การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

การใช้กฎต่างๆ เพื่อดำเนินงานจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Standard; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถกำหนดกฎต่างๆ เพื่อดำเนินงานจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติและรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยได้ เช่น บล็อกอุปกรณ์ที่รายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติได้

คุณจะใช้กฎการจัดการอุปกรณ์กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่รองรับได้

หมายเหตุ: หากต้องการอนุมัติอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วยกฎ อุปกรณ์จะต้องอยู่ภายใต้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง หากจำเป็น ให้เปิดการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

วิธีการทำงานของกฎ

กฎการจัดการอุปกรณ์จะทำงานเมื่อเกิดเหตุการณ์ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ เมื่อตรวจพบเหตุการณ์ กฎจะตรวจสอบเงื่อนไขที่คุณระบุไว้ หากเป็นไปตามเงื่อนไข ระบบก็จะเริ่มดำเนินการ

เช่น คุณสามารถบล็อกอุปกรณ์ได้เมื่อสถานะการลงทะเบียนบัญชีในอุปกรณ์ Android มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผู้ใช้ยกเลิกการลงทะเบียนบัญชีบริษัทของตนจากอุปกรณ์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • เหตุการณ์คือสถานะการลงทะเบียนบัญชีในอุปกรณ์มีการเปลี่ยนแปลง
  • เงื่อนไขแรกคือประเภทอุปกรณ์เป็น Android
  • เงื่อนไขที่ 2 คือการที่ผู้ใช้ยกเลิกการลงทะเบียนบัญชีของตนจากอุปกรณ์ (สถานะบัญชีคือยกเลิกการลงทะเบียนจาก)
  • การดำเนินการคือบล็อกอุปกรณ์

คุณสามารถสร้างกฎหรืองานของคุณเองได้ด้วยเทมเพลตที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยที่จะกำหนดขอบเขตของกฎเป็นทั้งองค์กร หน่วยขององค์กร หรือกลุ่มใน Google Groups ก็ได้ นอกจากนี้คุณยังยกเว้นกลุ่มได้อีกด้วย

หมายเหตุ: กฎการจัดการอุปกรณ์จะช่วยให้คุณสามารถอนุมัติ บล็อก หรือล้างข้อมูลอุปกรณ์เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์หนึ่ง หากต้องการควบคุมการเข้าถึงแอป Google สำหรับอุปกรณ์โดยอิงตามแอตทริบิวต์ของอุปกรณ์ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ, สถานะความปลอดภัย, ที่อยู่ IP, สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หรือการเป็นเจ้าของ คุณสามารถใช้ระดับการเข้าถึงแบบ Context-Aware ดูข้อมูลเพิ่มเติม

สร้างและแก้ไขกฎ

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบขั้นสูงสำหรับงานนี้

สร้างกฎการจัดการอุปกรณ์
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น กฎ
  3. คลิกกฎการจัดการอุปกรณ์
  4. คลิกเพิ่มกฎแล้วเลือกตัวเลือกต่อไปนี้
    • หากต้องการใช้เทมเพลตกฎ ให้คลิกกฎจากเทมเพลตแล้วคลิกเทมเพลต โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อใช้เทมเพลตกฎ
    • หากต้องการสร้างกฎของคุณเอง ให้คลิกกฎใหม่
  5. ป้อนหรือแก้ไขชื่อและคำอธิบายกฎ
  6. เลือกบุคคลที่จะใช้กฎ ซึ่งกฎจะมีผลกับทุกคนในองค์กรโดยค่าเริ่มต้น
    • หากต้องการใช้กฎเฉพาะกับผู้ใช้ที่คุณเลือกเท่านั้น ให้คลิกระบุหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มแล้วเลือกหน่วยขององค์กรและกลุ่มที่ต้องการ
    • หากต้องการยกเว้นผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม ให้เลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มอย่างน้อย 1 รายการก่อน จากนั้นจึงคลิกไม่รวมกลุ่มแล้วเลือกกลุ่มที่ต้องการยกเว้น ให้ทำซ้ำเพื่อยกเว้นกลุ่มอื่นๆ

    เช่น หากต้องการใช้กฎกับทุกคนในองค์กร แต่ยกเว้นกลุ่มเพียง 1 กลุ่ม ให้ระบุหน่วยขององค์กรระดับบนสุดแล้วยกเว้นกลุ่มที่ต้องการกลุ่มเดียว

    หากต้องการนำหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มออก ให้คลิกล้าง ที่อยู่ติดกัน

  7. คลิกต่อไป
  8. หากจำเป็น ให้เลือกเหตุการณ์ที่จะทำให้กฎนี้ทำงาน โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเลือกทริกเกอร์และเงื่อนไข
  9. คลิกเพิ่มเงื่อนไขแล้วกำหนดเงื่อนไขประเภทอุปกรณ์ดังนี้
    1. คลิกช่องแล้วเลือกประเภทอุปกรณ์
    2. คลิกค่าแล้วเลือกประเภทอุปกรณ์ ซึ่งได้แก่ อุปกรณ์ทั้งหมด, Android หรือ iOS โดยอุปกรณ์บางประเภทอาจไม่มีให้เลือกเนื่องจากเหตุการณ์บางอย่างจะใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์บางประเภทเท่านั้น

    หมายเหตุ: คุณต้องกำหนดเงื่อนไขประเภทอุปกรณ์ก่อนจึงจะไปยังขั้นตอนถัดไปได้

  10. (ไม่บังคับ) คลิกเพิ่มเงื่อนไขแล้วกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยอุปกรณ์ต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดของกฎที่จะใช้
  11. คลิกต่อไป
  12. หากจำเป็น ให้เลือกการดำเนินการที่จะเกิดขึ้นเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎ ซึ่งการดำเนินการบางอย่างจะใช้ไม่ได้กับทุกเหตุการณ์
    • บล็อกอุปกรณ์เคลื่อนที่ - หยุดไม่ให้อุปกรณ์ซิงค์ข้อมูลบริษัท
    • อนุมัติอุปกรณ์เคลื่อนที่ - (เฉพาะการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงเท่านั้น) อนุญาตให้อุปกรณ์ซิงค์ข้อมูลบริษัท
    • ล้างข้อมูล - ล้างข้อมูลบัญชีบริษัทของผู้ใช้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกจากอุปกรณ์ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการล้างข้อมูลบัญชี
    • ไม่มีการดำเนินการ - ไม่ต้องดำเนินการใดๆ ในอุปกรณ์ คุณใช้ตัวเลือกนี้ได้หากต้องการรับการแจ้งเตือนเวลาที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเท่านั้น (ตามที่อธิบายไว้ในขั้นตอนถัดไป)
  13. (ไม่บังคับ) หากต้องการส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลไปยังผู้ดูแลระบบขั้นสูงทุกคน ให้เลือกช่องส่งไปยังศูนย์แจ้งเตือน จากนั้นเลือกช่องผู้ดูแลระบบขั้นสูงทั้งหมด หมายเหตุ: ขณะนี้ยังไม่มีการรองรับการแจ้งเตือนของศูนย์แจ้งเตือน แต่ทั้งนี้ต้องเปิดระบบนี้ไว้เพื่อส่งอีเมลไปหาผู้ดูแลระบบขั้นสูง
  14. คลิกต่อไป
  15. ตรวจสอบการตั้งค่ากฎ หากถูกต้องแล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น แต่หากไม่ถูกต้อง ให้คลิกกลับเพื่อแก้ไขกฎ
  16. เลือกตัวเลือกต่อไปนี้ในกล่องโต้ตอบที่เปิดขึ้น
    • คลิกใช้งานหากต้องการสร้างกฎแล้วเปิดใช้งานทันที
    • คลิกไม่ใช้งานหากต้องการสร้างกฎแล้วเปิดใช้งานภายหลัง
  17. คลิกเสร็จสิ้น
  18. หากต้องการเปิดกฎที่ไม่ได้ใช้งาน ให้คลิกกฎในรายการกฎ จากนั้นจึงคลิกเมนูด้านซ้ายแล้วเลือกใช้งาน
แก้ไขกฎการจัดการอุปกรณ์ที่มีอยู่
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (ไม่ใช่บัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น กฎ
  3. คลิกกฎการจัดการอุปกรณ์
  4. คลิกกฎที่ต้องการแก้ไข
  5. คลิกส่วนที่ต้องการแก้ไข แล้วทำการเปลี่ยนแปลง จากนั้นจึงคลิกต่อไปเพื่อไปยังหน้าการตรวจสอบ
  6. ตรวจสอบการตั้งค่ากฎ หากถูกต้องแล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น แต่หากไม่ถูกต้อง ให้คลิกกลับเพื่อแก้ไขกฎ
  7. เลือกว่าต้องการใช้งานกฎหรือไม่ในกล่องโต้ตอบที่เปิดขึ้น
  8. คลิกเสร็จสิ้น

