[UA→GA4] เพิ่มยอดขายออฟไลน์

การทําความเข้าใจว่าการโต้ตอบของผู้ใช้กับธุรกิจของคุณทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์สามารถสร้างคุณค่าได้ แต่ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายด้วยเช่นกันได้อย่างไร คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Google Analytics 4 (GA4) เพื่อช่วยในการเริ่มนำฟีเจอร์เหล่านี้มาประกอบเข้าด้วยกันในเส้นทางของผู้ใช้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

 

บทความนี้ประกอบด้วย

บันทึกเหตุการณ์ออนไลน์และเหตุการณ์ในแอปที่แสดงให้เห็นแนวโน้มในการเข้าชมร้านค้า

หากเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณกระตุ้นให้ผู้ใช้ไปยังสถานที่ตั้งจริงที่ทําธุรกรรมได้ คุณควรติดตามเหตุการณ์ที่สําคัญ เช่น การค้นหาที่อยู่ การดูแผนที่ หรือการขอเส้นทาง คุณอาจต้องทําเครื่องหมายการกระทําเหล่านี้ว่าเป็นเหตุการณ์ Conversion เนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงระดับการมีส่วนร่วมที่สูงขึ้นต่อการกระทําที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ทํา เช่น การเข้าชมสถานที่ตั้งจริง

ใช้ Measurement Protocol เพื่อส่ง Conversion ออฟไลน์

Measurement Protocol สําหรับ Google Analytics 4 ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างคําขอ HTTP เพื่อให้ส่งเหตุการณ์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google Analytics ได้โดยตรง แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์วัดวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับธุรกิจจากสภาพแวดล้อมใดก็ได้ที่เปิดใช้ HTTP โดยที่เห็นได้ชัดก็คือช่วยให้การวัดการโต้ตอบที่เกิดขึ้นระหว่างเซิร์ฟเวอร์ต่อเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างง่ายดาย

นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถใช้ Measurement Protocol เพื่อดําเนินการต่อไปนี้

  • เชื่อมโยงพฤติกรรมออนไลน์กับออฟไลน์
  • วัดการโต้ตอบทั้งฝั่งไคลเอ็นต์และฝั่งเซิร์ฟเวอร์
  • ส่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกการโต้ตอบของผู้ใช้ทั่วไป (เช่น Conversion ออฟไลน์)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Measurement Protocol สําหรับ Google Analytics 4

ตัวอย่าง Measurement Protocol

ลองพิจารณาตัวแทนจําหน่ายรถยนต์เป็นตัวอย่างว่า Measurement Protocol สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร

  1. ผู้ใช้คลิกผ่านจากโฆษณา Google Ads ไปยังเว็บไซต์ของตัวแทนจําหน่าย
  2. ผู้ใช้ขอทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่
  3. ผู้ใช้เดินทางมาถึงสถานที่ตั้งของตัวแทนจําหน่ายและทําการทดลองขับ
  4. ผู้ใช้กลับมาหาตัวแทนจําหน่ายในวันต่อมา และซื้อรถ

วิธีรวมข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์

นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถกําหนดค่า CRM ของตัวแทนจําหน่าย (ซอฟต์แวร์การจัดการลูกค้าสัมพันธ์) เพื่อส่งเหตุการณ์ Measurement Protocol ไปยัง Google Analytics ในเวลาที่มีการสร้างบันทึกการซื้อของ CRM นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้เพื่อเชื่อมโยงกิจกรรมแบบออฟไลน์และออนไลน์

  • ตัวเลือกที่ 1) สําหรับผู้ใช้ที่ผ่านการประมวลผลข้อมูลเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ให้ใส่รหัสอุปกรณ์ Google Analytics เมื่อผู้ใช้ส่งการจองเพื่อทดลองขับ และกําหนดค่าเหตุการณ์ Measurement Protocol ให้ใส่รหัสนี้ด้วยเมื่อส่งเหตุการณ์ไปยัง GA
  • ตัวเลือกที่ 2) สำหรับผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้ ในหน้ายืนยันการจองเพื่อทดลองขับ ให้ส่งรหัสที่ไม่ซ้ำกันที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวซึ่งคุณสร้างขึ้นเพื่อเป็น User-ID ในขั้นตอนการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ไปยัง Google Analytics และกำหนดค่าเหตุการณ์ Measurement Protocol ให้ใส่รหัสไว้ด้วย

การใช้รหัสอุปกรณ์หรือ User-ID อย่างใดอย่างหนึ่งเป็น "รหัสที่แชร์" ช่วยให้คุณเชื่อมโยง Conversion ออฟไลน์กับการส่งออนไลน์เดิมได้ จากนั้น Google Analytics จะระบุแหล่งที่มาของ Conversion ออฟไลน์ว่ามาจากการคลิกผ่าน Google Ads ตั้งแต่แรก

