บันทึกเสียงในโทรศัพท์ Pixel

คุณอัดเสียง เปลี่ยนเสียงพูดเป็นคำที่ค้นหาได้บนหน้าจอ และค้นหาในไฟล์เสียงที่อัดไว้ได้ แอปโปรแกรมอัดเสียงใช้งานได้ในโทรศัพท์ Pixel 3 และเวอร์ชันใหม่กว่า

ภาษาที่พร้อมให้บริการสำหรับการถอดเสียงเป็นคำแบบเรียลไทม์

  • Pixel 3 ถึง Pixel 5a: ภาษาอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา) อังกฤษ (อังกฤษ) อังกฤษ (สิงคโปร์) อังกฤษ (ไอร์แลนด์) อังกฤษ (ออสเตรเลีย) ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส
  • Pixel 6 ขึ้นไป รวมถึง Fold: ภาษาอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา) อังกฤษ (อังกฤษ) อังกฤษ (สิงคโปร์) อังกฤษ (ไอร์แลนด์) อังกฤษ (ออสเตรเลีย) ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สเปน (ละตินอเมริกา) ฝรั่งเศส (แคนาดา) อังกฤษ (อินเดีย) จีนกลาง และฮินดี

สร้างหรือลบไฟล์บันทึกเสียงในโทรศัพท์

  1. เปิดแอปโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะบันทึก บันทึก
    • อุปกรณ์จะอัดเสียง แม้หน้าจอจะเข้าสู่โหมดสลีปก็ตาม
    • ขณะอัดเสียง คุณจะเห็นข้อความ "กำลังอัดเสียง" ในการแจ้งเตือน
    • คุณอัดเสียงรายการเดียวได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
  3. เมื่อเสร็จแล้ว ให้แตะ "หยุดชั่วคราว" หยุดชั่วคราว
  4. แตะบันทึกหรือลบ
  5. ตั้งชื่อไฟล์บันทึกเสียงโดยแตะที่ไฟล์บันทึกเสียง จากนั้น เมนู เพิ่มเติม จากนั้น เปลี่ยนชื่อ
แก้ไขไฟล์บันทึกเสียง
คุณจะตัดไฟล์บันทึกเสียงที่ตัวเสียงหรือข้อความถอดเสียงก็ได้

บันทึกไฟล์บางส่วน

  1. แตะไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการแก้ไข จากนั้น แก้ไข
  2. เลือกเสียงหรือข้อความถอดเสียงที่ต้องการเก็บไว้
  3. แตะครอบตัด จากนั้น บันทึกสําเนา
  4. ตั้งชื่อไฟล์
  5. แตะตกลง

นําบางส่วนของไฟล์ออก

  1. แตะไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการแก้ไข จากนั้น แก้ไข
  2. เลือกเสียงหรือข้อความถอดเสียงที่ต้องการนำออก
  3. แตะนําออก จากนั้น บันทึกสําเนา
  4. ตั้งชื่อไฟล์
  5. แตะตกลง
ติดป้ายกำกับเมื่อบุคคลต่างๆ กำลังพูดในไฟล์บันทึกเสียง (Pixel 6 ขึ้นไป รวมถึง Fold)
สำคัญ: ป้ายกำกับผู้พูดมีให้ใช้งานเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
คุณสามารถติดป้ายกำกับเมื่อผู้ใช้ต่างคนกันกำลังพูดในข้อความถอดเสียงของเสียงที่บันทึกไว้ แอปโปรแกรมอัดเสียงจะตรวจหาผู้พูดคนต่างๆ โดยอัตโนมัติ และติดป้ายกำกับว่าเป็นผู้พูด 1, 2, 3 เป็นต้น

เปิดและปิดป้ายกำกับผู้พูด

  1. เปิดแอปโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
  3. แตะการตั้งค่าโปรแกรมอัดเสียง จากนั้น ป้ายกำกับผู้พูด
  4. แตะใช่ เปิดใช้งานเมื่อได้รับข้อความแจ้ง
  5. คุณกลับไปปิดป้ายกำกับผู้พูดได้ใน "การตั้งค่าโปรแกรมอัดเสียง"

