ในหน้านี้
- ใช้งานร่วมกับไฟล์ Microsoft Office
- เพิ่มป้ายกำกับให้กับไฟล์ในไดรฟ์
- ตรวจสอบสถานะการซิงค์ของไฟล์
- ทำเครื่องหมายและจัดลำดับไฟล์ที่สำคัญ
- ค้นหาไฟล์และโฟลเดอร์ที่มีทางลัด
- ค้นหาไฟล์ภาพตามคำอธิบาย
- ตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์ในไดรฟ์แบบออฟไลน์
- กำหนดวันที่หมดอายุสำหรับการเข้าถึงไฟล์
ใช้งานร่วมกับไฟล์ Microsoft Office
คุณจะยังคงใช้งานไฟล์ Microsoft Office ได้ใน Google Workspace แม้ว่าจะไม่ได้ติดตั้ง Office ก็ตาม
ดังนี้
- เพิ่มไฟล์ Office ลงใน Google ไดรฟ์
- เก็บไฟล์ไว้ในรูปแบบ Microsoft แม้ว่าคุณจะไม่ได้มี Office แล้วก็ตาม
- แปลงเอกสาร Office และไฟล์ Adobe PDF เป็น Google เอกสาร, ชีต หรือสไลด์
- ทำงานใน Office และบันทึกการเปลี่ยนแปลงลงในไดรฟ์
- แสดงความคิดเห็นในไฟล์ Office ในตัวอย่างของไดรฟ์
- ส่งสำเนาไฟล์เอกสาร ชีต หรือสไลด์ทางอีเมลในรูปแบบ Microsoft
- แสดงตัวอย่างหรือดาวน์โหลดไฟล์ Office ที่ฝังในไฟล์ Office อีกไฟล์หนึ่ง
เพิ่มไฟล์ Office ลงในไดรฟ์
บันทึกและเข้าถึงไฟล์ Office จากไดรฟ์
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- คลิกใหม่ อัปโหลดไฟล์ที่ด้านซ้ายบน
- เลือกไฟล์ที่ต้องการอัปโหลด
ทำงานใน Office และซิงค์ไฟล์ไปยังไดรฟ์ (จำเป็นต้องใช้ Office)
หลังจากย้ายไฟล์ Office ไปยังไดรฟ์แล้ว คุณจะยังคงใช้ไฟล์ดังกล่าวใน Office และบันทึกการเปลี่ยนแปลงลงในไดรฟ์ได้
- ให้ติดตั้ง Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป ในคอมพิวเตอร์ของคุณหากยังไม่ได้ติดตั้ง
ระบบจะเพิ่มโฟลเดอร์ Google ไดรฟ์ลงในคอมพิวเตอร์
- เพิ่มไฟล์ Office ลงในโฟลเดอร์ Google ไดรฟ์ในคอมพิวเตอร์
- ใน Office ให้คลิกไฟล์เปิดและค้นหาโฟลเดอร์ Google ไดรฟ์
- คลิกไฟล์ Office ที่ต้องการและคลิกเปิด
- แก้ไขไฟล์
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่คุณทำกับไฟล์ใน Office จะซิงค์ในไดรฟ์
แชร์สำเนาของไฟล์ในรูปแบบ Office
เพิ่มป้ายกำกับให้กับไฟล์ในไดรฟ์
ป้ายกำกับจะช่วยให้คุณจัดระเบียบ ค้นหา และนำนโยบายไปใช้กับรายการใน Google ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต และสไลด์ โดยจะติดป้ายกำกับให้แต่ละไฟล์ได้สูงสุด 5 รายการ
ติดป้ายกำกับจากไดรฟ์
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- คลิกขวาที่ไฟล์รายการเดียวหรือหลายรายการ แล้วเลือกป้ายกำกับ จากนั้นเลือกใช้ป้ายกำกับจากเมนู
- ใช้กล่องโต้ตอบเพื่อเลือกป้ายกำกับและค่าในช่องที่จะใช้กับไฟล์
หมายเหตุ
- หากต้องการนำป้ายกำกับออกจากไฟล์ ให้ค้นหาป้ายกำกับที่ต้องการนำออกแล้วคลิกนำออก
- หากไม่เห็นส่วนป้ายกำกับ แสดงว่าผู้ดูแลระบบอาจยังไม่เปิดใช้ให้กับบัญชีของคุณ โปรดติดต่อผู้ดูแลระบบ
ติดป้ายกำกับจากเอกสาร ชีต หรือสไลด์
- เมื่อดูหรือแก้ไขไฟล์ในเอกสาร ชีต หรือสไลด์ ให้คลิกที่เมนูไฟล์ แล้วเลือกป้ายกำกับ