รหัสอุปกรณ์และ User-ID คืออะไร

รหัสอุปกรณ์ คือตัวระบุตามเบราว์เซอร์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สําหรับผู้ใช้แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือเว็บไซต์รายเดียวที่ผ่านการประมวลผลข้อมูลเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ในเบราว์เซอร์ รหัสอุปกรณ์จะได้รับค่าจากพร็อพเพอร์ตี้ client ID ของคุกกี้ _ga ในแอป iOS หรือ Firebase รหัสอุปกรณ์จะได้รับค่าจากรหัสอินสแตนซ์ของแอป รหัสอินสแตนซ์ของแอปจะสอดคล้องกับรหัสโฆษณา Android และตัวระบุโฆษณา iOS Firebase มีวิธีอ่านรหัสอินสแตนซ์ของแอปดังที่แสดงในตัวอย่าง Java สําหรับ Android

User-ID คือรหัสที่ไม่ซ้ำกันที่โดยปกติแล้วคุณจะสร้างขึ้นผ่านขั้นตอนการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์หรือแอป User-ID ช่วยให้ Google Analytics วัดผู้ใช้ในเซสชันต่างๆ ได้ เช่นเดียวกับในกรณีของ Measurement Protocol หรือการนําเข้าข้อมูล

ระบบจะส่งรหัสอุปกรณ์ไปยัง Google Analytics โดยอัตโนมัติ โดยรหัสอุปกรณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ในทางกลับกัน User-ID จะขึ้นอยู่กับการตรวจสอบสิทธิ์และไม่ถูกส่งไปยัง GA4 โดยค่าเริ่มต้น เว็บไซต์หรือแอปต้องส่ง User-ID ไปยัง Google Analytics อย่างชัดแจ้ง

รหัสอุปกรณ์และ User-ID เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งค่าข้อมูลระบุตัวตนในการรายงานของพร็อพเพอร์ตี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลระบุตัวตนในการรายงาน

ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานจากระบบออฟไลน์ไปเป็นระบบออนไลน์

ตัวเลือกที่ 1: ตัวอย่างรหัสอุปกรณ์

Graphic representing:  1. A user submits a booking to test drive a new car model. The website sends the Google Analytics client ID in the _ga cookie. Google Analytics associates the client ID with the traffic source that generated the session.  2. The car dealership's test drive booking form includes the client ID.  3. The car dealership sends the client ID to the CRM record of the submitted test-drive form.

คำอธิบาย:

  1. ในเว็บไซต์ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ ผู้ใช้ที่ผ่านการประมวลผลข้อมูลเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ส่งการจองเพื่อทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่
    1. Google Analytics ตั้งค่าหรืออ่านรหัสอุปกรณ์ที่อยู่ในคุกกี้ _ga ซึ่งระบุผู้ใช้เฉพาะเจาะจงและผ่านการประมวลผลข้อมูลเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้
    2. Google Analytics เชื่อมโยงรหัสอุปกรณ์กับแหล่งที่มาของการเข้าชมที่สร้างเซสชัน
  2. ในเว็บไซต์ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนหน้าได้เขียนโค้ดแบบฟอร์มการจองเพื่อทดลองขับให้รวมรหัสอุปกรณ์ไว้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นช่องแบบฟอร์มที่ซ่อนไว้
  3. ใน CRM ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ รหัสอุปกรณ์จะจัดเก็บอยู่ในบันทึก CRM ของแบบฟอร์มการทดลองขับที่ส่งมา

ตัวเลือกที่ 2: ตัวอย่าง User-ID

Graphic representing:  1. The user submits a booking to test drive a new car model.  2. The car dealership's web server creates a record in the CRM.  3. The CRM creates an anonymous crm_id.  4. The CRM includes crm_id in the data layer of the dealership's confirmation page.  5. The dealership's confirmation page loads with the crm_id in the data layer. The car dealership sends the crm_id to Google Analytics either: in the event that records the confirmation pageview, or as a separate event triggered at that time.  6. The car dealership's Google Analytics 4 property records the crm_id and associates it with the traffic source that generated the session.

