การใช้การติดแท็กอัตโนมัติของ Google Ads มีประโยชน์หลายอย่างที่หาไม่ได้จากการติดแท็กด้วยตัวเอง ได้แก่
- ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการติดแท็กด้วยตนเองใน URL สุดท้ายทุกๆ รายการ
- ขจัดข้อผิดพลาดที่คุณอาจทำให้เกิดขึ้นเมื่อพยายามติดแท็ก URL แต่ละรายการด้วยตนเอง เช่น
utm_source=Google
นั้นต่างจากutm_source=google
- ช่วยให้คุณนำเข้าเป้าหมายและธุรกรรมของ Analytics ไปยังเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads
- มีคุณสมบัติการรายงาน Analytics ที่ละเอียดกว่า (ดูด้านล่าง)
การรายงานการติดแท็กอัตโนมัติเทียบกับการติดแท็กด้วยตนเอง
การติดแท็กด้วยตนเองสามารถให้ข้อมูลเฉพาะสำหรับมิติข้อมูลต่อไปนี้ ได้แก่ แคมเปญ แหล่งที่มา สื่อ เนื้อหา คีย์เวิร์ด อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณใช้การติดแท็กอัตโนมัติ คุณสามารถดูข้อมูลจากมิติข้อมูลเพิ่มเติมหลายรายการ ได้แก่
- ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดในข้อความค้นหา (คีย์เวิร์ดของคุณจับคู่กับข้อความค้นหาอย่างไร)
- กลุ่มโฆษณา (กลุ่มโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด/ครีเอทีฟโฆษณาและคลิก)
- URL สุดท้าย (URL สุดท้ายของ Google Ads)
- รูปแบบโฆษณา (ข้อความ ดิสเพลย์ วิดีโอ)
- เครือข่ายการกระจายโฆษณา (Google Search)
- โดเมนตำแหน่ง (โดเมนบนเครือข่ายเนื้อหาที่โฆษณาของคุณแสดง)
- รหัสลูกค้า Google Ads (หมายเลข 3 ส่วนที่ไม่ซ้ำที่กำหนดให้กับบัญชี Google Ads ของคุณ)
เมื่อใช้การติดแท็กอัตโนมัติ คุณจะได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์กว่าการติดแท็กด้วยตัวเองในรายงานต่อไปนี้
- ชั่วโมงของวัน
- ตำแหน่ง (ที่มีการวางโฆษณาบนเครือข่ายเนื้อหาของคุณไว้)
- ตำแหน่งของคีย์เวิร์ด (ตำแหน่งที่โฆษณาของคุณแสดงบน Google Search)
- การกำหนดเป้าหมายในเครือข่ายดิสเพลย์
- แคมเปญวิดีโอ
- แคมเปญ Shopping
นอกจากนี้ คุณลักษณะการรายงานและหน่วยโฆษณาใดๆ ที่จะมีให้บริการในอนาคตจะใช้งานได้เมื่อคุณใช้การติดแท็กอัตโนมัติเท่านั้น
จะทราบได้อย่างไรว่าคุณใช้การติดแท็กด้วยตัวเองอยู่
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
- คลิกโฆษณาและส่วนขยายในเมนูหน้าเว็บด้านซ้าย
- คลิกไอคอนคอลัมน์ที่ด้านบนสุดของตารางแล้วคลิกแก้ไขคอลัมน์
- คลิกแอตทริบิวต์และเลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจาก URL สุดท้าย
- คลิกใช้
หาก URL ใดในคอลัมน์ URL สุดท้าย มีพารามิเตอร์การค้นหาต่อไปนี้อย่างน้อย 1 รายการ แปลว่าคุณใช้การติดแท็กด้วยตัวเองอยู่
- utm_source
- utm_medium
- utm_campaign
- utm_content
- utm_term
ตัวอย่างเช่น หาก URL สุดท้ายของคุณคือ www.example.com เวอร์ชันที่ติดแท็กด้วยตัวเองจะมีลักษณะเช่นนี้
http://www.example.com/?utm_source=google&utm_medium=cpc&utm_campaign=camp1&utm_term=keyword&utm_content=creative