การนำร่องนี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบการเสนอตัวเลือกระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นไว้ข้างๆ ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และช่วยให้เราสำรวจการเสนอตัวเลือกนี้ให้แก่ผู้ใช้ เราต้องการความคิดเห็นจากประเทศต่างๆ และคงไว้ซึ่งประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในบล็อกโพสต์
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2022 นักพัฒนาแอปที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์และข้อกําหนดด้านล่างจะเข้าร่วมการนําร่องนี้ได้
คุณสมบัติในการเข้าร่วมการนําร่อง
คุณสมบัติในการเข้าร่วมการนำร่องมีดังต่อไปนี้
- แอปของคุณต้องเป็นแอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือแท็บเล็ต
- นักพัฒนาแอปต้องเป็นธุรกิจที่จดทะเบียน
ข้อกําหนดสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
นักพัฒนาแอปที่เข้าร่วมการนําร่องต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- นำเสนอตัวเลือกการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสําหรับผู้ใช้แอปในอุปกรณ์เคลื่อนที่และ/หรือแท็บเล็ตในประเทศนําร่องที่ประกาศไว้เท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ได้แก่
- ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA)
- ออสเตรเลีย
- บราซิล
- อินเดีย
- อินโดนีเซีย
- ญี่ปุ่น
- แอฟริกาใต้
- สหรัฐอเมริกา
- เสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นภายในแอปเท่านั้น
- ต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลในอุตสาหกรรมบัตรสำหรับชำระเงิน (PCI-DSS) (หากจัดการกับข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต)
- ให้การสนับสนุนลูกค้าสำหรับผู้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น (ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น) และระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นดังกล่าวต้องมีขั้นตอนให้โต้แย้งธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- โปรดปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันและช่วยให้ผู้ใช้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
- โปรดแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าหากจะทำการเปลี่ยนแปลงกับการตั้งค่าการลงทะเบียนแอป เช่น การปิดหรือเปิดใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในแอปหรือประเทศใดๆ โดยการเปลี่ยนแปลงจะมีผลในวันแรกของเดือนถัดไป (ไปที่ส่วนคำถามที่พบบ่อยด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งการเปลี่ยนแปลง)
สำหรับผู้เข้าร่วมในการนำร่องนี้ เราจะเรียกเก็บค่าบริการซึ่งช่วยสนับสนุนการลงทุนใน Play และ Android ต่อไป โดยนักพัฒนาแอปต้องจ่ายค่าบริการที่เกี่ยวข้องให้กับ Google เมื่อผู้บริโภคเลือกใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น ค่าบริการที่นักพัฒนาแอปจะต้องชำระจะลดลง 4%
โปรดทราบว่าคุณสมบัติและข้อกําหนดต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และรายละเอียดของการนําร่องจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดหลังจากที่เราได้ข้อมูลมากขึ้นและได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย นักพัฒนาแอปจะต้องเปลี่ยนไปใช้ API อัตโนมัติของเราเมื่อ API ดังกล่าวพร้อมใช้งานด้วย
เริ่มต้นใช้งาน
นักพัฒนาแอปต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเริ่มต้นใช้งาน
- อ่านข้อกำหนดในหน้านี้เพื่อระบุว่าแอปของคุณเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์หรือไม่
- กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงินและยอมรับข้อกําหนดในการให้บริการ
- ระบุแอปและประเทศที่คุณจะเสนอระบบการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจโดยใช้แบบฟอร์มลงทะเบียนที่คุณจะได้รับทางอีเมลหลังจากที่กรอกแบบฟอร์มประกาศระบบการเรียกเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามที่อธิบายไว้ในหน้านี้
- รับผิดชอบและรายงานให้ Google Play ทราบเกี่ยวกับจำนวนเงินของธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดจากระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการแจ้งหนี้ โดยจะมีการแจ้งนักพัฒนาแอปที่กรอกแบบฟอร์มประกาศและเข้าร่วมการนำร่องเรียบร้อยแล้วให้ทราบวิธีการรายงานรายเดือน
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของเราที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
ทําไมต้องมีระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการนําร่องนี้Google Play เชื่อว่าผู้ใช้ควรมีตัวเลือกในการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Play เมื่อซื้อสินค้าดิจิทัลจากแอปที่ติดตั้งจาก Google Play เราสร้างระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ภายใต้มาตรฐานสูงสุดด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ใช้มีความมั่นใจเมื่อทำการสั่งซื้อในแอป การเรียกเก็บเงินระบบอื่นอาจไม่มีฟีเจอร์และตัวเลือกการป้องกันหรือการชำระเงินแบบเดียวกับระบบของ Google Play เช่น การควบคุมโดยผู้ปกครอง วิธีการชำระเงินของครอบครัว การจัดการการสมัครใช้บริการ บัตรของขวัญ Google Play และ Play Points