อัปเดตป้ายกำกับผู้พูด

  1. จาก "มุมมองข้อความถอดเสียง" ให้เลือก "แก้ไขป้ายกำกับผู้พูด" แก้ไขโน้ต
  2. เลือกเมนูแบบเลื่อนลงข้างป้ายกำกับผู้พูดที่ต้องการแก้ไข
  3. หากต้องการใช้การเปลี่ยนแปลงกับย่อหน้าปัจจุบัน ให้แตะเปลี่ยนชื่อ สร้างผู้พูดใหม่ หรือป้ายกำกับอื่นๆ
  4. แตะบันทึกเพื่อทำการเปลี่ยนแปลง
เคล็ดลับ: หากคุณแก้ไขป้ายกำกับผู้พูดสำหรับย่อหน้าหนึ่งๆ ในข้อความถอดเสียง ป้ายกำกับผู้พูดป้ายเดียวกันในย่อหน้าอื่นๆ จะไม่เปลี่ยนแปลง

แบ่งย่อหน้าเพื่ออัปเดตป้ายกำกับผู้พูด

  1. สำหรับเสียงใดก็ตามที่บันทึกไว้ ให้แตะแก้ไข แก้ไขโน้ต จากนั้น แบ่งตั้งแต่ที่นี่
  2. คุณสามารถสร้างส่วนได้ 2 ส่วนจากย่อหน้าเดียวและทำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมกับป้ายกำกับผู้พูด

ค้นหาป้ายกำกับผู้พูด

คุณค้นหาบุคคลในข้อความถอดเสียงได้โดยใช้ฟังก์ชันการค้นหาในหน้าจอหลักของโปรแกรมอัดเสียงดังนี้

  1. แตะค้นหา
  2. พิมพ์ชื่อบุคคลที่ต้องการค้นหา
  3. เลื่อนดูรายการผลการค้นหาทั้งหมด

นอกจากนี้ คุณยังค้นหาชื่อผู้พูดในไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการได้โดยทำดังนี้

  1. แตะไฟล์บันทึกเสียงที่มีอยู่
  2. แตะข้อความถอดเสียงที่ด้านขวาล่าง
  3. แตะค้นหา
  4. พิมพ์ชื่อบุคคลที่ต้องการค้นหา

แชร์ป้ายกำกับผู้พูดพร้อมข้อความถอดเสียง

ป้ายกำกับผู้พูดจะปรากฏเมื่อคุณแชร์ข้อความถอดเสียงจากไฟล์บันทึกเสียงผ่านวิดีโอคลิป ไฟล์ข้อความ หรือเอกสารใน Google เอกสาร ดูวิธีแชร์ไฟล์บันทึกเสียง

โปรแกรมอัดเสียงจัดการข้อมูลของคุณสำหรับป้ายกำกับผู้พูดอย่างไร

หากคุณเปิดใช้ป้ายกำกับผู้พูด โปรแกรมอัดเสียงจะวิเคราะห์เสียงที่บันทึกไว้เพื่อตรวจหาและติดป้ายกำกับผู้พูดแต่ละคนในข้อความถอดเสียง โดยโปรแกรมอัดเสียงจะทำดังนี้

  • ประมวลผลรูปแบบของเสียงที่ตรวจพบในเสียงที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์
  • ติดป้ายกำกับที่ใช้ข้อความทั่วไป (เช่น ผู้พูด 1, ผู้พูด 2) สำหรับแต่ละเสียงที่ตรวจพบ
  • เปรียบเทียบเสียงพูดจากการบันทึกเสียงตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้ข้อความถอดเสียงแสดงข้อความของแต่ละเสียงและเวลาที่พูด

ขั้นตอนต่างๆ ข้างต้นเกิดขึ้นในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต จากนั้นระบบจะบันทึกป้ายข้อความกำกับผู้พูดที่สร้างขึ้นไว้ในข้อความถอดเสียง โปรดทราบว่ารูปแบบเสียงที่กล่าวถึงข้างต้นอาจถือเป็นข้อมูลไบโอเมตริกในบางประเทศหรือภูมิภาค

นโยบายการเก็บรักษาและการลบรูปแบบเสียง

ระบบจะเก็บรูปแบบเสียงที่ใช้ในการสร้างป้ายกำกับผู้พูดไว้ในอุปกรณ์เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะติดป้ายกำกับผู้พูดของข้อความถอดเสียงหนึ่งๆ เสร็จ จากนั้นจึงลบออก (ปกติแล้วภายในไม่กี่นาที)

