อใดที่ไม่ควรใช้เครื่องมือนี้
- เมื่อต้องการบล็อกหน้าในเว็บไซต์ที่คุณไม่ได้ควบคุม หากคุณไม่ได้ควบคุมหน้า
- หากเนื้อหาหายไปจากหน้าเว็บปัจจุบัน คุณขอรีเฟรชเนื้อหาที่ล้าสมัยใน Google Search ได้
- หากเนื้อหายังคงอยู่ในหน้าเว็บปัจจุบัน ให้อ่านที่นี่
- เมื่อต้องการนำ URL ออกจาก Search อย่างถาวร เครื่องมือนำออกเป็นเพียงขั้นตอนเดียวในกระบวนการนี้ในการนำ URL ออกอย่างถาวร การใช้เครื่องมือดังกล่าวเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ผล
- เมื่อต้องการนำเนื้อหาออกจากอินเทอร์เน็ต เครื่องมือนี้จะทำได้เพียงแค่นำเนื้อหาออกจาก Google Search เท่านั้น
- เมื่อต้องการนำผลการค้นหาออกจากเครื่องมือค้นหาอื่นๆ เครื่องมือนี้จะทำได้เพียงแค่นำเนื้อหาออกจาก Google Search เท่านั้น
- เมื่อต้องการล้างสิ่งที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าเก่าๆ ที่แสดงข้อผิดพลาด 404 หากคุณมีการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์เมื่อไม่นานมานี้และตอนนี้มี URL ที่ล้าสมัยอยู่ในดัชนี โปรดทราบว่า Crawler ของ Google จะเห็น URL นี้เมื่อทำการ Crawl URL อีกครั้ง และหน้าเหล่านั้นจะเลิกแสดงในผลการค้นหาไปเอง คุณจึงไม่จำเป็นต้องขอการอัปเดตแบบเร่งด่วน
- เมื่อต้องการแก้ไขข้อผิดพลาดจากการ Crawl จากบัญชี Search Console เครื่องมือบล็อกไม่ได้บล็อก URL จากบัญชี Search Console แต่บล็อกจากผลการค้นหาของ Google คุณไม่จำเป็นต้องนำ URL ออกจากรายงานนี้ด้วยตนเอง เพราะ URL เหล่านี้จะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป
- เมื่อต้องการ "เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น" กับเว็บไซต์ของคุณ หากคุณกังวลว่าเว็บไซต์อาจมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่หรือต้องการเริ่มต้นใหม่อย่างไร้ปัญหาหลังจากที่ซื้อโดเมนมาจากคนอื่น ขอแนะนำให้คุณยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เพื่อแจ้งให้เราทราบถึงสิ่งที่คุณกังวลและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- เมื่อต้องการทำให้เว็บไซต์ "ออฟไลน์" หลังจากถูกแฮ็ก หากเว็บไซต์ถูกแฮ็กและคุณต้องการกำจัด URL ที่ไม่ดีที่ได้รับการจัดทำดัชนี ให้ใช้เครื่องมือบล็อก URL เพื่อบล็อก URL ใหม่ที่แฮ็กเกอร์สร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น http://www.example.com/buy-cheap-cialis-skq3w598.html แต่เราไม่แนะนำให้คุณบล็อกทั้งเว็บไซต์หรือบล็อก URL ที่สุดท้ายแล้วคุณต้องการให้มีการจัดทำดัชนี ให้คุณล้างเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็กและให้เรารวบรวมข้อมูลเว็บไซต์อีกครั้งแทน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการกับเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็ก
