[GA4] เปรียบเทียบตัวกรอง พร็อพเพอร์ตี้ย่อย และบทบาทของผู้ใช้

ดูวิธีต่างๆ ในการจํากัดการเข้าถึงข้อมูลและวิธีสร้างรายงานเกี่ยวกับข้อมูลชุดย่อยที่เฉพาะเจาะจงภายในพร็อพเพอร์ตี้

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีเพียงเว็บไซต์เดียวหรือธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์และผลิตภัณฑ์จํานวนมาก คุณอาจต้องคำนึงถึงข้อมูลที่คุณและผู้อื่นในพร็อพเพอร์ตี้เข้าถึงได้

พร็อพเพอร์ตี้ย่อย ตัวกรองรายงาน ตัวกรองข้อมูล รวมถึงบทบาทของผู้ใช้ล้วนเป็นวิธีจัดการข้อมูลที่รวบรวมจากเว็บไซต์และแอป แล้วนำไปแสดงในรายงาน

ความแตกต่างโดยย่อ

ตารางต่อไปนี้จะเปรียบเทียบฟีเจอร์ที่มีให้ใน Google Analytics

  พร็อพเพอร์ตี้ย่อย บทบาทของผู้ใช้ ตัวกรองรายงาน ตัวกรองข้อมูล
กรณีการใช้งานหลัก การกำกับดูแล การจํากัดการเข้าถึงข้อมูลผ่านสิทธิ์ การปรับแต่งรายงานเฉพาะกิจ การจัดระเบียบข้อมูล
การควบคุมการเข้าถึง การควบคุมการเข้าถึงระดับพร็อพเพอร์ตี้ การควบคุมการเข้าถึงระดับบัญชีและพร็อพเพอร์ตี้ การควบคุมการเข้าถึงระดับรายงาน การควบคุมการเข้าถึงระดับพร็อพเพอร์ตี้
ความพร้อมใช้งาน พร็อพเพอร์ตี้ Analytics 360 เท่านั้น ใช้ได้กับทุกพร็อพเพอร์ตี้ ใช้ได้กับทุกพร็อพเพอร์ตี้ ใช้ได้กับทุกพร็อพเพอร์ตี้
มีผลย้อนหลัง ไม่ ใช่ ใช่ ไม่
แก้ไขข้อมูลอย่างถาวร ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ได้

ความแตกต่างอย่างละเอียด

ส่วนต่อไปนี้จะแสดงการเปรียบเทียบฟีเจอร์ข้างต้นที่ละเอียดยิ่งขึ้น

1. การกำกับดูแล

กรณีการใช้งานหลักของพร็อพเพอร์ตี้ย่อยคือการกํากับดูแล ซึ่งก็คือการควบคุมผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาชุดย่อย

พร็อพเพอร์ตี้ย่อยมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการจํากัดการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือข้อมูลที่เป็นความลับ หรือต้องการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลชุดย่อยต่างๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถจํากัดการเข้าถึงตามแผนก โปรเจ็กต์ หรือกลุ่มผู้ใช้

ควรใช้การกํากับดูแลเมื่อผู้ใช้บางกลุ่มไม่ควรเข้าถึงข้อมูลชุดย่อยในพร็อพเพอร์ตี้ ในกรณีที่ไม่จําเป็นต้องมีการกํากับดูแล ให้ใช้ฟีเจอร์ เช่น รายงาน การสํารวจ และอื่นๆ (ดูด้านล่าง) แทน

2. การจำกัดการเข้าถึง

Google Analytics ให้คุณกำหนดบทบาทซึ่งมีชุดสิทธิ์ลักษณะต่างๆ ที่ระดับบัญชีและพร็อพเพอร์ตี้ การกำหนดบทบาทช่วยให้คุณจํากัดการดำเนินการซึ่งผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงพร็อพเพอร์ตี้สามารถทำได้ในพร็อพเพอร์ตี้นั้น และจํากัดว่าจะให้ผู้ใช้ดูข้อมูลค่าใช้จ่ายและรายได้หรือไม่ กรณีการใช้งานนี้ยังจัดการโดยใช้พร็อพเพอร์ตี้ย่อยได้อีกด้วย แต่ตัวเลือกนี้มีค่าใช้จ่าย

3. การปรับแต่งรายงานเฉพาะกิจ

คุณปรับแต่งคอลเล็กชันรายงานและใช้ตัวกรองเพื่อให้ผู้ที่ใช้พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics ของคุณเห็นข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ เช่น เพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถมุ่งเน้นที่ชุดข้อมูลหนึ่งๆ ทีละชุด

ตัวอย่างเช่น ทีมหนึ่งในบริษัทต้องการดูการซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซตามผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ ส่วนอีกทีมหนึ่งต้องการดูการซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซตามผู้ใช้เว็บไซต์ คุณสามารถปรับแต่งการนําทางด้านซ้ายให้รวมรายงาน 2 ฉบับ นั่นคือ รายงานฉบับแรกมีเฉพาะข้อมูลเว็บและรายงานฉบับที่ 2 มีเฉพาะข้อมูลอุปกรณ์เคลื่อนที่

โปรดทราบว่าตัวกรองไม่ได้มีไว้เพื่อกํากับดูแลและผู้ใช้สามารถนําออกได้ชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ ตัวกรองข้อมูลจึงมีไว้เพื่อการดูแลจัดการและความสะดวก ไม่ใช่การกํากับดูแล

4. การจัดระเบียบข้อมูล

ตัวกรองข้อมูลช่วยป้องกันไม่ให้ Google Analytics ประมวลผลข้อมูลขาเข้าที่คุณจัดประเภทเป็นการเข้าชมภายในหรือการเข้าชมของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แล้วแสดงในรายงาน ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานของบริษัทและการอ้างอิงที่ไม่ต้องการจะไม่ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือน

การใช้ตัวกรองข้อมูลมีผลถาวรและยกเลิกไม่ได้ เช่น หากคุณใช้ตัวกรอง "ยกเว้น" ข้อมูลที่ยกเว้นจะไม่ได้รับการประมวลผลและไม่สามารถใช้งานใน Analytics

กรณีการใช้งานตัวอย่าง

พิจารณากรณีการใช้งานต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง

  • หากต้องการดูข้อมูลตามภูมิภาคหรืออุปกรณ์ ให้ใช้ตัวกรองและการปรับแต่งรายงาน
  • หากต้องการให้สิทธิ์เข้าถึงแก่บางทีมเพื่อความปลอดภัย ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ย่อย
  • หากต้องการจํากัดการเข้าถึงข้อมูลค่าใช้จ่ายและรายได้ ให้กำหนดบทบาทที่มีการจำกัดสูงกว่าแก่ผู้ใช้
  • หากไม่ต้องการให้ระบบประมวลผลการเข้าชมภายใน ให้ใช้ตัวกรองข้อมูล

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14490300163314021847
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false