This article only applies to the Nest Thermostat. |
หมายเหตุ: หากตัวควบคุมอุณหภูมิของคุณไม่มีระบุไว้ข้างต้น โปรดอ่านบทความวิธีติดตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest สำหรับ Nest Thermostat E หรือ Nest Learning Thermostat
การตั้งค่า Google Nest Thermostat นั้นทำในแอป Home ซึ่งจะแนะนำทุกขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสอบความเข้ากันได้ การติดตั้ง ไปจนถึงการตั้งค่า แอปจะช่วยเลือกตัวเลือกทั้งหมดที่เหมาะสมสำหรับคุณและบ้านของคุณ ด้านล่างนี้คือขั้นตอนทั้งหมดพร้อมด้วยเคล็ดลับการแก้ปัญหาที่มีประโยชน์
หากต้องการดูวิดีโอสั้นๆเกี่ยวกับการติดตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิ โปรดดูวิธีติดตั้งและตั้งค่า Nest Thermostat
1. เตรียมเครื่องมือให้พร้อม
- หัวไขควงปากแฉกเบอร์ 1 (3 มม.)
- ไขควงปากแบน
- สว่านไฟฟ้า (ไม่บังคับ)
- คีมและคีมปอกสายไฟ (ไม่บังคับ)
- ไฟฉาย (ไม่บังคับ)
- Nest Thermostat Trim Kit (ไม่บังคับ)
2. ดาวน์โหลดแอป Home
ดาวน์โหลดแอป Google Home จาก Google Play หรือจาก Apple App Store
ลงชื่อเข้าใช้แอปด้วยบัญชี Google ที่มีอยู่หรือสร้างบัญชี
3. สแกนคิวอาร์โค้ด
หมายเหตุ: คุณต้องสามารถจับต้องตัวควบคุมอุณหภูมิเพื่อเพิ่มลงในบัญชีในแอป Home ซึ่งหมายความว่าคุณจะเพิ่มจากระยะไกลไม่ได้ หลังจากเพิ่มตัวควบคุมอุณหภูมิลงในแอปแล้ว คุณจะควบคุมจากระยะไกลได้เมื่อไม่อยู่บ้าน
สแกนคิวอาร์โค้ดที่ด้านหลังจอแสดงผลหรือป้อนรหัสด้วยตนเอง
- เปิดแอป Home
- แตะอุปกรณ์ เพิ่ม อุปกรณ์ Google Nest หรืออุปกรณ์ของพาร์ทเนอร์
- เลือกบ้าน
- แอปจะค้นหาอุปกรณ์ที่คุณสามารถเพิ่มได้ หากไม่พบตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้เลือกจากรายการ
- หากต้องการดำเนินการต่อด้วยคิวอาร์โค้ด ให้สแกนคิวอาร์โค้ดที่ด้านหลังจอแสดงผลของ Nest Thermostat
เคล็ดลับ: หากสแกนไม่สำเร็จ ให้แตะดำเนินการต่อโดยไม่สแกน เลือกตัวควบคุมอุณหภูมิที่กำลังตั้งค่าและป้อนรหัสที่อยู่ด้านหลังจอแสดงผลของตัวควบคุมอุณหภูมิ - แอป Home จะแนะนําขั้นตอนการติดตั้ง
4. ติดตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิ
- ตรวจสอบว่าระบบปัจจุบันทำงานอย่างถูกต้องก่อนติดตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิใหม่
- ปิดเบรกเกอร์
- ถอดฝาครอบออกจากตัวควบคุมอุณหภูมิที่มีอยู่และถ่ายรูปการเดินสายไฟไว้ใช้อ้างอิงภายหลัง
- หมายเหตุ: หากตัวควบคุมอุณหภูมิที่มีอยู่ติดป้ายกำกับ 120 V หรือ 240 V มีสายควั่น หรือมีสายแบบหนาพร้อมน็อตยึดสายไฟ แสดงว่าระบบของคุณเป็นแบบไฟฟ้าแรงสูงและใช้งานร่วมกันไม่ได้
- ถอดสายพ่วง หากขั้วต่อสายไฟมีป้ายกำกับ 2 ชุด แอปจะถามคำถามคุณเพื่อช่วยระบุป้ายกำกับที่จะใช้
- ตรวจดูว่ามีสายไฟใดและติดป้ายกำกับแต่ละเส้นด้วยสติกเกอร์ที่ให้มาในกล่อง
- ถอดตัวควบคุมอุณหภูมิเครื่องเก่าออก
- หากใช้ Nest Thermostat Trim Kit ให้ติดเข้ากับผนังเลย หรือจะต่อเพลตฐานรองเข้ากับผนังโดยตรงก็ได้
- กดปุ่มและเสียบสายแต่ละเส้นในช่องที่เหมาะสม ปุ่มจะยังคงกดอยู่
- หมายเหตุ: หากมีสายไฟในช่อง *OB (อาจใช้เป็น W2, Y2, O, B ฯลฯ) เมื่อตั้งค่า Nest Thermostat คุณต้องกำหนดสายนั้นตามฟังก์ชันการใช้งาน (เช่น W2)
- ที่ด้านหลังจอแสดงผลของตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้ดึงแผ่นกั้นแบตเตอรี่สีใสออก จอแสดงผลอาจเปิดขึ้นมา
- ติดจอแสดงผลของตัวควบคุมอุณหภูมิบนฐานให้เข้าที่ จากนั้นคุณก็เปิดแหล่งจ่ายไฟอีกครั้งที่เบรกเกอร์และเชื่อมต่อตัวควบคุมอุณหภูมิกับแอป Home ได้
5. ตั้งค่าตัวควบคุมอุณหภูมิ
หลังจากที่แอป Home ตรวจพบ Nest Thermostat แล้ว คุณจะเลือกภาษาและทดสอบไฟฟ้าของระบบอย่างรวดเร็วได้
ตอนนี้แอป Home จะถามคำถามเกี่ยวกับระบบทำความร้อนหรือความเย็น และตัวควบคุมอุณหภูมิจะปรับเทียบเซ็นเซอร์อุณหภูมิสำหรับบ้านของคุณ
6. กำหนดค่าตัวควบคุมอุณหภูมิ
แอป Home จะค้นหาเครือข่าย Wi-Fi ให้คุณเลือก เลือก 1 ตัวเลือกเพื่อเชื่อมต่อและปรับแต่งตัวควบคุมอุณหภูมิต่อ
- เพิ่มที่อยู่บ้านเพื่อให้แอป Home ใช้ในการระบุว่าคุณอยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้าน
- บอกแอป Home ว่าตัวควบคุมอุณหภูมิอยู่ที่ตำแหน่งใดในบ้าน ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อจัดระเบียบอุปกรณ์และคำสั่งเสียง
- คุณสร้างการตั้งค่าบางอย่างเพื่อประหยัดพลังงานได้โดยการตั้งเวลาอุณหภูมิสำหรับช่วงเวลาต่างๆ ของวัน
- ตั้งอุณหภูมิที่กำหนดล่วงหน้าซึ่งคุณใช้ได้ทุกเมื่อ
- สร้างกำหนดเวลาให้ค่าที่กำหนดล่วงหน้าดังกล่าวเปิดใช้งานในบ้าน
- คุณสามารถเปิดตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านเพื่อใช้อุณหภูมิในโหมดอีโคเมื่อกิจวัตร "ไม่อยู่บ้าน" เริ่มขึ้น และกลับไปใช้อุณหภูมิที่กำหนดเวลาไว้เมื่อกิจวัตร "อยู่บ้าน" เริ่มขึ้น
คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับระบบทำความร้อนและความเย็นในกรณีที่ระบบมีปัญหา และจะได้รับการช่วยเตือนตามฤดูกาลให้ตรวจสอบ
เปลี่ยนอุณหภูมิ
ที่ด้านขวาของตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้ปัดขึ้นและลงเพื่อเปลี่ยนอุณหภูมิ
ไปยังส่วนต่างๆ ในเมนู
- ที่ด้านขวาของตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้แตะแถบสัมผัสเพื่อเปิดเมนู
- ปัดเพื่อเปลี่ยนสิ่งที่เลือกไว้
- แตะเพื่อยืนยันการเลือก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากวิดีโอต่อไปนี้