- เมื่อต้องการให้มีการจัดทำดัชนีเว็บไซต์ใน "เวอร์ชัน" ที่ถูกต้อง เว็บไซต์จำนวนมากสร้างเนื้อหาหรือไฟล์ HTML เดียวกันแต่มีให้ใช้งานผ่านหลาย URL หากคุณทำเช่นนี้และไม่ต้องการให้รายการที่ซ้ำปรากฏในผลการค้นหา โปรดดูวิธีการที่แนะนำสำหรับการกำหนดหน้า Canonical อย่าใช้เครื่องมือ URL นี้เพื่อบล็อก URL ที่คุณไม่ต้องการในผลการค้นหา การดำเนินการนี้ไม่ได้ช่วยเก็บหน้าในเวอร์ชันที่คุณชื่นชอบไว้ แต่อาจเป็นการนำ URL ทุกเวอร์ชันออก (http หรือ https และ www หรือไม่มี www)
บล็อก URL ชั่วคราว
หมายเหตุสำคัญมาก
- คำขอที่ประสบความสำเร็จจะมีผลใช้งานประมาณ 6 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น ข้อมูลของคุณอาจปรากฏในผลการค้นหาของ Google ได้ (ดูการนำออกอย่างถาวร)
- การบล็อก URL ไม่ได้เป็นการป้องกัน Google ไม่ให้รวบรวมข้อมูลหน้าเว็บของคุณ เพียงแต่เป็นการป้องกันไม่ให้แสดงเนื้อหาของคุณในผลการค้นหาของ Search เท่านั้น เมื่อคุณส่งคำขอการบล็อก URL ชั่วคราว Google จะยังทำการ Crawl URL ดังกล่าวต่อไป หาก URL นั้นยังมีอยู่และไม่มีการบล็อกด้วยวิธีการอื่น (เช่น แท็ก noindex) ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่าระบบทำการ Crawl หน้าได้ก่อนที่คุณจะนำหน้าออกหรือตั้งรหัสผ่านปกป้องหน้า และหน้านั้นอาจแสดงในผลการค้นหาได้หลังจากสิ้นสุดช่วงหยุดแสดงชั่วคราว
- หาก Google เข้าถึง URL ของคุณไม่ได้ (404, 502/3) ระหว่างที่คุณใช้เครื่องมือนี้ Google จะถือว่าไม่มีหน้านั้นแล้วและคำขอบล็อกจะหมดอายุ หากตรวจพบหน้าใดก็ตามที่ใช้ URL ดังกล่าวในภายหลัง จะถือว่าเป็นหน้าใหม่ที่แสดงในผลการค้นหาของ Google Search ได้
หากต้องการบล็อก URL จาก Google Search ชั่วคราวหรืออัปเดตมุมมองของ Google เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บ ให้ทำดังนี้
- URL ต้องอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้ Search Console ที่คุณเป็นเจ้าของ มิเช่นนั้น โปรดดูรายการแรกในหัวข้อเมื่อใดที่ไม่ควรใช้เครื่องมือนี้
- เปิดเครื่องมือนำออก
- เลือกแท็บการนำออกชั่วคราว
- คลิกคำขอใหม่
- เลือกนำ URL ออกชั่วคราวหรือล้าง/อัปเดตตัวอย่างข้อมูลในการค้นหา ดังนี้
-
นำ URL ออกชั่วคราว
การทำงานของตัวเลือกนี้
บล็อก URL จากผลการค้นหาของ Google เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน หน้านี้จะแสดงในผลการค้นหาอีกครั้งหลังจากผ่านช่วงหยุดแสดงไปแล้ว หน้านี้จะได้รับการ Crawl ใหม่ก่อนจะกลับมาปรากฏในผลการค้นหาของ Search อีกครั้ง
ขั้นตอนเหล่านี้จะล้างตัวอย่างข้อมูลของหน้าออกจากดัชนีของ Google ด้วย
ใช้ฟีเจอร์นี้เป็นขั้นตอนแรกในการบล็อกหน้าเว็บจากผลการค้นหาของ Google Search อย่างถาวร
คุณจะบล็อก URL ที่เจาะจงหรือ URL ทั้งหมดที่ขึ้นต้นด้วยคำนำหน้าที่เจาะจงก็ได้ ดังนี้
บล็อก URL ที่เจาะจง
- ป้อน URL แบบเต็มเพื่อบล็อก ใช้ URL ที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง
- เลือกนำออกเฉพาะ URL นี้
หมายเหตุสำคัญ
- ตัวเลือกนี้จะบล็อกเฉพาะ URL ที่ตรงกันทุกประการจากผลการค้นหาของ Search ซึ่งรวมถึงนามสกุลของหน้าเว็บ (เช่น .html) และพารามิเตอร์
- ระบบจะถือว่าแท็ก Anchor ไม่ตรงกัน และควรนำออกจาก URL (mypage#anchor)
- ดูหมายเหตุเพิ่มเติมด้านล่าง
บล็อก URL ที่ขึ้นต้นด้วยคำนำหน้า
- เลือกนำ URL ทั้งหมดที่มีคำนำหน้านี้ออก
- ป้อนคํานำหน้า URL ที่ตรงกันเพื่อบล็อก การดำเนินการนี้จะบล็อก URL ทั้งหมดที่ขึ้นต้นด้วยคำนำหน้าที่เจาะจง ทั้งแบบมี www และไม่มี www เช่น
- พร็อพเพอร์ตี้:
example.com
- เส้นทางที่ถูกบล็อก:
https://example.com/foods/
- URL ที่ตรงกัน:
http://example.com/foods/pizza
https://www.example.com/foods/bread?type=whole_wheat
https://www.example.com/foods/pasta/spaghetti/bologonese.html
- หากต้องการบล็อกทั้งเว็บไซต์ ให้ใช้ URL ในลักษณะนี้
https://example.com/
- พร็อพเพอร์ตี้:
ดูหมายเหตุเพิ่มเติมด้านล่าง
หมายเหตุเพิ่มเติม
- Google อาจทำการ Crawl หน้าอีกครั้งขณะอยู่ในช่วงหยุดแสดงและรีเฟรชตัวอย่างข้อมูลของหน้านั้น แต่จะไม่แสดงหน้านั้นจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงหยุดแสดง เว้นแต่คุณจะนำออกอย่างถาวร
- http และ https รูปแบบต่างๆ ทั้งหมด รวมถึงแบบมี www และไม่มี www จะถือว่าตรงกัน ดังนั้น หากคุณระบุ
example.com/mypage
- https://example.com/mypage จะถือว่าตรงกัน
- http://example.com/mypage จะถือว่าตรงกัน
- https://www.example.com/mypage จะถือว่าตรงกัน
- http://www.example.com/mypage จะถือว่าตรงกัน
- โดเมนย่อยอื่นๆ (เช่น m. หรือ amp.) จะถือว่าไม่ตรงกัน ดังนั้น http://m.example.com/mypage จะถือว่าไม่ตรงกัน
-
ล้าง/อัปเดตตัวอย่างข้อมูลในการค้นหา
การทำงานของตัวเลือกนี้
ล้างตัวอย่างข้อมูลคำอธิบายหน้าในผลการค้นหาของ Search จนกว่าจะมีการรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง เมื่อมีการสร้างตัวอย่างข้อมูลจากเนื้อหาใหม่ คำอธิบายหน้าเว็บจะแสดงข้อความว่า "ไม่มีคำอธิบายหน้าเว็บ" จนกว่าจะมีการรวบรวมข้อมูลครั้งถัดไป
ใช้ฟีเจอร์นี้เมื่อคุณนำข้อมูลที่ละเอียดอ่อนออกจากหน้าเว็บและต้องการอัปเดตตัวอย่างข้อมูลผลการค้นหาใน Google Search โปรดทราบว่าหน้าเว็บอาจยังแสดงในผลการค้นหาที่ตรงกับข้อมูลที่นำออกไปแล้วจนกว่าจะมีการ Crawl หน้าเว็บอีกครั้ง แต่ข้อมูลที่นำออกไปแล้วจะไม่ปรากฏในตัวอย่างข้อมูล
หมายเหตุ
- ใช้ URL ที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง URL จะต้องตรงกันทุกประการ ซึ่งรวมถึงนามสกุลของหน้าเว็บ (เช่น .html) ดังนั้น หากระบุ
path/mypage
จะถือว่า URL ต่อไปนี้ไม่ตรงกัน- path/MyPage, path/mypage?1234
- path/mypage.html
- ระบบจะถือว่าแท็ก Anchor ไม่ตรงกัน และควรนำออกจาก URL (mypage#anchor)