ค้นหาภายในบันทึกเสียง หรืออ่านข้อความถอดเสียง

คุณค้นหาคำ วลี หรือเสียงต่างๆ เช่น เสียงเพลงหรือเสียงปรบมือได้ นอกจากนี้ ยังดูเวลาที่แน่นอนที่มีการพูดคำหรือเกิดเสียงนั้นๆ ได้ด้วย

วิธีค้นหาในไฟล์บันทึกเสียง

  • แตะไฟล์บันทึกเสียง จากนั้น ค้นหา ค้นหา

วิธีอ่านข้อความถอดเสียงจากไฟล์บันทึกเสียง

  • แตะไฟล์บันทึกเสียง จากนั้น แตะข้อความถอดเสียง
ดูสรุปของไฟล์บันทึกเสียงที่มีการถอดเสียง

คุณสามารถดูสรุปของการสนทนา การสัมภาษณ์ และการนำเสนอที่บันทึกเสียงไว้ ซึ่ง AI เป็นผู้สร้างสรุปนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย GenAI ของ Google

สำคัญ 

  • ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Pixel 8 Pro และการถอดเสียงเป็นคำภาษาอังกฤษเท่านั้น
  • ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่เพื่อสรุปเนื้อหาข้อความถอดเสียง โดยระบบจะแจ้งให้คุณ "ดาวน์โหลดโมเดลเพื่อดำเนินการต่อ"
  1. เมื่อบันทึกไฟล์แล้ว ปุ่ม "สรุป" จะปรากฏขึ้นในส่วนข้อความถอดเสียง
  2. ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อเลือกใช้
  3. แตะสรุป
  4. หากต้องการขยายหรือย่อสรุป ให้แตะ "ขยาย"
  5. หากได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด ให้ทำตามวิธีการที่ระบุไว้เพื่อลองใช้ไฟล์บันทึกเสียงไฟล์อื่น ฟีเจอร์นี้ทำงานได้ดีที่สุดกับไฟล์บันทึกเสียงที่มีความยาวปานกลาง และใช้ข้อจำกัดที่มีอยู่ในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพื่อบล็อกเนื้อหาที่เป็นอันตราย

เคล็ดลับ: เมื่อคุณเลือกใช้แล้ว ให้แตะสรุปเพื่อสร้างสรุปข้อความถอดเสียง คุณจะขยายหรือย่อสรุปได้ทุกเมื่อ

แชร์ไฟล์บันทึกเสียง
ไฟล์บันทึกเสียงจะใช้งานได้เฉพาะในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Pixel เว้นแต่คุณเลือกที่จะทำดังนี้
  • เปิดการสำรองข้อมูล
  • แชร์ไฟล์
  • คัดลอกไฟล์ไปยังแอปอื่น
  • บันทึกไฟล์ไว้ที่อื่น เช่น ใน Google ไดรฟ์

เคล็ดลับ: หากเปิดสิทธิ์ไว้ แอปอื่นๆ จะใช้ไฟล์บันทึกเสียงได้ ดูวิธีควบคุมสิทธิ์ของแอป

แชร์ลิงก์ไฟล์บันทึกเสียงกับผู้อื่น

สําคัญ: โดยค่าเริ่มต้น ไฟล์บันทึกเสียงและลิงก์ที่สํารองข้อมูลไว้จะเป็นแบบส่วนตัวในบัญชี Google หากคุณเลือกแชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับสาธารณะ ทุกคนที่มีลิงก์จะเข้าถึงไฟล์ได้

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกเสียงค้างไว้
  3. แตะแชร์ แชร์ จากนั้น ลิงก์
  4. เลือกผู้ที่ต้องการแชร์ลิงก์ด้วย ดังนี้
    • สาธารณะ
    • แชร์กับบุคคลที่ระบุ
    • คงไว้ให้เป็นส่วนตัวในบัญชี

เคล็ดลับ

  • คุณแชร์ไฟล์บันทึกเสียงได้เฉพาะกับอีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Google
  • เมื่อแชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับผู้อื่น บุคคลนั้นจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล

แชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับแอปอื่นหรือแชร์เป็นไฟล์ข้อความ

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกเสียงค้างไว้
  3. แตะแชร์ แชร์ จากนั้น ไฟล์
  4. เลือกตัวเลือก
    • เสียง
    • ข้อความถอดเสียง
  5. เลือกแอปที่ต้องการใช้แชร์ไฟล์

