โดยทั่วไป หน้า Landing Page ที่เร็วขึ้นในอุปกรณ์เคลื่อนที่จะลดอัตราการออกจากเว็บไซต์กลางคันและอัตราตีกลับ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Conversion และปรับปรุงประสิทธิภาพโฆษณาโดยรวมได้ วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มความเร็วในการโหลดคือสร้างหน้า Landing Page ด้วย AMP บทความนี้อธิบายวิธีใช้ AMP กับ Google Ads
โปรดเริ่มต้นโดยอ่านเกี่ยวกับ Accelerated Mobile Pages (AMP) เพื่อให้ทราบบริบทเพิ่มเติม
ก่อนเริ่มต้น
หน้าเว็บแบบ AMP โหลดได้เร็วและจะยิ่งเร็วขึ้นเมื่อใช้แคช AMP ของ Google ในปัจจุบัน การแสดงผลจากแคชใช้ได้กับโฆษณาแบบข้อความในเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ในอุปกรณ์เคลื่อนที่
ทำตามคำแนะนำทีละขั้นตอน
ใช้หลักเกณฑ์สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Google Ads เกี่ยวกับหน้า AMP เพื่อสร้างหน้า Landing Page เป็นเวอร์ชัน AMP (หรือเมื่อต้องการนำหน้า AMP ที่มีอยู่มาใช้เป็นหน้า Landing Page ของโฆษณา)
ตั้งค่า URL ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ใหม่
เมื่อสร้างเวอร์ชัน AMP ของหน้า Landing Page แล้ว คุณก็จะดำเนินการต่างๆ ได้เช่นเดียวกับหน้า Landing Page อื่นๆ สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ สำหรับโฆษณาแบบข้อความและคีย์เวิร์ด ให้เพิ่ม URL ของหน้า AMP เป็น URL อุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เห็นหน้าเว็บเวอร์ชันที่เร็วที่สุดที่มีเมื่อคลิกโฆษณา หน้า AMP จะโหลดจากเซิร์ฟเวอร์แคช AMP ของ Google เมื่อเป็นไปได้เพื่อให้โหลดได้เร็วขึ้น แต่เมื่อแสดงผลจากแคชไม่ได้ เราจะโหลดหน้า Landing Page แบบ AMP จากเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณซึ่งก็ยังคงเร็วกว่าหน้าเว็บที่ไม่ใช่แบบ AMP
เพิ่ม URL ของ AMP ลงในโฆษณาด้วยการแก้ไขเป็นกลุ่ม
เมื่อเขียนโค้ดให้หน้าเว็บแบบ AMP แล้ว คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงหน้า Landing Page ของโฆษณา คุณแก้ไขโฆษณาแบบเป็นกลุ่มได้ 3 วิธี ดังนี้
- Google Ads API
- เครื่องมือที่ใช้งานบนเดสก์ท็อป Google Ads Editor
- ฟีเจอร์อัปโหลดจำนวนมากภายใน Google Ads (เหมาะกับบัญชีขนาดเล็ก)
วิธีใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดจำนวนมากใน Google Ads
-
ดาวน์โหลดโฆษณาที่แก้ไขได้จาก Google Ads
-
เพิ่ม URL ของ AMP สำหรับหน้า Landing Page สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
-
อัปโหลดโฆษณาที่แก้ไขแล้วกลับเข้าไปในบัญชี Google Ads
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้วยการอัปโหลดหลายรายการพร้อมกัน
หมายเหตุ: ตรวจสอบว่า URL อุปกรณ์เคลื่อนที่นำไปยังโดเมนของคุณ (เช่น https://example.com/page_amp.html) แทนที่จะไปที่เซิร์ฟเวอร์แคช AMP ของ Google ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้
- https://www.google.com/amp/s/example.com
- https://cdn.ampproject.org/c/s/example.com
- https://example-com.cdn.ampproject.org/example.com/amp.html
ตรวจสอบว่าหน้า AMP ถูกต้อง
ระบบจะไม่แคชหน้าเว็บที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ AMP ซึ่งจะทำให้โหลดได้ช้ากว่าหน้าที่แคชและทำงานได้ไม่ดีนัก โปรดตรวจสอบว่าหน้าเว็บทุกหน้าถูกต้องโดยใช้ (หรือสนับสนุนให้นักพัฒนาเว็บใช้) เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของ AMP แม้ว่าคุณควรใช้เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของ AMP ในการพัฒนาหน้าเว็บ แต่เราขอแนะนำให้ตรวจหาหน้าแบบ AMP ที่ไม่ถูกต้องจากในบัญชี Google Ads ด้วย โดยทำดังนี้
-
เลือกหน้า Landing Page จากเมนูหน้าเว็บสีน้ำเงินของบัญชี Google Ads
-
ตรวจสอบคอลัมน์ "อัตราการคลิก AMP ที่ถูกต้อง"
ใช้การติดตามอย่างเหมาะสม
ใช้พารามิเตอร์ของ URL ที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อให้ผู้เข้าชมเข้าสู่หน้าเว็บโดยเร็วที่สุด และควรใส่พารามิเตอร์ที่ไม่ได้ใช้ในการปรับแต่งเนื้อหาของหน้า Landing Page หลังจากพารามิเตอร์ {ignore} เพื่อให้โฆษณามีแนวโน้มที่จะแสดงผลจากเซิร์ฟเวอร์แคช AMP ที่รวดเร็วของ Google
โฆษณา AMPHTML
นอกจากการแสดงผลจากแคชสำหรับโฆษณาแบบข้อความแล้ว คุณยังใช้หลักการของ AMP ได้โดยสร้างโฆษณา AMPHTML โฆษณาเหล่านี้ช่วยมอบประสบการณ์ในการใช้งานโฆษณาที่รวดเร็วขึ้น ลดภาระของระบบได้มากขึ้น และปลอดภัยขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม นอกจากนี้คุณยังแสดงโฆษณา AMPHTML ได้ทั้งในหน้าแบบ AMP และหน้าที่ไม่ใช่แบบ AMP ด้วย ประโยชน์ของการใช้โฆษณา AMPHTML มีดังนี้
-
โฆษณา AMPHTML เร็วกว่าโฆษณาปกติในหน้า AMP ทำให้โฆษณาได้แสดงมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดี
-
กรอบการทำงานของ AMP ช่วยรับประกันว่าโฆษณาเหล่านี้จะทำงานตามที่กำหนดไว้เท่านั้นเพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์
-
โฆษณา AMPHTML ต้องได้รับการยืนยันก่อนที่จะแสดงจึงช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับมัลแวร์และช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เมื่อผู้ใช้มีส่วนร่วมกับโฆษณา
