ตั้งค่าการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack

พารามิเตอร์ ValueTrack นั้นใช้เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการคลิกโฆษณา การเพิ่มพารามิเตอร์เหล่านี้ลงในโฆษณาและแคมเปญจะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ที่คลิกโฆษณานั้นได้คลิกในอุปกรณ์เคลื่อนที่ใช่หรือไม่ ผู้ที่คลิกโฆษณานั้นอยู่ที่ใด คลิกโฆษณาเมื่อใด และอื่นๆ

บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนที่คุณต้องปฏิบัติตามเพื่อเพิ่มพารามิเตอร์ ValueTrack ใน "ตัวเลือก URL" เราขอแนะนำให้ใช้พารามิเตอร์ ValueTrack ในเทมเพลตการติดตาม และคุณยังแทรกพารามิเตอร์เหล่านี้ใน URL สุดท้ายและพารามิเตอร์ที่กำหนดเองได้

หมายเหตุ: รหัส ValueTrack เป็นรหัสแบบ 64 บิต

ก่อนเริ่มต้น

หากไม่คุ้นเคยกับพารามิเตอร์ ValueTrack หรือวิธีการทำงานของการติดตาม ให้ลองอ่านบทความต่อไปนี้


วิธีการทำงาน

เทมเพลตการติดตามที่ระดับบัญชี แคมเปญ หรือกลุ่มโฆษณาจะต้องมี พารามิเตอร์ ValueTrack ที่แทรก URL สุดท้าย เช่น {lpurl} เมื่อมีผู้คลิกโฆษณา พารามิเตอร์เหล่านี้จะแทรก URL สุดท้าย หากคุณไม่ได้รวมพารามิเตอร์การแทรก URL ไว้ในเทมเพลตการติดตาม URL ของหน้า Landing Page จะไม่สมบูรณ์

หากต้องการเพิ่มพารามิเตอร์ ValueTrack มากกว่า 1 รายการลงใน URL เดี่ยว ให้นำมาใส่ต่อท้าย URL หลังเครื่องหมายและ (&) เช่น {lpurl}?matchtype={matchtype}&device={device}

หมายเหตุ: โฆษณา Search แบบไดนามิกและเป้าหมายอัตโนมัติต้องมีพารามิเตอร์ ValueTrack ที่แทรก URL สุดท้าย (เช่น {lpurl}, {lpurl}, {lpurl}) ไว้ทุกระดับ


