คำอธิบายวิธีการ

ข้อมูลสรุปมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการวัดจำนวนคลิกและการแสดงผลวิดีโอ/การมองเห็นโฆษณา/จำนวนการดู TrueView มีดังนี้

Google แปลเนื้อหาในศูนย์ช่วยเหลือไว้หลายภาษา โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของนโยบาย อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันทางการที่เราบังคับใช้นโยบายคือเวอร์ชันภาษาอังกฤษ หากต้องการดูบทความนี้ในภาษาอื่น โปรดเลือกภาษาจากเมนูแบบเลื่อนลงท้ายหน้า

Media Rating Council logo

Media Rating Council (MRC) ชุดปัจจุบันได้รับรองว่า

  • วิธีการวัดคลิกใน Display และ Search ของ "Google Ads" รวมถึงเทคโนโลยีการแสดงโฆษณา "AdSense" ของ Google เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการวัดคลิก
  • การวัดการแสดงผลวิดีโอและการวัดการมองเห็นโฆษณาวิดีโอของ Google Ads ตามที่ได้รายงานไว้ในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอนั้นเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการวัดการแสดงผลวิดีโอและการวัดการมองเห็นโฆษณา
  • กระบวนการที่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้มีความถูกต้อง การรับรองนี้ใช้กับเทคโนโลยีการวัดของ Google ซึ่งมีการใช้ในอุปกรณ์ทุกประเภท ได้แก่ เดสก์ท็อป ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ทั้งในสภาพแวดล้อมของเบราว์เซอร์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

หลักเกณฑ์ทางอุตสาหกรรมเหล่านี้พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Interactive Advertising Bureau (IAB) กับ MRC เพื่อควบคุมวิธีการนับคลิกบนโฆษณาเชิงโต้ตอบ รวมถึงวิธีตรวจหาและจัดการกับคลิกที่ไม่ถูกต้อง โดยบริษัท CPA ที่ได้รับการว่าจ้างจาก MRC จะทำการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์เหล่านี้

คุณจะเห็นข้อมูลสรุปด้านล่างเกี่ยวกับกระบวนการวัดคลิกที่ Google Ads และ AdSense ใช้ หากต้องการแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่แนวทางการวัดคลิกของ IAB/MRC ซึ่งมีคำอธิบายมาตรฐาน IAB ที่ใช้กับการนับการคลิกโฆษณาออนไลน์

Google ได้รับการรับรองในด้านใด

การรับรองดังกล่าวเป็นการรับรองว่าเทคโนโลยีการวัดของ Google เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการนับเมตริกโฆษณาเชิงโต้ตอบ และรับรองว่ากระบวนการที่รองรับเทคโนโลยีนี้ถูกต้อง

ขอบเขตในการรับรองของ Google Ads นั้นหมายรวมถึง

การตรวจสอบการคลิกของ Google Ads

  • คลิก
  • คลิกที่ไม่ถูกต้อง

การตรวจสอบวิดีโอของ Google Ads (รายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอ)

  • การแสดงผล
  • การแสดงผลที่ไม่ถูกต้อง
  • การแสดงผลที่วัดได้
  • การแสดงผลที่วัดไม่ได้
  • การแสดงผลที่มองเห็นได้
  • การแสดงผลที่มองไม่เห็น
  • อัตราที่วัดได้
  • อัตราที่มองเห็นได้
  • การกระจายการแสดงผล
  • TrueView: การดู
  • TrueView: การดูที่ไม่ถูกต้อง

สภาพแวดล้อม: เดสก์ท็อป แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ อุปกรณ์เคลื่อนที่ เว็บ และ CTV

*เมตริกการมองเห็นโฆษณาวิดีโอมอบเครดิตให้สภาพแวดล้อมที่เป็นเดสก์ท็อป แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น

การรับรองดังกล่าวเป็นการรับรองว่าเทคโนโลยีการวัดการแสดงผลและการมองเห็นโฆษณาวิดีโอของ Google เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการนับการแสดงผลโฆษณาวิดีโอและการวัดอัตราการมองเห็นโฆษณา

กระบวนการตรวจสอบนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง

การตรวจสอบนี้มุ่งเน้นไปที่ระบบการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก, การแสดงผลวิดีโอ, จำนวนการดู TrueView และการมองเห็นโฆษณาวิดีโอของ Google ทั้งนี้ Google เสนอโซลูชันสำหรับผู้ลงโฆษณาผ่านทาง Google Ads และโซลูชันสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาผ่านทาง AdSense และ YouTube

เราส่งเฉพาะรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอเพื่อขอการรับรองเมตริกวิดีโอจาก MRC เท่านั้น

โฆษณา Google อาจแสดงต่อผู้ใช้ผ่านผลิตภัณฑ์หรือบริการต่อไปนี้ ซึ่งได้แก่ AdSense สำหรับเนื้อหา (AFC), AdSense for Domains (AFD), AdSense สำหรับ Search (AFS), Ad Exchange (AdX), YouTube และ Google.com โดย AFC จะเกี่ยวข้องกับโฆษณาที่แสดงบนหน้าเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ซึ่งใช้บริบทของข้อมูลบนหน้าเว็บนั้นเพื่อกำหนดและแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้อง AFD เกี่ยวข้องกับโฆษณาที่แสดงบนหน้าเว็บของโดเมนใดๆ โดยเฉพาะ ซึ่งชื่อโดเมนนั้นคล้ายกับคำค้นหา AdX เกี่ยวข้องกับโฆษณาที่แสดงในเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ใดๆ โดยเฉพาะ ซึ่งมีการใช้บริบทของหน้าเว็บและการเสนอราคาแบบเรียลไทม์เพื่อพิจารณาและแสดงโฆษณาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ YouTube เกี่ยวข้องกับโฆษณาที่แสดงใน YouTube.com หรือในแอป YouTube ที่ซึ่งระบบใช้บริบทของวิดีโอและคำค้นหาในการกำหนดและแสดงโฆษณาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ AFS และ Google.com เกี่ยวข้องกับโฆษณาที่แสดงเป็นผลการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย ภายในบริบทของคำค้นหาและผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา

มีอะไรบ้างที่ไม่รวมอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

โซลูชันการโฆษณาตามการแสดงผลที่ไม่ใช่วิดีโอของ Google เช่น Google Marketing Platform และระบบที่วัดการคลิกที่มีวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ (เช่น Google Search) อยู่นอกเหนือขอบเขตของการตรวจสอบนี้ ระบบอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการตรวจสอบนี้รวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและการจัดการ เช่น Google Analytics นอกจากนี้

  • เครื่องมือสร้างรายงานของ Google Ads และเมตริกวิดีโออื่นๆ ในหน้าแดชบอร์ดไม่ได้อยู่ในกระบวนการรับรอง
  • อุปกรณ์ประเภทอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ในกระบวนการรับรองเช่นกัน
  • การคลิกในแคมเปญวิดีโอและ App Campaign ไม่ได้อยู่ในกระบวนการรับรองคลิกของ MRC
  • การแบ่งกลุ่มเมตริกหน้าแดชบอร์ด (ตัวอย่างเช่น ข้อมูลประชากร) ที่นอกเหนือจากผลรวมของแคมเปญ Display และ Search รวมถึงการแบ่งประเภทอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในกระบวนการรับรองของ MRC

วิธีการวัดคลิก

วิธีการวัดคลิกจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมการคลิกทั้งหมดที่บันทึกไว้ โดยไม่ได้ใช้การสุ่มตัวอย่างเพื่อวัตถุประสงค์ในการวัดคลิก Google จะสังเกตการณ์โดยตรงเฉพาะขั้นตอน 2.2 ของกระบวนการอ้างอิงการคลิกของ IAB (คลิกที่มีการวัด) เท่านั้น หลังจากที่ได้รับจำนวนการคลิกโฆษณาเริ่มต้นจากเซิร์ฟเวอร์เปลี่ยนเส้นทางโฆษณาตามกระบวนการอ้างอิงการคลิกแล้ว Google Ads จะบันทึกการคลิกและส่งการเปลี่ยนเส้นทาง HTTP 302 ที่แคชไม่ได้ไปยังเบราว์เซอร์ตามสถานที่ตั้งที่กำหนดโดยผู้ลงโฆษณาสำหรับโฆษณาชิ้นนั้นๆ โดยเฉพาะ กระบวนการนี้ทำให้คลิกดังกล่าวกลายเป็นคลิกที่มีการวัด วิธีการวัดคลิกจะเหมือนกันในทุกประเภทอุปกรณ์ (เดสก์ท็อป อุปกรณ์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต) และสำหรับเบราว์เซอร์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ยกเว้นในกรณีที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น

นอกจากนี้ ปัจจุบันแคมเปญ Search, Shopping, Display รวมถึงแคมเปญวิดีโอจำเป็นต้องมีการติดตามพร้อมกัน การติดตามพร้อมกันจะส่งลูกค้าจากโฆษณาไปยัง URL สุดท้าย (หน้า Landing Page) โดยตรงในขณะที่เกิดการวัดคลิกในเบื้องหลังไปพร้อมกัน (โดยไม่ต้องส่งลูกค้าไปยัง URL ติดตามผลก่อน)

โฆษณาแสดงได้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ SDK โฆษณาในอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google รองรับ (ดูรายชื่อของแพลตฟอร์มที่รองรับในปัจจุบัน)

ข้อจำกัดที่ทราบของวิธีการวัดคลิกนี้คือ การหยุดชะงักของเครือข่ายอาจทำให้ผู้ใช้ซึ่งได้รับการเปลี่ยนเส้นทาง 302 แล้วดูเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาที่เป็นผลลัพธ์ไม่ได้

ระบบใช้วิธีการนับแบบ "หลายคลิกต่อหนึ่งการแสดงผล" ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการนับที่ไม่ถูกต้องที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้ขณะพยายามไปยังส่วนต่างๆ ในหน้าเว็บ (เช่น ผู้ใช้คลิกหลายครั้ง) เราจึงกำหนดว่าการคลิกที่จะนับเป็นการแสดงผลโฆษณานั้นต้องห่างจากการคลิกครั้งก่อนนานกว่าระยะเวลาที่กำหนด

ระบบจะสร้างและประมวลผลบันทึกในแบบเรียลไทม์ โดยจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับรายการ HTTP ที่ติดตามดู มีการใช้เทคนิคการจดจำข้อมูลเก่าและตัวแปรจำนวนมากในการสร้างระบบการกรองคลิก ซึ่งจะไม่มีการระบุมาในที่นี้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ทั้ง Google และพาร์ทเนอร์ต่างก็แสดงโฆษณาแก่ผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม Google เป็นผู้ควบคุมและดำเนินกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการวัดและการรายงานกิจกรรมการคลิกของผู้ลงโฆษณา เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา ไม่ว่าจะแสดงโดย Google หรือพาร์ทเนอร์ผ่านผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่แสดงโฆษณาดังกล่าว Google Ads จะติดตามกิจกรรมการคลิกนั้นผ่านเซิร์ฟเวอร์เปลี่ยนเส้นทางโฆษณา

การวัดกิจกรรมการคลิกนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการวัดคลิกของ Google Ads ซึ่งใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อจัดการและตรวจดูกิจกรรมการคลิก การคลิกจะถูกบันทึก (วัด) เมื่อ Google Ads ได้รับการคลิกครั้งแรกและส่งการเปลี่ยนเส้นทาง HTTP 302 ให้กับผู้ใช้เพื่อไปยังหน้า Landing Page หรือเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณา (หรือเซิร์ฟเวอร์สื่อกลางอื่นๆ เช่นตัวแทนของผู้ลงโฆษณา) กิจกรรมการคลิกที่มีการวัดเหล่านี้จะจัดเก็บไว้ในบันทึกข้อมูลภายในระบบไฟล์เหตุการณ์ จากนั้นระบบจะเก็บสะสม แก้ไข และรวบรวมไฟล์บันทึกข้อมูลผ่านกระบวนการอัตโนมัติทั้งหมดเพื่อสร้างการวัดคลิกและการรายงานของผู้ลงโฆษณา กระบวนการแก้ไขดังกล่าวประกอบด้วยการกรองข้อมูลที่เสียหายหรือผิดพลาด การเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ เช่น โรบ็อตและเครื่องมืออัตโนมัติ และกิจกรรมการคลิกที่ไม่ถูกต้องอื่นๆ ที่ตรวจพบ คลิกที่ถูกกรองถือว่าเป็นคลิกที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าจะเรียกเก็บเงินกับผู้ลงโฆษณาไม่ได้ Google จัดเตรียมรายงานการคลิกสำหรับผู้ลงโฆษณา ซึ่งผู้ลงโฆษณาที่เป็นเจ้าของจะเข้าถึงได้โดยตรง

การวัดคลิกอาจรายงานแบบสรุปรวมตามสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (ไม่อยู่ภายใต้การรับรองของ MRC) และประเภทอุปกรณ์ สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะขึ้นอยู่กับที่อยู่ IP ของผู้ใช้หรือมาจากสถานที่ตั้งที่ผู้เผยแพร่โฆษณาระบุไว้ (ผู้เผยแพร่โฆษณาต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้เพื่อที่จะให้สถานที่ตั้งดังกล่าว) โปรดทราบว่าการเข้าชมบางรายการอาจทำผ่านพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ จึงอาจไม่แสดงสถานที่ตั้งที่แท้จริงของผู้ใช้ (ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออาจใช้พร็อกซีกับการเข้าชมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) การจำแนกประเภทอุปกรณ์ (คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เคลื่อนที่) จะขึ้นอยู่กับข้อมูลจากไลบรารีที่ใช้ส่วนหัว HTTP ซึ่งดำเนินการโดย Google

ในการใช้งาน AdSense บางรูปแบบ พาร์ทเนอร์จะแสดงโฆษณาในเว็บไซต์ของตนเองซึ่งอยู่ภายใต้กฎการออกแบบและการจัดรูปแบบของตน และควบคุมบริเวณที่คลิกได้รอบๆ โฆษณา สำหรับการใช้งานเหล่านี้ Google จะไม่มีสิทธิ์ควบคุมการปรับเปลี่ยนใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าว ในการใช้งาน AdSense แบบปกตินั้น Google เป็นทั้งผู้ควบคุมพื้นที่ที่คลิกได้ รวมถึงผู้แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ปลายทางโดยตรง

วิธีวัดการแสดงผลของวิดีโอ การมองเห็นโฆษณาวิดีโอ และจำนวนการดู TrueView

Google ช่วยให้ผู้ใช้ Google Ads สร้างแคมเปญวิดีโอ อัปโหลด และจัดการครีเอทีฟโฆษณา ตลอดจนกำหนดกลยุทธ์การเสนอราคาและการกำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับแคมเปญได้ เนื้อหาโฆษณาวิดีโอ Google Ads ต้องโฮสต์ใน YouTube แต่โฆษณาวิดีโอเหล่านี้ปรากฏใน YouTube และในเว็บไซต์และแอปของพาร์ทเนอร์วิดีโอในเครือข่าย Display ของ Google (GDN) ได้

Google รวมชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโฆษณาสื่อเชิงโต้ตอบ (IMA SDK) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเข้ากับโปรแกรมเล่นวิดีโอ YouTube, แอป YouTube บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือเว็บไซต์และแอปของพาร์ทเนอร์วิดีโอ เพื่อให้โปรแกรมเล่นวิดีโอกับเซิร์ฟเวอร์โฆษณาสื่อสารกันเพื่อการวัดวิดีโอได้อย่างราบรื่น Google มี IMA SDK อยู่ 2 เวอร์ชันคือเวอร์ชันที่รองรับ Flash และเวอร์ชันที่รองรับ HTML5 IMA SDK คือเทมเพลตการแสดงโฆษณาวิดีโอ (VAST) (เวอร์ชัน 2.0, 3.0 หรือ 4.0) ที่มีการติดตั้งแท็กที่เป็นไปตามข้อกำหนดและใช้เพื่อวัดเนื้อหาโฆษณาวิดีโอทั้งแบบปรากฏและไม่ปรากฏภายในเนื้อหาโฆษณาวิดีโอ เพื่อแสดงและติดตามโฆษณาวิดีโอดิจิทัล นอกจากนี้ IMA SDK ยังรองรับอินเทอร์เฟซการแสดงโฆษณาของโปรแกรมเล่นวิดีโอ (VPAID) (เวอร์ชัน 2.0) ที่ช่วยให้โฆษณาวิดีโอและโปรแกรมเล่นวิดีโอสื่อสารกันได้ รวมถึงรองรับเพลย์ลิสต์โฆษณาวิดีโอหลายรายการ (VMAP) ที่ให้ผู้ใช้เล่นโฆษณาหลายรายการภายในเนื้อหาโฆษณาวิดีโอได้ด้วย

โฆษณาวิดีโอบน YouTube ที่วัดได้ทั้งหมดซึ่งรวมอยู่ในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอนี้แสดงแบบในสตรีม การวัดการแสดงโฆษณาวิดีโอจะใช้วิธีการนับแบบตั้งแต่เริ่มโฆษณาจนถึงแสดงผล โซลูชัน IMA SDK ของ Google Ads ที่ผู้เผยแพร่เนื้อหาโฆษณาวิดีโอนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมจะเป็นไปตามข้อกำหนดของหลักเกณฑ์การแสดงผลวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์การวัดที่วิดีโอเริ่มหลังการบัฟเฟอร์ โฆษณา TrueView ในสตรีมมักมีชื่อเรียกว่า "โฆษณาแบบข้ามได้" เนื่องจากมีปุ่มข้ามและให้ผู้ชมเลือกข้ามโฆษณาหลังจากผ่านไป 5 วินาที โดยจะแสดงในสตรีม (โฆษณาตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้าย) ของวิดีโอ โฆษณา TrueView จะคิดค่าใช้จ่ายในรูปแบบต้นทุนต่อการดู ซึ่งหมายความว่าเราจะเรียกเก็บเงินจากผู้ลงโฆษณาเมื่อผู้ใช้ "ดู" โฆษณาเท่านั้น ทั้งนี้จำนวนการดู TrueView ไม่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นโฆษณา สำหรับโฆษณา TrueView ในสตรีม คุณจะชำระเงินก็ต่อเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอของคุณเป็นเวลา 30 วินาที (หรือดูจนจบหากวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที) หรือโต้ตอบกับวิดีโอ ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน เราจะนับว่ามีการดูโฆษณา TrueView ในสตรีมตามเงื่อนไขต่อไปนี้

TrueView ในสตรีม

  1. ดู 30 วินาที (รวมช่วง 5 วินาทีที่บังคับให้ดู) หรือดูจนจบหากโฆษณายาวน้อยกว่า 30 วินาที
  2. คลิกชื่อช่อง/รูปโปรไฟล์*
  3. คลิกชื่อวิดีโอ*
  4. คลิกทีเซอร์ของการ์ด*
  5. คลิกแชร์*
  6. คลิกแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน/แผงวิดีโอ*
  7. คลิกส่วนขยายคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action)*
  8. คลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณา*
  9. คลิกที่ End Screen*

*(ไม่เป็นรูปธรรมจึงไม่รวมอยู่ในการตรวจสอบการรับรองโดย MRC) ขณะนี้การโต้ตอบที่ไม่เป็นรูปธรรมข้างต้นคิดเป็น 1.8% เท่านั้นของการเข้าชมจากจำนวนการดูทั้งหมดของ TrueView สำหรับแคมเปญ การดำเนินการที่ไม่ถือว่าเป็นการดูประกอบไปด้วยการคลิกในส่วนต่างๆ ต่อไปนี้

  1. คำอธิบายประกอบ
  2. กดชอบ (เชิงบวก)
  3. เต็มหน้าจอ
  4. InVideo Programming (ไม่แสดงบนโฆษณา TrueView ในสตรีม)
  5. ลายน้ำ
  6. ปุ่มข้าม

เมื่อมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ลงโฆษณาสำหรับการดูตามที่แสดงในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Google Ads ยอดการรับชมแบบสาธารณะใน YouTube.com ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อได้รับเหตุการณ์การวัดแล้ว Google จะควบคุมการประมวลผลและการรายงานในครั้งต่อๆ ไป Google Ads จำแนกประเภทอุปกรณ์โดยใช้ทั้งข้อมูล SDK แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และข้อมูล User Agent จากแหล่งที่มาภายในและภายนอก Google Ads ไม่ได้ใช้ข้อมูลใดๆ จากบุคคลที่สามเพื่อช่วยจำแนกประเภทอุปกรณ์

ในบางกรณี การเล่นแบบต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยหนึ่งด้วย เช่น เมื่อเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติหรือเมื่อผู้ใช้กำลังดูวิดีโอในเพลย์ลิสต์ ในกรณีนี้ ระบบจะทำตามกฎแบบพิเศษ นั่นคือ เมื่อใช้ Wi-Fi การเล่นแบบต่อเนื่องจะหยุดเล่นโดยอัตโนมัติหลังผ่านไป 4 ชั่วโมง เมื่อใช้เครือข่ายมือถือ การเล่นแบบต่อเนื่องจะหยุดลงหากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 30 นาที ปัจจุบัน Google วัดจํานวนผู้เผยแพร่โฆษณา GVP ที่ใช้การเล่นอย่างต่อเนื่อง (ปริมาณการเข้าชมคือ 13%) 1% ของการเข้าชม GVP ถือเป็นการเล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าชมวิดีโอประมาณ 17% เป็นแบบเล่นอัตโนมัติ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิดีโอแบบเล่นอัตโนมัติ

Google ระบุว่าโฆษณา Display ที่แสดงร่วมจะได้รับการวัดแยกจากการแสดงโฆษณาวิดีโอ และจะไม่ได้รายงานในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอของ Google Ads ด้วยเหตุนี้ การวัดและการรายงานโฆษณา Display ที่แสดงร่วมจึงไม่รวมอยู่ในขอบเขตการมีส่วนร่วมนี้

สำหรับการมองเห็นโฆษณาวิดีโอ Google Ads จะใช้ Active View description of methodology เพื่อวัดการมองเห็นโฆษณาตามที่รายงานไว้ภายในแพลตฟอร์มการรายงานของ Google Ads ทั้งนี้ Google Ads จะนับการแสดงผลวิดีโอที่มองเห็นได้เมื่อครีเอทีฟโฆษณาวิดีโออย่างน้อย 50% ปรากฏภายในพื้นที่ที่ดูได้ของเบราว์เซอร์/แอปของผู้ใช้เป็นเวลา 2 วินาทีติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม สําหรับรูปแบบ "โฆษณาวิดีโอแนวตั้ง" Google Ads จะวัดการมองเห็นโฆษณาของโปรแกรมเล่นไม่ใช่ครีเอทีฟโฆษณา และผู้ลงโฆษณาต้องเลือกซื้อโฆษณารูปแบบนี้

วิธีการกรอง

Google พยายามระบุและกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องทั้งแบบทั่วไป (GIVT) และแบบซับซ้อน (SIVT) อย่างต่อเนื่องผ่านตัวระบุ กิจกรรม และรูปแบบโดยพิจารณาจากข้อมูล การระบุและการกรองนี้จะทำกับการคลิกและการแสดงผลวิดีโอ รวมถึงกิจกรรมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์และการฉ้อโกงต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เผยแพร่โฆษณา ผู้ลงโฆษณา หรือตัวแทนที่เกี่ยวข้องไม่ทราบถึงตัวตนและเจตนาของผู้ใช้ได้เสมอไป จึงมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถระบุและแยกการเข้าชมทั้งหมดที่ไม่ถูกต้องออกจากผลลัพธ์ที่รายงานได้ในเชิงรุก เราจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของขั้นตอนการกรองนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ที่นี่แก่ผู้ใดยกเว้นผู้ตรวจสอบในกระบวนการตรวจสอบ เพื่อปกป้องกระบวนการกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องไม่ให้ถูกแทรกแซงหรือทำวิศวกรรมย้อนกลับ

ระบบจะนำทั้งการระบุที่เฉพาะเจาะจง (รวมทั้งการใช้งานตามไฟล์การดำเนินการของโรบ็อต รายการการกรอง และกิจกรรมทดสอบของผู้เผยแพร่โฆษณา) และวิธีการกรองตามกิจกรรม (รวมทั้งการวิเคราะห์กิจกรรมตามลำดับหลายกิจกรรม กิจกรรมที่มีค่าผิดปกติ แอตทริบิวต์การโต้ตอบ และกิจกรรมที่น่าสงสัยอื่นๆ) มาใช้ในการกรอง

นอกจากนี้ จะใช้พารามิเตอร์ต่อไปนี้กับวิธีการกรอง

  • Google จะไม่ใช้การกรองจากบุคคลที่สาม
  • มีการใช้ไฟล์การใช้งานโรบ็อต (robots.txt)
  • ทรัพยากรที่ใช้ในการระบุกิจกรรมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์: Google ใช้รายชื่อโรบ็อตและสไปเดอร์นานาชาติของ IAB/ABCe รวมทั้งตัวกรองเพิ่มเติมตามกิจกรรมโรบ็อตที่ผ่านมา มีการใช้ไฟล์ยกเว้นรายชื่อโรบ็อตของ IAB
  • กระบวนการกรองตามกิจกรรม: การระบุตามกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์รูปแบบบางประเภท การมองหาพฤติกรรมของกิจกรรมที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ ทีมดูแลคุณภาพการเข้าชมโฆษณาของ Google มีระบบที่จัดตั้งไว้เพื่อพิจารณากิจกรรมที่น่าสงสัย และดำเนินการกรองตามกิจกรรมอย่างเหมาะสม
  • การกรองทั้งหมดจะดำเนินการ "หลังเกิดขึ้นแล้ว" และอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งผู้ใช้ (เบราว์เซอร์ โรบ็อต ฯลฯ) จะได้รับคำขอโดยไม่มีการระบุว่าการเข้าชมได้รับการตั้งค่าสถานะ หรือผ่านการกรองหรือลบ เนื่องจาก Google ไม่ต้องการแสดงการระบุใดๆ ให้เอเจนต์ผู้ใช้ทราบว่ากิจกรรมของเอเจนต์ผู้ใช้ทำให้เกิดกลไกการกรองใดๆ ก็ตามของ Google ในบางกรณี เราจะใช้การบล็อกฟรอนท์เอนด์ด้วยเมื่อมีแนวโน้มว่าคำขอโฆษณาที่ได้รับอาจทำให้เกิดกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ที่ผ่านมา มีการบล็อกคำขอโฆษณาน้อยกว่า 2%
  • มีการนำกระบวนการมาใช้เพื่อนำกิจกรรมก่อนเรียกที่ประกาศด้วยตนเองออก
  • กระบวนการถูกนำมาใช้เพื่ออนุญาตคลิกทดสอบและการแสดงผลวิดีโอของผู้เผยแพร่โฆษณา กระบวนการเหล่านี้รองรับผู้เผยแพร่โฆษณาที่เพิ่มแท็กเฉพาะไว้ในคำขอโฆษณาเพื่อระบุว่าคำขอโฆษณาดังกล่าวเป็นคำขอทดสอบ และไม่ควรถูกนับสำหรับการเรียกเก็บเงินหรือจุดประสงค์ด้านการบัญชีที่เป็นทางการใดๆ
  • เมื่อมีการตรวจพบความไม่สอดคล้องหรือความผิดพลาด กระบวนการจะทำงานเพื่อแก้ไขข้อมูลนี้ และคืนเงินให้กับผู้ลงโฆษณา การคืนเงินเหล่านี้จะแสดงอยู่ในสรุปการเรียกเก็บเงิน ความเสียหายของไฟล์บันทึกนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก แต่หากเกิดขึ้นแล้ว กระบวนการจะทำงานเพื่อกู้คืนไฟล์
  • มีการนำกระบวนการมาใช้เพื่อลบกิจกรรมจากที่อยู่ IP ภายในของ Google ออก
  • เราติดตามดูกฎและเกณฑ์การกรองอย่างต่อเนื่อง และอาจเปลี่ยนแปลงกฎและเกณฑ์เอง รวมถึงอาจอัปเดตกฎและเกณฑ์โดยอัตโนมัติเป็นประจำ
หมายเหตุ: อัตราการตัดสินใจสำหรับการเข้าชมจากโฆษณา Google Ads คือ 100% (อิงตามข้อมูลตัวอย่างที่ได้รับการตรวจสอบ)

คุณสมบัติของพาร์ทเนอร์ธุรกิจ

พาร์ทเนอร์ทุกรายที่แสดง "Google Ads" ในเนื้อหาของตนต้องปฏิบัติตามนโยบายโปรแกรมของเราซึ่งไม่อนุญาตให้มีกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายโปรแกรม AdSense

Google กรองหาการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง และจะตรวจสอบพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ได้รับการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องในปริมาณมาก เราอาจระงับหรือปิดบัญชีของพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง

การรายงานข้อมูลการคลิก

Google Ads จะรายงานให้ผู้ลงโฆษณาทราบจำนวนคลิกทั้งหมด จำนวนการแสดงผลทั้งหมด และส่วนย่อยของข้อมูลนี้ (เช่น จำนวนคลิก จำนวนการแสดงผล และอัตราการคลิกผ่าน ตามแคมเปญ กลุ่มโฆษณา และคีย์เวิร์ด) และรายงานข้อมูลที่คล้ายกันเกี่ยวกับสถิติเว็บไซต์ให้ผู้เผยแพร่โฆษณาทราบ ขอบเขตของกระบวนการตรวจสอบครอบคลุมการรายงานคลิกและการรายงานของผู้ลงโฆษณาสำหรับ Google Ads ตัวเลขเหล่านี้อาจผันผวนในขอบเขตช่วงเดือนนั้นๆ และไม่ถือว่าเป็นตัวเลขสรุปจนกว่าจำนวนเหล่านี้จะนิ่งเมื่อถึงสิ้นเดือน หลังจากเวลาดังกล่าว คลิกที่รายงานจะไม่ถูกปรับแก้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงโฆษณาอาจได้รับเครดิตหาก Google เห็นว่าเหมาะสม

Google Ads ให้ผู้ลงโฆษณาดูจำนวนการคลิกรายวันที่ถูกกรองทั้งหมด (ระบุว่าไม่ถูกต้อง) สำหรับแต่ละแคมเปญได้ Google Ads ไม่ได้รายงานผลรวมการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องแบบทั่วไปและแบบซับซ้อนแยกกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการนำข้อมูลนี้ไปทำวิศวกรรมย้อนกลับและใช้ประโยชน์จากการเข้าชมที่ไม่ถูกต้อง โดยการเข้าชมจากคลิกที่ไม่ถูกต้องประมาณ 80% จากยอดรวมทั้งหมดเป็นแบบทั่วไป

เรานำกระบวนการทดสอบหน่วยโฆษณาที่ครอบคลุมมาใช้เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่รายงานในฟรอนท์เอนด์ของ Google Ads และ AdSense สิ่งเหล่านี้คือกลไกหลักที่นำมาใช้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจากฐานข้อมูลแบ็กเอนด์จะถ่ายทอดได้อย่างถูกต้องในรายงานที่แสดงต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ ความคิดเห็นของผู้ใช้จะได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดใดๆ ซึ่งอาจนำไปใช้ในการปรับปรุงเวอร์ชันใหม่ และเราได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้เป็นจำนวนมากเพื่อให้เครื่องกลและซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ใช้รายงานข้อมูลให้กับผู้ใช้ Google Ads ทำงานได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของการรายงานจะถูกตรวจสอบผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้และการทดสอบหน่วยที่ได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้เป็นหลัก

เราจะเก็บรักษาบันทึกทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการคลิกไว้เรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม เราจะลบข้อมูลระบุตัวบุคคลของช่องข้อมูล 2 รายการ คือ IP และรหัสคุกกี้หลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง (9 เดือนสำหรับที่อยู่ IP และ 18 เดือนสำหรับรหัสคุกกี้)

คุณสามารถดึงข้อมูลเมตริกคลิกรวมตามการรายงานเกี่ยวกับจำนวนคลิกและคลิกที่ไม่ถูกต้อง (GIVT และ SIVT) ซึ่งจะทำให้คำนวณจำนวนคลิกรวมได้

ระบบจะไม่ส่งเมตริกหน้าแดชบอร์ดที่แสดงนอกเหนือจากผลรวมของแคมเปญการคลิกในเครือข่าย Search และ Display รวมถึงการแบ่งประเภทอุปกรณ์เพื่อขอการรับรองจาก MRC

จำนวนคลิกจากการค้นหาจากทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV) จากประเภทอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก และจากอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก MRC อาจรวมกับการคลิกบนเดสก์ท็อปและเมตริกการคลิกทั้งหมดที่ได้รับการรับรองในแดชบอร์ดการรายงานของ Google Ads เราคาดว่าจะมีการเข้าชมจากประเภทอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการรับรองน้อยกว่า 1% ของการเข้าชมที่เป็นการคลิกจากการค้นหา

การรายงานข้อมูลวิดีโอ

Google Ads รายงานจำนวนรวมของการแสดงผลวิดีโอที่มองเห็นได้ เมตริกการมองเห็นโฆษณา (แสดงข้อมูลไว้ด้านล่าง) และชุดย่อยของข้อมูลนี้ให้ผู้ลงโฆษณาทราบ

จุดประสงค์ของการรับรอง MRC มีขอบเขตที่ครอบคลุมเฉพาะเมตริก Google Ads ที่ระบุไว้ในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอที่ดาวน์โหลดเท่านั้น การรายงานอื่นๆ เกี่ยวกับเมตริกการแสดงผลวิดีโอและการมองเห็นโฆษณาในเครื่องมือฟรอนท์เอนด์จะไม่รวมอยู่ในการรับรอง เช่น ฟรอนท์เอนด์ของการรายงานเกี่ยวกับแคมเปญ

เมตริกในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอที่ดาวน์โหลดได้คือจำนวน SIVT สุทธิในสภาพแวดล้อมแอปบนเดสก์ท็อป เว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และโฆษณาในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีการรายงาน ซึ่งคล้ายกับการรายงานคลิกที่ไม่มีการรายงานจำนวน GIVT และ SIVT แยกต่างหากเพื่อป้องกันการนำข้อมูลนี้ไปทำวิศวกรรมย้อนกลับ การเข้าชมจากการแสดงผลวิดีโอที่ไม่ถูกต้องประมาณ 29% และจำนวนการดู TrueView ที่ไม่ถูกต้อง 24% จากยอดรวมทั้งหมดเป็นการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องแบบทั่วไป เนื่องด้วยลักษณะรูปแบบโฆษณาที่ใช้สำหรับการดู TrueView เปอร์เซ็นต์ GIVT ที่ได้จึงต่ำกว่า

ระบบจะวัดและรายงานรูปแบบโฆษณาวิดีโอต่อไปนี้ในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอสําหรับโฆษณาวิดีโอที่แสดงใน YouTube และเครือข่าย Display ของ Google รูปแบบโฆษณาอื่นทั้งหมดที่ไม่ได้อธิบายไว้ด้านล่างจะไม่รวมอยู่ในรายงานการมองเห็นโฆษณาวิดีโอ รวมถึงโฆษณาที่แสดงในแอปพลิเคชัน YouTube Kids บนอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้: โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้มีความยาวไม่เกิน 5 วินาที และเล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังจากวิดีโออื่นๆ ผู้ชมจะมีตัวเลิอกในการข้ามโฆษณานี้ได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที จำนวนการดู TrueView สามารถใช้ได้กับรูปแบบโฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้เท่านั้น
  • โฆษณาบัมเปอร์: โฆษณาบัมเปอร์มีความยาว 5-6 วินาทีและเล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังจากวิดีโออื่นๆ ผู้ชมจะไม่มีตัวเลือกในการข้ามโฆษณา
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้: โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้มีความยาวได้ไม่เกิน 15 วินาที และเล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังจากวิดีโออื่นๆ ผู้ชมจะไม่มีตัวเลือกในการข้ามโฆษณา

*ตำแหน่งโฆษณาในสตรีม GVP ที่แสดงในสภาพแวดล้อมของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่มีดังนี้

  • ตำแหน่งโฆษณาในสตรีมจาก IMA SDK (เช่น โฆษณาวิดีโอตอนต้นภายในสตรีม Paramount+)
  • โฆษณาแอปที่มีการให้รางวัล (เช่น โฆษณาวิดีโอแบบเต็มหน้าจอที่ให้รางวัลผู้ใช้ด้วยชีวิตเพิ่มในเกม")
  • โฆษณาคั่นระหว่างหน้าในแอป (เช่น โฆษณาวิดีโอแบบเต็มหน้าจอที่เล่นก่อนด่านในเกม Candy Crush)

ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

อุปกรณ์ CTV ที่ได้รับการรับรองให้เผยแพร่ YouTube จะต้องแจ้งต่อแอปเมื่อผู้ใช้มองไม่เห็นแอป (เช่น ผู้ใช้สลับช่องอินพุต HDMI หรือผู้ใช้ปิดอุปกรณ์) การทำเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า YouTube หยุดเล่นวิดีโอ (และโฆษณาจะไม่แสดงตามชิ้นงาน) เมื่อแอปไม่แสดงขึ้น ในบางกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อย Google ระบุไม่ได้ว่าอุปกรณ์ทีวีปิดอยู่หรือไม่ และไม่มีข้อจำกัดในการวัดเวลาในการตอบสนอง

แมชชีนเลิร์นนิง

Google ใช้เทคนิคแมชชีนเลิร์นนิงที่มีการควบคุมดูแล1ร่วมกับวิธีการต่างๆ อย่างการจำแนกประเภท (เช่น วิธีการสำหรับโครงข่ายระบบประสาทเทียม) ซึ่งเป็นโมเดลที่จะคาดการณ์การเข้าชมที่ไม่ถูกต้อง (IVT) โดยทำการตัดสินใจแบบ "ใช่/ไม่ใช่" เพื่อระบุว่าเหตุการณ์นั้นๆ ถูกต้องหรือไม่ และใช้การถดถอยแบบโลจิสติกซึ่งเป็นโมเดลที่ให้คะแนนกิจกรรมต่างๆ แล้วทำการตัดสินใจเกี่ยวกับ IVT โดยอิงตามเกณฑ์คะแนน แมชชีนเลิร์นนิงที่มีการควบคุมดูแลอาจใช้วิธีการแบบแผนผังต้นไม้หรือกราฟประกอบด้วย 

แหล่งข้อมูลที่ใช้สำหรับแมชชีนเลิร์นนิงประกอบด้วยบันทึกคำค้นหาและการโต้ตอบ ("บันทึกโฆษณา") รวมถึงข้อมูลที่ไม่ใช่บันทึกซึ่งสามารถใช้ร่วมกับบันทึกโฆษณาได้ และสัญญาณเสริมที่เป็นกรรมสิทธิ์อื่นๆ Google ใช้แหล่งข้อมูลหลายร้อยแหล่งแบบหลายขนาด โดยจำนวนบันทึกทั้งหมดที่ใช้กับแหล่งข้อมูล 1 แหล่งมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านล้านรายการ ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลแต่ละแหล่ง และโมเดลแบบอิงการเข้าชมต้องได้รับการประเมินโดยใช้ข้อมูลป้อนเข้าเป็นการเข้าชมขั้นต่ำ 7 วัน

Google ติดตามกระบวนการเกี่ยวกับการป้อนสัญญาณการเข้าชม (ข้อมูลการฝึก) ให้กับโมเดลอยู่เสมอ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ ความถูกต้องของข้อมูลที่ได้อาจลดลงเพียงเล็กน้อยในบางกรณี 

เราจะฝึกโมเดลอย่างต่อเนื่องในกรณีที่เหมาะสมและสามารถทำได้ รวมทั้งจะประเมินประสิทธิภาพของโมเดลอย่างสม่ำเสมอหรือต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ (เช่นเดียวกับการติดตามกระบวนการที่ระบุไว้ข้างต้น) ความถูกต้องของข้อมูลที่ได้อาจลดลงเพียงเล็กน้อยในบางกรณี

ทั้งนี้การให้น้ำหนักพิเศษในข้อมูลที่ใช้ฝึกและประเมินผลแมชชีนเลิร์นนิงจะอยู่ในระดับที่น้อยมาก เนื่องจากหากมีการให้น้ำหนักพิเศษอย่างเป็นรูปธรรม การป้องกัน IVT อาจไม่ได้รับอนุมัติ โปรเจ็กต์แมชชีนเลิร์นนิงทั้งหมด ("การเปิดตัว") จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากหลายๆ หน่วยงานก่อนที่จะได้รับอนุมัติ โดยกระบวนการนี้จะเป็นการประเมินการให้น้ำหนักพิเศษของโมเดลและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และโปรเจ็กต์จะต้องผ่านเกณฑ์คุณภาพการเข้าชมจากโฆษณาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนจึงจะได้รับอนุมัติ Google ใช้การติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจจับการให้น้ำหนักพิเศษของโมเดลต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มีการแจ้งเตือน และการประเมิน การวิเคราะห์ ตลอดจนการอัปเดตโมเดล

Google ใช้เทคนิคที่มีแมชชีนเลิร์นนิงและ/หรือการดำเนินการ/การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ควบคู่กันกับการเข้าชมทุกประเภท สำหรับวิธีการป้องกันบางวิธี Google จะใช้การสร้างลูกค้าเป้าหมายที่มาจากแมชชีนเลิร์นนิง ตามด้วยการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ แต่วิธีการป้องกันอื่นๆ จะเริ่มจากการใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ แล้วจึงใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อสร้างข้อมูลทั่วไป ทั้งนี้การใช้เทคนิคแมชชีนเลิร์นนิงและการดำเนินการ/การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและเป็นไปตามเกณฑ์หลายข้อ รวมถึงการแจ้งเตือน การยกระดับความสำคัญ และความผันผวนโดยธรรมชาติที่อาจเกิดจากการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องในประเภทต่างๆ ดังนั้นการกระจายจึงอาจเปลี่ยนแปลงได้ และ "ระดับ" ความน่าเชื่อถือของแมชชีนเลิร์นนิงหรือการดำเนินการ/การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่อาจมีความผันผวนเมื่อเวลาผ่านไป

1แมชชีนเลิร์นนิงที่มีการควบคุมดูแลใช้ข้อมูลป้อนเข้าและข้อมูลผลลัพธ์ที่ติดป้ายกำกับ หมายความว่าระบบจะคาดการณ์ลักษณะของข้อมูลผลลัพธ์จากโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง

การเปิดเผยการรายงานตำแหน่งการวาง

Google จะไม่รายงานตำแหน่งการวางโฆษณาวิดีโอสำหรับการเข้าชมใน YouTube หรือพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google (GVP) ตำแหน่งของโฆษณาในสตรีมในโฆษณาวิดีโอของ Google นั้นส่วนหนึ่งคิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพอัตโนมัติในนามของผู้ลงโฆษณา และส่วนหนึ่งคิดจากพื้นที่โฆษณาที่พร้อมให้บริการตามรูปแบบพฤติกรรมที่ผันผวนของผู้ใช้ อัลกอริทึมการแสดงโฆษณาของ Google จัดสรรโฆษณาตามปัจจัยเหล่านี้สำหรับการแสดงผลแต่ละครั้ง ซึ่งไม่เหมือนกับการรายงานตำแหน่งสปอตโฆษณาบนทีวีแบบดั้งเดิมที่จะมีตำแหน่งตายตัวสำหรับผู้ชมทุกคน

การเปิดเผยการรายงานจำนวนการเข้าชมที่ได้จากการซื้อ

Google Ads ไม่รายงานจำนวนการเข้าชมที่ได้จากการซื้อสำหรับพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google (GVP) เนื่องจากผู้เผยแพร่โฆษณาได้ประกาศว่าจำนวนการเข้าชมที่ได้จากการซื้อใน GVP น้อยกว่า 0.1%

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
16030103207537140320
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false