เข้าถึงที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager

Google Cloud Storage คือผลิตภัณฑ์ Google แยกต่างหากที่ Ad Manager ใช้เป็นที่เก็บข้อมูลรายงานการโอนข้อมูลและรหัสคุกกี้กลุ่มเป้าหมายที่อัปโหลดเป็นกลุ่ม

บทความนี้มีไว้เพื่อช่วยให้คุณใช้เทคโนโลยี Google Cloud Storage มาตรฐานในการอินเทอร์เฟซกับการตั้งค่าพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์เฉพาะของ Ad Manager อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอ้างอิงหลักสำหรับ Google Cloud Storage คือเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Google Cloud Storage

วิธีการ

คุณจะเข้าถึงที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ของ Ad Manager ได้ 3 วิธีดังต่อไปนี้ โดยจะเรียงตามลำดับความซับซ้อน

• ในเว็บ ให้ไปที่ https://console.developers.google.com/storage/gdfp-[รหัสเครือข่าย Ad Manager]
• gsutil คือเครื่องมือบรรทัดคำสั่งแบบ Python ที่มีคำสั่งเหมือน Unix สำหรับการโต้ตอบกับที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล การตรวจสอบสิทธิ์ที่เก็บข้อมูลจะเป็นแบบนามธรรมและจัดการโดยอัตโนมัติ
• Google Cloud Storage API คือ API ที่มีฟีเจอร์สมบูรณ์สำหรับการควบคุมที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูลที่พร้อมใช้งานผ่านอินเทอร์เฟซเว็บ JSON หรือ XML RESTful ไลบรารีของไคลเอ็นต์ API พร้อมใช้งานสำหรับสภาพแวดล้อมในการเขียนโปรแกรมยอดนิยมหลายแบบ เช่น Java, JavaScript, Python และ Objective-C วิธีการนี้เป็นประโยชน์มากที่สุดเมื่อคุณต้องควบคุมที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูลแบบเป็นโปรแกรมเพื่อผสานรวมกับแอป Google App Engine หรือเว็บแอป Java

บทความนี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ Google Cloud Storage API เราขอแนะนำให้คุณศึกษาวิธีการเหล่านี้ก่อน เนื่องจากการจัดการสิทธิ์เข้าถึงเว็บและ gsutil นั้นทำได้ง่ายกว่า วิธีการเหล่านี้มีการจัดทำเป็นเอกสารไว้อย่างครบถ้วนในเว็บไซต์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Google Cloud Storage

จัดการการเข้าถึงที่เก็บข้อมูลของ Ad Manager

ที่เก็บข้อมูลที่ Ad Manager ใช้จะรวมอยู่ในโปรเจ็กต์พื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ที่ Google เป็นเจ้าของ ที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager จะไม่ปรากฏในรายชื่อโปรเจ็กต์ของคุณใน Google Developers Console

คุณจะต้องทำงานร่วมกับตัวแทนของ Google เพื่อตั้งค่าฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager ซึ่งจะจัดกลุ่ม Google ให้คุณใช้ในการจัดการที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล

หากคุณเป็นผู้ดูแลระบบของกลุ่ม G Suite ที่มีอยู่แล้ว ให้แจ้งชื่อกลุ่ม Google ของ G Suite กับตัวแทนในขั้นตอนการเปิดใช้งานฟีเจอร์ ตัวแทนจะทำงานร่วมกับคุณเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ใช้ที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager โดยใช้กลุ่มที่คุณมีอยู่แล้ว

หากคุณจัดการเครือข่าย Ad Manager มากกว่า 1 เครือข่ายที่มีสิทธิ์เข้าถึงการโอนข้อมูล คุณควรแจ้งเรื่องนี้กับตัวแทน Google เพื่อให้รวมการจัดการเครือข่ายได้ โดยในการจัดการที่เก็บข้อมูลการโอนข้อมูลทั้งหมดในเครือข่ายจะใช้กลุ่ม 1 กลุ่ม

กลุ่ม Google ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ G Suite จะใช้ในการจัดการที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager ไม่ได้

ใช้ Google Cloud Storage API

หากพิจารณาแล้วว่าการเข้าถึง API เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด เราขอแนะนำให้กำหนดค่าบัญชีบริการ Google Cloud Storage

กำหนดค่าบัญชีบริการ Google Cloud Storage

เมื่อเข้าถึงที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูลผ่าน API คุณควรกำหนดค่าบัญชีบริการแทนที่จะใช้ในบริบทของผู้ใช้ บัญชีบริการช่วยให้พัฒนาแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้นโดยใช้คีย์ส่วนตัวสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แทนโทเค็น OAuth ที่สร้างขึ้นแบบไดนามิก วิธีกำหนดค่าบัญชีบริการมีดังนี้

