การแจ้งเตือน

To get the most out of Google Home, choose your Help Center: U.S. Help Center, U.K. Help Center, Canada Help Center, Australia Help Center.

โหมด "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" ของ Nest ไม่ทํางาน

บทความนี้มีไว้สำหรับบ้านที่ใช้แอป Home (กิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน") หรือแอป Nest (ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน) เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติเมื่อมีคนออกจากบ้านและกลับถึงบ้าน

ขั้นตอนการแก้ปัญหาบางส่วนสำหรับกรณีที่บ้านหรือผลิตภัณฑ์บางอย่างในบ้านไม่เปลี่ยนลักษณะการทำงานโดยอัตโนมัติตามที่คุณคาดไว้มีดังนี้

เคล็ดลับในการแก้ปัญหาทั่วไป

ตรวจสอบตำแหน่งของคุณ

บ้านจะไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" ทันทีที่คุณเดินออกจากประตู ดังนั้น คุณอาจต้องอยู่ห่างจากตัวบ้านออกไปอีกหน่อยเพื่อให้บ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

ตัวอย่างเช่น หากแค่เดินไปหาเพื่อนบ้านข้างๆ บ้านอาจไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติ

วิธีที่การตรวจหาบุคคลในบ้านใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์คุณ

อย่าแชร์ข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ

อย่าแชร์อีเมลและรหัสผ่านกับผู้อื่นที่เข้าถึงบ้านของคุณได้ แต่คุณควรเชิญผู้อื่นเพื่อแชร์การเข้าถึงด้วยอีเมลและรหัสผ่านของบุคคลเหล่านั้นแทน บ้านและผลิตภัณฑ์ Nest อาจทำงานผิดไปจากปกติในกรณีที่มีคนมากกว่า 1 คนใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบเดียวกันในการลงชื่อเข้าใช้แอป

สัตว์เลี้ยงอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนโหมดของบ้านได้ด้วย

บ้านส่วนใหญ่ที่ใช้ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่ทำให้บ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" เนื่องจากตัวควบคุมอุณหภูมิมักจะติดตั้งบนผนังบ้านในตำแหน่งที่สูงจนทำให้เซ็นเซอร์ของตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest ตรวจจับสัตว์เลี้ยงไม่ได้ แต่หากสัตว์เลี้ยงกระโดด ปีน หรือบินได้ ตัวควบคุมอุณหภูมิอาจตรวจจับได้และคิดว่าคุณยังอยู่ในบ้าน

เซ็นเซอร์ของ Nest Protect มักจะตรวจจับการเคลื่อนไหวจากสุนัขและสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆ ได้ ดังนั้น เมื่อไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว เพื่อนรักขนปุยของคุณจึงอาจทำให้บ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

หากคิดว่าอุปกรณ์กำลังตรวจจับสัตว์เลี้ยง คุณปิดใช้การตรวจหาบุคคลในบ้านด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวได้ อ่านวิธีการโดยละเอียดได้จากบทความต่อไปนี้

ตรวจสอบพลังงาน การตั้งค่า และความแรงของสัญญาณโทรศัพท์

  1. ตรวจสอบว่าเปิดใช้อินเทอร์เน็ตมือถือและ Wi-Fi อยู่
    • หมายเหตุ: บ้านของคุณแทบจะไม่ต้องใช้ข้อมูล GPS เพื่อระบุว่าคุณออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้านพร้อมกับโทรศัพท์หรือไม่ แต่จะใช้ข้อมูล GPS เพื่อซิงค์ตำแหน่งของโทรศัพท์เฉพาะในกรณีที่ไม่มีการเชื่อมต่อกันเป็นเวลา 2 วัน วิธีนี้จะไม่ติดตามตำแหน่งของคุณอย่างต่อเนื่องและออกแบบมาให้ใช้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์น้อยที่สุด
  2. ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ในโหมดบนเครื่องบิน
  3. หากโทรศัพท์เหลือแบตเตอรี่น้อยมาก ระบบอาจปิดใช้อินเทอร์เน็ตมือถือและ Wi-Fi โดยอัตโนมัติเพื่อเก็บแบตเตอรี่ไว้ ให้เสียบโทรศัพท์เข้ากับที่ชาร์จ
  4. หากคุณอยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณมือถือไม่ดี ระบบอาจไม่รู้ว่าคุณออกจากบ้านไปแล้ว แต่จะเปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" เมื่อมือถือมีสัญญาณดีขึ้น
  5. ตรวจสอบการแจ้งเตือนและสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของแอป Home หรือแอป Nest ในการตั้งค่าระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ ตามปกติแล้วเมนูการตั้งค่าของโทรศัพท์จะมีรายการแอปทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ ให้เลือกแอป Home หรือแอป Nest จากรายการดังกล่าวและตรวจสอบว่าแอปสามารถใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ, Wi-Fi และข้อมูล GPS รวมถึงส่งการแจ้งเตือนได้

