ซ่อนโฆษณาในเว็บไซต์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google

บทความนี้จะอธิบายฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ซ่อนโฆษณาที่ไม่ต้องการเห็นได้ 

ฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" ช่วยให้ผู้ใช้ปิดหรือหยุดการแสดงโฆษณาได้ และส่งสัญญาณบอกว่าไม่สนใจโฆษณาประเภทใดบ้าง ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์สำหรับทุกคนดังนี้

• ผู้ใช้: ควบคุมประสบการณ์ใช้งานโฆษณาได้มากขึ้น
• ผู้ลงโฆษณา: ไม่ต้องเสียเงินเพื่อแสดงโฆษณาแก่ผู้ที่ไม่สนใจดู
• ผู้เผยแพร่โฆษณา: แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้มากขึ้น ความพึงพอใจในเว็บไซต์สูงขึ้น และได้รับการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เยอะขึ้น

วิธีการทำงานของ "ซ่อนโฆษณานี้"

"ซ่อนโฆษณานี้" เป็นป้ายวางซ้อนเล็กๆ ที่ปรากฏตรงมุมขวาบนของครีเอทีฟโฆษณา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ระบุได้ว่าไม่ต้องการเห็นโฆษณาอีก จากนั้นระบบจะพยายามไม่แสดงโฆษณานั้นหรือโฆษณาที่คล้ายกันแก่ผู้ใช้คนดังกล่าวอีก ความคล้ายคลึงกันของโฆษณานี้รวมถึงฟีเจอร์เกี่ยวกับภาพ ผู้ลงโฆษณา และหน้า Landing Page ของโฆษณา

หากต้องการซ่อนโฆษณา ให้ทำดังนี้

1. คลิกหรือแตะ บนโฆษณาที่ต้องการซ่อน
2. คลิกหรือแตะหยุดแสดงโฆษณานี้

3. เลือกระบุเหตุผลที่ไม่ต้องการเห็นโฆษณานั้นอีกต่อไป โดยมีตัวเลือกดังนี้

   • เห็นโฆษณานี้หลายครั้งแล้ว (มุ่งไปที่ความถี่ของโฆษณา/รีมาร์เก็ตติ้ง)
   • โฆษณาบังเนื้อหา (มุ่งไปที่การจัดวางหน้าเว็บ/ลักษณะการแสดงโฆษณา)
   • โฆษณาไม่เหมาะสม (มุ่งไปที่เนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสม)
   • ไม่สนใจโฆษณานี้ (มุ่งไปที่การกำหนดเป้าหมายที่ไม่สอดคล้องกันและการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้) 
   • ซื้อสินค้านี้ไปแล้ว (รีมาร์เก็ตติ้ง)

บางครั้ง Google อาจไม่สามารถให้ตัวเลือก "หยุดแสดงโฆษณานี้" และจะให้ตัวเลือก "รายงานโฆษณานี้" แทน

หลังจากผู้ใช้ซ่อนโฆษณานั้นๆ แล้ว โฆษณาเดียวกันนี้อาจยังแสดงแก่ผู้ใช้คนเดิมอีกครั้ง กรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งต่อไปนี้

• ผู้ใช้ล้างคุกกี้
• ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ที่อยู่นอกเครือข่าย Display ของ Google
• ผู้ลงโฆษณาใช้บริษัทอื่นเพื่อแสดงโฆษณาเดียวกัน
• ระบบการโฆษณาของ Google ไม่จดจำอุปกรณ์ของผู้ใช้ว่ามีการลงชื่อเข้าใช้อยู่
• ผู้ใช้เลือก "โฆษณาบังหน้าจอ" เพื่อรายงานปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งของโฆษณา แทนที่จะเป็นการรายงานเนื้อหาของโฆษณา

ฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" จะแสดงต่อผู้ใช้ใน EEA เสมอ

"ซ่อนโฆษณานี้" สำหรับ Google Ads และ Display & Video 360

ฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" มีให้ใช้งานกับครีเอทีฟโฆษณาบางรายการที่ Google Ads และ Display & Video 360 แสดง แม้ว่าคุณจะปิดตัวเลือกสำหรับครีเอทีฟโฆษณาเมื่อแสดงผ่าน Ad Manager ได้ แต่จะปิดไม่ได้สำหรับครีเอทีฟโฆษณาที่แสดงผ่าน Google Ads หรือ Display & Video 360

หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google แล้ว และเปิดการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ไว้ ระบบจะซ่อนโฆษณาที่ผู้ใช้ซ่อนในอุปกรณ์ทั้งหมดที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ โฆษณาที่ซ่อนอาจยังแสดงแก่ผู้ใช้ที่ปิดการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ไว้

การติดป้ายโฆษณาและฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" สำหรับ Ad Manager

การติดป้ายโฆษณาเป็นการระบุว่าเนื้อหาของคุณเป็นโฆษณา ให้ข้อมูลความโปร่งใสเกี่ยวกับผู้ลงโฆษณา และช่วยให้รายงานเนื้อหาที่ผิดกฎหมายได้ ใน Ad Manager นั้น การติดป้ายระบุว่าเป็นโฆษณาและฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" จะทำงานในลักษณะต่อไปนี้

• แสดงต่อผู้ใช้ใน EEA เสมอ
• ไม่ใช้กับครีเอทีฟโฆษณาใดก็ตามที่แสดงผ่านแคมเปญผู้สนับสนุน 100% ผ่าน Ad Manager เว้นแต่ผู้ใช้จะอยู่ใน EEA

หากต้องการปิดการติดป้ายระบุว่าเป็นโฆษณาและฟีเจอร์ "ซ่อนโฆษณานี้" สำหรับครีเอทีฟโฆษณาที่แสดงผ่าน Ad Manager ให้ทำดังนี้

1. ลงชื่อเข้าใช้ Google Ad Manager
2. คลิกผู้ดูแลระบบ จากนั้นคลิกการตั้งค่าส่วนกลาง แล้วคลิกการตั้งค่าเครือข่าย
3. ไปที่ "การตั้งค่าที่กำหนดเองของโฆษณา" แล้วเปิดการติดป้ายโฆษณาและซ่อนโฆษณานี้

ตัวเลือกในการปิดการติดป้ายระบุว่าเป็นโฆษณาและ "ซ่อนโฆษณานี้" จะไม่มีผลกับผู้ใช้ใน EEA

ไอคอนป้ายโฆษณาจะไม่ปรากฏในตัวอย่างโฆษณา และจะปรากฏก็ต่อเมื่อโฆษณาแสดงเท่านั้น

รายงานเกี่ยวกับ "ซ่อนโฆษณานี้" สำหรับ Ad Manager

คุณสามารถเรียกใช้รายงานในส่วนการรายงานเกี่ยวกับ "ซ่อนโฆษณานี้" ได้โดยใช้รายงานข้อมูลย้อนหลัง เมตริกที่เฉพาะเจาะจงมีดังนี้ 

• การแสดงผลที่มีสิทธิ์ที่ซ่อนไว้ทั้งหมด: จำนวนการแสดงผลที่ใช้ป้ายวางซ้อน "ซ่อนโฆษณานี้" ขณะนี้ใช้ได้กับครีเอทีฟโฆษณาประเภท "รูปภาพ" เท่านั้น
• การแสดงผลที่ซ่อนไว้ทั้งหมด: จำนวนการแสดงผลที่ผู้ใช้เลือกซ่อนโฆษณา

การรายงาน "ซ่อนโฆษณานี้" ใช้ได้ทั่วทั้ง Google Ads, Display & Video 360 และ Ad Manager