วิธีการ

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิกแล้วทําวิธีการตั้งค่าด้านล่าง
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับแคมเปญ
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกแคมเปญ
  4. คลิกแท็บการตั้งค่าที่ด้านบน และเลือก "การตั้งค่าแคมเปญ"
  5. เพิ่มคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ลงในตารางของคุณ
    1. คลิกไอคอนคอลัมน์ รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads เหนือตารางสถิติแล้วคลิกแก้ไขคอลัมน์
    2. ขยายตัวเลือก "แอตทริบิวต์" และคลิกเทมเพลตการติดตาม
    3. คลิกใช้
  6. ใช้แถบเลื่อนแนวนอนด้านล่างเพื่อเลื่อนดูตาราง เพื่อหาคอลัมน์ที่เพิ่ม
  7. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือรายการใดก็ได้ในคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม"
  8. คลิกไอคอนดินสอ Edit เมื่อปรากฏขึ้น
  9. แก้ไขเทมเพลตการติดตาม หรือป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการใช้พารามิเตอร์ {matchtype} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?matchtype={matchtype}
  10. คลิกทดสอบเพื่อทดสอบเทมเพลตการติดตาม
  11. คลิกบันทึก
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับกลุ่มโฆษณา
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกกลุ่มโฆษณา
  4. เพิ่มคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ลงในตารางของคุณ
    1. คลิกไอคอนคอลัมน์ รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads เหนือตารางสถิติแล้วคลิกแก้ไขคอลัมน์
    2. ขยายตัวเลือก "แอตทริบิวต์" และคลิกเทมเพลตการติดตาม
    3. คลิกใช้
  5. ใช้แถบเลื่อนแนวนอนด้านล่างเพื่อเลื่อนดูตาราง เพื่อหาคอลัมน์ที่เพิ่ม
  6. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือรายการใดก็ได้ในคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม"
  7. คลิกไอคอนดินสอ Edit เมื่อปรากฏขึ้น
  8. แก้ไขเทมเพลตการติดตาม หรือป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการใช้พารามิเตอร์ {matchtype} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?matchtype={matchtype}
  9. คลิกทดสอบเพื่อทดสอบเทมเพลตการติดตาม
  10. คลิกบันทึก
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับโฆษณา
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกโฆษณา
  4. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือโฆษณา
  5. คลิกไอคอนดินสอ Edit เมื่อปรากฏขึ้น แล้วคลิกแก้ไข
  6. ขยาย "ตัวเลือก URL ของโฆษณา"
  7. แก้ไขเทมเพลตการติดตาม หรือป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการใช้พารามิเตอร์ {matchtype} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?matchtype={matchtype}
  8. คลิกทดสอบเพื่อทดสอบเทมเพลตการติดตาม
  9. คลิกบันทึก
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับไซต์ลิงก์
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงานในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกชิ้นงาน
  4. คลิกลิงก์ "ประเภทชิ้นงาน" แล้วเลือกไซต์ลิงก์
  5. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือชิ้นงานแล้วคลิกไอคอนดินสอ Edit เมื่อปรากฏขึ้น
  6. คลิกแก้ไข แล้วขยายตัวเลือก URL ของไซต์ลิงก์
  7. แก้ไขเทมเพลตการติดตาม หรือป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการใช้พารามิเตอร์ {matchtype} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?matchtype={matchtype}
  8. คลิกทดสอบเพื่อทดสอบเทมเพลตการติดตาม
  9. คลิกบันทึก
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับคีย์เวิร์ด
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในเมนูส่วน แล้วคลิกคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Search
  3. เพิ่มคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ลงในตารางของคุณ
    1. คลิกไอคอนคอลัมน์ รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads เหนือตารางสถิติแล้วคลิกแก้ไขคอลัมน์
    2. ขยายตัวเลือก "แอตทริบิวต์" และคลิกเทมเพลตการติดตาม
    3. คลิกใช้
  4. ใช้แถบเลื่อนแนวนอนด้านล่างเพื่อเลื่อนดูตาราง เพื่อหาคอลัมน์ที่เพิ่ม
  5. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือรายการใดก็ได้ในคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ใหม่ และคลิกเมื่อไอคอนดินสอ Edit ปรากฏขึ้น
  6. ป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการพารามิเตอร์ {matchtype} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?matchtype={matchtype}
  7. คลิกบันทึก
ตั้งค่าหรือแก้ไขเทมเพลตการติดตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ในระดับเป้าหมายโฆษณาแบบไดนามิก
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหา แล้วคลิกเป้าหมายโฆษณาแบบไดนามิก ในเมนูหน้าเว็บ
    หมายเหตุ: คุณอาจต้องคลิก "+ เพิ่มเติม" ที่ด้านล่างของเมนูหน้าเว็บเพื่อดู "เป้าหมายโฆษณาแบบไดนามิก"
  3. เพิ่มคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ลงในตารางของคุณ
    1. คลิกไอคอนคอลัมน์ รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads เหนือตารางสถิติแล้วคลิกแก้ไขคอลัมน์
    2. ขยายตัวเลือก "แอตทริบิวต์" และคลิกเทมเพลตการติดตาม
    3. คลิกใช้
  4. ใช้แถบเลื่อนแนวนอนด้านล่างเพื่อเลื่อนดูตาราง เพื่อหาคอลัมน์ที่เพิ่ม
  5. เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือรายการใดก็ได้ในคอลัมน์ "เทมเพลตการติดตาม" ใหม่ และคลิกเมื่อไอคอนดินสอ Edit ปรากฏขึ้น
  6. ป้อน {lpurl} เครื่องหมายคำถาม แล้วตามด้วยพารามิเตอร์ ValueTrack ใดก็ได้ที่ต้องการใช้ โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) เช่น หากต้องการพารามิเตอร์ {targetid} เทมเพลตการติดตามก็จะเป็น {lpurl}?targetid={targetid}
  7. คลิกบันทึก