- ใช้ URL ที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง URL จะต้องตรงกันทุกประการ ซึ่งรวมถึงนามสกุลของหน้าเว็บ (เช่น .html) ดังนั้น หากระบุ
-
- เลือกถัดไปเพื่อดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ โดยทั่วไปคำขอจะใช้เวลาดำเนินการถึง 1 วัน และเราไม่รับประกันว่าจะมีการดำเนินการให้หรือไม่ โปรดกลับมาตรวจสอบสถานะคำขอ หากคำขอถูกปฏิเสธ ให้คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดูสาเหตุ
- ส่งคำขอนำออกเพิ่มเติมสำหรับ URL อื่นๆ ที่อาจชี้ไปยังหน้าเดียวกัน ตลอดจน URL ที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่รูปแบบต่างๆ ที่เซิร์ฟเวอร์ของคุณจัดการ เช่น URL ต่อไปนี้ทั้งหมดอาจชี้ไปที่หน้าเว็บเดียวกัน
example.com/mypage
example.com/MyPage
example.com/page?1234
- หากต้องการนำออกอย่างถาวร โปรดอ่านหัวข้อถัดไป
ค้นหา URL ที่ถูกต้องสำหรับการบล็อก
วิธีค้นหา URL ที่ถูกต้องที่จะส่งให้เครื่องมือเพื่อบล็อก URL นั้นในผลการค้นหา
สําหรับหน้า คุณต้องป้อน URL ที่ตรงกันทุกประการกับที่ปรากฏในผลการค้นหาของ Google รูปแบบ URL ที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น www.example.com/dragon กับ www.example.com/Dragon ถือเป็น URL 2 รายการที่ต่างกัน เพื่อให้ Google นําเนื้อหาออกตามที่คุณต้องการ คุณต้องป้อน URL ที่ตรงกันทุกประการกับที่พบในผลการค้นหาของ Google Search
วิธีค้นหา URL ที่ถูกต้องมีดังนี้
- ไปที่หน้าและคัดลอก URL ในแถบ URL ของเบราว์เซอร์
- ไม่รวมแท็ก Anchor (ทุกอย่างที่อยู่หลังเครื่องหมาย #) เนื่องจากระบบจะไม่สนใจแท็กดังกล่าวในคำขอ
- รวมพารามิเตอร์ที่จำเป็น แต่ยกเว้นพารามิเตอร์ที่ไม่บังคับ ตัวอย่างเช่น
https://example.com?item=1234
แต่ไม่ใช่https://example.com/food?sort=ascending
- ค้นหา URL เพิ่มเติมสำหรับหน้าเว็บเดียวกัน: การที่เนื้อหาเดียวกันปรากฏใน URL หลายแห่งถือเป็นเรื่องปกติ เช่น URL ของบล็อกโพสต์ต่อไปนี้ทั้งหมดต่างชี้ไปยังหน้าเว็บเดียวกัน
http://www.example.com/forum/thread/123 http://www.example.com/forum/post/456 http://www.example.com/forum/thread/123?post=456 http://www.example.com/forum/thread/123?post=456&sessionid=12837460
แม้ว่าจะส่งคำขอให้นำ URL ออกสำเร็จแล้ว 1 รายการ แต่หากเนื้อหาที่คุณพยายามนำออกปรากฏในผลการค้นหาภายใต้ URL อื่น เนื้อหานั้นจะยังปรากฏได้อยู่ ในกรณีนี้ โปรดส่งคำขอให้นำออกเพิ่มเติมโดยส่ง 1 คำขอต่อ URL 1 รายการที่แสดงเนื้อหานี้
วิธีค้นหา URL ของรูปภาพเพื่อบล็อกรูปภาพนั้นชั่วคราว
- ค้นหารูปภาพใน Google รูปภาพ โดยใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome
- คลิกขวาที่รูปภาพ และเลือกคัดลอกที่อยู่ลิงก์ อย่าคลิกซ้ายที่รูปภาพก่อน (URL ควรมีลักษณะดังนี้ https://www.google.com/imgres?imgurl=https....)