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ค่าบริการของ Google Play ไม่ได้เป็นเพียงค่าธรรมเนียมในการประมวลผลการชำระเงิน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ Android และ Play มีให้ ตลอดจนช่วยให้เราลงทุนใน Android และ Google Play ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดเป็นฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาแอปที่ทุกคนต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าบริการได้ที่บทความนี้
ในขณะนี้ การนำร่องสําหรับการเรียกเก็บแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจรองรับเฉพาะแอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกม เราคาดว่ารายละเอียดของการนําร่องจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดหลังจากที่เราได้ข้อมูลมากขึ้นและได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย
ปัจจุบัน EEA ประกอบด้วยประเทศกรีซ โครเอเชีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย เบลเยียม โปรตุเกส โปแลนด์ ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ มอลตา เยอรมนี โรมาเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย ลิกเตนสไตน์ ลิทัวเนีย สเปน สโลวาเกีย สโลวีเนีย สวีเดน สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐไซปรัส ออสเตรีย อิตาลี เอสโตเนีย ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และฮังการี
คุณใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับเนื้อหาและบริการดิจิทัล เช่น การซื้อในแอปและการสมัครใช้บริการในแอปที่ไม่ใช่แอปเล่นเกม
ได้ ในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียน คุณจะต้องระบุประเทศนําร่องที่ประกาศไว้ซึ่งคุณจะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
ได้ คุณสามารถเข้าร่วมโปรแกรมทั้งสองประเภทได้ แต่จะต้องระบุว่าคุณเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจหรือการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจในขั้นตอนลงทะเบียน สําหรับแอปหนึ่งๆ คุณจะเลือกได้ครั้งละ 1 โปรแกรมต่อประเทศเท่านั้น
หากคุณสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2022 และต้องการเสนอตัวเลือกระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นให้แก่ผู้ใช้ควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อลงทะเบียนในการนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ คุณไม่ต้องส่งแบบฟอร์มอีกครั้งเพื่อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจต่อไป
หากสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA หลังวันที่ 1 กันยายน 2022 คุณไม่จำเป็นต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมการนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องแจ้งให้เราทราบด้วยการส่งแบบฟอร์มลงทะเบียนของแพ็กเกจแอปที่อัปเดตแล้ว ไม่ว่าคุณจะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับแต่ละประเทศใน EEA หรือไม่ก็ตาม
เมื่อกรอกแบบฟอร์มประกาศเรียบร้อยแล้ว เราจะตรวจสอบข้อมูลและส่งวิธีการรายงานธุรกรรมการชำระเงิน ตลอดจนประเภทการชำระเงินที่คุณต้องนำส่งค่าบริการและภาษีที่เกี่ยวข้อง
นักพัฒนาแอปจะต้องเปลี่ยนไปใช้ API อัตโนมัติของเราเมื่อ API ดังกล่าวพร้อมใช้งานด้วย
คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มการลงทะเบียนแพ็กเกจแอปที่อัปเดตใหม่ หากคุณเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในประเทศใดๆ สำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ โปรดทราบว่าการอัปเดตทั้งหมดจะมีผลในวันแรกของเดือนถัดไปตามเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่าบริการที่เกี่ยวข้อง
ใช่ โปรแกรมนี้อนุญาตให้นักพัฒนาแอปใช้การชำระเงินบนเว็บเป็นวิธีการชำระเงินอื่นใน WebView ที่ฝังไว้ในแอป และเช่นเดียวกับวิธีการชำระเงินทางเลือกอื่นๆ วิธีการชำระเงินเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของโปรแกรมที่ระบุไว้ในหน้านี้ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดทั้งหมดด้านความเชื่อมั่นของผู้ใช้และความปลอดภัย ตลอดจนค่าบริการ
ไม่จำเป็น การนำร่องนี้เป็นแบบเลือกเข้าร่วม หากไม่ต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ
ใช่ แม้ว่าเกาหลีใต้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการนําร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ แต่เราจะยังคงให้นักพัฒนาแอปทุกรายสามารถนําเสนอระบบการเรียกเก็บเงินสําหรับการซื้อในแอประบบอื่นควบคู่ไปกับของ Google Play สําหรับผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่และแท็บเล็ตในเกาหลีใต้ หากเป็นนักพัฒนาแอปที่มีผู้ใช้ในเกาหลีใต้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอประบบอื่นในเกาหลีใต้ได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ นอกจากนี้ หากต้องการเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในประเทศที่เข้าร่วมโปรแกรมนำร่อง คุณจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องนี้ด้วย โดยกรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน
ตอนนี้ข้อกำหนดของโปรแกรมมีหลักเกณฑ์ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งเผยแพร่ไว้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2022 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้และรวบรวมความคิดเห็นจากนักพัฒนาแอปที่เข้าร่วมโปรแกรม เราได้ขยายกำหนดเวลาจากเดิมวันที่ 1 ธันวาคม 2022 ไปเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023 เพื่อให้มั่นใจว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นเป็นไปตามข้อกำหนด