เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Performance Max สําหรับการขายออนไลน์ (ไม่ใช่ Shopping)

Performance Max ใช้ AI ของ Google เพื่อช่วยเพิ่ม Conversion และมูลค่าผ่านการเสนอราคา การกําหนดเป้าหมาย ครีเอทีฟโฆษณา และการระบุแหล่งที่มา แคมเปญประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อให้ทํางานกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดและช่องทางสื่อที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำให้ใช้เคล็ดลับต่อไปนี้ในการสร้างแคมเปญ Performance Max สําหรับการขายออนไลน์ (ไม่ใช่ Shopping) ให้ประสบความสําเร็จ

บทความนี้จะอธิบายแนวทางปฏิบัติแนะนําของแคมเปญ Performance Max สําหรับการขายออนไลน์ (ไม่ใช่ Shopping)

ดูแนวทางปฏิบัติแนะนําเพิ่มเติมได้จากบทความต่อไปนี้


การสร้างแคมเปญ

  • ระยะเวลาแคมเปญ: ใช้งานแคมเปญเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์เพื่อให้ AI ของ Google เรียนรู้และดูแลจัดการข้อมูลมากพอที่จะเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
  • สัญญาณของกลุ่มเป้าหมาย: Performance Max ทำงานด้วยระบบ AI ของ Google ใช้รายการกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสัญญาณเพื่อให้ AI ของ Google เรียนรู้และปรับปรุงผลลัพธ์ของแคมเปญได้เร็วขึ้น ใช้รายการรีมาร์เก็ตติ้ง ความตั้งใจที่กำหนดเอง การจับคู่ข้อมูลลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันเป็นสัญญาณ
ตามที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันจะเปลี่ยนเป็นโซลูชันที่ใช้งานได้นานขึ้น การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2023 และส่งผลต่อวิธีใช้กลุ่มที่คล้ายกันใน Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
  • ชิ้นงาน: ใช้ชิ้นงานให้ได้มากที่สุด เพิ่มชิ้นงานในกลุ่มชิ้นงาน โดยให้มีชิ้นงานข้อความอย่างน้อย 20 รายการ (บรรทัดแรก 15 รายการ คําอธิบาย 5 รายการ) ชิ้นงานรูปภาพอย่างน้อย 7 รายการ (รูปภาพแนวนอน 3 รูป รูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 รูป และรูปภาพแนวตั้ง 1 รูป) และชิ้นงานวิดีโออย่างน้อย 1 รายการ (ชิ้นงานของคุณเองหรือชิ้นงานที่สร้างโดยใช้เครื่องมือ Video Creation ระหว่างการตั้งค่าแคมเปญ) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างกลุ่มชิ้นงาน
  • กลุ่มชิ้นงาน: แบ่งกลุ่มชิ้นงานตามหมวดหมู่/ธีม/ภาษาของเนื้อหาหรือกลุ่มเป้าหมาย คุณมีกลุ่มชิ้นงานหลายกลุ่มในแคมเปญเดียวกันได้

ครีเอทีฟโฆษณา

  • ใช้ครีเอทีฟโฆษณาที่มีคุณภาพ: ครีเอทีฟโฆษณาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และให้คุณปรับแต่งแคมเปญเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือข้อเสนอใหม่ๆ เน้นที่การให้เนื้อหาที่ไม่ซ้ำกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • เปลี่ยนครีเอทีฟโฆษณาอย่างมีกลยุทธ์: ครีเอทีฟโฆษณาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้คุณปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องได้
    • เผื่อเวลาในการเรียนรู้: ให้โอกาสชิ้นงานได้เพิ่มประสิทธิภาพ โดยรอ 3-4 สัปดาห์เพื่อให้การทำงานและข้อมูลเชิงลึกได้พัฒนาก่อนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสมผสานองค์ประกอบครีเอทีฟโฆษณา
    • นำเนื้อหาประสิทธิภาพต่ำออก: ควรตรวจสอบคะแนนชิ้นงานไตรมาสละครั้งเพื่อแทนที่ชิ้นงานที่ล้าสมัยหรือมีประสิทธิภาพ "ต่ำ" ตามที่จําเป็น โปรดทราบว่าคุณจะแทนที่ชิ้นงานคะแนน "ต่ำ" ได้หลังผ่านไป 3-4 สัปดาห์ แต่อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งอาจทําให้ประสิทธิภาพผันผวนได้
    • การขายช่วงสุดสัปดาห์: เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ จากนั้นปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาบ่อยๆ โดยเปลี่ยนจากครีเอทีฟโฆษณาทั่วไปของร้านค้าไปเป็นครีเอทีฟโฆษณาที่เน้นยอดขาย กลยุทธ์นี้ช่วยให้คุณทำโปรโมชันตามเวลาได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ
  • พื้นที่โฆษณาภาพ: ลูกค้ามองหาแหล่งข้อมูลภาพทางออนไลน์เพื่อหาแรงบันดาลใจในสิ่งที่จะซื้อ ใช้พื้นที่โฆษณาภาพเพื่อกําหนดเป้าหมายลูกค้าใหม่

การรายงาน

  • คุณภาพของโฆษณา: คุณดูคุณภาพของโฆษณาได้โดยคลิกโฆษณาในเมนูแบบเลื่อนลง "แคมเปญ" จากเมนูหน้าเว็บด้านซ้าย แล้วดูที่คอลัมน์ "คุณภาพของโฆษณา" เมตริกมีตั้งแต่ "แย่" ไปจนถึง "ยอดเยี่ยม" ใช้ตัวบ่งชี้ "คุณภาพของโฆษณา" เพื่อดูว่ากลุ่มชิ้นงานพร้อมรับความสำเร็จหรือไม่

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
8110552128741172574
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false