สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์

การใช้ Google Ads เพื่อการตลาดออนไลน์

ตอนนี้คุณก็ทราบข้อมูลเบื้องต้นและประโยชน์ของการตลาดออนไลน์ รวมถึงได้ประเมินความพร้อมของเว็บไซต์แล้ว ต่อไปเราจะแนะนำให้คุณรู้จักกับ Google Ads ซึ่งเป็นโปรแกรมโฆษณาออนไลน์ของ Google และตรวจสอบว่าโปรแกรมนี้เหมาะกับคุณ


Search advertising process

วิธีการทำงานของ Google Ads

โฆษณาของคุณอาจได้แสดงเมื่อมีผู้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ หรือขณะที่พวกเขาอยู่ในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ คุณลักษณะนี้ทำงานอย่างไร

คีย์เวิร์ดเชื่อมโยงคุณกับลูกค้า

คีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่คุณเลือกขณะที่สร้างแคมเปญ Google Ads เป็นคำที่คุณคิดว่าผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าน่าจะใช้เมื่อพวกเขาค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการแบบที่คุณนำเสนอ

ด้วยการจับคู่คำหลักกับโฆษณาที่คุณสร้างขึ้น โฆษณาของคุณจะมีโอกาสได้แสดงเมื่อมีคนค้นหาคำที่คล้ายกัน หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างเช่น หากคุณให้บริการจัดส่งดอกไม้สด คุณอาจใช้วลีจัดส่งดอกไม้สด เป็นคีย์เวิร์ดที่จับคู่กับโฆษณาที่โปรโมตการจัดส่งดอกไม้สด เมื่อมีผู้ค้นหาใน Google โดยใช้วลีว่าจัดส่งดอกไม้สดหรือคำที่คล้ายกัน โฆษณาของคุณก็อาจปรากฏติดกับผลการค้นหาของ Google หรือในเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งดอกไม้สด

ก้าวเข้าสู่การประมูลเพื่อแสดงโฆษณา

Google Ads มีวิธีพิจารณาเลือกโฆษณาที่ควรแสดงอย่างไร ขั้นตอนต่างๆ เกิดขึ้นในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาที่รวดเร็ว ซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้ค้นหาใน Google หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่แสดงโฆษณา

Steps in an Google ads auction

Google Ads จะคำนวณคะแนนที่เรียกว่า "ลำดับโฆษณา" ซึ่งใช้เพื่อระบุว่าโฆษณาของคุณมีสิทธิ์แสดงหรือไม่ และหากโฆษณานั้นมีสิทธิ์แสดง จะแสดงที่ใดบนหน้าเว็บ (หรือไม่แสดงเลย) โดยเทียบกับโฆษณาอื่นๆ ในการประมูลแต่ละครั้ง ระบบจะคำนวณลำดับโฆษณาครั้งที่ 1 เพื่อพิจารณาว่าโฆษณานั้นมีสิทธิ์แสดงหรือไม่ และคำนวณครั้งที่ 2 เพื่อพิจารณาว่าโฆษณาอยู่ในอันดับใดโดยเทียบกับโฆษณาอื่นๆ ที่มีสิทธิ์ เมื่อโฆษณาของคุณแข่งขันในการประมูล ลำดับโฆษณาของโฆษณาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการแข่งขัน บริบทการค้นหาของผู้ใช้ และคุณภาพโฆษณาในขณะนั้น การกำหนดลำดับโฆษณาขึ้นอยู่กับปัจจัย 6 ประการดังนี้