ใช้เทมเพลตกฎ

เทมเพลตกฎจะกำหนดเงื่อนไขและการดำเนินการทั่วไปเอาไว้แล้ว ซึ่งใช้เป็นจุดตั้งต้นก่อนที่จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับความต้องการขององค์กร เช่น หากต้องการอนุมัติ iPhone และ iPad โดยอัตโนมัติ แต่จะอนุมัติอุปกรณ์ Android ด้วยตนเอง ให้ใช้เทมเพลตอนุมัติการลงทะเบียนอุปกรณ์โดยอัตโนมัติแล้วเปลี่ยนประเภทอุปกรณ์เป็น iOS

บล็อกบัญชีเมื่อปลดล็อกหน้าจอไม่สำเร็จหลายครั้ง (เฉพาะ Android เท่านั้น)

กฎนี้จะบล็อกอุปกรณ์ Android เมื่อมีการพยายามปลดล็อกอุปกรณ์แต่ไม่สำเร็จเกิน 5 ครั้ง โดยกฎจะหยุดไม่ให้ข้อมูลงานหรือสถานศึกษาของผู้ใช้ซิงค์กับอุปกรณ์

หากต้องการส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลไปยังผู้ดูแลระบบขั้นสูงทุกคน ให้เลือกช่องส่งไปยังศูนย์แจ้งเตือน จากนั้นเลือกช่องผู้ดูแลระบบขั้นสูงทั้งหมด หมายเหตุ: ขณะนี้ยังไม่มีการรองรับการแจ้งเตือนของศูนย์แจ้งเตือน แต่ทั้งนี้ต้องเปิดระบบนี้ไว้เพื่อส่งอีเมลไปหาผู้ดูแลระบบขั้นสูง

ดำเนินการล้างข้อมูลเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่น่าสงสัย

กฎนี้จะนำข้อมูลบริษัทออกจากอุปกรณ์ Android, iPhone หรือ iPad เมื่อตรวจพบกิจกรรมที่น่าสงสัย

สำหรับ iPhone และ iPad ระบบจะล้างข้อมูลบัญชีเมื่อที่อยู่ MAC สำหรับ Wi-Fi ของอุปกรณ์มีการเปลี่ยนแปลง

สำหรับ Android ระบบจะล้างข้อมูลในอุปกรณ์เมื่อพร็อพเพอร์ตี้ต่อไปนี้ของอุปกรณ์มีการเปลี่ยนแปลง

  • เวอร์ชันของ Bootloader
  • แบรนด์ของอุปกรณ์
  • ฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์
  • ผู้ผลิต
  • รุ่นอุปกรณ์
  • สิทธิ์ของแอป Device Policy
  • หมายเลข IMEI
  • หมายเลข MEID
  • หมายเลขซีเรียล
  • ที่อยู่ MAC ของ Wi-Fi