เคล็ดลับ: หลีกเลี่ยงการเว้นวรรคใน URL เนื่องจากการเว้นวรรคจะทำให้ URL "พัง" และการติดตามจะไม่ทำงาน

คุณอาจเห็นว่ามี %20 ปรากฏขึ้นในข้อมูลแทนที่การเว้นวรรคระหว่างคำ เช่น เมื่อคุณมีคีย์เวิร์ดที่เกิดจาก 2 คำ %20 จะแทนที่การเว้นวรรคเพื่อให้ URL ทำงานต่อไปได้อย่างถูกต้อง


พารามิเตอร์ ValueTrack ที่ใช้ได้

URL สุดท้าย เทมเพลตการติดตาม หรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเอง

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{campaignid} รหัสแคมเปญ (ใช้เมื่อคุณตั้งค่าข้อมูลการติดตามที่ระดับบัญชีแล้ว และต้องการทราบว่าแคมเปญใดแสดงโฆษณาของคุณ)
{adgroupid} รหัสกลุ่มโฆษณา (ใช้เมื่อคุณตั้งค่าข้อมูลการติดตามที่ระดับบัญชีหรือแคมเปญแล้ว และต้องการทราบว่ากลุ่มโฆษณาใดแสดงโฆษณาของคุณ)
{feeditemid}

รหัสชิ้นงานตามฟีดหรือชิ้นงานเดิมซึ่งมีผู้คลิก อัปเดต URL เพื่อรองรับ ValueTrack ของชิ้นงานที่อัปเกรดสําหรับการอัปเกรดชิ้นงาน

หมายเหตุ: {feeditemid} ไม่พร้อมใช้งานสําหรับโฆษณา Display

{extensionid}

รหัสชิ้นงานตามฟีดหรือชิ้นงานที่อัปเกรดซึ่งมีผู้คลิก อัปเดต URL เพื่อรองรับ ValueTrack ของชิ้นงานที่อัปเกรดสําหรับการอัปเกรดชิ้นงาน

หมายเหตุ: {extensionid} ไม่พร้อมใช้งานสําหรับโฆษณา Display

{targetid}

รหัสของคีย์เวิร์ด (มีป้ายกำกับ "kwd") เป้าหมายโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาแบบไดนามิก ("dsa") เป้าหมายรายการรีมาร์เก็ตติ้ง ("aud") การแบ่งส่วนผลิตภัณฑ์ ("pla") หรือพาร์ติชันกลุ่มโรงแรม ("hpi") ที่เรียกให้โฆษณาแสดง

สำหรับรหัสเป้าหมายหลายรายการ เอาต์พุตจะแสดงตามลำดับต่อไปนี้ "aud, dsa, kwd, pla, hpi" เช่น หากคุณเพิ่มรายการรีมาร์เก็ตติ้งลงในกลุ่มโฆษณา (รหัสเกณฑ์ "456") และกำหนดเป้าหมายรหัสคีย์เวิร์ด "123" {targetid} ก็จะแทนที่ด้วย "aud-456:kwd-123"

หมายเหตุ: {targetid} ไม่รวมผู้สนใจและกลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อ

{loc_interest_ms} รหัสของสถานที่ที่สนใจซึ่งช่วยเรียกให้โฆษณาแสดง ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งค้นหาสถานที่เป้าหมายของคุณ
{loc_physical_ms} รหัสสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของการคลิก ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งอยู่ในสถานที่เป้าหมายของคุณ
{matchtype} ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดที่เรียกให้โฆษณาแสดง โดย "e" แทนการทำงานแบบตรงทั้งหมด "p" แทนการทำงานแบบวลี หรือ "b" แทนการทำงานแบบกว้าง
{network} แหล่งที่มาของการคลิก ซึ่งได้แก่ "g" คือ Google Search, "s" คือพาร์ทเนอร์ Search, "d" คือเครือข่าย Display, "ytv" คือ YouTube, หรือ "vp" คือพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google
{device} อุปกรณ์แหล่งที่มาของคลิก โดย "m" แทนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (รวมถึง WAP) "t" แทนแท็บเล็ต และ "c" แทนคอมพิวเตอร์
{devicemodel}

