ใช้รายงานข้อความค้นหาเพื่อดูว่าโฆษณาทำงานได้ดีเพียงใดเมื่อมีการค้นหาจริงภายในเครือข่าย Search บทความนี้อธิบายรายงานข้อความค้นหาและวิธีใช้
หากต้องการทราบวิธีดูและทําความเข้าใจรายงานข้อความค้นหา โปรดดูที่ดูรายงานข้อความค้นหา
ความแตกต่างระหว่างข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรายงานข้อความค้นหากับข้อความค้นหา
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหาจะวิเคราะห์ข้อความค้นหาที่โฆษณาของคุณปรากฏในช่วง 56 วันที่ผ่านมา โดยจัดกลุ่มตามธีมและธีมย่อยเพื่อให้คุณมีเมตริกประสิทธิภาพที่สําคัญสำหรับแต่ละรายการ ในกรณีที่สามารถใช้งานได้ เราแนะนําให้ใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อทําความเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าสนใจได้อย่างง่ายดาย และเพื่อดึงดูดความต้องการที่ยังไม่ได้ใช้งานให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คุณอาจสังเกตเห็นความแตกต่างบางอย่างระหว่างข้อมูลที่แสดงในข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหาเมื่อเทียบกับรายงานข้อความค้นหา
- Conversion: วิธีประมวลผล Conversion จะแตกต่างออกไประหว่างข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหาและรายงานข้อความค้นหา คุณอาจสังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างทั้ง 2 แพลตฟอร์มเนื่องจากเวลาหน่วงของ Conversion
- ธีมย่อยและคําค้นหา: ข้อความค้นหาบางรายการที่มีกิจกรรมค้นหาไม่เพียงพอจะไม่รวมอยู่ในรายงานข้อความค้นหา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหาจะคำนึงถึงคำค้นหาที่มีปริมาณน้อยเหล่านี้โดยจัดกลุ่มเป็นธีมย่อยที่เกี่ยวข้องหากทำได้ หรือรวมคำค้นหาเหล่านั้นเป็น "คำค้นหาอื่นๆ" โดยไม่เปิดเผยคำค้นหา
ประโยชน์
รายงานข้อความค้นหาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการค้นหาที่เรียกให้โฆษณาแสดงและประสิทธิภาพของการค้นหาเหล่านั้น รายงานนี้ยังช่วยให้คุณค้นพบแนวคิดใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาและเนื้อหาหน้า Landing Page ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาอีกด้วย
ข้อความค้นหากับคีย์เวิร์ดแตกต่างกันอย่างไร ข้อความค้นหาคือคำหรือชุดคำที่ผู้ใช้ป้อนเมื่อค้นหาใน Google หรือเว็บไซต์ในเครือข่าย Search ของเรา ส่วนคีย์เวิร์ดคือคำหรือชุดคำที่ผู้ลงโฆษณา Google Ads เพิ่มลงในกลุ่มโฆษณาหนึ่งๆ เพื่อให้โฆษณากำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่าง
เดชาต้องการซื้อช่อดอกไม้สำหรับวันวาเลนไทน์ทางออนไลน์ เขาพิมพ์คำว่า "กุหลาบสีแดง" ลงในช่องค้นหาบน Google "กุหลาบสีแดง" คือข้อความค้นหา สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขายดอกไม้ออนไลน์และจัดการบัญชี Google Ads คุณใส่คำว่า "กุหลาบ" เป็นคีย์เวิร์ดในแคมเปญ Google Ads โฆษณาของคุณจึงอาจมีสิทธิ์แสดงบนหน้าผลการค้นหาของเดชา
ดูรายงานข้อความค้นหา
หากต้องการดูรายงานข้อความค้นหา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
- คลิกแคมเปญ
ข้อมูลเชิงลึกและรายงาน จากนั้นคลิกข้อความค้นหา