แก้ปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งของโทรศัพท์

การตั้งค่าของโทรศัพท์อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของบ้านในการเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" ตัวอย่างเช่น หาก Wi-Fi ของโทรศัพท์ปิดอยู่ บ้านอาจบอกไม่ได้ว่าคุณออกจากบ้านไปพร้อมกับโทรศัพท์เมื่อใด

แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งของโทรศัพท์

ตรวจสอบกิจกรรม "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" ในประวัติ

การตรวจสอบในแอปจะบอกคุณได้ว่าบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" เมื่อใดและเพราะอะไร ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่ต้องแก้

ประวัติของบ้านในแอป Home

  1. ในหน้าจอหลัก ให้ไปที่กิจกรรม    เหตุการณ์ล่าสุด ไปที่ประวัติ จากนั้นมองหาเหตุการณ์ "'อยู่บ้าน' และ 'ไม่อยู่บ้าน'"
  2. แตะวันเพื่อดูเหตุการณ์การเคลื่อนไหวที่ทำให้เปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ในวันดังกล่าว
  3. ตรวจสอบเวลาต่างๆ ที่คุณคิดว่าบ้านเปลี่ยนโหมดไม่ถูกต้อง
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็น "เปลี่ยนเป็น 'อยู่บ้าน' • ตำแหน่งของโทรศัพท์ 9:35 น." ซึ่งหมายความว่าบ้านเปลี่ยนออกจากโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติเนื่องจากมีคนกลับถึงบ้านมาพร้อมกับโทรศัพท์ของตน
  4. เมื่อทราบถึงสาเหตุที่ทำให้บ้านเปลี่ยนโหมดไม่ถูกต้องแล้ว คุณจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคตได้
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจย้ายตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ตรวจจับกิจกรรมได้มากเกินไป หรือปิดการตรวจจับการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์นั้นโดยใช้แอป

ประวัติกิจกรรมในแอป Nest

  1. ไปที่การตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน จากนั้นเลื่อนลงไปด้านล่างแล้วเลือกประวัติกิจกรรม 
  2. ประวัติกิจกรรมจะแสดงข้อมูลในช่วง 10 วันที่ผ่านมา แตะวันเพื่อดูเหตุการณ์การเคลื่อนไหวที่ทำให้เปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ในวันดังกล่าว
  3. ตรวจสอบเวลาต่างๆ ที่คุณคิดว่าบ้านเปลี่ยนโหมดไม่ถูกต้อง
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็น "อยู่บ้าน: การเคลื่อนไหวในบ้าน ตัวควบคุมอุณหภูมิในห้องนั่งเล่น 19:30 น." ซึ่งหมายความว่าบ้านเปลี่ยนออกจากโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติเนื่องจากตัวควบคุมอุณหภูมิตรวจจับการเคลื่อนไหวได้
  4. เมื่อทราบถึงสาเหตุที่ทำให้บ้านเปลี่ยนโหมดไม่ถูกต้องแล้ว คุณจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคตได้
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจย้ายตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่ตรวจจับกิจกรรมได้มากเกินไป หรือปิดการตรวจจับการเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์นั้นโดยใช้แอป 

บ้านของคุณ

บ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" เมื่อควรจะเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

บ้านจะเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้

  • ผลิตภัณฑ์ Google Nest ตรวจพบการเคลื่อนไหว
  • โทรศัพท์ที่ตั้งค่าให้ช่วยกิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" หรือตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านเข้ามาในบ้าน

ดังนั้น หากมีคนเข้ามาในบ้านของคุณ บ้านจะเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" อย่างรวดเร็ว

บ้านอาจเปลี่ยนกลับไปเป็นโหมด "อยู่บ้าน" อย่างไม่คาดคิด หากผลิตภัณฑ์ Nest ตรวจจับการเดินอยู่ในบ้านของสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งใดก็ตามที่เคลื่อนไหวพร้อมปล่อยความร้อนออกมา