สร้างวิดีโอคลิปสำหรับไฟล์บันทึกเสียง

คุณสร้างวิดีโอคลิปได้ยาวสูงสุด 5 นาทีจากไฟล์บันทึกเสียง

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการแชร์
  3. แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น สร้างวิดีโอคลิป
  4. หากต้องการปรับแต่งวิดีโอคลิป ให้แตะตัวเลือกต่อไปนี้
    • เนื้อหา จากนั้น ข้อความถอดเสียงและรูปแบบคลื่น หรือรูปแบบคลื่น
    • เลย์เอาต์ จากนั้น สี่เหลี่ยมจัตุรัส แนวตั้ง หรือแนวนอน
    • ธีม จากนั้น ธีมมืดหรือธีมสว่าง
  5. เมื่อเสร็จแล้ว ให้แตะสร้าง
  6. หากต้องการบันทึกวิดีโอคลิป ให้แตะบันทึกลงในอุปกรณ์
  7. หากต้องการแชร์วิดีโอคลิป ให้แตะแชร์ แล้วเลือกแอปที่ต้องการใช้
  8. หากไม่ต้องการบันทึกหรือแชร์ ให้แตะเสร็จสิ้น

แชร์หรือบันทึกข้อความถอดเสียงไปยัง Google เอกสาร

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกที่ต้องการคัดลอก
  3. แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น คัดลอกข้อความถอดเสียงไปยัง Google เอกสาร
  4. เลือกบัญชี Google ที่ต้องการคัดลอกการถอดเสียงเป็นคำไป

เคล็ดลับ: หากต้องการปรับการตั้งค่าการแชร์ ให้แตะแชร์ จากนั้น เปลี่ยน

แชร์หรือบันทึกข้อความถอดเสียงเป็นไฟล์ข้อความ

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกเสียงค้างไว้
  3. แตะแชร์ แชร์ จากนั้น ข้อความถอดเสียง (.txt)
ตรวจหาภาษาที่จะถอดเสียง (Pixel 6 ขึ้นไป)

คุณตั้งค่าโปรแกรมอัดเสียงให้จดจำและถอดเสียงภาษาหนึ่งๆ ได้

  1. เปิดแอปโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
  3. แตะการตั้งค่าโปรแกรมอัดเสียง
  4. เลือกภาษาที่จะถอดเสียง
  5. แตะตรวจหาภาษา

เมื่อคุณเริ่มบันทึกเสียง โปรแกรมอัดเสียงจะจดจำภาษาที่คุณเลือกโดยอัตโนมัติ 

เคล็ดลับ: 

  • หากต้องการเปลี่ยนจาก "เสียง" เป็น "ข้อความถอดเสียง" ให้แตะข้อความถอดเสียง ในหน้าจอข้อความถอดเสียง คุณจะเห็นข้อความ " ตรวจหาอัตโนมัติ" รวมถึงภาษาที่คุณเลือก
  • หากคุณบันทึกมากกว่า 1 ภาษาในเซสชัน โปรแกรมอัดเสียงจะถอดเสียงภาษาที่มีการพูดมากที่สุด
ถอดเสียงไฟล์บันทึกอีกครั้ง

คุณใช้แอปโปรแกรมอัดเสียงเพื่อถอดเสียงไฟล์บันทึกที่มีอยู่อีกครั้งได้

  1. เปิดแอปโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกที่ต้องการถอดเสียงอีกครั้ง
  3. แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม จากนั้น ถอดเสียงอีกครั้ง
  4. เลือกภาษา