ในรายงาน คุณจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อความค้นหาที่ลูกค้าจํานวนมากใช้ ซึ่งทําให้เกิดการแสดงผลและการคลิก
คุณยังใช้ฟีเจอร์ต่อไปนี้ได้ด้วย
ปุ่มคอลัมน์  |
แก้ไขรายงานข้อความค้นหาและเปลี่ยนแปลงคอลัมน์ที่จะแสดง โดยคุณสามารถเพิ่ม นําออก หรือเรียงลําดับคอลัมน์ในรายงานใหม่ รวมถึงบันทึกชุดคอลัมน์และใช้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ |
ปุ่มดาวน์โหลด  |
ดาวน์โหลดข้อมูลในรายงาน เลือกรูปแบบที่จะดาวน์โหลดข้อมูลจากรายการที่ปรากฏเมื่อคลิกข้อมูลนั้น |
ปุ่มแบ่งกลุ่ม  |
แยกตารางออกตามเวลา, Conversion, อุปกรณ์ (อุปกรณ์ที่โฆษณาแสดง) หรือเครือข่าย |
| ปุ่ม ขยาย  |
ขยายตารางรายงานข้อความค้นหา กลับไปที่มุมมองก่อนหน้าโดยคลิกปุ่มยุบ  |
การทำความเข้าใจข้อมูลข้อความค้นหาของคุณ
การทำความเข้าใจคอลัมน์ "คีย์เวิร์ด"
คอลัมน์ "คีย์เวิร์ด" ระบุให้คุณทราบว่าคีย์เวิร์ดใดตรงกับข้อความค้นหาของผู้ใช้ และเรียกให้แสดงโฆษณาของคุณ ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณเห็นคีย์เวิร์ด "ในการทำงานจริง" โดยแสดงให้เห็นว่าคีย์เวิร์ดจับคู่กับการค้นหาจริงอย่างไร
คุณสามารถใช้ข้อมูลในคอลัมน์ "คีย์เวิร์ด" เพื่อปรับปรุงรายการคีย์เวิร์ดได้ เช่น สมมติว่าคุณขายดอกทิวลิป เมื่อดูรายงานข้อความค้นหา คุณจะเห็นว่าคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง เช่น คำว่า "ดอกไม้" เรียกให้โฆษณาของคุณแสดงเมื่อมีลูกค้าค้นหาคำว่า "กุหลาบสีแดง" และ "กล้วยไม้สีม่วง" ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คุณไม่ได้ขาย คุณจึงตัดสินใจปรับแต่งรายการคีย์เวิร์ดเพื่อเน้นคำและวลีที่เจาะจงไปที่ผลิตภัณฑ์ที่คุณขาย ซึ่งก็คือดอกทิวลิป
คอลัมน์ "คีย์เวิร์ด" ไม่แสดงโดยค่าเริ่มต้น ในประสบการณ์การใช้งาน Google Ads แบบใหม่ หากต้องการเปิดคอลัมน์ "คีย์เวิร์ด" ให้คลิกไอคอนคอลัมน์
การทำความเข้าใจคอลัมน์ "ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด"
แก้ไขรายงาน
คุณสามารถแก้ไขรายงานเพื่อดูรายการข้อความค้นหาที่เรียกให้โฆษณาแสดงสำหรับทั้งบัญชี หรือแคมเปญเฉพาะ หรือกลุ่มโฆษณาได้ เข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้โดยคลิก "แคมเปญ" ข้อมูลเชิงลึกและรายงาน จากนั้นคลิกเครื่องมือแก้ไขรายงาน แล้วเลือกรายงานที่ต้องการซึ่งอยู่ใต้ "รายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (มิติข้อมูล)"
โปรดทราบว่าแม้ข้อมูลเดียวกันสำหรับแต่ละคีย์เวิร์ดจะปรากฏเมื่อดูรายงานข้อความค้นหาด้วยวิธีนี้ แต่คุณจะไม่สามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดหรือคีย์เวิร์ดเชิงลบจากรายงานได้โดยตรง
ข้อความค้นหาในพาร์ทเนอร์ Search
นอกจากหน้าผลการค้นหาแล้ว โฆษณาของคุณบนพาร์ทเนอร์ Search ของเรายังปรากฏบนหน้าไดเรกทอรีของเว็บไซต์ หรือหน้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาของบุคคลนั้นได้ด้วย ข้อความค้นหาในตัวอย่างเหล่านี้อาจปรากฏยาวกว่าปกติ หรืออาจมีรูปแบบที่แตกต่างออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บนั้นๆ
วิธีการทำงาน
รายงานข้อความค้นหาคือรายการข้อความค้นหาที่มีคนใช้จำนวนมาก และทำให้โฆษณาของคุณแสดง ข้อความค้นหาที่แสดงอาจแตกต่างจากรายการคีย์เวิร์ด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการทำงานของคีย์เวิร์ด
คอลัมน์ "ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด" จะช่วยให้ทราบว่าข้อความค้นหาที่เรียกให้โฆษณาแสดงใน Google นั้นเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่ใช้จริงในบัญชีของคุณเพียงใด เมื่อทราบว่าประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดใดทำงานได้ดีสำหรับคีย์เวิร์ดและการค้นหาใด ก็จะปรับแต่งประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดทั้งหมดเพื่อให้โฆษณาของคุณแสดงขึ้นเมื่อมีการค้นหาที่ตรงกันเท่านั้น คอลัมน์ "คีย์เวิร์ด" ช่วยให้ทราบว่าคีย์เวิร์ดใดตรงกับข้อความค้นหาของผู้ใช้และเรียกให้โฆษณาของคุณแสดง คอลัมน์นี้ไม่แสดงโดยค่าเริ่มต้น ดูวิธีแก้ไขคอลัมน์ได้ที่ดูรายงานข้อความค้นหา
วิธีกำหนดประเภทการทำงานของข้อความค้นหา
เราจะใช้ตัวอย่างต่อไปนี้เพื่อช่วยคุณในการทำความเข้าใจวิธีกำหนดประเภทการทำงานของข้อความค้นหา
| กลุ่มโฆษณา | คีย์เวิร์ด |
|---|---|
| กลุ่มโฆษณา A | คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบตรงทั้งหมด [ดอกไม้สีม่วง] |
| กลุ่มโฆษณา B | คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบวลี "ดอกไม้สีม่วง" |
| กลุ่มโฆษณา C | คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง ดอกไม้สีม่วง |
จำกลุ่มโฆษณาและคีย์เวิร์ดเหล่านี้ไว้ เราจะใช้ตารางต่อไปนี้แสดงให้คุณเห็นว่าข้อความค้นหาแบบต่างๆ ที่เรียกโฆษณาของคุณบน Google นั้นเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดอย่างไร โปรดทราบว่าเมื่อประเภทการทำงานของข้อความค้นหาเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียง ก็จะระบุไว้ในคอลัมน์ “ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด” รูปแบบที่ใกล้เคียงรวมถึงการสะกดผิด รูปเอกพจน์และพหูพจน์ ตัวย่อ คำจากรากคำเดียวกัน (เช่น พื้นและการปูพื้น) คำย่อ เครื่องหมายแสดงการเน้นเสียง และรูปแบบของคำในคีย์เวิร์ดที่มีความหมายเหมือนกัน
โปรดทราบว่าประเภทการทำงานของข้อความค้นหาในรายงานอาจไม่ตรงกับประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกไว้สำหรับคีย์เวิร์ดที่เรียกใช้โฆษณา ทั้งนี้เนื่องจากคีย์เวิร์ดที่มีประเภทการทำงานกว้างกว่ายังคงจับคู่กับข้อความค้นหาที่มีประเภทการทำงานแคบกว่าได้ เช่น หากมีผู้ค้นหาดอกไม้สีม่วง และคีย์เวิร์ดดอกไม้สีม่วงที่ทำงานแบบกว้างเรียกโฆษณาของคุณให้แสดง ประเภทการทำงานของข้อความค้นหาจะเป็นแบบตรงทั้งหมด แม้ว่าในกลุ่มโฆษณานั้น คำว่าดอกไม้สีม่วงจะเป็นคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างก็ตาม
| คีย์เวิร์ดของคุณ | ข้อความค้นหาของลูกค้า | ประเภทการทำงานของข้อความค้นหา | เหตุผลในการใช้ประเภทการทำงานของข้อความค้นหา |
|---|---|---|---|
| [ดอกไม้สีม่วง] | ดอกไม้สีม่วง | การทำงานแบบตรงทั้งหมด | ข้อความค้นหาตรงกับคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบตรงทั้งหมดจากกลุ่มโฆษณา A ทุกประการ |
| [ดอกไม้สีม่วง] | ดกไม้สีม่วง | การทำงานแบบตรงทั้งหมด (รูปแบบที่ใกล้เคียง) | ข้อความค้นหาเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงรูปแบบหนึ่ง (มีทั้งความหมายและความตั้งใจเดียวกัน) ของคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบตรงทั้งหมดจากกลุ่มโฆษณา A |
| "ดอกไม้สีม่วง" | ดอกไม้สีม่วง | การทำงานแบบตรงทั้งหมด | ข้อความค้นหาตรงกับคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบวลีจากกลุ่มโฆษณา B ทุกประการ |
| "ดอกไม้สีม่วง" | ดอกไม้สีม่วงฟรี | การทำงานแบบวลี | ข้อความค้นหามีคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบวลีจากกลุ่มโฆษณา B |
| "ดอกไม้สีม่วง" | ดกไม้สีม่วงฟรี | การทำงานแบบวลี (รูปแบบที่ใกล้เคียง) | ข้อความค้นหาเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงรูปแบบหนึ่ง (มีทั้งความหมายและความตั้งใจเดียวกัน) ของคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบวลีจากกลุ่มโฆษณา B |
| ดอกไม้สีม่วง | ดอกไม้สีม่วง | การทำงานแบบตรงทั้งหมด | ข้อความค้นหาตรงกับคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจากกลุ่มโฆษณา C ทุกประการ |
| ดอกไม้สีม่วง | ดอกไม้สีม่วงฟรี | การทำงานแบบวลี | ข้อความค้นหามีคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจากกลุ่มโฆษณา C |
| ดอกไม้สีม่วง | ดอกไม้สีชมพู | ทำงานแบบกว้าง | ข้อความค้นหาเป็นรูปแบบหนึ่งของคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจากกลุ่มโฆษณา C |
จัดการคีย์เวิร์ดตามข้อมูลข้อความค้นหา
ใช้ข้อมูลข้อความค้นหาเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงคีย์เวิร์ดซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของคุณดีขึ้น ลองดูแนวคิดบางส่วนกัน
- หากข้อความค้นหาไม่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนออย่างที่ควรจะเป็น ให้เพิ่มเป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบ การเพิ่มข้อความค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบจะช่วยป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงต่อผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่คุณไม่ได้ขาย เช่น หากคุณขายไวน์ และพบว่าข้อความค้นหา "แก้วไวน์" กำลังเรียกให้โฆษณาของคุณแสดง เราแนะนำให้ใส่ "แก้ว" เป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบ
- แก้ไขประเภทการทํางานของคีย์เวิร์ด (นั่นคือ แบบกว้าง แบบวลี แบบตรงทั้งหมด หรือแบบเชิงลบ) ให้กับคีย์เวิร์ดที่มีอยู่ คอลัมน์ "ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด" ช่วยให้คุณเข้าใจว่าประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดส่งผลต่อประสิทธิภาพโฆษณาของคุณอย่างไร
- เราขอแนะนำให้ใช้ Smart Bidding ซึ่งมีสัญญาณบริบทที่หลากหลายเพื่อตั้งราคาเสนอสำหรับการประมูลแต่ละครั้งและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