บ้านอาจเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" ล่วงหน้าเล็กน้อยด้วยเพื่อเตรียมพร้อมให้คุณเมื่อกลับถึงบ้าน คุณจึงอาจสังเกตเห็นว่าบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" ก่อนที่คุณจะเดินเข้าประตูมา บ้านจะเปลี่ยนโหมดล่วงหน้าเร็วเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับสัญญาณมือถือและการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของโทรศัพท์ ซึ่งส่งผลต่อความแม่นยำของตำแหน่งของคุณ

วิธีแก้ไขด่วน

วิธีแก้ไขด่วนคือ ให้เปลี่ยนบ้านเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" ด้วยตนเองในแอป Home หรือแอป Nest บ้านจะเปลี่ยนกลับเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หากมีการเคลื่อนไหวหรือโทรศัพท์ที่มีส่วนร่วมกลับถึงบ้าน

แก้ปัญหาที่เกิดซ้ำ

  1. หากต้องการดูว่าทำไมบ้านจึงตั้งค่าเป็นโหมด "อยู่บ้าน" และรับคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่ต้องแก้ ให้ตรวจสอบประวัติกิจกรรมในแอป Home หรือแอป Nest
    • ในแอป Nest ให้ไปที่การตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน จากนั้นเลื่อนลงไปด้านล่างแล้วเลือกประวัติกิจกรรม
    • ในแอป Home ให้ไปที่กิจกรรม   ไปที่ประวัติและตัวกรองเพื่อรวมเฉพาะเหตุการณ์การตรวจหาบุคคลในบ้าน จากนั้นตรวจสอบเหตุการณ์การตรวจหาบุคคลในบ้าน
  2. หากมีสัตว์เลี้ยง ให้ลองนำอุปกรณ์ Nest ในห้องที่สัตว์เลี้ยงมักใช้เวลาอยู่บ่อยๆ ออกจากรายการอุปกรณ์ที่ช่วยในการตรวจหาบุคคลในบ้านโดยไปที่การตั้งค่า
  3. หากใช้ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest ให้ย้ายตำแหน่งเครื่องทำความร้อนออกจากมุมมองของตัวควบคุมอุณหภูมิ หากไม่สามารถย้ายเครื่องทำความร้อนที่ตัวควบคุมอุณหภูมิอาจตรวจจับได้ ให้ลองนำตัวควบคุมอุณหภูมิออกจากรายการอุปกรณ์ที่ช่วยในการตรวจหาบุคคลในบ้านโดยไปที่การตั้งค่า
  4. ตรวจสอบการตั้งค่าตำแหน่งของโทรศัพท์ Android
  5. ตรวจสอบในแอป Home หรือแอป Nest ว่าตำแหน่งของบ้านถูกต้องแล้ว

บ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติตามที่คาดไว้

บ้านจะไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติทันทีที่คุณเดินออกจากประตู ซึ่งเป็นเพราะแอปไม่ได้ติดตามตำแหน่งที่แน่นอนของคุณอยู่ตลอดเวลา

แต่จะตรวจสอบว่าคุณอยู่บ้านหรือไม่แทน และคุณจะต้องอยู่ห่างจากบ้านประมาณหนึ่งก่อนที่บ้านจะเปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" ดังนั้น หากเดินไปหาเพื่อนบ้านข้างๆ บ้านของคุณก็อาจจะไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

หากสัญญาณมือถือและ/หรือ Wi-Fi ไม่แรงพอในบริเวณตำแหน่งของบ้าน Nest อาจไม่รู้ว่าคุณออกจากบ้านแล้วจนกว่าโทรศัพท์จะมีการเชื่อมต่อที่ดี