- ดูป้ายกำกับที่มีอยู่และติดป้ายกำกับใหม่ในแผงด้านข้าง
หมายเหตุ: หากต้องการนำป้ายกำกับออกจากไฟล์ ให้ค้นหาป้ายกำกับที่ต้องการนำออกแล้วคลิกนำออก
ดูป้ายกำกับโดยใช้แอปไดรฟ์
- เปิดแอปไดรฟ์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ (iOS, Android)
- ค้นหาไฟล์ที่ต้องการดูป้ายกำกับ
- ใช้ปุ่มจุดไข่ปลาเพื่อเปิดเมนูตามบริบท แล้วเลือกรายละเอียดและกิจกรรม
- เลือกป้ายกำกับจากมุมมองรายละเอียด
หมายเหตุ: คุณจะแก้ไขหรือใช้ป้ายกำกับในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ได้ในขณะนี้
ค้นหาไฟล์ที่มีป้ายกำกับ
ใช้ตัวเลือกการค้นหาในไดรฟ์เพื่อค้นหาเนื้อหาที่มีป้ายกำกับหรือช่องที่ต้องการ
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- คลิกลูกศรลง ที่ด้านบนถัดจากค้นหาไดรฟ์
- เลือกป้ายกำกับจากเมนูแบบเลื่อนลงที่อยู่ถัดจากป้ายกำกับ
- ในบริเวณใต้ป้ายกำกับที่เลือก คุณสามารถเลือกช่องจากเมนูแบบเลื่อนลงและระบุค่าได้
- คลิกค้นหา
หมายเหตุ: ผลการค้นหาจะมีเฉพาะไฟล์ที่คุณเข้าถึงได้เท่านั้น
ตรวจสอบสถานะการซิงค์ของไฟล์
คุณจะเข้าถึงเอกสารใน Google ไดรฟ์ผ่านทางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตได้จากทุกที่ เมื่อคุณทำการเปลี่ยนแปลงเสร็จแล้ว ไดรฟ์จะซิงค์การเปลี่ยนแปลงล่าสุดโดยอัตโนมัติ ดังนั้น หากคุณเปิดเอกสารเดียวกันจากอุปกรณ์เครื่องอื่น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่คุณทำก็จะปรากฏขึ้น
บนเว็บ
เมื่อคุณเห็นข้อความอัปโหลดเสร็จสมบูรณ์ แสดงว่าไฟล์อัปโหลดสำเร็จแล้วและเข้าถึงได้จากทุกเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์ที่ติดตั้งไดรฟ์แล้ว
ในคอมพิวเตอร์
การลากไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ใน Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป จะเป็นการอัปโหลดไฟล์ไปยังไดรฟ์บนเว็บโดยอัตโนมัติ (แต่อาจใช้เวลาสักครู่เพื่อให้ไฟล์ซิงค์ข้อมูลกัน) โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อย้ายไฟล์ไปยังโฟลเดอร์
- ไฟล์ที่มีไอคอนซิงค์ แสดงว่ายังไม่ได้อัปโหลดไปยังไดรฟ์
- ไฟล์ที่มีไอคอนเสร็จสิ้น แสดงว่าอัปโหลดสำเร็จแล้วและเข้าถึงได้จากไดรฟ์ในทุกเบราว์เซอร์หรือจากทุกอุปกรณ์ที่ติดตั้งไดรฟ์
หยุดการซิงค์ใน Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อปชั่วคราว
หากหยุดการซิงค์ใน ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป ไว้ชั่วคราว ระบบจะไม่อัปโหลดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไปยังไฟล์ และจะไม่ดาวน์โหลดไฟล์เวอร์ชันใหม่ที่ใช้งานแบบออฟไลน์
- คลิกเมนูไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป
- คลิกเพิ่มเติม หยุดซิงค์ชั่วคราว
หากต้องการซิงค์ต่อ ให้คลิกเพิ่มเติม ซิงค์ต่อ
ทำเครื่องหมายและจัดลำดับไฟล์ที่สำคัญ
