แนะนำให้แก้ไขการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้เมื่อคุณต้องการเปิดและปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาต่างๆ รวมถึงรีมาร์เก็ตติ้งและฟีเจอร์การรายงานโฆษณา หรือการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
แต่บางครั้งคุณก็ควรปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้แบบไดนามิกสำหรับการโหลดหน้าเว็บหรือเซสชันหนึ่งๆ เช่น เมื่อผู้ใช้ระบุว่าไม่ต้องการให้มีการใช้ข้อมูลของตนเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของตน คุณทำเช่นนี้ได้โดยแก้ไขโค้ดติดตามของ Analytics เวอร์ชันใดก็ได้ที่มีฟีเจอร์โฆษณา
เนื้อหาต่อไปนี้จะอธิบายถึงวิธีปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้แบบเป็นโปรแกรม ไม่ว่าคุณจะเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ผ่านการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้หรือผ่านโค้ดติดตามก็ตาม นอกจากนี้ยังมีวิธีเปิดใช้งานแบบเป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งระบุอยู่ในส่วนอื่นของเอกสารประกอบเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับอ้างอิง คุณยังควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาหรือการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ได้ด้วย โดยทำตามวิธีการเหล่านี้
allow_ad_personalization_signals
เป็น false
จะปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมด หลังจากวันที่ 16 กรกฎาคม 2020 การตั้งค่า allowAdPersonalizationSignals
เป็น false
สำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics หรือ allow_ad_personalization_signals
เป็น false
สำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 จะไม่ส่งผลต่อฟีเจอร์การรายงานโฆษณาที่เปิดในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics อีกต่อไป แต่การตั้งค่านี้จะทำเครื่องหมาย Hit ที่เกี่ยวข้องโดยมีข้อมูลที่แจ้งให้ Google Analytics ยกเว้นการใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงจากฟีเจอร์การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ปิดใช้ด้วย Google Tag Manager
หากต้องการปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาหรือการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้เมื่อกำหนดค่าแท็ก Google Analytics ใน Google Tag Manager ให้ตั้งค่าช่อง allowAdFeatures
หรือ allowAdPersonalizationSignals
เป็น false ในช่องที่ต้องตั้งค่าในแท็กหรือตัวแปรการตั้งค่า ดังนี้
ปิดใช้การปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
การใช้ Universal Analytics
- เปิดแท็ก Universal Analytics ใดๆ ที่เกี่ยวข้องหรือตัวแปรการตั้งค่า Google Analytics หากแท็กใช้ตัวแปรการตั้งค่า Google Analytics สิ่งที่ต้องทำคือทำการเปลี่ยนแปลงนี้ในตัวแปรการตั้งค่า ยกเว้นกรณีที่คุณต้องการลบล้างการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแบบแท็กต่อแท็ก
- เลือก + เพิ่มช่องในส่วนการตั้งค่าเพิ่มเติม > ช่องที่ต้องตั้งค่า
- ป้อนชื่อช่องเป็น allowAdPersonalizationSignals
- ป้อนค่าเป็น false (หรือเลือกตัวแปรที่ส่งคืนค่าเท็จตามเงื่อนไข)
การใช้ Google Analytics 4
- เปิดแท็กการกําหนดค่า Google Analytics 4 ที่เกี่ยวข้อง
- เลือก + เพิ่มช่องในส่วนการตั้งค่าเพิ่มเติม > ช่องที่ต้องตั้งค่า
- ป้อนชื่อช่องเป็น allow_ad_personalization_signals
- ป้อนค่าเป็น false (หรือเลือกตัวแปรที่ส่งคืนค่าเท็จตามเงื่อนไข)
ปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมด
การใช้ Universal Analytics
- เปิดแท็ก Universal Analytics ที่เกี่ยวข้อง หากแท็กใช้ตัวแปรการตั้งค่า Google Analytics สิ่งที่ต้องทำคือทำการเปลี่ยนแปลงนี้ในตัวแปรการตั้งค่า ยกเว้นกรณีที่คุณต้องการลบล้างการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแบบแท็กต่อแท็ก
- เลือก + เพิ่มช่องในส่วนการตั้งค่าเพิ่มเติม > ช่องที่ต้องตั้งค่า
- ป้อนชื่อช่องเป็น allowAdFeatures
- ป้อนค่าเป็น false (หรือเลือกตัวแปรที่ส่งคืนค่าเท็จตามเงื่อนไข)
การใช้ Google Analytics 4
- เปิดแท็กการกําหนดค่า Google Analytics 4 ที่เกี่ยวข้อง
- เลือก + เพิ่มช่องในส่วนการตั้งค่าเพิ่มเติม > ช่องที่ต้องตั้งค่า
- ป้อนชื่อช่องเป็น allow_google_signals
- ป้อนค่าเป็น false (หรือเลือกตัวแปรที่ส่งคืนค่าเท็จตามเงื่อนไข)
หากต้องการเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งในเครือข่าย Display และฟีเจอร์การรายงานโฆษณา ให้แก้ไขการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ใน Analytics
หากเปิดใช้การสลับในการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ แต่ได้ปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาในแท็ก แล้วต้องการเปิดใช้อีกครั้ง (เช่น หลังจากผู้บริโภคให้ความยินยอมแล้ว) คุณก็เพียงหยุดการปิดใช้ในระดับแท็กเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการ "กลับมาเปิดใช้" ฟีเจอร์โฆษณาสำหรับลูกค้ารายนั้นอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปิดใช้ด้วย gtag.js
คุณปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ผ่านแท็กเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อไม่ได้หากปัจจุบันใช้ gtag('config')