- วาง URL ลงในไฟล์หรือเอกสารเพื่อเก็บไว้ใช้ตอนใช้เครื่องมือการนำ URL ออก
- ค้นหา URL อื่นๆ ของรูปภาพเดียวกัน รูปภาพหนึ่งอาจโฮสต์อยู่ในหลาย URL ในเว็บไซต์เดียวกันหรือในเว็บไซต์อื่น วิธีค้นหาสำเนาอื่นๆ ของรูปภาพมีดังนี้:
- คลิกขวาที่รูปภาพในผลการค้นหา แล้วเลือกค้นหารูปภาพจาก Google
- คลิก "ทุกขนาด" ใต้ส่วน "ค้นหาขนาดอื่นๆ ของรูปภาพนี้" จากนั้นรูปภาพนี้ทุกขนาดจะแสดงขึ้นมาใน 1 หน้า
- เรียกดู "หน้าเว็บที่มีรูปภาพตรงกัน" ที่ด้านล่างของหน้าผลการค้นหาด้วย
นำออกอย่างถาวร
เครื่องมือนำออกจะนำเนื้อหาออกเพียงชั่วคราว ซึ่งคือประมาณ 6 เดือนเท่านั้น หากต้องการนำเนื้อหาหรือ URL ออกจากผลการค้นหาของ Google อย่างถาวร
- ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เพื่อนำหน้าเว็บออกอย่างถาวร
- นำเนื้อหาออกหรืออัปเดตเนื้อหาในเว็บไซต์ (รูปภาพ หน้าเว็บ ไดเรกทอรี) และตรวจสอบว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์แสดงรหัสสถานะ HTTP
404 (ไม่พบ)
หรือ410 (ไม่มีอยู่)
คุณควรจะนำไฟล์ที่ไม่ใช่ HTML (เช่น ไฟล์ PDF) ออกจากเซิร์ฟเวอร์ของคุณอย่างสมบูรณ์ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรหัสสถานะ HTTP) - บล็อกการเข้าถึงเนื้อหา เช่น ด้วยการขอรหัสผ่าน
- ระบุว่าหน้านั้นไม่ควรจัดทำดัชนีด้วยเมตาแท็ก noindex วิธีนี้มีความปลอดภัยต่ำกว่าวิธีอื่น
- อย่าใช้ robots.txt เป็นกลไกในการบล็อก
- นำเนื้อหาออกหรืออัปเดตเนื้อหาในเว็บไซต์ (รูปภาพ หน้าเว็บ ไดเรกทอรี) และตรวจสอบว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์แสดงรหัสสถานะ HTTP
- หากคุณบล็อกหน้าก่อนนำเนื้อหาออกอย่างถาวร (ขั้นตอนที่ 1) ให้เลิกบล็อก แล้วบล็อกหน้านั้นอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการนำหน้าออกจากดัชนีหากมีการรวบรวมข้อมูลใหม่หลังการบล็อก
ยกเลิกคําขอ
หากต้องการยกเลิกการบล็อกเนื้อหาจากผลการค้นหาชั่วคราว ให้ทำดังนี้
- เปิดเครื่องมือนำออก
- ค้นหาคำขอในตารางประวัติ
- คลิกปุ่มเมนู ข้างคำขอและเลือกยกเลิกคำขอ
ดูประวัติคําขอให้นำออก
คุณดูประวัติคำขอให้นําออกในปัจจุบันและที่หมดอายุทั้งหมดสำหรับเว็บไซต์ของคุณที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้
ดูคําขอให้นำออกจากผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของ
นี่คือคำขอให้นำออกที่ยื่นโดยใช้เครื่องมือนำเนื้อหาที่ล้าสมัยออก เครื่องมือนำเนื้อหาที่ล้าสมัยออกเป็นเครื่องมือที่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์จะใช้เพื่ออัปเดตผลการค้นหาเมื่อ Google Search แสดงข้อมูลที่ไม่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นอีกต่อไปแล้ว คำขอที่สำเร็จจะอัปเดตผลการค้นหาใน Google หากหน้าไม่ปรากฏอยู่อีกแล้ว ผลการค้นหาจะถูกนำออกจากดัชนีและจะยังแสดงอยู่ต่อไป หากเนื้อหาในหน้าถูกนำออกไปแล้ว Google Search จะไม่เรียกให้แสดงหรือแสดงเนื้อหาที่นำออกแล้วอีกต่อไป
