แคมเปญโฆษณา Search แบบไดนามิกที่มีอยู่อาจมีสิทธิ์อัปเกรดเป็น Performance Max ซึ่งจะช่วยให้คุณมีพื้นที่โฆษณาและรูปแบบเพิ่มเติมในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ผู้ลงโฆษณาที่อัปเกรดแคมเปญ DSA เป็น Performance Max พบว่า Conversion หรือมูลค่า Conversion เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 15% โดยมีต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำ (CPA) หรือผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) ใกล้เคียงกับของเดิม ดูวิธีอัปเกรดโฆษณา Search แบบไดนามิกเป็น Performance Max (เบต้า)
โฆษณา Search แบบไดนามิกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้พบลูกค้าซึ่งกำลังค้นหาสิ่งที่คุณนำเสนอใน Google โฆษณา Search แบบไดนามิกเหมาะกับผู้ลงโฆษณาที่มีเว็บไซต์ที่สร้างมาอย่างดีหรือมีพื้นที่โฆษณาขนาดใหญ่ โดยจะใช้เว็บไซต์ของคุณกำหนดเป้าหมายโฆษณา และช่วยเติมเต็มช่องว่างของแคมเปญที่อิงตามคีย์เวิร์ดได้ นอกจากนี้ บรรทัดแรกและหน้า Landing Page ของโฆษณา Search แบบไดนามิกยังสร้างขึ้นโดยใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งช่วยให้โฆษณาตรงใจผู้ใช้และประหยัดเวลาให้คุณได้ ที่คุณต้องทำก็แค่เพิ่มคำอธิบายครีเอทีฟโฆษณา หากไม่ได้ใช้โฆษณา Search แบบไดนามิก แม้แต่บัญชี Google Ads ที่จัดการเป็นอย่างดีซึ่งมีคีย์เวิร์ดหลายคำก็ยังอาจพลาดการค้นหาที่เกี่ยวข้อง ประสบกับความล่าช้าในการเขียนโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเกิดความไม่สอดคล้องกับสิ่งที่นำเสนอจริงในเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาได้
บทความนี้จะอธิบายวิธีการทำงานของโฆษณา Search แบบไดนามิก และประโยชน์ที่คุณจะได้รับ หากต้องการดูวิธีการ โปรดไปที่สร้างโฆษณา Search แบบไดนามิก
ข้อดีของการใช้โฆษณา Search แบบไดนามิก
- ประหยัดเวลา ไม่ต้องจับคู่คีย์เวิร์ด ราคาเสนอ และข้อความโฆษณากับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการในเว็บไซต์อีกต่อไป นอกจากนี้ โฆษณา Search แบบไดนามิกยังอาจช่วยให้คุณแสดงโฆษณาสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วกว่าตัวเลือกอื่นๆ อีกด้วย
- แสดงบรรทัดแรกที่สร้างแบบไดนามิกที่เกี่ยวข้องพร้อมกับโฆษณาของคุณ เมื่อการค้นหาของลูกค้าเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ Google Ads จะสร้างโฆษณาแบบไดนามิกที่มีบรรทัดแรกที่ชัดเจนให้กับหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องที่สุดในเว็บไซต์
- กําหนดโฆษณา AI ของ Google ช่วยให้คุณแสดงโฆษณาโดยพิจารณาจากทั้งเว็บไซต์ หรือเฉพาะบางหมวดหมู่หรือหน้าเว็บก็ได้ หรือป้องกันไม่ให้แสดงโฆษณาสำหรับสินค้าที่หมดชั่วคราว
- เพิ่มปริมาณการเข้าชม โฆษณา Search แบบไดนามิกจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมและยอดขายโดยการระบุโอกาสใหม่ๆ ในการแสดงโฆษณาซึ่งคุณยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายด้วยคีย์เวิร์ด
- URL ที่แสดงจะขึ้นอยู่กับโดเมนของ URL สุดท้าย คุณไม่ต้องป้อน URL ที่แสดงอีกต่อไปเมื่อสร้างโฆษณาใหม่ Google Ads จะใช้โดเมนจาก URL สุดท้ายมาแสดงเป็น URL ที่แสดงของโฆษณาแทน ตัวอย่างเช่น หาก URL สุดท้ายของโฆษณาคือ www.example.com/outdoor/hiking/shoes URL ในโฆษณาจะปรากฏเป็น www.example.com