วิธีแก้ปัญหา

  1. ไปที่ประวัติของบ้านเพื่อตรวจสอบว่าบ้านรายงานว่าคุณ "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" หรือไม่
    • ในแอป Nest ให้ไปที่การตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน จากนั้นเลื่อนลงไปด้านล่างแล้วเลือกประวัติกิจกรรม
    • ในแอป Home ให้ไปที่กิจกรรม   ไปที่ประวัติ
  2. ตรวจสอบว่าไม่มีคน (หรือโทรศัพท์ของบุคคลเหล่านั้น) ที่ยังอยู่ในบ้าน หากยังมีคนหรือโทรศัพท์ของบุคคลเหล่านั้นอยู่ในบ้าน จะทำให้บ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"
  3. หากคุณใช้ Nest Protect และมีสัตว์เลี้ยง Protect อาจสังเกตเห็นสัตว์เลี้ยงและทำให้บ้านไม่เปลี่ยนโหมด หากเป็นเช่นนั้น ให้นำ Protect ออกจากรายการอุปกรณ์ที่ช่วยในการตรวจหาบุคคลในบ้าน
  4. แก้ปัญหาที่เป็นไปได้เกี่ยวกับตำแหน่งของโทรศัพท์ หากมีผู้อื่นใช้แอป Nest เพื่อเข้าถึงบ้านร่วมกัน บุคคลดังกล่าวควรตรวจสอบในแอปด้วยว่าตำแหน่งโทรศัพท์ของตนถูกต้องแล้ว
  5. ตรวจสอบในแอป Home หรือแอป Nest ว่าตำแหน่งของบ้านถูกต้องแล้ว

ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest

หากเพิ่งติดตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest

ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest ต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะเรียนรู้เกี่ยวกับบ้านและกำหนดเวลาประจำวันตามปกติของคุณ

ขณะที่กำลังเรียนรู้ ตัวควบคุมอุณหภูมิจะใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์และการเคลื่อนไหวที่ตรวจจับได้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในการเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติ 

ระบบจะไม่ใช้เซ็นเซอร์ของตัวควบคุมอุณหภูมิเพื่อเปลี่ยนบ้านเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติ ระหว่างระยะเวลาเรียนรู้

หลังจากเรียนรู้ไปได้หลายวัน ตัวควบคุมอุณหภูมิจะใช้ข้อมูลเซ็นเซอร์ของตัวเองเพื่อช่วยระบุว่าคุณอยู่บ้านหรือไม่และจะเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคเมื่อใด คุณจึงอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงเวลาของการเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโค

บ้านอยู่ในโหมด "ไม่อยู่บ้าน" แต่ตัวควบคุมอุณหภูมิไม่เปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโค

เมื่อบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติ ตัวควบคุมอุณหภูมิควรเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยเช่นกัน หากตัวควบคุมอุณหภูมิไม่เปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคเมื่อบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" แสดงว่าคุณอาจไม่ได้ตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิให้เปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติ

วิธีแก้ปัญหา 

  1. ตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าให้ตัวควบคุมอุณหภูมิเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติ
  2. หากต้องการให้ตัวควบคุมอุณหภูมิเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคทันที ให้เปลี่ยนตัวควบคุมอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยตนเอง ตัวควบคุมอุณหภูมิจะใช้อุณหภูมิในโหมดอีโคต่อไปจนกว่าคุณจะเปลี่ยนเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นด้วยตนเอง

ตัวควบคุมอุณหภูมิไม่ใช้อุณหภูมิในโหมดอีโคขณะที่มีการตั้งค่าบ้านของคุณเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

หากตัวควบคุมอุณหภูมิเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติเมื่อบ้านอยู่ในโหมด "ไม่อยู่บ้าน" แต่ปิดอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยไม่คาดคิดขณะที่คุณยังกลับไม่ถึงบ้าน อาจเป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้

  • คุณหรือคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงร่วมกันได้เปลี่ยนอุณหภูมิด้วยตนเอง
  • คุณหรือคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงร่วมกันได้ปิดตัวเลือกที่กำหนดให้ตัวควบคุมอุณหภูมิเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติ

วิธีแก้ปัญหา

  1. หากต้องการให้ตัวควบคุมอุณหภูมิใช้อุณหภูมิในโหมดอีโคต่อไป ให้ตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยตนเอง ตัวควบคุมอุณหภูมิจะใช้อุณหภูมิในโหมดอีโคต่อไปจนกว่าคุณจะเปลี่ยนเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นด้วยตนเอง
  2. ไปที่ประวัติกิจกรรมเพื่อดูว่ามีคนอื่นในบ้านเปลี่ยนอุณหภูมิหรือไม่ การดำเนินการนี้อาจทำให้ตัวควบคุมอุณหภูมิออกจากอุณหภูมิในโหมดอีโค
  3. ตรวจสอบว่าตัวควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ปิดใช้การเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคอัตโนมัติ

ตัวควบคุมอุณหภูมิไม่เปลี่ยนออกจากอุณหภูมิในโหมดอีโคเมื่อคุณกลับถึงบ้าน

หากคุณถึงบ้านแล้วและพบว่าสถานะของบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" แต่ตัวควบคุมอุณหภูมิยังอยู่ในโหมดอีโค อาจเป็นเพราะมีการตั้งค่าตัวควบคุมเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยตนเอง

วิธีแก้ปัญหา

ตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นที่ต้องการ แล้วตัวควบคุมอุณหภูมิจะกลับไปเปลี่ยนโหมดโดยอัตโนมัติอีกครั้ง

วิธีเปลี่ยนโหมดตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest

กล้อง Nest และ Nest Doorbell

กล้องไม่เปิดหรือปิดตามที่คาดไว้

วิธีแก้ไขด่วน

วิธีแก้ไขด่วนคือ ให้ใช้แอปเพื่อปิดกล้องหรือกริ่งประตูด้วยตนเอง

แก้ปัญหาที่เกิดซ้ำ

  1. เลือกระหว่างการกำหนดเวลาด้วยตนเองหรือการเปิดหรือปิดอัตโนมัติ อย่าใช้ทั้ง 2 อย่างนี้พร้อมกันเนื่องจากอาจทำให้เกิดลักษณะการทำงานที่ไม่คาดคิด ตรวจสอบการตั้งค่าของกล้องหรือกริ่งประตูในแต่ละลิงก์ด้านล่าง

    หมายเหตุ: หากมีกล้องมากกว่า 1 ตัว คุณจะต้องเปลี่ยนการตั้งค่านี้สำหรับกล้องแต่ละตัวในบ้าน

    เปลี่ยนกำหนดเวลาของกล้อง
    วิธีการสำหรับแอป Home: เปลี่ยนการตั้งค่ากิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน"
    วิธีการสำหรับแอป Nest: เปลี่ยนการตั้งค่าตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน

  2. ตรวจสอบในแอปว่าตำแหน่งปัจจุบันของคุณถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากคุณและทุกคนในบ้านออกจากบ้านไปแล้ว แอปควรระบุว่าบ้านตั้งค่าเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

    • ในแอป Home ให้แตะการตั้งค่า ข้อมูลบ้าน ที่อยู่บ้าน จากนั้นยืนยันว่าข้อมูลถูกต้อง หากต้องการเปลี่ยนที่อยู่ ให้แตะที่อยู่ปัจจุบันแล้วป้อนที่อยู่ใหม่
    • ในแอป Nest ให้ไปที่การตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest ข้อมูลบ้าน  ข้าง "ที่อยู่" ให้ยืนยันว่าข้อมูลถูกต้องแล้ว หากต้องการเปลี่ยนที่อยู่ ให้แตะที่อยู่
    • หากมีผู้อื่นที่มีสิทธิ์เข้าถึงบ้านและควบคุมอุปกรณ์ร่วมกัน บุคคลดังกล่าวควรตรวจสอบในแอปด้วยว่าตำแหน่งโทรศัพท์ของตนเองถูกต้องแล้ว
  3. ไปที่การตั้งค่าเพื่อตรวจสอบว่ากล้องไม่ได้ปิดใช้การเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติเมื่อคุณออกจากบ้านและกลับถึงบ้าน
    • หากต้องการตรวจสอบการตั้งค่ากิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" ของกล้อง ให้เปิดแอป Home แตะกิจวัตร กิจวัตร "อยู่บ้าน" หรือกิจวัตร "ไม่อยู่บ้าน" จากนั้น ตรวจสอบว่ามีการทำงานของอุปกรณ์สำหรับกล้องของคุณแสดงอยู่ในรายการ
    • หากต้องการตรวจสอบการตั้งค่าตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านของกล้อง ให้เปิดแอป Nest แตะการตั้งค่า ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน อยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้าน กล้องของคุณ จากนั้นให้ตรวจสอบว่าการเปลี่ยนโหมดอัตโนมัติเปิดอยู่
  4. กล้องจะเปิดหรือปิดโดยอัตโนมัติตามตำแหน่งของโทรศัพท์เท่านั้น ดังนั้น ตำแหน่งที่ไม่แม่นยำของโทรศัพท์อาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนโหมดอัตโนมัติเมื่อคุณออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้าน ให้ลองทำตามขั้นตอนแก้ปัญหาสำหรับตำแหน่งของโทรศัพท์ Android

  5. โปรดดูเคล็ดลับในการแก้ปัญหาทั่วไปหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนอื่นๆ ที่คุณจะลองทำได้

สิ่งอื่นๆ ที่ควรตรวจสอบ

ใช้โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวในการตรวจหาบุคคลในบ้าน

สมาชิกแต่ละคนที่แชร์สิทธิ์เข้าถึงบ้านด้วยแอปควรมีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวที่เปิดใช้การตรวจหาบุคคลในบ้าน การใช้อุปกรณ์มากกว่า 1 เครื่องในการตรวจหาบุคคลในบ้าน อาจทำให้การเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" ไม่ทำงานตามที่คาดไว้

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง (ที่ทำงานและส่วนตัว) และเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากบ้านไปพร้อมกับโทรศัพท์ส่วนตัว แต่ไม่ได้นำโทรศัพท์ที่ทำงานติดตัวไปด้วย บ้านจะคิดว่าคุณยังอยู่ที่บ้านและจะไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

แอป Home

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการตั้งค่า จากนั้น การตรวจหาบุคคลในบ้าน
  3. เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการใช้สำหรับการตรวจหาบุคคลในบ้าน อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยระบุว่ามีหรือไม่มีคนอยู่บ้าน

แอป Nest

หากใช้แอป Nest ด้วย คุณควรตรวจสอบการตั้งค่าตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านเช่นกัน

ตรวจสอบว่าคนอื่นไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่า

ทุกคนที่คุณเชิญให้ร่วมควบคุมบ้านจะเปลี่ยนการตั้งค่าต่อไปนี้ได้ด้วย

  • เปิดหรือปิดการใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อช่วยให้บ้านเปลี่ยนโหมดโดยอัตโนมัติ
  • เลือกอุปกรณ์ที่เปลี่ยนโหมดอัตโนมัติได้เมื่อคุณออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้าน
  • เปิดหรือปิดใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ที่ต้องการ

การเปลี่ยนแปลงในฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้การตรวจหาบุคคลในบ้านอาจส่งผลกระทบต่อฟีเจอร์อื่นๆ ที่ต้องใช้การตรวจหาบุคคลในบ้าน ตัวอย่างเช่น การปิดการตรวจหาบุคคลในบ้านด้วยฟีเจอร์ "ส่งเสียงเมื่ออยู่บ้านเท่านั้น" ยังส่งผลกระทบต่อตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านด้วย หรือหากบ้านที่ใช้กิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" ปิดการตรวจหาบุคคลในบ้านของโทรศัพท์ ฟีเจอร์ "ส่งเสียงเมื่ออยู่บ้านเท่านั้น" ก็จะไม่ทำงานอีกต่อไป

ตรวจสอบการตั้งค่าเหล่านี้ในแอปเพื่อให้แน่ใจว่าตั้งค่าไว้ตามที่คุณต้องการ หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ให้บอกคนอื่นที่คุณเชิญเข้าบ้านว่าอย่าเปลี่ยนการตั้งค่าใดๆ

การตั้งค่ากิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน"
การตั้งค่าตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้าน

ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ Nest มีไฟและเชื่อมต่อ Wi-Fi อยู่

หากผลิตภัณฑ์ Nest อย่างน้อย 1 รายการแสดงเป็น "ออฟไลน์" หรือไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อบ้านเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน"

  1. ผลิตภัณฑ์ Nest อย่างน้อย 1 รายการอาจไม่มีกระแสไฟเข้า ให้ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เสียบปลั๊กและชาร์จอยู่ 
  2. หากผลิตภัณฑ์ Nest บางรายการหรือทั้งหมดยังแสดงเป็น "ออฟไลน์" โปรดแก้ปัญหาโดยดูวิธีจากบทความแก้ปัญหา Wi-Fi และการเชื่อมต่อสำหรับผลิตภัณฑ์ Nest

ตรวจสอบว่าตำแหน่งของบ้านถูกต้อง

ตำแหน่งบ้านที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลต่อความแม่นยำและช่วงเวลาของการเปลี่ยนไปมาอัตโนมัติระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" หากบ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" ตามที่คาดไว้ ให้ตรวจสอบในแอปว่าตำแหน่งของบ้านถูกต้องแล้ว