1. ไปที่ Google Developer Console

2. สร้างโปรเจ็กต์ใหม่ (หรือเลือกโปรเจ็กต์ที่มีอยู่แล้ว) เพื่อเป็นไฟล์หลักของแอปพลิเคชันและคลิกโปรเจ็กต์นั้น

3. (ไม่บังคับ) หากคุณวางแผนที่จะคัดลอกไฟล์จากที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager ไปยังบัญชี Google Cloud Storage ของคุณเอง ให้คลิกการเรียกเก็บเงินและการตั้งค่าเพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของการเรียกเก็บเงินลงในโปรเจ็กต์

4. สร้างรหัสไคลเอ็นต์ใหม่

   1. คลิก API และบริการ > ข้อมูลเข้าสู่ระบบ

   2. คลิกสร้างรหัสไคลเอ็นต์ใหม๋

   3. เลือกบัญชีบริการเป็นประเภทแอปพลิเคชัน จากนั้นคลิกสร้างรหัสไคลเอ็นต์

   4. อีเมลที่สร้างขึ้นจะอยู่ในรูปแบบ [unique-id]@developer.gserviceagccount.com ให้คัดลอกและบันทึกไว้เพื่อเพิ่มลงในกลุ่ม Google

   5. คลิกสร้างคีย์ P12 ใหม่ ระบบจะบันทึกไฟล์ไปยังคอมพิวเตอร์ ใช้คีย์นี้ในแอปพลิเคชันที่คุณพัฒนาเพื่อเข้าถึง API ตามที่แสดงในตัวอย่างโค้ดด้านล่าง

5. เพิ่มอีเมลลงในกลุ่ม Google ที่คุณสร้างขึ้นเพื่อจัดการการเข้าถึงที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูล Ad Manager คลิกเพิ่มสมาชิกโดยตรงแทนการ "เชิญ" เพื่อเพิ่มบัญชีบริการ หากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึง ให้ขอให้ผู้ดูแลระบบของกลุ่ม Google เพิ่มอีเมลในนามของคุณ 

ตัวอย่างโค้ด

Google มีตัวอย่างโค้ดและไลบรารีสำหรับ Google Cloud Storage ตัวอย่าง Java สำหรับการอ่านไฟล์จากพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ของ Ad Manager ต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นว่าคอมโพเนนต์ที่กำหนดค่าไว้ตอนตั้งค่าบัญชีบริการอาจส่งผลต่อโค้ดของคุณอย่างไร

• ชื่อโปรเจ็กต์: ชื่อโปรเจ็กต์ Google Cloud Storage

• อีเมลของบัญชีบริการ: อีเมลที่คุณสร้าง

• ไฟล์คีย์ .p12: ไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด

• ชื่อที่เก็บข้อมูล: Google ให้ชื่อนี้เมื่อคุณเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ของ Ad Manager

import java.io.File;
import java.io.FileOutputStream;
import java.io.IOException;
import java.io.OutputStream;
import java.security.GeneralSecurityException;
import java.util.Collections;

import com.google.api.client.googleapis.auth.oauth2.GoogleCredential;
import com.google.api.client.googleapis.javanet.GoogleNetHttpTransport;
import com.google.api.client.http.HttpTransport;
import com.google.api.client.json.jackson2.JacksonFactory;
import com.google.api.services.storage.Storage;
import com.google.api.services.storage.model.StorageObject;

public class GcsApiTest {
    /**
     * ชื่อของโปรเจ็กต์ที่สร้างบัญชีบริการขึ้นมา
     * 
     * ข้อมูลนี้จะแสดงอยู่ภายใต้ Google Developers Console
     */
    private static final String PROJECT_NAME = "project name";

    /**
     * อีเมลของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบัญชีบริการ
     * อีเมลนี้จะสร้างขึ้นตอนที่สร้างรหัสไคลเอ็นต์บัญชีบริการใน Google Developers Console และจะเรียกดูได้จากหน้าข้อมูลเข้าสู่ระบบ โดยต้องเพิ่มอีเมลนี้ลงในกลุ่ม Google ที่ใช้ควบคุมการเข้าถึงที่เก็บข้อมูลของพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย
     */
    private static final String SERVICE_ACCOUNT_EMAIL = "service account email address";

    /**
     * ที่เก็บข้อมูลที่จะใช้สำหรับการทำงานของพื้นที่เก็บข้อมูล
     * 
     * ชื่อของที่เก็บข้อมูลนี้จะได้จากผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของคุณ ชื่อที่ได้จะคล้ายคลึงกับ "gdfp-12345678" หรือ "gdfp_cookieupload_12345678" ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับส่วนเสริม Ad Manager ที่คุณใช้อยู่
     */
    private static final String BUCKET_NAME = "bucket name";