รุ่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่เป็นแหล่งที่มาของคลิก (เช่น "Apple+iPhone")

หมายเหตุ: ใช้ได้เฉพาะในแคมเปญบนเครือข่ายดิสเพลย์เท่านั้น

{gclid} หมายเลขระบุคลิกของ Google ของคลิกที่มาจากโฆษณา
{ifmobile:[value]} ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากโทรศัพท์มือถือ
{ifnotmobile:[value]} ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต
{ifsearch:[value]} ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากไซต์ในเครือข่ายการค้นหาของ Google
{ifcontent:[value]} ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากไซต์ในเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google
{creative} รหัสที่ไม่ซ้ำกันของโฆษณา
{keyword}

สำหรับเครือข่าย Search: คีย์เวิร์ดจากบัญชีของคุณที่ตรงกับข้อความค้นหา นอกจากคุณจะใช้โฆษณา Search แบบไดนามิก ซึ่งจะส่งคืนค่าว่างเปล่า

สำหรับเครือข่ายดิสเพลย์: คีย์เวิร์ดจากบัญชีของคุณที่ตรงกับเนื้อหา

{placement} เว็บไซต์เนื้อหาที่โฆษณาของคุณได้รับคลิก (สำหรับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายจากคีย์เวิร์ด) หรือเกณฑ์การกำหนดเป้าหมายจากตำแหน่งที่ตรงสำหรับเว็บไซต์ที่โฆษณาได้รับคลิก (สำหรับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายจากตำแหน่ง)
{target} หมวดหมู่ตำแหน่ง (ทำงานกับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายจากตำแหน่งเท่านั้น)
{param1} พารามิเตอร์โฆษณา #1 หากใช้ AdParamService กับ Google Ads API (AdWords API)
{param2} พารามิเตอร์โฆษณา #2 หากใช้ AdParamService กับ Google Ads API (AdWords API)
{random} หมายเลขที่ Google สร้างให้ด้วยการสุ่ม (จำนวนเต็ม 64 บิตแบบไม่มีเครื่องหมาย) ซึ่งมักจะใช้เพื่อบังคับให้โหลดหน้าซ้ำ
{ignore} ไม่สนใจองค์ประกอบการติดตามของ URL สุดท้ายของคุณเพื่อช่วยลดปริมาณการรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์ สามารถใช้ได้เฉพาะใน URL สุดท้ายหรือ URL สุดท้ายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น
เทมเพลตการติดตามเท่านั้น

แนะนำ

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{lpurl}

URL สุดท้าย จะมีการใช้อักขระหลีก เว้นแต่คุณจะวาง {lpurl} ที่ส่วนต้นของเทมเพลตการติดตาม หาก {lpurl}ไม่ได้อยู่ด้านหน้าสุดของเทมเพลตการติดตาม จะมีการใช้อักขระหลีกกับ ?, =, ", #, \t, ' และ [space]

ตัวอย่าง

URL สุดท้าย: http://example.com

เทมเพลตการติดตาม: {lpurl}?matchtype={matchtype}

URL ของหน้า Landing Page: http://example.com?matchtype={matchtype}

ขั้นสูง

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{lpurl+2} URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 2 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน
{lpurl+3} URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 3 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน
{unescapedlpurl} URL สุดท้าย ไม่กำหนดเป็นอักขระหลีก
{escapedlpurl} URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก กำหนดเป็นอักขระหลีก :, /, ?, = และ %
{escapedlpurl+2} URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 2 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน
{escapedlpurl+3} URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 3 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน

หากต้องการใช้พารามิเตอร์ ValueTrack เหล่านี้ร่วมกับพารามิเตอร์ URL อื่นๆ ในเทมเพลตการติดตาม ให้ต่อท้ายพารามิเตอร์ ValueTrack ด้วยอักขระต่อไปนี้ มิฉะนั้น เว็บไซต์ของคุณหรือระบบของบุคคลที่สามอาจบันทึกข้อมูลจากพารามิเตอร์ URL ของคุณอย่างไม่ถูกต้อง

พารามิเตอร์ ตำแหน่งในเทมเพลตการติดตาม ตามด้วย ตัวอย่าง
{lpurl} ตอนเริ่มต้น ? {lpurl}?
{lpurl} ไม่ได้อยู่ด้านหน้า %3F {lpurl}%3F
{lpurl+2} ไม่ได้อยู่ด้านหน้า %253F {lpurl+2}%253F
{lpurl+3} ไม่ได้อยู่ด้านหน้า %25253F {lpurl+3}%25253F
{unescapedlpurl} ทุกที่ ? {unescapedlpurl}?
{escapedlpurl} ทุกที่ %3F {escapedlpurl}%3F
{escapedlpurl+2} ทุกที่ %253F {escapedlpurl+2}%253F
{escapedlpurl+3} ทุกที่ %25253F {escapedlpurl+3}%25253F

หาก URL สุดท้ายมีเครื่องหมายคำถามอยู่แล้ว Google Ads จะแทนที่เครื่องหมายคำถามในเทมเพลตการติดตามด้วยเครื่องหมาย "และ" (&) หรือเวอร์ชันที่ใช้อักขระหลีกของ & อย่างถูกต้อง

URL สุดท้ายเท่านั้น

พารามิเตอร์ การทำงาน
{ignore} ไม่สนใจองค์ประกอบการติดตามของ URL สุดท้ายของคุณเพื่อช่วยลดปริมาณการรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์ สามารถใช้ได้เฉพาะใน URL สุดท้ายหรือ URL สุดท้ายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น เช่น หาก URL สุดท้ายคือ http://www.example.com/product?p1=a&p2=b&p3=c&p4=d และข้อมูลการติดตามที่อยู่หลังเครื่องหมายคำถามใน URL ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหน้า Landing Page คุณก็สามารถแทรก http://www.example.com/product?p1=a&p2=b&p3=c&p4=d ไว้หน้าข้อมูลการติดตามได้เพื่อระบุว่าทุกอย่างหลังจากนี้เป็นเพียงข้อมูลการติดตาม ดังตัวอย่างเช่น http://www.example.com/product?p1=a&p2=b&p3=c&p4=d

ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรทราบเมื่อใช้ {ignore}

ตัวอย่าง

URL สุดท้าย: http://www.example.com/product?p1=a&p2=b&p3=c&p4=d

ข้อมูลการติดตาม: p1=a&p2=b&p3=c&p4=d

หากข้อมูลการติดตามหลังเครื่องหมายคำถามใน URL ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหน้า Landing Page คุณก็สามารถแทรก {ignore} ไว้หน้าข้อมูลการติดตามได้เพื่อระบุว่าทุกอย่างหลังจากนี้เป็นเพียงข้อมูลการติดตาม

URL สุดท้ายที่มี {ignore}

http://www.example.com/product?{ignore}p1=a&p2=b&p3=c&p4=d

แคมเปญ Shopping เท่านั้น

คุณสามารถใช้พารามิเตอร์ต่อไปนี้กับโฆษณา Product Shoping

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{adtype}

สำหรับโฆษณา Product Shopping จะส่งคืนค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้

  • "pla" ถ้าคลิกมาจากโฆษณา Shopping
  • "pla_multichannel" ถ้าโฆษณา Shopping ที่คลิกมีตัวเลือกช่องทางการช็อปปิ้งทั้ง "online" และ "local"

  • "pla_with_promotion" หากโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิกแสดงโปรโมชันของผู้ขาย

  • "pla_with_pog" หากคลิกมาจากการซื้อในโฆษณา Shopping ที่ Google เปิดใช้

{merchant_id} รหัสบัญชี Merchant Center ที่เป็นเจ้าของโดยตรงของโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิก
{product_channel} ประเภทช่องทางช็อปปิ้ง ("online" หรือ "local") ที่ได้ขายผลิตภัณฑ์ที่แสดงในโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิก ถ้าโฆษณามีตัวเลือกสำหรับช่องทางการช็อปปิ้งทั้ง 2 ช่องทาง {product_channel} จะแสดงประเภทช่องทางที่มีการคลิก (“online” หรือ “local”) และ {adtype} จะแสดง “pla_multichannel”
{product_id} รหัสของผลิตภัณฑ์ที่แสดงในโฆษณาที่ได้รับคลิก ดังที่ระบุในฟีดข้อมูลของ Merchant Center
{product_country} ประเทศที่ขายผลิตภัณฑ์ในโฆษณาที่ได้รับคลิก
{product_language} ภาษาของข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังที่ระบุในฟีดข้อมูล Merchant Center
{product_partition_id} รหัสที่ไม่ซ้ำของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคลิกอยู่
{store_code} สำหรับผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นในแคมเปญ Shopping คุณจะเห็นรหัสที่ไม่ซ้ำกันของร้านค้าในท้องถิ่น พารามิเตอร์นี้มีจำนวนอักขระสูงสุดอยู่ที่ 60 ตัว

แคมเปญวิดีโอเท่านั้น

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{adgroupid} รหัสกลุ่มโฆษณา (ใช้เมื่อคุณตั้งค่าข้อมูลการติดตามที่ระดับบัญชีหรือแคมเปญแล้ว และต้องการทราบว่ากลุ่มโฆษณาใดแสดงโฆษณาของคุณ)
{campaignid} รหัสแคมเปญ (ใช้เมื่อคุณตั้งค่าข้อมูลการติดตามที่ระดับบัญชีแล้ว และต้องการทราบว่าแคมเปญใดแสดงโฆษณาของคุณ)
{creative} รหัสที่ไม่ซ้ำกันของโฆษณา
{device} อุปกรณ์แหล่งที่มาของคลิก โดย "m" แทนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (รวมถึง WAP) "t" แทนแท็บเล็ต และ "c" แทนคอมพิวเตอร์
{loc_interest_ms} รหัสของสถานที่ที่สนใจซึ่งช่วยเรียกให้โฆษณาแสดง ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งค้นหาสถานที่เป้าหมายของคุณ
{loc_physical_ms} รหัสสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของการคลิก ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งอยู่ในสถานที่เป้าหมายของคุณ
{network}
{placement} เว็บไซต์เนื้อหาที่โฆษณาของคุณได้รับคลิก (สำหรับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายจากคีย์เวิร์ด) หรือเกณฑ์การกำหนดเป้าหมายจากตำแหน่งที่ตรงสำหรับเว็บไซต์ที่โฆษณาได้รับคลิก (สำหรับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายจากตำแหน่ง)
{sourceid}