หากต้องการเก็บไฟล์สำคัญหรือไฟล์ที่ใช้งานบ่อยเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายๆ ให้ทำดังนี้
- เพิ่มไฟล์ไปยังพื้นที่ทำงานในไดรฟ์
- ติดดาวไฟล์
- ใส่สีให้โฟลเดอร์
หมายเหตุ: การเพิ่มไฟล์ลงในพื้นที่ทำงานไม่ได้เป็นการนำไฟล์ดังกล่าวออกจากที่อื่นหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ แต่จะนำไปไว้ในที่เดียวเพื่อให้คุณค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
สร้างพื้นที่ทำงานและเพิ่มไฟล์
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- คลิกพื้นที่ทำงาน สร้างพื้นที่ทำงานทางด้านซ้าย
- ตั้งชื่อพื้นที่ทำงาน แล้วคลิกสร้าง
- คลิกเพิ่มไฟล์
- ทางด้านขวา ให้เลือกตำแหน่งที่ต้องการเพิ่มไฟล์ในส่วน "เพิ่มไปยังพื้นที่ทำงาน"
- คุณจะเพิ่มจาก "ล่าสุด" "ไดรฟ์ของฉัน" และ "ไดรฟ์ที่แชร์" ได้
- ค้นหาและเลือกไฟล์ที่ต้องการเพิ่ม
- คลิกแทรก เสร็จสิ้น
เพิ่มไฟล์เดียวลงในพื้นที่ทำงาน
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- ค้นหาไฟล์ที่ต้องการเพิ่ม
- คลิกขวาที่ไฟล์ที่ต้องการเพิ่ม
- เลือกจัดระเบียบ เพิ่มไปยังพื้นที่ทำงาน ชื่อพื้นที่ทำงาน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Google ไดรฟ์
ติดดาวไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่สำคัญ
- คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์
- เลือกจัดระเบียบเพิ่มไปยังรายการที่ติดดาว
- (ไม่บังคับ) หากต้องการดูไฟล์และโฟลเดอร์ที่ติดดาวทั้งหมด ให้คลิกติดดาวในแถบด้านข้างทางซ้าย
ใส่รหัสสีให้โฟลเดอร์ในไดรฟ์
จัดระเบียบไดรฟ์ให้แสดงด้วยโฟลเดอร์ที่แยกตามสี
- คลิกขวาที่โฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยน
- คลิกเปลี่ยนสี แล้วเลือกสีที่ต้องการ
ค้นหาไฟล์และโฟลเดอร์ที่มีทางลัด
ทางลัดช่วยให้คุณและทีมค้นหาและจัดระเบียบไฟล์และโฟลเดอร์ใน Google ไดรฟ์ได้ง่ายขึ้น ทางลัดคือลิงก์ที่อ้างอิงไฟล์หรือโฟลเดอร์อื่น ซึ่งคุณจะใช้ในไดรฟ์ของฉันหรือไดรฟ์ที่แชร์ก็ได้
ทุกคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ โฟลเดอร์ หรือไดรฟ์ที่แชร์จะเห็นทางลัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดได้ คุณต้องให้สิทธิ์บุคคลอื่นเข้าถึงไฟล์ต้นฉบับ ไม่ใช่ให้ทางลัด
- หากไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณใช้บ่อยมีหลายระดับ ให้สร้างทางลัดและวางไว้ที่ระดับบนสุดในไดรฟ์เพื่อให้เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
- หากทีมของคุณทำงานในโฟลเดอร์ต่างๆ และคุณต้องการเข้าถึงไฟล์เดียวกันได้จากหลายโฟลเดอร์ ให้สร้างทางลัดไปยังไฟล์นั้นในโฟลเดอร์ต่างๆ
สร้างทางลัด
- ไปที่ Google ไดรฟ์ในคอมพิวเตอร์
- คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์
- คลิกจัดระเบียบ > เพิ่มทางลัด
หมายเหตุ
- หากคุณสร้างทางลัดในโฟลเดอร์ของบุคคลอื่น คุณจะลบทางลัดนั้นไม่ได้
- คุณสร้างทางลัดของทางลัดไม่ได้ แต่จะทำสำเนาได้
ลบทางลัด
- ไปที่ Google ไดรฟ์ในเบราว์เซอร์
- คลิกขวาที่ทางลัดที่ต้องการนำออก
- คลิกย้ายไปที่ถังขยะ
- หากต้องการนำทางลัดออกอย่างถาวร ให้ลบออกจากถังขยะ
- คลิกถังขยะที่ด้านซ้าย
- คลิกขวาที่ทางลัดที่ต้องการลบ ลบทิ้งถาวร
หมายเหตุ: การลบทางลัดจะไม่ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ต้นฉบับที่ทางลัดยึดตามอยู่ มีเพียงเจ้าของไฟล์หรือโฟลเดอร์เท่านั้นที่ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ดังกล่าวได้
แก้ไขทางลัดที่ใช้งานไม่ได้
ทางลัดจะใช้งานไม่ได้ในกรณีต่อไปนี้
- คุณไม่มีสิทธิ์เปิดไฟล์ต้นฉบับ
- ไฟล์ต้นฉบับอยู่ในถังขยะ
- ไฟล์ต้นฉบับถูกลบ
หากต้องการแก้ไขทางลัดที่เสีย ให้ลองกู้คืนไฟล์ต้นฉบับหรือขอรับสิทธิ์เปิดไฟล์จากเจ้าของ
ค้นหาไฟล์ภาพจากคำอธิบาย
ค้นหารูปภาพที่คุณเก็บไว้ใน Google ไดรฟ์โดยอธิบายหรือระบุถึงสิ่งที่อยู่ในรูปภาพ นอกจากนี้ยังค้นหาข้อความใน PDF และรูปภาพที่คุณเก็บไว้ในไดรฟ์ได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น การค้นหา" "Mount Everest" "ในไดรฟ์จะแสดงรูปภาพ Mount Everest ที่เก็บไว้ทั้งหมดและเอกสารที่มีข้อความเกี่ยวกับ Mount Everest โดยที่ชื่อไฟล์ไม่จำเป็นต้องตรงกับรูปภาพดังกล่าว
ค้นหาไฟล์รูปภาพหรือค้นหาข้อความภายในไฟล์ PDF และรูปภาพ
ในไดรฟ์ ให้พิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหาในช่องค้นหา
ตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์ในไดรฟ์แบบออฟไลน์
เบราว์เซอร์ Chrome และ Microsoft Edge เท่านั้น
หากคุณต้องการดูและแก้ไขไฟล์เมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ให้ตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์ โดยต้องดำเนินการนี้ก่อนที่จะออฟไลน์หรือไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ขณะไม่มีอินเทอร์เน็ต
- แก้ไข Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ และอื่นๆ ในระหว่างที่อินเทอร์เน็ตไม่ทำงาน
- ทำงานระหว่างเที่ยวบินระยะยาวที่ไม่มี Wi-Fi
สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนเปิดใช้การเข้าถึงแบบออฟไลน์
- คุณต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่
- คุณต้องใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome หรือ Microsoft Edge
- อย่าใช้การเรียกดูแบบส่วนตัว
- ติดตั้งและเปิดใช้ส่วนขยาย Chrome ออฟไลน์ของ Google เอกสาร
- ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างเพียงพอที่จะบันทึกไฟล์
เปิดการเข้าถึงแบบออฟไลน์ให้กับไฟล์ล่าสุด
- เปิด Google ไดรฟ์
- คลิกการตั้งค่า การตั้งค่าที่ด้านขวาบน
- เปิดใช้การตั้งค่าแบบออฟไลน์
- หากใช้ Microsoft Edge ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางคุณไปยัง Chrome เว็บสโตร์เพื่อดาวน์โหลดส่วนขยาย Google เอกสารออฟไลน์