  • ราคาเสนอ - การกำหนดราคาเสนอเป็นการบอกให้ Google Ads รู้ว่าคุณยินดีจ่ายเงินสูงสุดเท่าใดสำหรับการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง ส่วนใหญ่แล้ว เงินที่คุณจ่ายจริงจะน้อยกว่าราคาเสนอ และคุณเปลี่ยนแปลงราคาเสนอได้ตลอดเวลา
  • คุณภาพของโฆษณาและหน้า Landing Page - Google Ads ยังตรวจสอบด้วยว่าโฆษณาและเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปมีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามากน้อยเพียงใด การประเมินคุณภาพของโฆษณาจะสรุปออกมาเป็นคะแนนคุณภาพซึ่งตรวจสอบและปรับปรุงได้ในบัญชี Google Ads
  • เกณฑ์ลำดับโฆษณา - เรากำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่โฆษณาจะต้องบรรลุจึงจะมีสิทธิ์แสดง ทั้งนี้เพื่อช่วยรับประกันคุณภาพของโฆษณา
  • ความสามารถในการแข่งขันของการประมูล - หากโฆษณา 2 รายการที่แข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเดียวกันมีลำดับโฆษณาใกล้เคียงกัน โฆษณาแต่ละรายการจะมีโอกาสชนะตำแหน่งดังกล่าวพอๆ กัน เมื่อโฆษณาของผู้ลงโฆษณา 2 รายอยู่ในลำดับที่ห่างกันมากขึ้น โฆษณาที่อยู่ในลำดับสูงกว่าจึงมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่า แต่ก็อาจต้องจ่ายต้นทุนต่อคลิกสูงขึ้นด้วยเพื่อเพิ่มความแน่นอนที่จะชนะ
  • บริบทในการค้นหาของผู้ใช้ - บริบทมีความสำคัญต่อการประมูลเพื่อแสดงโฆษณา เราคำนวณลำดับโฆษณาโดยตรวจสอบข้อความค้นหาที่ผู้ใช้ป้อน ตำแหน่งของผู้ใช้ขณะที่ค้นหา ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้ (เช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่หรือเดสก์ท็อป) เวลาที่ทำการค้นหา ลักษณะของข้อความค้นหา โฆษณาและผลการค้นหาอื่นที่แสดงในหน้าเว็บนั้น ตลอดจนสัญญาณและแอตทริบิวต์อื่นๆ ของผู้ใช้
  • ผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับจากชิ้นงานโฆษณาและโฆษณารูปแบบอื่นๆ - เมื่อสร้างโฆษณา คุณสามารถใส่ข้อมูลเพิ่มเติมลงในโฆษณา เช่น หมายเลขโทรศัพท์ หรือลิงก์อื่นๆ ที่จะพาไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการได้ ข้อมูลเหล่านี้เรียกว่าชิ้นงานโฆษณา Google Ads จะประมาณการว่าชิ้นงานและรูปแบบโฆษณาอื่นๆ ที่คุณใช้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของโฆษณาอย่างไร

สุดท้ายแล้วคุณต้องจ่ายเงินเท่าใด

หากใช้การเสนอราคาต้นทุนต่อคลิก (CPC) คุณจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีผู้สนใจโฆษณามากพอที่จะคลิกและเยี่ยมชมเว็บไซต์ คุณบอก Google Ads ว่าคุณยินดีจ่ายสูงสุดเท่าใดสำหรับ 1 คลิกบนโฆษณา (เรียกว่าการเสนอราคาด้วยต้นทุนสูงสุดต่อคลิก) แต่คุณอาจจ่ายน้อยกว่านั้น

คุณเป็นผู้ควบคุมงบประมาณ Google Ads โดยกำหนดจำนวนเงินเฉลี่ยที่ต้องการใช้จ่ายในแต่ละวัน ในวันที่โฆษณาของคุณได้รับความนิยมมากกว่าปกติ Google Ads จะอนุญาตให้ใช้จ่ายมากกว่างบประมาณรายวันเฉลี่ยถึง 2 เท่าเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดคลิกที่มีคุณค่าเหล่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะในเดือนหนึ่งๆ ระบบจะไม่เรียกเก็บเงินคุณเกินกว่างบประมาณรายวันเฉลี่ยคูณด้วยจำนวนวันโดยเฉลี่ยใน 1 เดือน (30.4)

สำหรับแคมเปญที่หยุดไว้ชั่วคราวในช่วงกลางเดือน หรือแคมเปญที่ไม่ได้ทำงานเต็มเดือน คุณอาจเห็นความแตกต่างระหว่างงบประมาณรายวันโดยเฉลี่ยกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด

สำหรับแคมเปญที่คุณจ่ายสำหรับ Conversion ค่าใช้จ่ายรายวันอาจเกินงบประมาณรายวันเฉลี่ยไปมากกว่า 2 เท่าได้

ตอนนี้คุณก็รู้วิธีการทำงานของ Google Ads แล้ว ต่อไปเราจะมาดูว่าโปรแกรมนี้เหมาะกับคุณหรือไม่

ตัวเลือกการตลาดออนไลน์แบบใดเหมาะกับคุณ

เมื่อโฆษณากับ Google Ads คุณกำลังลงทุนทางการเงินในธุรกิจ แต่การที่จะประสบความสำเร็จ เงินอย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องทุ่มเทเวลาให้กับการตรวจดูบัญชี Google Ads อย่างสม่ำเสมอและทำการปรับจนกว่าจะพอใจกับผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย

ต่อไปนี้เป็นสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อจัดการบัญชี Google Ads ให้ประสบความสำเร็จ หากคุณคิดว่าตนเองมีเวลาหรืองบประมาณใน Google Ads ไม่เพียงพอก็ไม่ต้องกังวลไป เราจะแนะนำคุณให้รู้จักบริการอื่นๆ ของ Google ที่จะทำให้ธุรกิจได้แสดงต่อลูกค้าที่เหมาะสมโดยไม่เกินขีดจำกัดของคุณ

การลงทุนด้านเวลา

เผื่อเวลาในการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ระยะเวลาที่ใช้งานบัญชีจะแตกต่างกันออกไป แต่ควรเผื่อเวลาตั้งแต่ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อตรวจดูว่าโฆษณาและคีย์เวิร์ดของคุณมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร แล้วปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ในช่วงแรก คุณอาจใช้เวลาเรียนรู้กระบวนการมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับการเริ่มต้นใหม่สิ่งใหม่อื่นๆ เราขอแนะนำให้คุณดูคำแนะนำที่เหลืออีก 2 รายการในชุดนี้ ซึ่งจะอธิบายวิธีการสร้างแคมเปญ Google Ads ที่เหมาะสมตามเป้าหมาย และการติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์อย่างรวดเร็วที่สุด

หากคุณไม่มีเวลาตรวจสอบว่าการลงทุนให้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ ลองใช้หนึ่งในตัวเลือกที่ประหยัดเวลาเหล่านี้แทน

ให้ Smart Campaign จัดการให้คุณ

เฉพาะการจัดการธุรกิจอย่างเดียวก็เป็นงานเต็มเวลาอยู่แล้ว และ Smart Campaign ทำให้คุณมีเวลาทุ่มให้กับธุรกิจอย่างเต็มที่ด้วยการจัดการโฆษณาออนไลน์ให้โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้คุณใช้งบประมาณได้คุ้มค่ามากที่สุด เพียงบอกเราว่าคุณนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใด เขียนโฆษณาของคุณ กำหนดงบประมาณ แล้วปล่อยให้เราจัดการที่เหลือ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smart Campaign

เริ่มต้นใช้งาน Smart Campaign

ลงชื่อสมัครใช้

ค้นหาผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองเพื่อจัดการบัญชีของคุณ

Google Partners badge image ลองจ้าง Google Partner เพื่อจัดการบัญชี Google Ads ให้คุณ Google Partner คือเอเจนซี มืออาชีพด้านการตลาด และผู้เชี่ยวชาญในโลกออนไลน์ที่ผ่านการรับรองจาก Google ให้จัดการบัญชี Google Ads

Google Partner มีอยู่หลายพันรายทั่วโลก คุณสามารถค้นหา Partner ตามชื่อ หรือค้นหาตามสถานที่ตั้ง งบประมาณโฆษณา หรือประเภทบริการที่คุณต้องการให้ช่วยเหลือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีค้นหา Google Partner ที่เหมาะสม

การลงทุนด้านการเงิน

การลงทุนที่ดีต่างก็ต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลตอบแทน Google Ads ก็เช่นกัน ขอแนะนำให้คุณกันงบประมาณไว้สำหรับการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะขณะที่คุณขยายธุรกิจ

ใช้ Business Profile เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณได้แสดงใน Google Maps โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

หากคุณไม่พร้อมที่จะกันงบประมาณไว้หรือเพียงต้องการให้ธุรกิจแสดงในบริการของ Google มากขึ้น โปรดลองใช้ Business Profile

บริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายนี้จะให้คุณสร้างและจัดการข้อมูลธุรกิจใน Google Maps เพื่อให้ผู้ใช้เห็นธุรกิจของคุณเมื่อค้นหาใน Google นอกจากนี้ข้อมูลธุรกิจของคุณยังอาจปรากฏใน Google.com, Google Maps และ Google Earth เมื่อมีผู้ค้นหาชื่อหรือหมวดหมู่ธุรกิจของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Business Profile

หากต้องการใช้งาน Google Ads ต่อ เยี่ยมเลย ไปที่คำแนะนำต่อไปของเราในชุดนี้ สร้างแคมเปญเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่

ไปที่คู่มือถัดไป

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
16597595331882130291
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false