วิธีแสดงผล
เมื่อมีผู้ใช้ Google ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับชื่อและวลีที่ใช้บ่อยในเว็บไซต์ของคุณ Google Ads จะใช้ชื่อและวลีเหล่านี้เพื่อเลือกหน้า Landing Page จากเว็บไซต์ และสร้างบรรทัดแรกที่ชัดเจนและเกี่ยวข้องให้กับโฆษณา
การทำงานในลักษณะนี้ทำให้โฆษณา Search แบบไดนามิกนำผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าไปยังสิ่งที่ต้องการในเว็บไซต์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว
คุณต้องรับผิดชอบต่อข้อความสุดท้ายที่ปรากฏในโฆษณา ดังนั้นโปรดคำนึงถึงเรื่องนี้ในขณะที่เลือกหน้า Landing Page ที่จะกำหนดเป้าหมาย สัญญาณที่สำคัญที่สุดท่ามกลางสัญญาณจำนวนมากที่ใช้สร้างบรรทัดแรกของโฆษณาก็คือชื่อ HTML ของหน้าเว็บ
วิธีการทำงานของการกำหนดเป้าหมาย
โฆษณา Search แบบไดนามิกใช้เนื้อหาจากหน้า Landing Page ในเว็บไซต์ของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายโฆษณาในการค้นหา คุณมีหลากหลายตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายสำหรับระบุหน้า Landing Page ที่โฆษณา Search แบบไดนามิกควรใช้ โดยคุณอาจกำหนดเป้าหมายกลุ่ม URL ด้วยประเภทการกำหนดเป้าหมาย เช่น URL_Contains
หรือ "หมวดหมู่" หรือกำหนดเป้าหมาย URL ที่เฉพาะเจาะจงด้วย URL_Equals
หรือฟีดหน้าเว็บ รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้
URL_Equals
: กำหนดเป้าหมาย URL รายการหนึ่งๆ จากเว็บไซต์ เช่น หากคุณเพิ่งเริ่มใช้โโฆษณา Search แบบไดนามิกและต้องการทดสอบการใช้งาน ให้สร้างเป้าหมาย URL_Equals สำหรับหน้าแรกของเว็บไซต์
URL_Contains
: กำหนดเป้าหมายหน้าเว็บที่มี URL ซึ่งประกอบด้วยสตริงที่ระบุ
หมวดหมู่: ชุดหน้า Landing Page ที่ Google Ads สร้างขึ้นจากเว็บไซต์ของคุณ โดยจัดระเบียบตามธีม คุณตัดสินใจเลือกชุดหน้าเว็บที่จะกำหนดเป้าหมาย วิธีจัดกลุ่มหน้าที่คล้ายกัน และระดับรายละเอียดได้ หากต้องการเริ่มใช้โฆษณา Search แบบไดนามิกอย่างรวดเร็ว หมวดหมู่ "หน้า Landing Page จากกลุ่มโฆษณามาตรฐาน" จะกำหนดเป้าหมายหน้าเว็บทุกหน้าที่คุณแสดงโฆษณาในเครือข่ายการค้นหาในบัญชีอยู่ ซึ่งช่วยให้เพิ่มการเข้าชมบนหน้าเว็บที่คุณใช้เป็นหน้า Landing Page อยู่แล้วในกลุ่มโฆษณาและแคมเปญที่มีอยู่ได้ง่ายขึ้น หมวดหมู่ เช่น "หน้า Landing Page จากกลุ่มโฆษณามาตรฐาน" ใช้ได้เฉพาะกับโดเมนที่ Google Ads สร้างหมวดหมู่ได้
ฟีดหน้าเว็บ: อัปโหลดสเปรดชีตของ URL เพื่อการกำหนดเป้าหมายที่ควบคุมให้มุ่งเน้นกลุ่มเฉพาะมากที่สุด จากนั้น คุณกำหนดเป้าหมายทั้งฟีดหรือส่วนต่างๆ ของฟีดได้ เช่น คุณสามารถติดป้ายกำกับหน้าเว็บเกี่ยวกับ "ผลิตภัณฑ์ที่มีคะแนนรีวิว 4 ดาว" หรือ "โรงแรมที่มีห้องพักจำนวนมาก" และกำหนดเป้าหมาย URL ด้วยป้ายกำกับดังกล่าวเท่านั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายโฆษณา Search แบบไดนามิก
วิธีการทํางานของบรรทัดแรก
บรรทัดแรกของโฆษณา Search แบบไดนามิกคือบรรทัดแรกที่สร้างขึ้นแบบไดนามิก และกำหนดเป้าหมายเป็นการค้นหาที่เกี่ยวข้องตามการค้นหาของผู้ใช้และข้อความที่เกี่ยวข้องกับหน้า Landing Page หรือโดเมนของคุณมากที่สุด เมื่อคุณส่งหน้าเว็บ โดเมน เว็บไซต์ หรือฟีดผลิตภัณฑ์เข้ามา เทคโนโลยีการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของ Google จะค้นหาข้อความที่สามารถนำมาใช้เป็นบรรทัดแรกที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหน้าเว็บนั้นได้ และสามารถกระตุ้นให้เกิดการค้นหามาที่เว็บไซต์ของคุณมากขึ้นได้