เคล็ดลับ: การถอดเสียงอีกครั้งจะประมวลผลไฟล์เสียงบนเซิร์ฟเวอร์ของ Google ได้

ภาษาที่คุณเลือกได้

ภาษาที่โปรแกรมอัดเสียงรองรับในปัจจุบันมีดังนี้

  • เบงกาลี (บังกลาเทศ)
  • บัลแกเรีย (บัลแกเรีย)
  • จีนกลาง (จีนตัวย่อ)
  • จีนกลาง (ไต้หวันตัวเต็ม)
  • เช็ก (สาธารณรัฐเช็ก)
  • เดนมาร์ก (เดนมาร์ก)
  • ดัตช์ (เนเธอร์แลนด์)
  • อังกฤษ (ออสเตรเลีย)
  • อังกฤษ (อินเดีย)
  • อังกฤษ (สิงคโปร์)
  • อังกฤษ (สหราชอาณาจักร)
  • อังกฤษ (สหรัฐฯ)
  • ฟินแลนด์ (ฟินแลนด์)
  • ฝรั่งเศส (แคนาดา)
  • ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส)
  • เยอรมัน (เยอรมนี)
  • ฮินดี (อินเดีย)
  • ฮังการี (ฮังการี)
  • อินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย)
  • อิตาลี (อิตาลี)
  • ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น)
  • กันนาดา (อินเดีย)
  • เขมร (กัมพูชา)
  • เกาหลี (เกาหลีใต้)
  • มลยาฬัม (อินเดีย)
  • มราฐี (อินเดีย)
  • โปรตุเกส (บราซิล)
  • รัสเซีย (รัสเซีย)
  • คินยาร์วันดา (รวันดา)
  • สวาติ (แอฟริกาใต้)
  • โซโทใต้ (แอฟริกาใต้)
  • สเปน (สเปน)
  • สเปน (สหรัฐอเมริกา)
  • สวีเดน (สวีเดน)
  • ทมิฬ (อินเดีย)
  • เตลูกู (อินเดีย)
  • เซตสวานา (แอฟริกาใต้)
  • ตุรกี (ตุรกี)
  • ซิตซองกา (แอฟริกาใต้)
  • เวนดา (แอฟริกาใต้)
  • เวียดนาม (เวียดนาม)
  • โซซา (แอฟริกาใต้)
ปักหมุดไฟล์บันทึกเสียงที่ชอบ

คุณสามารถปักหมุดไฟล์บันทึกเสียงที่ชอบไว้ที่ด้านบนของหน้าจอหลักของโปรแกรมอัดเสียง เพื่อให้ค้นหาไฟล์ได้ง่ายขึ้น

  1. เปิดแอปโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะไฟล์บันทึกเสียง
  3. แตะ รายการโปรด ที่ด้านบนของหน้าจอ
    เคล็ดลับ: คุณจะเห็นข้อความ " ตั้งเป็นรายการโปรดแล้ว" ที่ด้านล่างของไฟล์บันทึกเสียง
  4. ระบบจะจัดกลุ่ม "รายการโปรด" ไว้ในโฟลเดอร์ที่ด้านบนของหน้าจอหลักของโปรแกรมอัดเสียง
    เคล็ดลับ: คุณดูจำนวนไฟล์บันทึกเสียงที่ชอบทั้งหมดได้ที่ด้านขวาของโฟลเดอร์นี้

แตะ รายการโปรด เพื่อแสดงรายการโปรดที่ปักหมุดไว้ทั้งหมด

บล็อกอีเมลจากผู้ที่ส่งลิงก์ไปยังไฟล์บันทึกเสียงให้คุณ

บล็อกบุคคลที่ส่งไฟล์บันทึกเสียงให้คุณ

หากต้องการบล็อกผู้ที่ส่งไฟล์บันทึกเสียงให้ คุณจะต้องบล็อกบุคคลนั้นไม่ให้ส่งอีเมลไปยังบัญชี Gmail ของคุณ ดูวิธีบล็อกผู้ใช้ใน Gmail

สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณบล็อกผู้ใช้

  • คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลจากบุคคลที่ถูกบล็อก
  • บุคคลที่ถูกบล็อกต้องแชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับคุณด้วยตนเองเท่านั้น
  • บุคคลที่ถูกบล็อกจะไม่สามารถติดต่อคุณผ่านบริการอื่นๆ ของ Google เช่น Photos ได้

ค้นหาคนที่คุณบล็อก

คุณดูบัญชีที่บล็อกไว้ได้ในรายการบล็อก
วิธีเลิกบล็อกบุคคล
  1. เปิดรายชื่อผู้ใช้ที่ถูกบล็อกในคอมพิวเตอร์
  2. คลิกนำออก นำออก ข้างบัญชีที่ต้องการเลิกบล็อก
สํารองและดูไฟล์บันทึกเสียงในบัญชี Google (Pixel 3 ขึ้นไป รวมถึง Fold)

ฟีเจอร์สํารองและซิงค์ข้อมูลจะบันทึกไฟล์บันทึกเสียงไปยังบัญชี Google ของคุณที่ recorder.google.com โดยอัตโนมัติ หากลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชี คุณจะใช้งานไฟล์บันทึกเสียงจากอุปกรณ์เครื่องใดก็ได้ คุณเลือกที่จะสํารองและซิงค์ไฟล์บันทึกเสียงบางไฟล์ และเลือกให้ไฟล์บันทึกเสียงอื่นๆ ยังคงเป็นแบบส่วนตัวในโทรศัพท์ Pixel ได้ด้วย ดูวิธีใช้โปรแกรมอัดเสียงโดยไม่มีบัญชี

สำคัญ: Photos, ไดรฟ์, Gmail และบริการอื่นๆ จะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลร่วมกัน หากใช้พื้นที่เก็บข้อมูลจนเต็มแล้วจะสำรองข้อมูลไฟล์ใหม่ไม่ได้ ทั้งนี้คุณสามารถรับพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มหรือล้างพื้นที่เก็บข้อมูลได้ด้วย Google One ดูวิธีซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม

เปิดหรือปิดฟีเจอร์สำรองและซิงค์ข้อมูล

สำคัญ: หากเลือกที่จะสำรองและซิงค์ข้อมูล ระบบจะสำรองไฟล์บันทึกเสียงไว้นอกอุปกรณ์ โดยค่าเริ่มต้น ไฟล์บันทึกเสียงที่สำรองไว้จะยังคงเป็นแบบส่วนตัวในบัญชี Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบัญชี Google

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
    • ตั้งค่าบัญชี Google ที่จะใช้สำรองข้อมูลไฟล์บันทึกเสียง: เลือกชื่อบัญชี
      • สำคัญ: เมื่อคุณสร้างไฟล์บันทึกเสียง ไฟล์ที่บันทึกจะเชื่อมโยงกับบัญชี Google ที่เลือกไว้ คุณจะเปลี่ยนบัญชีในภายหลังไม่ได้
  3. แตะการตั้งค่าโปรแกรมอัดเสียง จากนั้น สํารองและซิงค์ข้อมูล
  4. เปิดหรือปิดฟีเจอร์สำรองและซิงค์ข้อมูล

เปลี่ยนการตั้งค่าการสำรองข้อมูล

ดูและซิงค์ไฟล์บันทึกเสียงที่สํารองไว้

หากต้องการหาไฟล์บันทึกเสียงทั้งหมดที่สำรองไว้ในบัญชี Google ให้ไปที่ recorder.google.com

หากต้องการซิงค์ไฟล์บันทึกเสียงในบัญชี Google ที่ไม่ได้อยู่ในอุปกรณ์ ให้ทำดังนี้

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. ลากลงจากที่ใดก็ได้บนหน้าจอเพื่อรีเฟรช

หากใช้โปรแกรมอัดเสียงกับบัญชี Google อื่น คุณจะสลับไปมาระหว่างบัญชีเพื่อดูคลังไฟล์บันทึกเสียงที่บันทึกไว้ในแต่ละบัญชีได้ โดยจะดูคลังไฟล์บันทึกเสียงของบัญชี Google ได้ครั้งละ 1 บัญชีเท่านั้น

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
  3. แตะขยายเพิ่ม ลูกศรลง ข้างข้อมูลบัญชี Google
  4. แตะบัญชี Google ที่มีไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการดู

ค้นหาไฟล์บันทึกเสียงที่หายไป

หากไม่มีการสํารองไฟล์บันทึกเสียงไว้ในบัญชี แสดงว่าไฟล์ดังกล่าวอาจสร้างขึ้นและบันทึกไว้ก่อนที่จะเพิ่มบัญชี วิธีหาไฟล์บันทึกเสียงที่ไม่ได้สำรองข้อมูล

สำคัญ: คุณจะย้ายข้อมูลไฟล์บันทึกเสียงไปยังบัญชีอื่นไม่ได้

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
  3. แตะขยายเพิ่ม ลูกศรลง ข้างข้อมูลบัญชี Google
  4. แตะใช้โดยไม่มีบัญชี
แก้ไขข้อความในข้อความถอดเสียง
คุณเปลี่ยนหรือนําคําในข้อความถอดเสียงออกได้เพียงทีละคํา
  1. แตะไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการแก้ไข จากนั้น ข้อความถอดเสียง
  2. แตะคำที่ต้องการเปลี่ยนแปลงค้างไว้
  3. แตะแก้ไขคํา
  4. เปลี่ยนเป็นคําที่ต้องการใช้
  5. แตะบันทึก
ใช้โปรแกรมอัดเสียงโดยไม่มีบัญชี Google (Pixel 3 ขึ้นไป รวมถึง Fold)

คุณใช้โปรแกรมอัดเสียงได้โดยไม่ต้องมีบัญชี Google เพื่อให้ไฟล์บันทึกเสียงบางไฟล์ยังคงเป็นแบบส่วนตัวในอุปกรณ์ หากฟีเจอร์สำรองและซิงค์ข้อมูลเปิดอยู่ อุปกรณ์จะเปิดแอปโปรแกรมอัดเสียงเพื่อจัดเก็บไฟล์บันทึกเสียงแม้อุปกรณ์ของคุณจะไม่ได้เชื่อมต่ออยู่กับบัญชี Google ก็ตาม

หากต้องการใช้โปรแกรมอัดเสียงโดยไม่มีบัญชี ให้ทำดังนี้

  1. เปิดโปรแกรมอัดเสียง แอปโปรแกรมอัดเสียง บนอุปกรณ์
  2. แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อของคุณ
  3. แตะขยายเพิ่ม ลูกศรลง ข้างข้อมูลบัญชี Google
  4. แตะใช้โดยไม่มีบัญชี
ค้นหาและจัดการไฟล์บันทึกเสียงในเบราว์เซอร์

หากต้องการค้นหาและจัดการไฟล์บันทึกเสียงในเว็บเบราว์เซอร์ ให้ไปที่ recorder.google.com

คุณสามารถแก้ไขชื่อและเล่นไฟล์บันทึกเสียง รวมถึงค้นหาภายในไฟล์บันทึกเสียงได้จากเว็บเบราว์เซอร์

ลบไฟล์เสียงที่ recorder.google.com 

สำคัญ: ระบบจะนำไฟล์บันทึกเสียงที่ลบนั้นออกจาก recorder.google.com และอุปกรณ์ที่ซิงค์ทั้งหมดอย่างถาวร

หากต้องการลบไฟล์บันทึกเสียง ให้ทําดังนี้

ไปที่ recorder.google.com แล้วลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google

เลือกไฟล์บันทึกเสียงที่ต้องการลบ

เลือกลบ ลบ จากนั้น ลบ

แชร์ลิงก์ไฟล์บันทึกเสียงกับผู้อื่นผ่าน recorder.google.com
สําคัญ: โดยค่าเริ่มต้น ไฟล์บันทึกเสียงที่สํารองไว้และลิงก์ของไฟล์ดังกล่าวจะเป็นแบบส่วนตัวในบัญชี Google หากคุณเลือกแชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับสาธารณะ ทุกคนที่มีลิงก์จะดูและเล่นไฟล์ดังกล่าวได้
  1. ไปที่ recorder.google.com แล้วลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  2. แตะแชร์ แชร์
  3. เลือกผู้ที่คุณต้องการแชร์ลิงก์ไปยังไฟล์นี้ด้วย
    • สาธารณะ
    • แชร์กับบุคคลที่ระบุ
    • คงไว้ให้เป็นส่วนตัวในบัญชี
    เคล็ดลับ:
    • คุณพิมพ์ชื่อผู้ติดต่อในพื้นที่ค้นหาได้
    • คุณแชร์ไฟล์บันทึกเสียงได้เฉพาะกับอีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Google
    • เมื่อคุณแชร์ไฟล์บันทึกเสียงกับบุคคลหนึ่งๆ บุคคลนั้นจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล

ดูว่าโปรแกรมอัดเสียงจัดการกับข้อมูลของคุณอย่างไร

โปรแกรมอัดเสียงจะส่งเสียงไปยังแอปหรือบริการของ Google ในอุปกรณ์เพื่อถอดเสียง ระบบจะไม่ส่งออกเสียงไปนอกอุปกรณ์ หลังจากถอดเสียงแล้ว บริการหรือแอปของ Google ก็จะทิ้งเสียงนั้นไป

ทำตามกฎในท้องถิ่นเมื่อบันทึก

สถานที่หลายแห่งมีกฎหรือกฎหมายที่ห้ามหรือจำกัดการบันทึกเสียง ซึ่งสถานที่เหล่านี้จะกำหนดได้ว่าคุณต้องได้รับคำยินยอมจากผู้อื่นหรือเจ้าของอาคารก่อนการบันทึกหรือไม่ โปรดปฏิบัติตามกฎและกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและต้องได้รับอนุญาตจากผู้อื่นก่อนที่จะทำการบันทึกเสียง ห้ามบันทึกเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
12358112611473697752
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
1634144
false
false