คุณดูรายการคำขอให้นำออกของคุณเองทั้งรายการปัจจุบันและที่หมดอายุแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้ในแท็บเนื้อหาที่ล้าสมัย
วิธีดูคำขอให้นำออกจากผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของ
- เปิดแท็บเนื้อหาที่ล้าสมัยในเครื่องมือนำออก ตารางประวัติจะมีข้อมูลต่อไปนี้
- URL
- URL ที่ขอ URL ที่แสดงในรูปแบบต่างๆ ทั้งหมด ทั้งแบบ www/ไม่มี www/http/https จะรวมอยู่ในคำขอด้วย
- ประเภท
- ประเภทคำขอต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- การนำตัวอย่างข้อมูลที่ล้าสมัยออก: หน้าจะยังคงอยู่ แต่เนื้อหาบางรายการจะถูกนำออกไป ล้างตัวอย่างข้อมูลของหน้าในผลการค้นหาจนถึงการ Crawl ครั้งถัดไป การค้นหาใน Google สำหรับเนื้อหาที่นำออกไปแล้วจะไม่แสดงในหน้านี้อีกต่อไป
- การนำหน้าที่ล้าสมัยออก: หน้าไม่ปรากฏอยู่แล้ว และถูกล้างออกจากดัชนีและผลการค้นหาของ Google แล้ว
- ส่งคำขอแล้ว
- วันที่ยื่นคำขอในเขตเวลาแปซิฟิก
- สถานะ
- สถานะของคำขอลบเนื้อหาที่ล้าสมัย อาจมีสถานะใดสถานะหนึ่งดังต่อไปนี้
- อนุมัติแล้ว - คำขอได้รับการอนุมัติแล้วและจะมีผลในไม่ช้า
- ถูกปฏิเสธ: เนื้อหายังอยู่ในหน้าเว็บ - เนื้อหาที่ผู้ส่งคำขอแจ้งว่านำออกแล้วยังคงอยู่ในหน้าเว็บ ต้องนำเนื้อหาออกจากหน้าเว็บจึงจะมีการอัปเดตดัชนี Google
- ถูกปฏิเสธ: เนื้อหาที่ล้าสมัยไม่อยู่ในดัชนี - เนื้อหาที่ผู้ส่งคำขอแจ้งว่าล้าสมัยไม่ได้อยู่ในหน้าเว็บเวอร์ชันที่ Google จัดทำดัชนีไว้ เนื้อหาอาจถูกนำออกไปแล้ว และ Google ได้เข้าไปที่หน้าเว็บอีกครั้งก่อนที่จะได้รับคำขอ หรือผู้ใช้ระบุเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องซึ่งไม่เคยมีอยู่ในหน้ามาก่อน
- ถูกปฏิเสธ: หน้าไม่ได้จัดทำดัชนี - URL ที่ส่งไม่ได้อยู่ในดัชนี
- ถูกปฏิเสธ: คำขอซ้ำ - มีคำขอที่คล้ายกันรอดำเนินการอยู่
- ถูกปฏิเสธ: หน้าไม่ได้ถูกนำออก - หน้าที่ผู้ส่งคำขอแจ้งว่านำออกแล้วยังคงปรากฏอยู่
- ถูกปฏิเสธ: ไม่ได้ระบุ - ดำเนินการตามคำขอไม่ได้เนื่องจากเหตุผลอื่นที่ไม่ได้ระบุ
คุณดูรายการคำขอให้นำออกของคุณเองทั้งรายการปัจจุบันและหมดอายุแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้
วิธีดูประวัติคําขอให้นำออก
- เปิดแท็บการนำออกชั่วคราวในเครื่องมือนำออก ตารางประวัติจะมีข้อมูลต่อไปนี้
- URL
- URL ที่ขอ URL ที่แสดงในรูปแบบต่างๆ ทั้งหมด ทั้งแบบ www/ไม่มี www/http/https จะรวมอยู่ในคำขอด้วย
- ประเภท
- ประเภทของคำขอ
- ล้าง/อัปเดตตัวอย่างข้อมูลในการค้นหา: คำขอให้นำตัวอย่างข้อมูลออก
- นำ URL ออกชั่วคราว: คำขอให้นำออกชั่วคราว
- สถานะ
- สถานะของคำขอ
- กำลังประมวลผลคำขอ: คำขออยู่ระหว่างการดำเนินการ
- คำขอถูกปฏิเสธ: คำขอถูกปฏิเสธ โดยทั่วไปจะเป็นเพราะมีคำขออีกรายการหนึ่งที่เหมือนกันทุกประการอยู่แล้ว ดูเหตุผลอื่นๆ ที่อาจทำให้คำขอถูกปฏิเสธ
- คำขอถูกยกเลิก: คุณยกเลิกคำขอไปแล้ว
- นำออกชั่วคราวแล้ว: นำ URL ออกจากผลการค้นหาของ Google Search เป็นการชั่วคราวแล้ว คุณต้องดำเนินการนำออกอย่างถาวร มิเช่นนั้นหน้าเว็บอาจกลับมาปรากฏอีกครั้งหลังจากผ่านไปประมาณ 6 เดือน