เราแนะนำให้ปรับบรรทัดแรกและชื่อของเว็บไซต์ให้อยู่ในรูปแบบต่อไปนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้บรรทัดแรกของโฆษณา Search แบบไดนามิก
- ปฏิบัติตามกฎนโยบายเรื่องบรรณาธิการของครีเอทีฟโฆษณามาตรฐานของ Google สําหรับชื่อหน้าเว็บและบรรทัดแรก
- มีคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) ที่ไม่ซ้ำกัน
- ปรับชื่อและบรรทัดแรกในเว็บไซต์ให้มีจำนวนอักขระอยู่ระหว่าง 60 หรือ 90 ตัว
แนวทางปฏิบัติแนะนำ
ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2024 เครื่องมือปรับแต่งโฆษณาที่ใช้อยู่กับโฆษณาแบบข้อความ โฆษณาแบบข้อความที่ขยายออก และโฆษณา Search แบบไดนามิกจะหยุดแสดง (หลังจากพ้นวันที่ดังกล่าวไปแล้ว จะแสดงได้เฉพาะตามค่าเริ่มต้นเท่านั้น)
- อัปเดตโฆษณา Search: หากต้องการใช้เครื่องมือปรับแต่งโฆษณากับโฆษณา Search เราแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้โฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบท แล้วสร้างเครื่องมือปรับแต่งโฆษณาสำหรับโฆษณา Search ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทภายในวันที่ 30 เมษายน 2024
- ตรวจสอบค่าเริ่มต้น: หากเครื่องมือปรับแต่งมีค่าเริ่มต้น โฆษณาของคุณจะยังแสดงต่อโดยใช้ค่าเริ่มต้นดังกล่าวหลังจากวันที่ 30 เมษายน 2024
- ไม่แนะนำให้ใช้โฆษณา Search แบบไดนามิกหากเว็บไซต์ของคุณเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ดีลรายวัน
- โฆษณา Search แบบไดนามิกทำงานได้ดีที่สุดในเว็บไซต์ซึ่งมีชื่อหน้า HTML ที่เหมาะสม และมีเนื้อหาที่เขียนอย่างชัดเจน ระบบจะใช้เนื้อหาในหน้าเว็บเพื่อสร้างบรรทัดแรกของครีเอทีฟโฆษณา แล้วตัดสินว่าคำค้นหาใดบ้างที่เหมาะสมกับหน้าเว็บนั้น ผู้ลงโฆษณารายต่างๆ โดยเฉพาะที่อยู่ในวงการที่มีความละเอียดอ่อน จะต้องตรวจสอบว่ามีใบรับรองที่เหมาะสม และได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างถูกต้องแล้ว
- โฆษณา Search แบบไดนามิกทำงานได้ดีที่สุดกับหน้าเว็บที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพมาอย่างดี ซึ่งเป็นที่ที่โฆษณาจะระบุธีมและคำต่างๆ ในหน้าเว็บได้ โฆษณา Search แบบไดนามิกทำงานได้ไม่ดีกับเว็บไซต์ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ Google Ads ระบุธีมและคำต่างๆ ในหน้าเว็บให้ไม่ได้ (เช่น เว็บไซต์ที่มีรูปภาพหรือเนื้อหา Flash เป็นส่วนใหญ่ หรือเว็บไซต์ที่กำหนดให้ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้เพื่อเข้าถึงเนื้อหาส่วนใหญ่)
- โฆษณา Search แบบไดนามิกทํางานได้ดีที่สุดเมื่อคุณตรวจสอบรายงานข้อความค้นหาเป็นประจํา นอกจากนี้ คุณยังเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้โดยใช้คีย์เวิร์ดเชิงลบ ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้โฆษณาของคุณมีความสอดคล้องและป้องกันไม่ให้มีการจัดทําดัชนีหน้าเว็บที่ไม่ต้องการได้ ดูวิธีสร้างการยกเว้นสําหรับโฆษณา Search แบบไดนามิก
ก่อนใช้โฆษณา Search แบบไดนามิก โปรดอ่านนโยบาย Google Ads เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาสอดคล้องกับนโยบาย (และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง)