การกำหนดสถานที่เป้าหมายของ Google Ads ช่วยให้เลือกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่โฆษณาของคุณปรากฏได้ และยังใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ด้วย
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพตามสถานที่ตั้งช่วยให้จัดสรรการโฆษณาออนไลน์และงบประมาณในภูมิภาคที่ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากที่สุดได้ดีขึ้น
เราได้ระบุเคล็ดลับที่มีประโยชน์ไว้ด้านล่างเพื่อช่วยคุณปรับแต่งการกำหนดสถานที่เป้าหมาย
ดูประสิทธิภาพตามสถานที่ตั้ง
คุณใช้ข้อมูลประสิทธิภาพทางภูมิศาสตร์เพื่อยืนยันว่าโฆษณาปรากฏในสถานที่หนึ่งๆ และเปรียบเทียบประสิทธิภาพโฆษณาในสถานที่ต่างๆ ได้ ใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุพื้นที่ที่คุณต้องการมุ่งเน้นการโฆษณา และดูเคล็ดลับในรายการนี้เพื่อช่วยทำให้โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในแต่ละพื้นที่
ตัวอย่าง
คุณมีแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายประเทศไทยทั้งประเทศ แต่คุณอาศัยอยู่ในประเทศอื่น โดยการดูข้อมูลประสิทธิภาพทางภูมิศาสตร์ คุณจะแน่ใจได้ว่าโฆษณาของคุณมีการแสดงผลในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ คุณยังพบว่าโฆษณาทำงานได้ดีกว่าในกรุงเทพมหานครและพระนครศรีอยุธยา ดังนั้น คุณจึงตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์การโฆษณาใหม่ที่กำหนดเป้าหมาย 2 จังหวัดนี้
กำหนดงบประมาณของคุณในบางพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นหรือน้อยลง
หากแคมเปญของคุณทำงานได้ดีขึ้นในบางพื้นที่ คุณอาจต้องเรียกใช้แคมเปญแยกที่กำหนดเป้าหมายไปยังเฉพาะพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งจะทำให้คุณเพิ่มราคาเสนอระดับคีย์เวิร์ดและงบประมาณเพื่อเพิ่มการแสดงโฆษณาให้สูงสุดในเมืองที่มีประสิทธิภาพสูงได้ ในทำนองเดียวกัน ลองสร้างแคมเปญอีกแคมเปญหนึ่งที่กำหนดเป้าหมายพื้นที่ที่ไม่ใช่เมืองที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของคุณ โดยคุณควรใช้คำหลักที่เหมือนกับแคมเปญอื่นๆ แต่กำหนดราคาเสนอระดับคำหลักที่ต่ำกว่า
ตัวอย่าง
คุณได้กำหนดเป้าหมายให้กับแคมเปญโฆษณาอุปกรณ์ดำน้ำของคุณไปยังทั่วประเทศไทย แต่คุณขายอุปกรณ์ดำน้ำส่วนมากให้กับลูกค้าในกระบี่ คุณสร้างการกำหนดเป้าหมายแคมเปญแยกต่างหากสำหรับกระบี่เพื่อให้คุณดูประสิทธิภาพของแคมเปญในจังหวัดนั้นได้อย่างง่ายดาย แล้วปรับงบประมาณให้เหมาะสม
เขียนข้อความโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เฉพาะเจาะจง
เน้นจุดขายเฉพาะตัวของธุรกิจของคุณ เช่น ผลิตภัณฑ์หรือบริการบางรายการซึ่งมีโอกาสสูงที่ลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ จะให้ความสนใจ นอกจากนี้คุณยังเสนอโปรโมชันที่มีให้สำหรับบางพื้นที่ได้อีกด้วย
ตัวอย่าง
คุณพบว่าร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ของคุณขายผ้าพันคอสีแดงส่วนใหญ่ให้กับลูกค้าในเชียงราย เพื่อดึงดูดลูกค้าในเชียงราย คุณจึงสร้างโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายไปยังลูกค้าในเชียงรายโดยเน้นการโฆษณาผ้าพันคอสีแดงของคุณ
ใช้หน้า Landing Page ที่เจาะจงสำหรับแต่ละสถานที่
หากคุณมีหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ที่ต่างกันไปตามภูมิภาคที่คุณแสดงโฆษณา ให้ส่งลูกค้าไปยังหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของพวกเขามากที่สุด ด้วยวิธีนี้ ลูกค้าของคุณจะไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตน
ตัวอย่าง
คุณเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และเว็บไซต์ของคุณมีรายการสำหรับอพาร์ทเมนต์ที่ขายทั่วภาคใต้ หากลูกค้ากำลังค้นหาอพาร์ทเมนต์ในภูเก็ต คุณควรส่งพวกเขาไปยังหน้า Landing Page ที่มีอพาร์ทเมนต์ในภูเก็ต แทนที่จะเป็นอพาร์ทเมนต์ในหาดใหญ่
ใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งเพื่อเน้นที่อยู่ธุรกิจของคุณ
หากลูกค้าของคุณจำเป็นต้องทราบว่าธุรกิจของคุณตั้งอยู่ที่ใด การเพิ่มชิ้นงานสถานที่ตั้งลงในโฆษณาของคุณจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ชิ้นงานสถานที่ตั้งจะรวมที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ธุรกิจของคุณกับข้อความโฆษณาของคุณได้อย่างลงตัว
หากธุรกิจทั้งหมดในชิ้นงานสถานที่ตั้งของคุณอยู่ในประเทศไทย คุณกำหนดเป้าหมายรัศมีรอบที่อยู่ในชิ้นงานสถานที่ตั้งนั้นเพื่อแสดงโฆษณาแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ธุรกิจของคุณได้ และคุณยังใช้ตัวคูณการเสนอราคากำหนดราคาเสนอที่แตกต่างกันสำหรับบริเวณเหล่านี้ได้ด้วย
ตัวอย่าง
สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านซ่อมจักรยานในตัวเมืองขอนแก่น ลูกค้าในบริเวณใกล้ร้านของคุณที่ค้นหาร้านซ่อมจักรยานจะเห็นโฆษณาพร้อมที่อยู่แบบเต็มและหมายเลขโทรศัพท์ แล้วลูกค้าจะนำจักรยานยางแบนไปที่ร้านของคุณ ทั้งนี้เป็นเพราะชิ้นงานสถานที่ตั้ง
ยกเว้นภูมิภาคที่ทำงานได้ไม่ดี
หากคุณได้รับคลิกโดยมีอัตรา Conversion ต่ำจากบางภูมิภาคอยู่เสมอ หรือได้รับคลิกจากภูมิภาคที่ไม่ต้องการแสดงโฆษณา ให้พิจารณายกเว้นภูมิภาคเหล่านี้ในการกำหนดเป้าหมาย
ตัวอย่าง
หากคุณกำหนดเป้าหมายทั่วทั้งประเทศไทย แต่พบว่าการคลิกจากนครพนมไม่ทำให้เกิด Conversion สำหรับธุรกิจเท่าใดนัก ก็ยกเว้นนครพนมเพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงโฆษณาในจังหวัดนี้ได้