    /**
     * ขอบเขต OAuth 2.0 ของ Google Cloud Storage สำหรับการอ่านและเขียน ซึ่งควรสอดคล้องกับสิทธิ์การเข้าถึงที่กลุ่ม Google ของคุณมีสำหรับที่เก็บข้อมูล และคุณจะขอสิทธิ์การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กลุ่มไม่ได้ (ซึ่งอาจเป็นแบบอ่านอย่างเดียว)
     */
    private static final String STORAGE_SCOPE = 
        "https://www.googleapis.com/auth/devstorage.read_write";

    /**
     * เส้นทางไปยังไฟล์คีย์ .p12 ที่ให้สิทธิ์เข้าถึงที่เก็บข้อมูล
     * 
     * ไฟล์นี้จะสร้างขึ้นตอนที่สร้างรหัสไคลเอ็นต์ของบริการ หากไม่มีไฟล์นี้ คุณจะต้องสร้างไฟล์คีย์ p12 ของไคลเอ็นต์ใหม่จาก Google Developers Console
     */
    private static final String KEY_P12 = "path to .p12 key file";

    /** HTTP transport. */
    private HttpTransport httpTransport;
    private Storage storage;

    // ตัวสร้าง ตั้งค่าข้อมูลเข้าสู่ระบบและออบเจ็กต์พื้นที่เก็บข้อมูล
    public GcsApiTest() {
	File p12File = new File(KEY_P12);

	ลองใช้ {
	    httpTransport = GoogleNetHttpTransport.newTrustedTransport();

	    GoogleCredential credential = new GoogleCredential.Builder()
		    .setTransport(httpTransport)
		    .setJsonFactory(JacksonFactory.getDefaultInstance())
		    .setServiceAccountId(SERVICE_ACCOUNT_EMAIL)
		    .setServiceAccountScopes(
			    Collections.singleton(STORAGE_SCOPE))
		    .setServiceAccountPrivateKeyFromP12File(p12File).build();
	    storage = new Storage.Builder(httpTransport,
		    JacksonFactory.getDefaultInstance(), credential)
		    .setApplicationName(PROJECT_NAME).build();
	} catch (GeneralSecurityException | IOException e1) {
	    e1.printStackTrace();
	    System.exit(1);
	}
    }

    /**
     * วิธีการแสดงชื่อของไฟล์แรกในที่เก็บข้อมูล
     * 
     * @แสดงชื่อไฟล์หรือ null หากที่เก็บข้อมูลว่างเปล่า
     * @throws IOException
     */
    public String GetFirstFile() throws IOException {
	Storage.Objects.List listObjects = storage.objects().list(BUCKET_NAME);
	listObjects.setMaxResults(5L);
	com.google.api.services.storage.model.Objects objects = listObjects
		.execute();

	// หากที่เก็บข้อมูลว่างเปล่า
	if (null == objects.getItems() || objects.getItems().isEmpty()) {
	    System.out.println("Bucket \"" + BUCKET_NAME
		    + "\" empty or invalid.");
	    return null;
	}

	StorageObject object = objects.getItems().get(0);
	System.out.println("First object in bucket: \"" + object.getName()
		+ "\".");
	return object.getName();
    }

    /**
     * วิธีการดาวน์โหลดไฟล์ที่ระบุจากที่เก็บข้อมูล
     * 
     * @param filename
     *            ชื่อของไฟล์ที่จะต้องดาวน์โหลด
     * @throws IOException
     */
    public void DownloadFile(String filename) throws IOException {
	Storage.Objects.Get getObject = storage.objects().get(BUCKET_NAME,
		filename);
	OutputStream os = new FileOutputStream(filename, true);
	getObject.getMediaHttpDownloader().setDirectDownloadEnabled(true);
	getObject.executeMediaAndDownloadTo(os);

	System.out.println("File \"" + filename + "\" downloaded.");
    }

    /**
     * วิธีหลักในการทำการทดสอบต่างๆ
     * 
     * @param args
     */
    public static void main(String[] args) {
	GcsApiTest gcsApiTest = new GcsApiTest();

	ลองใช้ {
	    String filename = gcsApiTest.GetFirstFile();
	    gcsApiTest.DownloadFile(filename);
	} catch (IOException e) {
	    System.out.println(e.getMessage());
	}
    }
}

การควบคุมและการเชื่อมต่อพร้อมกัน

ไม่มีข้อจำกัดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม Google จะควบคุมคำขอดึงการโอนข้อมูลเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิด

อ่านส่วน Google Cloud Storage ในบล็อกทางการของ Google Code เพื่อดูข่าวสารล่าสุดและโพสต์คำถามในฟอรัมการสนทนาเกี่ยวกับ Google Cloud Storage เพิ่ม “ข้อบกพร่อง” หรือ “คำขอฟีเจอร์” ในบรรทัดเรื่องตามความเหมาะสม หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Cloud Storage โปรดดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Google Cloud Storage