- หากต้องการทํางานแบบออฟไลน์ ให้เปิด Google เอกสาร, ชีต หรือสไลด์
กำหนดให้ไฟล์บางไฟล์แก้ไขแบบออฟไลน์ได้
- ไปที่ drive.google.com ในคอมพิวเตอร์
- คลิกขวาที่ไฟล์ Google เอกสาร, ชีต หรือสไลด์ที่ต้องการบันทึกแบบออฟไลน์
- คลิกทำให้ใช้งานแบบออฟไลน์ได้
หากต้องการบันทึกไฟล์หลายรายการแบบออฟไลน์ ให้กด Shift หรือ Command (Mac)/Ctrl (Windows) เมื่อคลิกเลือกไฟล์อื่นๆ
หากต้องการเข้าถึงไฟล์ในไดรฟ์หลายไฟล์ คุณอาจต้องตั้งค่าไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อปแทน
จะเกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินการแบบออฟไลน์
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณแก้ไขไฟล์แบบออฟไลน์
- การเปลี่ยนแปลงจะมีผลเมื่อคุณกลับมาออนไลน์
- การเปลี่ยนแปลงใหม่จะเขียนทับการเปลี่ยนแปลงเดิม
- คุณจะดูการแก้ไขต่างๆ ได้ในประวัติเวอร์ชันของไฟล์
เคล็ดลับ: เรียนรู้วิธีดูสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในไฟล์
กำหนดวันที่หมดอายุสำหรับการเข้าถึงไฟล์
เมื่อทำงานกับบุคคลภายนอกองค์กร คุณอาจต้องการจำกัดการเข้าถึงไฟล์บางรายการใน Google ไดรฟ์เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สำหรับไฟล์ในไดรฟ์ของฉัน คุณสามารถกำหนดวันที่หมดอายุเพื่อจำกัดหรือยกเลิกสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ในกระบวนการแชร์ไฟล์ได้ หากต้องการกำหนดวันที่หมดอายุสำหรับไฟล์ในไดรฟ์ที่แชร์ คุณต้องใช้ Drive API
วิธีที่บทบาทการเข้าถึงทำงานร่วมกับการตั้งค่าวันที่หมดอายุ
เมื่อกำหนดวันที่หมดอายุ บทบาทการเข้าถึงจะได้รับผลกระทบดังนี้
- สำหรับไฟล์ คุณสามารถเพิ่มวันที่หมดอายุสำหรับผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น เอดิเตอร์ และผู้มีสิทธิ์อ่านเอกสารที่เผยแพร่ได้หากไฟล์รองรับบทบาทผู้มีสิทธิ์อ่านเอกสารที่เผยแพร่
- สำหรับโฟลเดอร์ คุณสามารถกำหนดวันที่หมดอายุสำหรับผู้มีสิทธิ์อ่านและผู้แสดงความคิดเห็นได้ ทั้งนี้หากกำหนดวันที่หมดอายุสำหรับเอดิเตอร์ในโฟลเดอร์ บทบาทของเอดิเตอร์จะเปลี่ยนเป็นผู้มีสิทธิ์อ่าน โดยคุณยังคงสามารถเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้แสดงความคิดเห็นและเก็บวันที่หมดอายุไว้เช่นเดิมได้
เพิ่ม เปลี่ยน หรือลบวันที่หมดอายุ
- เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์
- คลิกแชร์
- ค้นหาผู้ใช้ แล้วคลิกลูกศรลง ข้างชื่อผู้ใช้ เพิ่มวันที่หมดอายุ
- คลิกส่งเพื่อยอมรับวันที่หมดอายุ 30 วัน
- หากต้องการเปลี่ยนวันที่หมดอายุเริ่มต้น ให้คลิกแก้ไข ในส่วนสิทธิ์เข้าถึงหมดอายุ แล้วเลือกวันที่หมดอายุจากปฏิทิน
- (ไม่บังคับ) หากต้องการนำวันที่หมดอายุออก ให้คลิกนำวันที่หมดอายุออก
- คลิกเสร็จสิ้นส่ง
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง