เกี่ยวกับฟีเจอร์การเสนอราคาในแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์

คุณสามารถกำหนดราคาเสนอในแคมเปญได้หลายวิธีเมื่อโฆษณาด้วยแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์ Google Ads จะใช้ราคาเสนอในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาเพื่อช่วยให้คุณใช้โฆษณาได้คุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อโฆษณาของคุณมีสิทธิ์แสดง Google Ads จะตรวจสอบว่าคุณต้องการใช้ราคาเสนอที่กำหนดเองหรือราคาเสนอเริ่มต้น และคุณมีการปรับราคาเสนอหรือไม่

  • ราคาเสนอเริ่มต้น: หากคุณไม่มีราคาเสนอที่กำหนดเองเมื่อโฆษณาปรากฏในตำแหน่งที่ตรงกับการกำหนดเป้าหมาย Google Ads จะใช้ราคาเสนอเริ่มต้นของกลุ่มโฆษณา
  • ราคาเสนอที่กำหนดเอง: หากคุณเปิดใช้ราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมายหนึ่งๆ เช่น หัวข้อ Google Ads จะใช้ราคาเสนอนั้นเมื่อโฆษณาแสดงในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าว
  • การปรับราคาเสนอ: หากต้องการควบคุมเวลาและสถานที่ที่โฆษณาจะแสดงได้มากขึ้น โปรดตั้งค่าการปรับราคาเสนอที่ระดับแคมเปญและกลุ่มโฆษณา

บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างฟีเจอร์การเสนอราคาที่ใช้ได้ในแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์ และวิธีที่ Google Ads เลือกรูปแบบการเสนอราคาที่จะใช้กับโฆษณาของคุณ

ลักษณะการทำงานของฟีเจอร์การเสนอราคา

ราคาเสนอเริ่มต้น

หากใช้การเสนอราคาด้วยตนเองอยู่ แสดงว่าคุณกำหนดราคาเสนอที่ระดับกลุ่มโฆษณาแล้ว หากใช้กลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอ แสดงว่าคุณได้กำหนดราคาเสนอที่ระดับพอร์ตโฟลิโอ เมื่อคุณไม่ได้เปิดใช้ราคาเสนอที่กำหนดเอง (หรือราคาเสนอที่กำหนดเองใช้ไม่ได้ในตำแหน่งที่โฆษณาแสดง) Google Ads จะใช้ราคาเสนอเริ่มต้น ราคาเสนอเริ่มต้นอาจมาจากการเสนอราคาระดับกลุ่มโฆษณาหรือการเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ

ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนดราคาเสนอระดับกลุ่มโฆษณาไว้ที่ 30 บาทและไม่ได้เปิดใช้ราคาเสนอที่กำหนดเอง คอลัมน์ "CPC สูงสุดเริ่มต้น" ก็จะแสดงจำนวนราคาเสนอระดับกลุ่มโฆษณา และคุณจะแก้ไขราคาเสนอนี้จากตารางสถิติไม่ได้

ราคาเสนอที่กำหนดเอง

หากต้องการกำหนดราคาเสนอสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมายใดในกลุ่มโฆษณา ให้ใช้ราคาเสนอที่กำหนดเอง ซึ่งก็คือราคาเสนอ CPC สูงสุด (หรือ vCPM สูงสุด) ที่คุณตั้งไว้

ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดใช้ราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับตำแหน่งโฆษณา คุณจะสามารถตั้งราคาเสนอ CPC สูงสุดในแต่ละตำแหน่งที่คุณเพิ่มได้ เมื่อคุณเปิดใช้ราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมาย เราจะใช้ราคาเสนอเหล่านี้ในเครือข่ายดิสเพลย์

สำคัญ: คุณตั้งราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมายได้เพียงวิธีเดียวในกลุ่มโฆษณาแต่ละกลุ่ม

การปรับราคาเสนอ

การปรับราคาเสนอทำให้คุณสามารถเพิ่มหรือลดราคาเสนอที่เราใช้ เพื่อให้ควบคุมได้มากขึ้นว่าโฆษณาจะแสดงที่ไหนและเมื่อไหร่

การปรับราคาเสนอ หมายถึงเปอร์เซ็นต์ที่ราคาเสนอของคุณเปลี่ยนแปลง ระบบจะนำการปรับนี้ไปใช้กับราคาเสนอที่ Google Ads ใช้เพื่อแสดงโฆษณาของคุณ นั่นคือ ราคาเสนอที่กำหนดเอง หรือราคาเสนอระดับกลุ่มโฆษณาถ้าไม่ได้ตั้งค่าราคาเสนอที่กำหนดเองไว้ คุณสามารถตั้งค่าการปรับราคาเสนอสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมายระดับกลุ่มโฆษณาใดๆ ได้ตั้งแต่ -90% ถึง +900%

คุณตั้งค่าการปรับราคาเสนอที่ระดับแคมเปญ (สําหรับเวลา วัน และสถานที่) และที่ระดับกลุ่มโฆษณาสําหรับวิธีการกําหนดเป้าหมายแต่ละวิธีได้ แต่จะใช้การปรับราคาเสนอและราคาเสนอที่กำหนดเองกับวิธีการกำหนดเป้าหมายเดียวกันไม่ได้ การปรับราคาเสนอสำหรับอุปกรณ์สามารถใช้ได้ทั้งระดับแคมเปญและระดับกลุ่มโฆษณา

หากคุณทำการปรับหลายรายการในแคมเปญเดียวกัน ระบบจะนำการปรับราคาเสนอทั้งหมดมาคูณกันเพื่อหาจำนวนที่ราคาเสนอของคุณจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับราคาเสนอ

คุณตั้งค่าการปรับราคาเสนอสำหรับคีย์เวิร์ดไม่ได้แม้ว่าแคมเปญจะเป็นประเภทใดก็ตาม แต่สามารถตั้งราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับคีย์เวิร์ด หรือคีย์เวิร์ดอาจใช้ราคาเสนอเริ่มต้นได้

การคิดราคาอัจฉริยะ

หากคุณใช้ราคาต่อหนึ่งคลิกที่ปรับปรุงแล้ว (ECPC) ร่วมกับการเสนอราคาด้วยตนเอง การคิดราคาอัจฉริยะอาจปรับการเสนอราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC) สําหรับแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์หรือแคมเปญในเครือข่ายการค้นหาที่มีการขยายไปยังเครือข่ายดิสเพลย์ วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งแรงและเวลาโดยการประมาณมูลค่าของการคลิกและปรับราคาเสนอโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

หากข้อมูล Google Ads แสดงให้เห็นว่าการคลิกจากหน้าเว็บไม่น่าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง (เช่น การขายออนไลน์ การลงทะเบียน การโทรศัพท์ หรือการสมัครรับจดหมายข่าว) Google Ads อาจลดราคาเสนอสำหรับหน้าเว็บนั้นโดยใช้การคิดราคาอัจฉริยะ ซึ่งมีการพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น รายการคีย์เวิร์ดหรือแนวคิดต่างๆ ที่เรียกโฆษณาให้แสดง รวมถึงประเภทของหน้าเว็บหรือแอปที่แสดงโฆษณา

วิธีที่ Google Ads กำหนดรูปแบบการเสนอราคาให้โฆษณา

Google Ads จะตรวจหาราคาเสนอที่กำหนดเองเป็นอย่างแรกเมื่อโฆษณามีสิทธิ์แสดงในเครือข่ายดิสเพลย์ หากคุณตั้งราคาเสนอที่กำหนดเองที่เกี่ยวข้องไว้สำหรับวิธีกำหนดเป้าหมาย ระบบจะใช้ราคาเสนอนี้ในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณา แต่หากไม่ได้ตั้งไว้ Google Ads ก็จะมองหาราคาเสนอเริ่มต้น โดยใช้การเสนอราคาระดับกลุ่มโฆษณาเป็นราคาเสนอเริ่มต้นแทน

ระบบจะใช้การปรับราคาเสนอหลังจากที่คุณกำหนดราคาเสนอครั้งแรก หากการปรับราคาเสนอใดมีความเกี่ยวข้อง เช่น มีผู้ใช้ดูเนื้อหาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และคุณได้ตั้งค่าการปรับราคาเสนอสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ไว้ ระบบจะนำการปรับราคาเสนอนี้ไปใช้กับราคาเสนอที่เลือกในขั้นตอนแรก (ที่กำหนดเองหรือค่าเริ่มต้น)

นอกจากการตั้งค่าการปรับราคาเสนอทั่วทั้งแคมเปญขแล้ว คุณยังสามารถตั้งค่าการปรับสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และวิธีการกำหนดเป้าหมาย เช่น หัวข้อหรือตำแหน่ง ในกลุ่มโฆษณาได้อีกด้วย การปรับเหล่านี้จะถูกนำไปคูณกับราคาเสนอเริ่มต้นหรือราคาเสนอที่กำหนดเองของคุณ และคูณกับการปรับราคาเสนอที่คุณได้ตั้งค่าไว้สำหรับทั้งแคมเปญ

ตัวอย่าง

สมมติว่าคุณตั้งค่าราคาเสนอที่กำหนดเองของแคมเปญ Display ไว้ 30 บาทสำหรับกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มความสนใจ "แฟนฟุตบอล" และตั้งค่าการปรับราคาเสนอ +20% สำหรับกลุ่มประชากร "เพศชาย" และการปรับราคาเสนอตามสถานที่ตั้งระดับแคมเปญ +10% สำหรับผู้ที่อยู่ในอาร์เจนตินา Google Ads จะใช้ราคาเสนอที่กําหนดเอง 30 บาททุกครั้งที่โฆษณาแสดงต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจที่เลือก หากโฆษณาแสดงต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มประชากร "เพศชาย" ด้วย เราจะเพิ่ม +20% ของราคาเสนอที่กําหนดเองให้กับราคาเสนอ CPC สูงสุด เพื่อทําให้ราคาเสนอเป็น 36 บาทเมื่อโฆษณาแสดงต่อคนกลุ่มนี้ และหากคนกลุ่มนี้อยู่ในอาร์เจนตินา เราจะเพิ่ม +10% ของราคาเสนอที่กําหนดเองซึ่งนำไปคูณกับการปรับราคาเสนอตามข้อมูลประชากร เพื่อให้ได้ราคาเสนอ CPC สูงสุดเท่ากับ 39.6 บาท

สูตรคํานวณ: ราคาเสนอที่กําหนดเอง: 30 บาท การปรับราคาเสนอตามข้อมูลประชากร: 30 บาท x (+20%) = 36 บาท การปรับราคาเสนอตามสถานที่ตั้ง: 36 บาท x (+10%) = 39.6 บาท ราคาเสนอสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนฟุตบอลเพศชายในอาร์เจนตินา: 39.6 บาท

วิธีเปิดใช้ราคาเสนอระดับกลุ่มโฆษณา ราคาเสนอที่กำหนดเอง และการปรับราคาเสนอสำหรับกลุ่มโฆษณา

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17626431113743454175
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false