คำอธิบาย:

  1. ในเว็บไซต์ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ ผู้ใช้ขอทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่
  2. เว็บเซิร์ฟเวอร์ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ขอให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของผู้ใช้
  3. CRM ของตัวแทนจําหน่ายจะดึงข้อมูล (หรือสร้าง) ตัวระบุผู้ใช้และส่งกลับไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์
  4. เว็บเซิร์ฟเวอร์จะใส่ตัวระบุผู้ใช้ไว้ในชั้นข้อมูลของหน้ายืนยันการจองเพื่อทดลองขับ
  5. หน้ายืนยันจะโหลดขึ้นมา และส่งตัวระบุผู้ใช้ไปยัง Google Analytics เป็นพารามิเตอร์เหตุการณ์ของเหตุการณ์การดูหน้าเว็บ หรือเป็นเหตุการณ์ที่กําหนดเองแยกต่างหาก
  6. พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์จะบันทึกตัวระบุผู้ใช้ และเชื่อมโยงกับแหล่งที่มาของการเข้าชมที่สร้างเซสชันดังกล่าว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ User-ID สําหรับการวิเคราะห์ข้ามแพลตฟอร์ม

วัดกิจกรรมออฟไลน์ด้วย Measurement Protocol

คำอธิบาย:

  1. ที่สถานที่ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ ผู้ใช้ทำการทดลองขับ จากนั้นได้ซื้อรถคันใหม่
  2. พนักงานขายสร้างบันทึกการซื้อใน CRM ของตัวแทนจําหน่าย
    1. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้กําหนดค่า CRM ให้ส่งเหตุการณ์ Measurement Protocol สําหรับการซื้อ รวมถึงรหัสที่แชร์ (รหัสอุปกรณ์หรือตัวระบุผู้ใช้ที่ผ่านการประมวลผลข้อมูลเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้) ไปยัง Google Analytics

  3. พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์จะบันทึกรหัสที่แชร์ที่ส่งในเหตุการณ์ Measurement Protocol และเชื่อมโยงรหัสนั้นกับแหล่งที่มาของการเข้าชมที่สร้างเซสชัน

นำเข้า Conversion ออฟไลน์

อีกวิธีหนึ่งในการเชื่อมโยง Conversion ออนไลน์และออฟไลน์คือการนําเข้า Conversion

การนําเข้าข้อมูล Google Analytics ช่วยให้คุณเพิ่มข้อมูลไปยังพร็อพเพอร์ตี้นอกขั้นตอนการรวบรวม Hit/เหตุการณ์ปกติได้ ใน Universal Analytics โดยปกติคุณจะใช้การนําเข้าข้อมูลเพื่อเพิ่มช่องใหม่ลงในบันทึกที่มีอยู่ เช่น การเพิ่มมิติข้อมูลผู้เขียนหรือหมวดหมู่ลงในการดูหน้าเว็บหรือคําอธิบายผลิตภัณฑ์ในธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ

การนําเข้าข้อมูลใน GA4 รองรับกรณีการใช้งานที่คล้ายกัน และคุณยังนําเข้าข้อมูลเหตุการณ์ออฟไลน์ได้อีกด้วย กรณีนี้ใช้ได้กับสถานการณ์ Conversion ออฟไลน์จํานวนมาก เช่น ในกรณีของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์คุณควรนําเข้าข้อมูลการทดลองขับและเชื่อมโยงข้อมูลนั้นกับการระบุแหล่งที่มาและกิจกรรมออนไลน์ก่อนหน้านี้ของผู้ใช้ (โดยใช้รหัสผู้ใช้หรือรหัสไคลเอ็นต์เพื่อรวมข้อมูล) แทนการใช้ Measurement Protocol เพื่อส่งธุรกรรมออฟไลน์ไปยัง Google Analytics

หากต้องการเชื่อมโยงข้อมูลเหตุการณ์ที่นําเข้าใหม่ล่าสุดกับเหตุการณ์ที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ คุณต้องดําเนินการกับตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งจาก 2 ตัวเลือกข้างต้นในส่วนรวมข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์ให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อสร้างรหัสที่แชร์ระหว่าง Google Analytics กับ CRM ของคุณ

ตัวอย่างการนําเข้า Conversion ออฟไลน์

คำอธิบาย:

  1. ที่สถานที่ของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ ผู้ใช้ทำการทดลองขับ จากนั้นได้ซื้อรถคันใหม่
  2. พนักงานขายสร้างบันทึกการซื้อซึ่งมีรหัสที่แชร์ใน CRM ของตัวแทนจําหน่าย
  3. ระบบส่งออกบันทึกการซื้อเป็นไฟล์ CSV แล้วนําเข้าไปยัง Google Analytics
  4. Google Analytics 4 จะให้คุณสร้างเหตุการณ์ใหม่ผ่านการนําเข้าข้อมูลได้ รหัสที่แชร์ในเหตุการณ์ใหม่ช่วยให้ Google Analytics เชื่อมโยงการซื้อที่ร้านกับแหล่งที่มาของการเข้าชมสําหรับเซสชันเดิมได้

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
4110475264952570687
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false