แคมเปญโรงแรมเท่านั้น

พารามิเตอร์ ค่าที่ส่งคืน
{hotelcenter_id} รหัสของบัญชี Hotel Center ที่ลิงก์กับแคมเปญซึ่งจะสร้างโฆษณาเมื่อมีการคลิก
{hotel_id} รหัสโรงแรมของโรงแรมจากฟีดโรงแรมของบัญชีที่เชื่อมโยง
{hotel_partition_id} รหัสที่ไม่ซ้ำกันของกลุ่มโรงแรมที่มีโฆษณาโรงแรมที่ได้รับคลิกอยู่
{hotel_adtype}
  • แสดงโรงแรมหากมีการคลิกโฆษณาโรงแรม
  • แสดงห้องพักหากมีการคลิกโฆษณาแพ็กเกจห้องพัก
{travel_start_day} {travel_start_month} {travel_start_year} วัน เดือน ปีของวันที่เช็คอินซึ่งแสดงในโฆษณา
{travel_end_day} {travel_end_month} {travel_end_year} วัน เดือน ปีของวันที่เช็คเอาต์ซึ่งแสดงในโฆษณา
{advanced_booking_window} จํานวนวันระหว่างวันที่คลิกโฆษณากับวันที่เช็คอิน (เช่น "3" ในกรณีที่มีผู้คลิกโฆษณาในวันที่ 5 มิถุนายน และมีวันที่เช็คอินเป็นวันที่ 8 มิถุนายน)
{date_type}
  • “default” หาก Google เป็นผู้เลือกวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุด (เพื่อแสดงราคาต่อผู้ใช้)
  • "selected" หากผู้ใช้ปลายทางเป็นผู้เลือกวันที่ในตัวเลือกวันที่เอง
{number_of_adults} จํานวนผู้ใหญ่ที่จะเข้าพักในห้องที่แสดงในโฆษณา
{price_displayed_total} ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของห้องที่แสดงต่อผู้ใช้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นของผู้ใช้
{price_displayed_tax} จํานวนภาษีและค่าธรรมเนียมที่แสดงต่อผู้ใช้ในสกุลเงินท้องถิ่นของผู้ใช้
{user_currency} รหัสสกุลเงิน 3 ตัวอักษรที่ระบุสกุลเงินท้องถิ่นของผู้ใช้ รวมถึงสกุลเงินของ {price_displayed_total} และ {price_displayed_tax} ด้วย เช่น "USD" หรือ "CAD"
{user_language} รหัสภาษาแบบ 2 ตัวอักษรที่ระบุภาษาที่แสดงในโฆษณา เช่น "en" หรือ "fr"
{adtype} ประเภทของโฆษณาการท่องเที่ยวที่ผู้ใช้คลิก
  • “travel_booking” หากผู้ใช้คลิกที่โมดูลการจอง
  • “travel_promoted” หากผู้ใช้คลิกในโฆษณาโปรโมชันที่พัก
{rate_rule_id} ตัวระบุของราคาพิเศษที่ผู้ใช้คลิก ผู้ลงโฆษณาการท่องเที่ยวสามารถใช้ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์กับผู้ใช้บางราย (เช่น สมาชิกในโปรแกรม) อุปกรณ์ที่เจาะจง (เช่น ส่วนลดสําหรับผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่) และบางประเทศได้

แคมเปญโฆษณา Demand Gen

โฆษณา Demand Gen ไม่รองรับพารามิเตอร์ ValueTrack ต่อไปนี้

  • {placement}
  • {target}
  • {keyword}
  • {ifsearch:[value]}
  • {ifcontent:[value]}
  • {network}

ดูค่าที่รองรับได้จากพารามิเตอร์ ValueTrack ที่ใช้ได้

แคมเปญ Performance Max

แคมเปญ Performance Max รองรับพารามิเตอร์ ValueTrack บางรายการโดยสมบูรณ์ พารามิเตอร์ที่มีการรองรับแบบจํากัดจะใช้กับช่องทางหรือรูปแบบโฆษณาบางรายการในแคมเปญเท่านั้น

พารามิเตอร์ ความเข้ากันได้ ค่าที่ส่งคืน
{adtype} รองรับแบบจำกัด ประเภทของโฆษณาที่ผู้ใช้คลิก
  • "pla" ถ้าคลิกมาจากโฆษณา Shopping
  • "pla_multichannel" ถ้าโฆษณา Shopping ที่คลิกมีตัวเลือกช่องทางการช็อปปิ้งทั้ง "online" และ "local"
  • "pla_with_promotion" หากโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิกแสดงโปรโมชันของผู้ขาย
  • "pla_with_pog" หากคลิกมาจากการซื้อในโฆษณา Shopping ที่ Google เปิดใช้
{campaignid} รองรับโดยสมบูรณ์ รหัสแคมเปญ (ใช้เมื่อคุณตั้งค่าข้อมูลการติดตามที่ระดับบัญชีแล้ว และต้องการทราบว่าแคมเปญใดแสดงโฆษณาของคุณ)
{device} รองรับโดยสมบูรณ์ อุปกรณ์แหล่งที่มาของคลิก โดย "m" แทนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (รวมถึง WAP) "t" แทนแท็บเล็ต และ "c" แทนคอมพิวเตอร์
{gclid} รองรับแบบจำกัด หมายเลขระบุคลิกของ Google ของคลิกที่มาจากโฆษณา
{ifmobile:[value]} รองรับโดยสมบูรณ์ ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากโทรศัพท์มือถือ
{ifnotmobile:[value]} รองรับโดยสมบูรณ์ ค่าใดก็ตามที่คุณกำหนดให้กับ "[value]" เมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณจากคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต
{loc_interest_ms} รองรับโดยสมบูรณ์ รหัสของสถานที่ที่สนใจซึ่งช่วยเรียกให้โฆษณาแสดง ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งค้นหาสถานที่เป้าหมายของคุณ
{loc_physical_ms} รองรับโดยสมบูรณ์ รหัสสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของการคลิก ดูรหัสสถานที่ตั้งในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รายงานเฉพาะสำหรับแคมเปญที่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ซึ่งอยู่ในสถานที่เป้าหมายของคุณ
{lpurl} รองรับโดยสมบูรณ์

URL สุดท้าย จะมีการใช้อักขระหลีก เว้นแต่คุณจะวาง {lpurl} ที่ส่วนต้นของเทมเพลตการติดตาม หาก {lpurl} ไม่ได้อยู่ด้านหน้าสุดของเทมเพลตการติดตาม จะมีการใช้อักขระหลีกกับ ?, =, ", #, \t, ' และ [space]

ตัวอย่าง

URL สุดท้าย: http://example.com

เทมเพลตการติดตาม: {lpurl}?matchtype={matchtype}

URL ของหน้า Landing Page: http://example.com?matchtype={matchtype}

{lpurl+2} รองรับโดยสมบูรณ์ URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 2 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน
{lpurl+3} รองรับโดยสมบูรณ์ URL สุดท้าย กำหนดเป็นอักขระหลีก 3 ครั้ง มีประโยชน์เมื่อคุณมีการเปลี่ยนเส้นทางต่อๆ กัน
{merchant_id} รองรับแบบจำกัด รหัสบัญชี Merchant Center ที่เป็นเจ้าของโดยตรงของโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิก
{product_channel} รองรับแบบจำกัด ประเภทช่องทางช็อปปิ้ง ("online" หรือ "local") ที่ได้ขายผลิตภัณฑ์ที่แสดงในโฆษณา Shopping ที่ได้รับคลิก ถ้าโฆษณามีตัวเลือกสำหรับช่องทางการช็อปปิ้งทั้ง 2 ช่องทาง {product_channel} จะแสดงประเภทช่องทางที่มีการคลิก (“online” หรือ “local”) และ {product_channel} จะแสดง “pla_multichannel”
{product_country} รองรับแบบจำกัด ประเทศที่ขายผลิตภัณฑ์ในโฆษณาที่ได้รับคลิก
{product_id} รองรับแบบจำกัด รหัสของผลิตภัณฑ์ที่แสดงในโฆษณาที่ได้รับคลิก ดังที่ระบุในฟีดข้อมูลของ Merchant Center
{product_language} รองรับแบบจำกัด ภาษาของข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังที่ระบุในฟีดข้อมูล Merchant Center
{random} รองรับโดยสมบูรณ์ หมายเลขที่ Google สร้างให้ด้วยการสุ่ม (จำนวนเต็ม 64 บิตแบบไม่มีเครื่องหมาย) ซึ่งมักจะใช้เพื่อบังคับให้โหลดหน้าซ้ำ

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Drive Revenue with Optiscore

Want to improve account health and drive business goals? Learn from industry & Google experts on how to drive revenue with the help of Optimization Score & Auto Apply Recommendations.

Register Now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
2306469376868936569
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false