ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2024 เป็นต้นไป นักพัฒนาแอปที่เสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจต้องใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น โปรดดูรายละเอียดด้านล่างและไปที่คู่มือการผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
โปรแกรมนำร่องนี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบการเสนอตัวเลือกการเรียกเก็บเงินระบบอื่นไว้ข้างๆ ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และช่วยให้เราสำรวจการเสนอตัวเลือกนี้ให้แก่ผู้ใช้ เราต้องการความคิดเห็นจากตลาดต่างๆ และคงไว้ซึ่งประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ เราจะเรียกเก็บค่าบริการซึ่งช่วยสนับสนุนการลงทุนใน Play และ Android ต่อไปและนักพัฒนาแอปจะต้องชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องให้ Google
นักพัฒนาแอปที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์และข้อกําหนดด้านล่างอาจเข้าร่วมการนําร่องนี้ได้
การมีสิทธิ์
เพื่อมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมนำร่องนี้
- แอปของคุณต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- เป็นแอปหรือเกมในอุปกรณ์รูปแบบใดก็ได้ที่เสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจต่อผู้ใช้ใน EEA หรือ
- แอปที่ไม่ใช่แอปเกมบนมือถือหรือแท็บเล็ตซึ่งมีผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ ทั้งหมดที่ระบุไว้ด้านล่าง
- นักพัฒนาแอปต้องจดทะเบียนเป็นธุรกิจ
ข้อกำหนด
นักพัฒนาแอปที่เข้าร่วมโปรแกรมนําร่องต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- เสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจต่อผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ในตลาดนําร่องที่ประกาศไว้เท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันได้แก่
- ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA)
- ออสเตรเลีย
- บราซิล
- อินโดนีเซีย
- ญี่ปุ่น
- แอฟริกาใต้
- สหรัฐอเมริกา
- เสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นภายในแอปเท่านั้น
- ต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI-DSS) (หากจัดการกับข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต)
- ให้การสนับสนุนลูกค้าสำหรับผู้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น (ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น) และระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นดังกล่าวต้องมีขั้นตอนให้โต้แย้งธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องให้แก่ Google เมื่อผู้บริโภคซื้อผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่น ค่าบริการมาตรฐานที่นักพัฒนาแอปต้องชำระจะลดลง 4%
- ผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในการใช้ข้อกำหนดและการรายงานเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้ นักพัฒนาแอปที่ยังไม่พร้อมผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นจะมีตัวเลือกในการแสดงหน้าจอที่มีตัวเลือกแก่ผู้ใช้และรายงานธุรกรรมด้วยตนเองได้จนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2024
- ก่อนที่จะผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น นักพัฒนาแอปต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ประสบการณ์ของผู้ใช้ฉบับชั่วคราวของเรา เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันและช่วยให้ผู้ใช้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
- โปรดแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าหากจะทำการเปลี่ยนแปลงกับการตั้งค่าการลงทะเบียนแอป เช่น การปิดหรือเปิดใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในแอปหรือตลาดที่มีสิทธิ์ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีส่งการเปลี่ยนแปลงที่คำถามที่พบบ่อย
โปรดทราบว่าคุณสมบัติและข้อกําหนดต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และรายละเอียดของโปรแกรมนําร่องจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดหลังจากที่เราได้ข้อมูลมากขึ้นและได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย
การผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น
หากต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจและจะใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นนับตั้งแต่วันที่ที่คุณเสนอ คุณต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อ่านข้อกำหนดในหน้านี้เพื่อระบุว่าแอปของคุณเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์หรือไม่
- กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ และทำตามขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่จำเป็นเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมผ่านทีมสนับสนุนของ Google (เช่น ตั้งค่าโปรไฟล์การชำระเงินตามที่จำเป็น)
- ผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นตามที่อธิบายไว้ในคู่มือการผสานรวม API นี้
- จัดการการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console เพื่อเลือกใช้/ไม่ใช้สำหรับแต่ละแอป อัปโหลดโลโก้วิธีการชำระเงิน และ URL การจัดการการสมัครใช้บริการ
- รายงานธุรกรรมที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดจากผู้ใช้ในตลาดนำร่องไปยัง Google Play ภายใน 24 ชั่วโมงโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น
- สำหรับการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ คุณจะต้องย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการเหล่านี้ผ่าน ExternalTransactions API ก่อนที่จะรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คำถามที่พบบ่อย
หากเข้าร่วมโปรแกรมอยู่แล้วและจะเปลี่ยนไปใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ให้ข้ามขั้นตอนที่ 1 และ 2 ด้านบน เมื่อทำตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ข้างต้นเสร็จสมบูรณ์แล้วและเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป
การผสานรวมแบบไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ
หากต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ แต่ยังไม่พร้อมผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณต้องทําตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลงทะเบียนด้วยตนเอง
- อ่านข้อกำหนดในหน้านี้เพื่อระบุว่าแอปของคุณเป็นไปตามเกณฑ์การมีสิทธิ์หรือไม่
- กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ และทำตามขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่จำเป็นเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมผ่านทีมสนับสนุนของ Google (เช่น ตั้งค่าโปรไฟล์การชำระเงินตามที่จำเป็น)
- ระบุแอปและตลาดที่มีสิทธิ์ซึ่งคุณจะนำเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ โดยใช้แบบฟอร์มลงทะเบียนที่จะได้รับทางอีเมลหลังจากที่กรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามที่อธิบายไว้ในหน้านี้
- รับผิดชอบและรายงานให้ Google Play ทราบเกี่ยวกับจำนวนเงินของธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดจากระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการแจ้งหนี้ โดยจะมีการแจ้งนักพัฒนาแอปที่กรอกแบบฟอร์มประกาศและเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องเรียบร้อยแล้วให้ทราบถึงวิธีการรายงานรายเดือน
- ก่อนถึงวันครบกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล ให้ผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ใช้การทำงานอัตโนมัติ และอัปเดตการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console เมื่อย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่และเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คำถามที่พบบ่อย
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของเราที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
ทําไมต้องมีระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับการนําร่องนี้Google Play เชื่อว่าผู้ใช้ควรมีตัวเลือกในการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Play เมื่อซื้อสินค้าดิจิทัลจากแอปที่ติดตั้งจาก Google Play เราสร้างระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ภายใต้มาตรฐานสูงสุดด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ใช้มีความมั่นใจเมื่อทำการสั่งซื้อในแอป ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นอาจไม่มีฟีเจอร์และตัวเลือกการป้องกันหรือการชำระเงินแบบเดียวกับระบบของ Google Play เช่น การควบคุมโดยผู้ปกครอง วิธีการชำระเงินของครอบครัว การจัดการการสมัครใช้บริการ บัตรของขวัญ Google Play และ Play Points
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ค่าบริการของ Google Play ไม่ได้เป็นเพียงค่าธรรมเนียมในการประมวลผลการชำระเงิน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ Android และ Play มีให้ ตลอดจนช่วยให้เราลงทุนใน Android และ Google Play ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดเป็นฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาแอปที่ทุกคนต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าบริการได้ที่บทความนี้
ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2024 เป็นต้นไป แอปเกมและแอปที่ไม่ใช่เกมจะมีสิทธิ์ใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจเมื่อเสนอต่อผู้ใช้ใน EEA ส่วนในตลาดอื่นๆ ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ เฉพาะแอปที่ไม่ใช่เกมเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ เราคาดว่ารายละเอียดของโปรแกรมนําร่องจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดหลังจากที่เราได้ข้อมูลมากขึ้นและได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย
ปัจจุบัน EEA ประกอบด้วยประเทศกรีซ โครเอเชีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย เบลเยียม โปรตุเกส โปแลนด์ ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ มอลตา เยอรมนี โรมาเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย ลิกเตนสไตน์ ลิทัวเนีย สเปน สโลวาเกีย สโลวีเนีย สวีเดน สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐไซปรัส ออสเตรีย อิตาลี เอสโตเนีย ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และฮังการี
คุณสามารถเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับเนื้อหาและบริการดิจิทัล เช่น การซื้อในแอปและการสมัครใช้บริการ ในแอปหรือเกมใดก็ได้จากอุปกรณ์ทุกรูปแบบเมื่อเสนอต่อผู้ใช้ใน EEA หรือแอปที่ไม่ใช่แอปเกมบนมือถือและแท็บเล็ตเมื่อเสนอต่อผู้ใช้ในตลาดอื่นๆ ทั้งหมดที่มีสิทธิ์
ได้ ในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียน คุณจะต้องระบุประเทศนําร่องที่ประกาศไว้ซึ่งคุณจะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
ได้ คุณสามารถเข้าร่วมโปรแกรมทั้ง 2 ประเภทได้ แต่จะต้องระบุว่าคุณเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจหรือการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจในขั้นตอนลงทะเบียน สําหรับแอปหนึ่งๆ คุณจะเลือกได้ครั้งละ 1 โปรแกรมต่อประเทศเท่านั้น
หากคุณสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2022 และต้องการเสนอตัวเลือกระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นให้แก่ผู้ใช้ควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อลงทะเบียนในโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ คุณไม่ต้องส่งแบบฟอร์มอีกครั้งเพื่อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
หากคุณสมัครเข้าร่วมโปรแกรม EEA หลังวันที่ 1 กันยายน 2022 คุณไม่จำเป็นต้องส่งแบบฟอร์มประกาศอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องแจ้งให้เราทราบด้วยการส่งแบบฟอร์มลงทะเบียนของแพ็กเกจแอปที่อัปเดตแล้ว ไม่ว่าคุณจะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับแต่ละประเทศใน EEA หรือไม่ก็ตาม
ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นไป คุณจะสามารถรายงานธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นและต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการชำระเงินได้รับอนุมัติ API เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการรายงานให้แก่นักพัฒนาแอป และทำให้ธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแสดงในอันดับสูงสุดของ Google Play ด้วย โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่อัตโนมัติที่คําถามที่พบบ่อยด้านล่าง
หากยังไม่ได้ผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณจะรายงานธุรกรรมด้วยตนเองได้จนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2024 หากรายงานด้วยตนเอง คุณจะต้องรายงานจำนวนเงินของธุรกรรมการชำระเงินด้วยตนเองเดือนละครั้งภายในวันทำการที่ 5 ของแต่ละเดือน เช่น รายงานสำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 จะต้องส่งภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023 เมื่อกรอกแบบฟอร์มประกาศเรียบร้อยแล้ว เราจะตรวจสอบข้อมูลและส่งวิธีการรายงานธุรกรรมการชำระเงิน ตลอดจนประเภทการชำระเงินที่คุณต้องนำส่งค่าบริการและภาษีที่เกี่ยวข้องไปให้คุณ
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นแบบไม่อัตโนมัติ คุณจะต้องส่งแบบฟอร์มการลงทะเบียนแพ็กเกจแอปที่อัปเดตใหม่ หากเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในตลาดสำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ โปรดทราบว่าการอัปเดตทั้งหมดจะมีผลในวันแรกของเดือนถัดไปตามเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่าบริการที่เกี่ยวข้อง
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณสามารถเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในตลาดสำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ ได้ผ่านการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นใน Play Console การอัปเดตทั้งหมดจะมีผลทันที รวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่าบริการที่เกี่ยวข้องด้วย
ใช่ โปรแกรมนี้อนุญาตให้นักพัฒนาแอปใช้การชำระเงินบนเว็บเป็นวิธีการชำระเงินทางเลือกใน WebView ที่ฝังไว้ในแอป และเช่นเดียวกับวิธีการชำระเงินทางเลือกอื่นๆ วิธีการชำระเงินเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของโปรแกรมที่ระบุไว้ในหน้านี้ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดทั้งหมดด้านความเชื่อมั่นของผู้ใช้และความปลอดภัย ตลอดจนค่าบริการ
ไม่จำเป็น โปรแกรมนำร่องนี้เป็นแบบเลือกเข้าร่วม หากไม่ต้องการเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ
ใช่ แม้ว่าเกาหลีใต้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ แต่เราจะยังคงให้นักพัฒนาแอปทุกรายสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นควบคู่ไปกับระบบของ Google Play สําหรับผู้ใช้บนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตในเกาหลีใต้ หากเป็นนักพัฒนาแอปที่มีผู้ใช้ในเกาหลีใต้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในเกาหลีใต้ได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ นอกจากนี้ หากต้องการเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในประเทศที่เข้าร่วมโปรแกรมนำร่อง คุณจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องนี้ด้วย โดยกรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงิน
หากคุณเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจที่มีการผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น ก็สามารถทำตามข้อกำหนดด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ด้วยการผสานรวมและ ใช้ API ฝั่งไคลเอ็นต์ โดยตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2023 นักพัฒนาแอปทุกรายที่เข้าร่วมจะต้องผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นเพื่อแสดงผลหน้าจอที่มีตัวเลือกแก่ผู้ใช้และรายงานธุรกรรม
หากยังไม่พร้อมผสานรวม API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น คุณจะต้องใช้หลักเกณฑ์ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ชั่วคราวด้วยตนเอง
ใช่ เราจะให้นักพัฒนาแอปทุกรายสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับผู้ใช้ในอินเดียที่ทำการซื้อภายในแอปที่เผยแพร่ใน Play บนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดเกี่ยวกับข้อกำหนดในอินเดีย เนื่องจากปัจจุบันโปรแกรมนี้แยกออกจากโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดในการเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นสำหรับผู้ใช้ในอินเดียและการลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ
หากแอปของคุณลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมนำร่องการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจสำหรับผู้ใช้ในอินเดียก่อนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023 คุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนอีกครั้งผ่านโปรแกรมการเรียกเก็บเงินระบบอื่นของอินเดีย อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทำตามวิธีการที่ระบุไว้ในคำถามที่พบบ่อยนี้ หากเปลี่ยนข้อเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นในประเทศใดๆ สำหรับแพ็กเกจแอปหนึ่งๆ
ไม่ต้อง หากตอนนี้คุณอยู่ในโปรแกรมนำร่องแล้ว คุณสามารถลงทะเบียนแอปเกมในโปรแกรมดังกล่าวผ่าน Play Console และเริ่มเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจต่อผู้ใช้ใน EEA ได้ ทำตามวิธีการลงทะเบียนแอปจากบทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้
ในรูปแบบอุปกรณ์ทุกรูปแบบที่มีสิทธิ์ คุณสามารถใช้ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ในลักษณะเดียวกัน โดยสามารถใช้ประโยชน์จากคู่มือการผสานรวมเดียวกันนี้เพื่อดูหลักเกณฑ์และแหล่งข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นใช้งาน
หากคุณวางแผนที่จะเสนอการเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจใน Android Auto โปรดติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นใช้งาน
API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้รับการออกแบบให้ผสานรวมและใช้งานร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับนักพัฒนาแอป โดย API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นมีประโยชน์ดังนี้
- หน้าจอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่แสดงผลโดย Google Play ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องสร้างและดูแลรักษาข้อมูลและ/หรือหน้าจอที่มีตัวเลือกด้วยตนเอง
- การรายงานธุรกรรมที่ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำจุดสัมผัสต่างๆ ที่ต้องทำด้วยตนเองออกและลดข้อผิดพลาดในการรวมข้อมูลหรือการปรับยอด
- ธุรกรรมจากระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่รายงานผ่าน API จะแสดงในอันดับสูงสุดของ Google Play
นอกจากนี้ เรายังได้ทำการปรับปรุงต่อไปนี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้การเรียกเก็บเงินระบบอื่นได้ง่ายขึ้น
- ปรับปรุงประสบการณ์แบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
- จัดการการตั้งค่าการเรียกเก็บเงินระบบอื่นด้วยตนเองผ่าน Play Console เช่น การเปิดหรือปิดใช้การเรียกเก็บเงินแบบให้ผู้ใช้ตัดสินใจในแอปที่มีสิทธิ์ตามตลาดที่มีสิทธิ์ การจัดการโลโก้วิธีการชำระเงิน และ URL การจัดการการสมัครใช้บริการ
- รายงานธุรกรรมของระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นที่สามารถส่งออกได้ ซึ่งรายงานผ่าน API โดยมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ รหัสแพ็กเกจแอปที่เกี่ยวข้อง และอัตราค่าบริการ
การขยายการผสานรวมที่มีอยู่กับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เพื่อใช้ประโยชน์จาก API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นนั้นทำได้ง่ายดาย API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นสร้างขึ้นโดยใช้รูปแบบและหลักการเดียวกันกับ Play Billing Library และ Play Developer API ซึ่งหมายความว่าจะเข้ากันได้กับรูปแบบที่คุณมีอยู่และเป็นสิ่งที่ทีมคุ้นเคยอยู่แล้วโดยส่วนใหญ่
ในคู่มือการผสานรวม เรามีหลักเกณฑ์และแหล่งข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นใช้งานและจัดการกรณีการใช้งานสำหรับการเรียกเก็บเงินระบบอื่นๆ รวมถึงการซื้อแบบครั้งเดียวและแบบตามรอบ และมีข้อมูลโค้ดตัวอย่างเพื่อให้ติดตั้งใช้งานได้ง่าย เรายินดีรับฟังความคิดเห็นจากนักพัฒนาแอปเกี่ยวกับ API เหล่านี้และแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ที่จะเป็นประโยชน์ หากคุณมีคำถามหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น โปรดติดต่อเราที่นี่
ทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในการผสานรวมกับ API การเรียกเก็บเงินระบบอื่นก่อนกำหนดเวลาการย้ายข้อมูลในวันที่ 13 มีนาคม 2024 เมื่อย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่จากระยะเวลาที่กำหนดเอง และเริ่มรายงานธุรกรรมโดยใช้ API แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องส่งธุรกรรมด้วยตนเองอีกต่อไป
สำหรับการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ซึ่งเริ่มต้นขณะที่คุณเสนอการเรียกเก็บเงินระบบอื่นโดยไม่มีการรายงานอัตโนมัติ คุณจะต้องย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการเหล่านี้ผ่าน ExternalTransactions API ก่อนที่จะรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API การย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียวนี้ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการย้ายข้อมูล API การเรียกเก็บเงินระบบอื่น เมื่อย้ายข้อมูลแล้ว คุณจะต้องรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำผ่าน API เท่านั้น และไม่จำเป็นต้องรายงานผ่านการรายงานด้วยตนเองอีกต่อไป
หากยังไม่ได้ย้ายข้อมูลการสมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่ คุณยังคงต้องรายงานธุรกรรมที่เกิดซ้ำต่อไปผ่านวิธีการรายงานด้วยตนเองที่มีอยู่