- การนำออกหมดอายุแล้ว: คำขอนำ URL ออกหมดอายุแล้ว และหน้าเว็บมีสิทธิ์ปรากฏในผลการค้นหาของ Search อีกครั้ง เว้นแต่คุณจะยื่นคำขอนำออกอีก
- ล้างแล้ว: ดำเนินการตามคำขอล้างตัวอย่างข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ดู URL ในเว็บไซต์ของคุณที่ถูกรายงานว่าเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
ผู้ใช้ Google จะรายงาน URL บางรายการให้ Google ทราบได้ว่าเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นโดยใช้เครื่องมือแนะนำสำหรับ "ค้นหาปลอดภัย" เราจะตรวจสอบ URL ที่ส่งผ่านเครื่องมือนี้และถ้า Google เห็นว่าเนื้อหานี้ควรมีการกรองออกจากผลการค้นหาของ "ค้นหาปลอดภัย" จะมีการติดแท็ก URL เหล่านี้ว่าเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
หากต้องการดูรายการ URL ในเว็บไซต์ที่ถูกรายงานว่าเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ให้ทำดังนี้
- เปิดเครื่องมือนำออก
- เลือกแท็บการกรองของ "ค้นหาปลอดภัย"
- ตารางประวัติดังกล่าวจะแสดงรายการคำขอให้ติดป้ายกำกับเนื้อหาของคุณว่าเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
คำขอการกรองของ "ค้นหาปลอดภัย" จะมีค่าสถานะต่อไปนี้
- การประมวลผลคำขอ: หลังได้รับคำขอ การประมวลผลจะใช้เวลา 2-3 วันหรือนานกว่านั้น
- คำขอถูกยกเลิก: ผู้ใช้ที่ยื่นคำขอยกเลิกคำขอดังกล่าว
- คำขอถูกปฏิเสธ: คำขอถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
- กรองแล้ว: คำขอได้รับอนุมัติแล้ว ระบบจะไม่แสดง URL ในผลการค้นหาของ Google Search ต่อผู้ใช้ที่เปิดใช้ฟีเจอร์ "ค้นหาปลอดภัย"
หากเชื่อว่าเว็บไซต์ได้รับการจัดหมวดหมู่โดยฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยอย่างไม่ถูกต้อง และเวลาผ่านไปอย่างน้อย 2-3 เดือนแล้วนับตั้งแต่ทำตามคำแนะนำในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ คุณขอรับการตรวจสอบได้
ความแตกต่างระหว่างเครื่องมือนำออกและเครื่องมืออัปเดตเนื้อหา
Search Console มีเครื่องมือ 2 อย่างสำหรับการนำออกหรือรีเฟรชเนื้อหาในผลการค้นหาของ Search ดังนี้
- เครื่องมือนำออก (เครื่องมือนี้): หน้าเว็บหรือรูปภาพยังคงอยู่และคุณต้องการนำรายการดังกล่าวออกจากผลการค้นหาของ Google Search ในระยะเวลาที่จํากัด (180 วัน) หรือนําหน้าหรือรูปภาพออกไปแล้ว แต่ยังคงปรากฏในผลการค้นหาของ Google Search คุณต้องเป็นเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ใน Search Console จึงจะใช้เครื่องมือนี้ได้
- เครื่องมืออัปเดตเนื้อหา: หน้าเว็บหรือรูปภาพไม่อยู่ในเว็บแล้วหรือได้รับการอัปเดต แต่ผลการค้นหาเก่ายังคงแสดงผลอยู่ในผลการค้นหาของ Google Search คําขอที่ประสบความสําเร็จจะนำรูปภาพหรือหน้าออก (หากไม่แสดงอีกต่อไป) หรืออัปเดตรายการดังกล่าวในผลการค้นหาของ Search (หากมีการเปลี่ยนแปลง) คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเว็บไซต์เพื่อใช้เครื่องมือนี้