ในแอป Home

เปลี่ยนที่อยู่

  1. แตะ "การตั้งค่า"
  2. เลือกข้อมูลบ้าน
  3. แตะที่อยู่บ้าน

ในแอป Nest

  1. ในหน้าจอหลัก ให้แตะ "การตั้งค่า" ไอคอนการตั้งค่า Nest
  2. เลือกข้อมูลบ้าน
  3. แตะที่อยู่
  4. แตะเพื่อแก้ไขที่อยู่ปัจจุบันหากต้องการ แล้วแตะถัดไป
  5. จากนั้นคุณสามารถลากแผนที่เพื่อย้ายหมุดที่ทำเครื่องหมายตำแหน่งของบ้าน

สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับลักษณะการทำงานของการตรวจหาบุคคลในบ้านด้วยผลิตภัณฑ์ Nest

ข้อมูลเบื้องต้น

  • การตรวจหาบุคคลในบ้านใช้ตำแหน่งของโทรศัพท์และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในการดูว่าคุณออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้านเมื่อใด เพื่อให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ได้โดยอัตโนมัติ คุณตั้งค่ากิจวัตร "อยู่บ้าน" และ "ไม่อยู่บ้าน" ได้ในแอป Home หรือตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านในแอป Nest
  • การตรวจหาบุคคลในบ้านจะใช้เฉพาะตำแหน่งของโทรศัพท์หากคุณให้สิทธิ์แอปในการใช้ตำแหน่ง หากเปลี่ยนใจ คุณสามารถปิดหรือเปิดการเข้าถึงตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ในการตั้งค่าแอป
  • คุณตั้งค่าตำแหน่งปัจจุบันเป็น "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ด้วยตนเองได้ในแอป Home ในส่วนการตั้งค่า การตรวจหาบุคคลในบ้าน
  • คุณปิดใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ Nest ที่ต้องการได้ทุกเมื่อในการตั้งค่า หากปิดใช้อุปกรณ์ทั้งหมดในบ้านที่เชื่อมต่อไม่ให้ช่วยในการตรวจหาบุคคลในบ้าน อุปกรณ์อาจใช้เฉพาะตำแหน่งของโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนโหมดโดยอัตโนมัติเมื่อคุณออกจากบ้านและกลับถึงบ้าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจหาบุคคลในบ้าน

ลักษณะการทำงานของบ้าน

  • ตำแหน่งของโทรศัพท์จะไม่ลบล้างเซ็นเซอร์ของผลิตภัณฑ์ Nest ดังนั้น หากตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest หรือ Protect ตรวจพบการเคลื่อนไหว บ้านของคุณจะเปลี่ยนออกจากโหมด "ไม่อยู่บ้าน" เป็นโหมด "อยู่บ้าน" แม้ว่าโทรศัพท์จะไม่ได้อยู่ที่บ้าน
  • การเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" โดยอัตโนมัติจะลบล้างการเปลี่ยนด้วยตนเองได้ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะตั้งค่าบ้านเป็นโหมดใดโหมดหนึ่งด้วยตนเอง บ้านก็จะเปลี่ยนโหมดหลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านหรือเมื่อมีคนกลับถึงบ้าน
  • ระยะเวลาที่ใช้ในการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ Nest โดยอัตโนมัติเมื่อคุณออกจากบ้านและกลับถึงบ้านอาจแตกต่างกันไป ความล่าช้าจะขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการออกจากบ้านและกลับถึงบ้านของคุณและสมาชิกคนอื่นในครอบครัว ตัวอย่างเช่น หากคุณมีกำหนดเวลาประจำวันที่สม่ำเสมอ ความล่าช้าจะสั้นลง

ลักษณะการทำงานของตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest

  • หากคุณตั้งค่าบ้านเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" ด้วยตนเอง ตัวควบคุมอุณหภูมิจะเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคโดยอัตโนมัติ เมื่อมีคนกลับถึงบ้านและบ้านเปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน" ตัวควบคุมอุณหภูมิจะเปลี่ยนกลับไปเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นโดยอัตโนมัติ
  • หากคุณตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยตนเอง ตัวควบคุมอุณหภูมิจะไม่เปลี่ยนกลับไปเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นโดยอัตโนมัติเมื่อมีคนกลับถึงบ้าน ให้ตั้งค่าเป็นโหมดทำความร้อนหรือทำความเย็นที่ต้องการด้วยตนเอง แล้วตัวควบคุมอุณหภูมิจะกลับไปเปลี่ยนโหมดโดยอัตโนมัติอีกครั้ง
  • ระยะเวลาที่ตัวควบคุมอุณหภูมิใช้ในการเปลี่ยนบ้านเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" (และเปลี่ยนตัวเองเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโค) อาจแตกต่างกันไป ความล่าช้าจะขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการออกจากบ้านและกลับถึงบ้านของคุณ และความถี่ที่ตัวควบคุมอุณหภูมิตรวจจับการเคลื่อนไหวในบ้าน
  • การตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิในโหมดอีโคด้วยตนเองจะไม่เปลี่ยนบ้านเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน"

ลักษณะการทำงานของกล้อง Nest

  • กล้องจะเปิดหรือปิดโดยอัตโนมัติได้ด้วยตำแหน่งของโทรศัพท์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปิดกล้องด้วยตนเองโดยใช้แอป Nest หรือแอป Home หรือตั้งค่าบ้านเป็นโหมด "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นการเปิดหรือปิดกล้องด้วย
  • กล้องไม่ได้ใช้เซ็นเซอร์ในการช่วยระบุว่าคุณ "อยู่บ้าน" หรือ "ไม่อยู่บ้าน" ดังนั้น หากคุณแค่เดินผ่านหน้ากล้อง บ้านก็จะไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "อยู่บ้าน"
  • การเคลื่อนไหวที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Nest ตรวจจับได้จะไม่ปิดกล้อง เนื่องจากผลิตภัณฑ์จะไม่แน่ใจว่านั่นเป็นผู้บุกรุก คุณ หรือสมาชิกในครอบครัว กล้องในบ้านจะไม่เปิดโดยอัตโนมัติจนกว่าโทรศัพท์ทุกเครื่องที่ตั้งค่าให้ช่วยในการตรวจหาบุคคลในบ้านจะออกจากบ้านไปจนหมด และกล้องจะไม่ปิดโดยอัตโนมัติจนกว่าจะมีคนกลับถึงบ้าน
  • ลักษณะการเปิดปิดกล้องที่น่าสับสนอาจเกิดขึ้นหากกล้องทั้งเปิดและปิดโดยอัตโนมัติเมื่อคุณออกจากบ้านและกลับถึงบ้าน และมีกำหนดเวลาของกล้องด้วย ขอแนะนำให้ใช้วิธีข้างต้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่กล้อง Nest ทำงานร่วมกับการตรวจหาบุคคลในบ้านได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือ

ลักษณะการทำงานของ Secure

  • Nest Secure ไม่สามารถใช้ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านเพื่อเปิดหรือปิดระบบโดยอัตโนมัติ คุณจะต้องใช้ Nest Tag, ป้อนรหัส หรือใช้แอปเพื่อเปิดหรือปิดระบบรักษาความปลอดภัยของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเปลี่ยนโหมดของบ้านโดยใช้แอป Nest Secure จะสามารถเปลี่ยนระดับการรักษาความปลอดภัยให้ตรงกัน
  • แอป Nest จะช่วยส่งการแจ้งเตือนเพื่อเตือนให้คุณเปิดหรือปิดระบบสัญญาณเตือนเมื่อคุณออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้าน ดังนั้น หาก Nest Secure ปิดระบบเมื่อสมาชิกคนสุดท้ายออกจากบ้าน สมาชิกคนดังกล่าวจะได้รับการแจ้งเตือน "เตือนฉัน" ทางโทรศัพท์ให้เปิดระบบ Secure เมื่อสมาชิกคนแรกใกล้จะถึงบ้าน แอปจะถามว่าสมาชิกคนดังกล่าวต้องการปิดระบบสัญญาณเตือนก่อนเดินเข้าประตูบ้านหรือไม่

ลักษณะการทำงานของ Protect

ลักษณะการทำงานของ Nest Protect จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมด "อยู่บ้าน" กับ "ไม่อยู่บ้าน" อย่างไรก็ตาม Nest Protect แบบใช้สายอาจทำให้บ้านไม่เปลี่ยนเป็นโหมด "ไม่อยู่บ้าน" หากเซ็นเซอร์ของผลิตภัณฑ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
5401684232982745221
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
1633396
false
false