ลำโพงหรือจอแสดงผล Google Nest หรือ Home มักมีการแชร์กับสมาชิกในครอบครัว เมื่อทุกคนในครอบครัวใช้ Voice Match ก็จะเพลิดเพลินกับประสบการณ์การดูสื่อที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละคนมากขึ้นได้
เมื่อตั้งค่า Voice Match ในลำโพงหรือจอแสดงผลที่แชร์ คุณจะทำสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ได้
- เลือกบริการเพลงเริ่มต้นของตนเอง
- รับประสบการณ์การฟังเพลงที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณโดยอิงตามประวัติการฟัง เพลงที่ชอบ และรายละเอียดอื่นๆ ของการโต้ตอบกับบริการเพลงที่ผ่านมา
- ควบคุมคลังเพลงส่วนตัวของบริการเพลง ซึ่งให้คุณเข้าถึงเพลงและเพลย์ลิสต์ที่บันทึกไว้ได้
- ขอให้เปิดวิดีโอ YouTube ที่แนะนำ รายการทีวี หรือภาพยนตร์บางเรื่องจากบริการสตรีมมิงที่ลิงก์ ซึ่งช่วยให้เล่นต่อจากตำแหน่งที่บันทึกไว้ล่าสุดได้
ตั้งค่า Voice Match
คุณต้องเชื่อมโยง Voice Match กับบัญชี Google โดยเชื่อมโยงโปรไฟล์ Voice Match กับบัญชี Google ได้เพียงโปรไฟล์เดียวเท่านั้น หากคุณมีบัญชี Google หลายบัญชี โปรดเลือกเพียงบัญชีเดียวเพื่อตั้งค่าโปรไฟล์ Voice Match
เมื่อตั้งค่า Voice Match จะเป็นการเปิดฟีเจอร์นี้สำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดในบ้าน และคุณสามารถเลือกเปิดโดยอัตโนมัติให้กับอุปกรณ์ใหม่ทุกเครื่องได้ คุณปิด Voice Match ในอุปกรณ์ที่ต้องการได้ทุกเมื่อ
ด้วยแอป Google Home
- เปิดแอป Google Home
- แตะการตั้งค่า Google Assistant Voice Match
- แอปจะแสดงอุปกรณ์ทั้งหมดที่รองรับ Voice Match แตะอุปกรณ์เพื่อเปิดหรือปิดใช้ Voice Match
- หากไม่มีอุปกรณ์ที่เปิดใช้ Voice Match ให้แตะเริ่มต้นใช้งาน แล้วทำตามขั้นตอนในแอป
- หากต้องการเปิด Voice Match โดยอัตโนมัติสำหรับอุปกรณ์ใหม่ในบ้านเดียวกัน ให้เปิดอุปกรณ์ที่คุณเพิ่มมาภายหลัง
ด้วยจอแสดงผล Google
ตั้งค่า Voice Match บนจอแสดงผล Google โดยตรง คุณต้องมีโทรศัพท์และสิทธิ์เข้าถึงหน้าจอของจอแสดงผล
- พูดว่า "Ok Google เรียนรู้เสียงของฉัน" กับจอแสดงผล
- แตะเริ่มเลยบนจอแสดงผล
- เลือกบัญชีของคุณบนจอแสดงผล จะมีการส่งข้อความ Push ไปยังโทรศัพท์เพื่อขอให้คุณยืนยันว่าเป็นผู้ที่กำลังพยายามลงชื่อเข้าใช้ในอุปกรณ์เครื่องใหม่
หมายเหตุ: หากไม่ได้รับการแจ้งเตือน ให้ทำดังนี้
Android: Go to Settings Apps & notifications [All apps] Google Play services, and check that notifications are enabled. Then, you’ll need to start setup on your display again.
iOS: You may have notifications disabled. Open your YouTube, Google, Gmail, or Google Smart Lock app to check if the confirmation prompt has appeared. You’ll signed in to one of these apps on your phone for this to work.
- แตะใช่ ฉันเองเพื่อยืนยัน
- ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอของจอแสดงผลเพื่อตั้งค่า Voice Match ให้เสร็จสมบูรณ์
จอแสดงผลไม่ได้ลิงก์กับบัญชี Google ของคุณ
การตั้งค่า Voice Match จะต่างออกไปหากจอแสดงผลไม่ได้ลิงก์กับบัญชี Google ที่คุณต้องการใช้ ในกรณีนี้ ระบบจะแจ้งให้คุณลิงก์จอแสดงผลกับบัญชี Google ในระหว่างการตั้งค่า
- พูดว่า "Ok Google เรียนรู้เสียงของฉัน" กับจอแสดงผล
- บนจอแสดงผล ให้แตะเริ่มเลย ไม่เห็นบัญชี
- ใช้กล้องของโทรศัพท์สแกนคิวอาร์โค้ดบนจอแสดงผล ขั้นตอนนี้จะเปลี่ยนเส้นทางคุณไปยังเว็บเบราว์เซอร์ของโทรศัพท์ หมายเหตุ: หากสแกนคิวอาร์โค้ดไม่ได้ ให้ไปที่ลิงก์ใต้คิวอาร์โค้ดเพื่อดำเนินการต่อ
- หากมีบัญชี Google มากกว่า 1 บัญชี โปรดตรวจสอบว่าคุณได้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ถูกต้องในแอปก่อนดำเนินการต่อ หากต้องการเปลี่ยนบัญชี ให้แตะบัญชีอื่นหรือเพิ่มบัญชีอื่น
- ป้อนรหัสผ่านที่แสดงบนจอแสดงผล
- หากต้องการลิงก์จอแสดงผลกับบัญชี ให้แตะ Enter ถัดไป
- แอปจะบอกให้คุณกลับไปที่จอแสดงผล ทําตามขั้นตอนบนหน้าจอของจอแสดงผลเพื่อตั้งค่า Voice Match ให้เสร็จสมบูรณ์
การตั้งค่า Voice Match บนจอแสดงผลสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี
สมาชิกในบ้านที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีจะใช้จอแสดงผลของคุณเพื่อตั้งค่า Voice Match ได้โดยให้ผู้ปกครองช่วยเหลือ
เมื่อต้องการเริ่มตั้งค่า Voice Match ให้บุตรหลานพูดว่า "Ok Google เรียนรู้เสียงของฉัน" กับจอแสดงผล จากนั้น บุตรหลานสามารถเลือกบัญชี Google ของตนบนจอแสดงผล (หรือลิงก์บัญชีของตนกับจอแสดงผลหากยังไม่ได้ดำเนินการ) แล้วตั้งค่าต่อได้
บุตรหลานต้องขอสิทธิ์จากคุณเพื่อลงทะเบียนใช้งาน Voice Match ในการตั้งค่า Voice Match ระบบจะขอให้คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ของคุณเพื่อให้สิทธิ์ของผู้ปกครองในการจดจำเสียงของบุตรหลานในจอแสดงผล
จากนั้นบุตรหลานจะฝึก Assistant ให้จดจำเสียงของตน หลังจากนั้น บุตรหลานจะต้องขอความช่วยเหลือจากคุณอีกครั้งเพื่อให้เลือกบันทึกหรือไม่บันทึกเสียงที่บันทึกไว้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีตั้งค่า Voice Match สำหรับบุตรหลาน
แชร์บริการกับผู้ใช้ Voice Match และผู้มาเยือนคนอื่นๆ
เมื่อตั้งค่า Voice Match ในลำโพงหรือจอแสดงผลที่แชร์แล้ว ผู้อื่นที่พูดกับลำโพงหรือจอแสดงผลโดยใช้คำสั่งเสียงที่เกี่ยวข้องอาจเข้าถึงบริการเพลงและวิดีโอซึ่งคุณลิงก์ไว้ได้
หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้บริการเพลงและวิดีโอของคุณ ให้ขอให้บุคคลนั้นๆ ทำดังนี้
- ตั้งค่า Voice Match
- ตั้งค่าบริการเพลงเริ่มต้นของตนเองและขอเพลงเอง
- ลิงก์บริการวิดีโอของตนเอง
การตั้งค่า Voice Match ส่งผลต่อการเลือกสื่ออย่างไร
Google Assistant จะเลือกเนื้อหาสื่อโดยพิจารณาจากผู้ที่ขอเนื้อหาสื่อนั้นและสถานะ Voice Match ของบุคคลนั้น
|
ผู้ใช้คนแรกที่ตั้งค่า Voice Match |
ผู้ใช้ Voice Match คนอื่นๆ | ผู้มาเยือนและผู้ที่ไม่ได้ใช้ Voice Match |
เมื่อได้รับคำสั่งเสียงสำหรับเพลงจากบุคคลนี้ Google Assistant จะทำดังนี้ |
|
|
|
เมื่อได้รับคำสั่งเสียงสำหรับรายการทีวีและภาพยนตร์จากบุคคลนี้ Google Assistant จะทำดังนี้ |
|
|
|
เมื่อได้รับคำสั่งเสียงสำหรับวิดีโอ YouTube จากบุคคลนี้ Google Assistant จะทำดังนี้ |
|
|
|
ใครเป็นผู้ใช้คนแรกที่ตั้งค่า Voice Match
ผู้ใช้ที่ตั้งค่าลำโพงหรือจอแสดงผลและลิงก์เสียงของตนจะเป็นคนแรกที่ตั้งค่า Voice Match ด้วย