เพื่อใช้คำสั่งอยู่ การปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาที่ใช้งานด้วย gtag('set')
จะทำงานร่วมกับแท็กเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อ
หากคุณใช้คำสั่ง config
และต้องการใช้แท็กเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อสำหรับ Google Analytics 4 และต้องการปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 แบบเป็นโปรแกรม (เช่น gtag('config', 'TAG_ID', { 'allow_google_signals': false });
) คุณจะต้องเพิ่มโค้ดนั้นลงในหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องโดยตรง
หากต้องการปิดใช้เฉพาะการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ด้วย gtag.js ให้ตั้งค่า allow_ad_personalization_signals
เป็น false
ก่อนคำสั่ง config
ใดๆ
หากต้องการปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมดด้วย gtag.js ให้ตั้งค่า allow_google_signals
เป็น false
ก่อนคำสั่ง config
ใดๆ
gtag('set', 'allow_google_signals', false);
อ่านวิธีปิดใช้การปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้สำหรับบางผลิตภัณฑ์เท่านั้นได้ในเอกสารประกอบสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
เปิดใช้ด้วย gtag.jsปัจจุบัน การเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งในเครือข่าย Display และฟีเจอร์การรายงานโฆษณาผ่านโค้ดโดยใช้ gtag.js ยังทำไม่ได้ หากคุณใช้ gtag.js และต้องการเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งในเครือข่าย Display และฟีเจอร์การรายงานโฆษณา ให้แก้ไขการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ใน Analytics
หากเปิดใช้การสลับในการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ แต่ได้ปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาในแท็ก แล้วต้องการเปิดใช้อีกครั้ง (เช่น หลังจากผู้บริโภคให้ความยินยอมแล้ว) คุณก็เพียงหยุดการปิดใช้ในระดับแท็กเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการ "กลับมาเปิดใช้" ฟีเจอร์โฆษณาสำหรับลูกค้ารายนั้นอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปิดใช้ด้วย analytics.js
หากต้องการปิดใช้เฉพาะการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ด้วย analytics.js ให้ตั้งค่า allowAdPersonalizationSignals
เป็น false
เพิ่ม ga('set', 'allowAdPersonalizationSignals', false)
หลังคำสั่ง create
และก่อนที่จะส่ง Hit
หากต้องการปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมดด้วย analytics.js ให้ตั้งค่า allowAdFeatures
เป็น false
ดังนี้
เพิ่ม ga('set', 'allowAdFeatures', false)
หลังคำสั่ง create
และก่อนที่จะส่ง Hit
หากต้องการเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้สำหรับ Universal Analytics ให้แทรกบรรทัดที่ไฮไลต์ลงในโค้ดติดตามที่มีอยู่ระหว่างคำสั่ง "create"
กับ "send"
ตามที่แสดงในตัวอย่างนี้
<script>
(function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){
(i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o),
m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m)
})(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga');
ga('create', 'UA-XXXXXX-XX', 'example.com');
ga('require', 'displayfeatures');
ga('send', 'pageview');
</script>
ปิดใช้ด้วย ga.js
หากต้องการลบล้างการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้เพื่อปิดฟีเจอร์การรายงานโฆษณา ให้ทำดังนี้
เพิ่ม _gaq.push(['_set', 'displayFeatures', false]);
หลังคำสั่ง create
และก่อนที่จะส่ง Hit
หากคุณยังคงใช้ ga.js อยู่ คุณจะเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งและฟีเจอร์การรายงานโฆษณาสำหรับ Standard Analytics ได้โดยการแทนที่โค้ดที่ไฮไลต์ในตัวอย่างนี้
โค้ดติดตามมาตรฐาน
<script type="text/javascript">
var _gaq = _gaq || [];
_gaq.push(['_setAccount', 'UA-xxxxx-y']);
_gaq.push(['_trackPageview']);
(function() {
var ga = document.createElement('script'); ga.type = 'text/javascript'; ga.async = true;
ga.src = ('https:' == document.location.protocol ? 'https://ssl' : 'http://www') + '.google-analytics.com/ga.js';
var s = document.getElementsByTagName('script')[0]; s.parentNode.insertBefore(ga, s);
})();
</script>
โดยมีโค้ดที่ไฮไลต์ในตัวอย่างด้านล่าง
โค้ดที่แก้ไขเพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้
<script type="text/javascript">
var _gaq = _gaq || [];
_gaq.push(['_setAccount', 'UA-xxxxx-y']);
_gaq.push(['_trackPageview']);
(function() {
var ga = document.createElement('script'); ga.type = 'text/javascript'; ga.async = true;
ga.src = ('https:' == document.location.protocol ? 'https://' : 'http://') + 'stats.g.doubleclick.net/dc.js';
var s = document.getElementsByTagName('script')[0]; s.parentNode.insertBefore(ga, s);
})();
</script>
ปิดใช้ด้วย Measurement Protocol
หากใช้ Measurement Protocol เพื่อส่งข้อมูลไปยัง Google Analytics คุณก็แจ้งได้ว่าจะไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวสำหรับการปรับเปลี่ยนโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารประกอบสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ Measurement Protocol