สำหรับอุปกรณ์ Android ของบริษัทและอุปกรณ์ส่วนตัวที่ตั้งค่าเป็นเฉพาะงานเท่านั้น ระบบจะล้างข้อมูลทั้งหมดออกจากอุปกรณ์และจะรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้น สำหรับอุปกรณ์ส่วนตัวที่มีโปรไฟล์งาน ระบบจะล้างเฉพาะโปรไฟล์งานเท่านั้นโดยไม่แตะต้องข้อมูลส่วนตัว

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการล้างข้อมูลบัญชีและอุปกรณ์ที่หัวข้อนำข้อมูลบริษัทออกจากอุปกรณ์

หากต้องการส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลไปยังผู้ดูแลระบบขั้นสูงทุกคน ให้เลือกช่องส่งไปยังศูนย์แจ้งเตือน จากนั้นเลือกช่องผู้ดูแลระบบขั้นสูงทั้งหมด หมายเหตุ: ขณะนี้ยังไม่มีการรองรับการแจ้งเตือนของศูนย์แจ้งเตือน แต่ทั้งนี้ต้องเปิดระบบนี้ไว้เพื่อส่งอีเมลไปหาผู้ดูแลระบบขั้นสูง

อนุมัติการลงทะเบียนอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ

อนุมัติอุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมดโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์เพื่อรับการจัดการ โดยระบบจะซิงค์ข้อมูลบริษัทกับอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีของตน

หากต้องการส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลไปยังผู้ดูแลระบบขั้นสูงทุกคน ให้เลือกช่องส่งไปยังศูนย์แจ้งเตือน จากนั้นเลือกช่องผู้ดูแลระบบขั้นสูงทั้งหมด หมายเหตุ: ขณะนี้ยังไม่มีการรองรับการแจ้งเตือนของศูนย์แจ้งเตือน แต่ทั้งนี้ต้องเปิดระบบนี้ไว้เพื่อส่งอีเมลไปหาผู้ดูแลระบบขั้นสูง

เลือกทริกเกอร์และเงื่อนไข

เลือกเหตุการณ์ที่จะทำให้กฎนี้ทำงาน โดยใช้เงื่อนไขเพื่อเลือกชนิดของอุปกรณ์ (Android, iOS หรือทั้งหมด) และเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดว่ากฎจะมีผลกับอุปกรณ์หรือไม่ และการดำเนินการตามกฎจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ในอุปกรณ์ ซึ่งตรงกับเงื่อนไขที่ระบุไว้เท่านั้น

คุณสามารถเลือกเหตุการณ์เดียวและเงื่อนไขหลายรายการได้กับทุกกฎ โดยต้องกำหนดเงื่อนไขประเภทอุปกรณ์ สำหรับกฎทั้งหมด คุณยังจำกัดให้กฎมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการโดยใช้รหัสอุปกรณ์ หมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ รุ่นอุปกรณ์ หรือค่าเฉพาะเงื่อนไขได้อีกด้วย ให้คลิกเพิ่มเงื่อนไขหากต้องการใช้เงื่อนไขมากกว่า 1 รายการในกฎ

ระบบแสดงเงื่อนไขเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการสำหรับทริกเกอร์บางรายการ แต่จะยังไม่รองรับในขณะนี้

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียนบัญชี

กฎนี้จะทำงานเมื่อสถานะการลงทะเบียนบัญชีของอุปกรณ์ในองค์กรมีการเปลี่ยนแปลง โดยสถานะการลงทะเบียนจะเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้

  • ผู้ใช้เพิ่มบัญชีงานหรือโรงเรียนที่มีการจัดการในอุปกรณ์ใหม่
  • ผู้ใช้ยกเลิกการลงทะเบียนบัญชีงานหรือโรงเรียนที่มีการจัดการจากอุปกรณ์ที่มีการจัดการ
  • มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การจัดการที่องค์กรมีในอุปกรณ์ Android

โดยค่าเริ่มต้น กฎจะทำงานเมื่อตรวจพบเหตุการณ์ใดก็ตามดังที่กล่าวมา

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
สถานะบัญชี

เลือกประเภทการเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียน ดังนี้

  • ลงทะเบียนแล้ว - ใช้กฎเมื่อมีการเพิ่มบัญชีไปยังอุปกรณ์
  • ยกเลิกการลงทะเบียนจาก - ใช้กฎเมื่อบัญชีถูกยกเลิกการลงทะเบียนจากอุปกรณ์ที่ได้รับการจัดการ
สิทธิ์ของแอป Device Policy

เลือกสิทธิ์การจัดการที่องค์กรมีในอุปกรณ์ ดังนี้

  • มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบอุปกรณ์ - ใช้กฎกับอุปกรณ์ส่วนตัวที่มีบัญชีที่จัดการภายในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง
  • มีสิทธิ์ใช้โปรไฟล์งาน - ใช้กฎกับอุปกรณ์ส่วนตัวที่สร้างโปรไฟล์งานไว้
  • มีสิทธิ์ของเจ้าของอุปกรณ์ - ใช้กฎกับอุปกรณ์ของบริษัทและอุปกรณ์ส่วนตัวที่ตั้งค่าเป็น "เฉพาะงานเท่านั้น"
เหตุการณ์การดำเนินการของอุปกรณ์

กฎจะทำงานเมื่อสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลงานหรือสถานศึกษาของผู้ใช้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ ได้แก่

  • อุปกรณ์ได้รับอนุมัติ ถูกบล็อก หรือถูกล้างข้อมูล
  • บัญชีที่จัดการถูกล้างข้อมูล ออกจากระบบโดยผู้ดูแลระบบ หรือยกเลิกการลงทะเบียน

โดยค่าเริ่มต้น กฎจะทำงานเมื่อมีเหตุการณ์การดำเนินการใดก็ตามของอุปกรณ์เกิดขึ้น

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
สถานะการดำเนินการในอุปกรณ์ เลือกสถานะการดำเนินการ ได้แก่ ผู้ใช้ปฏิเสธการดำเนินการ ยกเลิกแล้ว ดำเนินการแล้ว ไม่สำเร็จ รอดำเนินการ ส่งไปที่อุปกรณ์แล้ว หรือสถานะการเรียกใช้การดำเนินการที่ไม่รู้จัก
ประเภทของการดำเนินงานในอุปกรณ์

เลือกการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ดังนี้

  • ล้างข้อมูลบัญชี
  • อนุญาตให้เข้าถึง
  • อนุมัติ
  • บล็อก
  • รวบรวมรายงานข้อบกพร่อง
  • ล้างข้อมูลอุปกรณ์
  • ไม่อนุญาตให้เข้าถึง
  • ค้นหาอุปกรณ์
  • ล็อกอุปกรณ์
  • นำแอปออก
  • นำโปรไฟล์ iOS ออก
  • รีเซ็ต PIN
  • เพิกถอนโทเค็น
  • ทำให้อุปกรณ์ส่งเสียง
  • นำผู้ใช้ออกจากระบบ
  • ซิงค์อุปกรณ์
  • ยกเลิกการลงทะเบียน
  • ไม่ทราบ

เช่น หากต้องการบล็อกอุปกรณ์เมื่อล้างข้อมูลอุปกรณ์ไม่สำเร็จ ให้ทำดังนี้

  1. กำหนดประเภทของการดำเนินงานในอุปกรณ์เป็นล้างข้อมูลอุปกรณ์
  2. กำหนดสถานะการดำเนินการในอุปกรณ์เป็นไม่สำเร็จ
การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์

กฎจะทำงานเมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ติดตั้ง ถอนการติดตั้ง หรืออัปเดตแอปในอุปกรณ์ของตน สำหรับอุปกรณ์ Android ส่วนตัวที่ไม่มีโปรไฟล์งาน คุณจำเป็นต้องเปิดใช้การตั้งค่าการตรวจสอบแอปพลิเคชัน สำหรับ iPhone และ iPad ระบบจะตรวจพบเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในแอปที่มีการจัดการซึ่งติดตั้งด้วยแอป Google Device Policy เท่านั้น

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
รหัสแอปพลิเคชัน

ป้อนรหัสแอปทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับแอปที่มีการเปลี่ยนแปลง

เช่น หากต้องการใช้กฎเมื่อแอป YouTube บนอุปกรณ์เคลื่อนที่มีการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ให้เลือกมีคำว่าแล้วป้อน youtube

แอปพลิเคชัน SHA-256 ป้อนแฮช SHA-256 ของแพ็กเกจแอปทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับแอปที่มีการเปลี่ยนแปลง
สถานะของแอปพลิเคชัน

เลือกสถานะที่แอปเปลี่ยนเป็น ดังนี้

  • ติดตั้งแล้ว
  • ไม่มีการแจ้งว่าอาจเป็นอันตราย
  • ตรวจพบว่าอาจเป็นอันตราย
  • เริ่มต้นแล้ว
  • ลบจาก
  • อัปเดตเมื่อ
ค่าใหม่ ป้อนหมายเลขเวอร์ชันทั้งหมดหรือบางส่วนที่แอปเปลี่ยนแปลง เช่น หากต้องการให้กฎทำงานเมื่อแอป Chrome อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 86 ใดๆ ก็ตาม ให้เลือกมีคำว่าแล้วป้อน 86
หมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตราย

เลือกประเภทแอปที่อาจเป็นอันตราย ดังนี้

  • แอปนี้อาจมีสิทธิ์เข้าถึงแบบลับ
  • แอปอาจมีการฉ้อโกงทางโทรศัพท์
  • แอปนี้อาจมีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูล
  • แอปอาจมีลอจิกการปฏิเสธการให้บริการ
  • แอปนี้อาจมีซอฟต์แวร์หลอกลวง
  • แอปนี้อาจมีมัลแวร์
  • แอปนี้อาจมีเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
  • แอปนี้อาจมีโปรแกรมดาวน์โหลดที่อันตราย
  • แอปนี้อาจมีภัยคุกคามต่อโทเค็นระบบที่ไม่ใช่ Android
  • แอปนี้อาจมีฟิชชิง
  • แอปนี้อาจมีความสามารถในการโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์
  • แอปนี้อาจมีแรนซัมแวร์
  • แอปนี้อาจมีความสามารถในการรูท
  • แอปนี้อาจมีสแปม
  • แอปนี้อาจมีสปายแวร์
  • แอปนี้อาจมีการฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียม
  • แอปนี้อาจมีลอจิกการติดตาม
  • แอปนี้อาจมีโทรจัน
  • แอปดูผิดปกติ
  • แอปนี้อาจมีการฉ้อโกง WAP
  • แอปนี้อาจมีมัลแวร์ Windows
สถานะการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุปกรณ์ (เฉพาะ Android)

กฎจะทำงานเมื่ออุปกรณ์ไม่เป็นไปตามนโยบายขององค์กร เช่น ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านของอุปกรณ์โดยที่รหัสผ่านนั้นไม่เป็นไปตามนโยบายรหัสผ่าน โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อสถานะการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุปกรณ์

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ใช้กฎกับ
สถานะการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุปกรณ์

อุปกรณ์ที่สถานะการปฏิบัติตามข้อกำหนดมีการเปลี่ยนแปลง โดยสามารถเลือกตัวเลือกต่อไปนี้

  • ปฏิบัติตามนโยบายที่ตั้งไว้ - ใช้กฎเมื่ออุปกรณ์ปฏิบัติตามนโยบายขององค์กรคุณ
  • ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ตั้งไว้เนื่องจากอุปกรณ์ - จากนั้นคลิกเพิ่ม แล้วใช้เงื่อนไข "เหตุผลในการปิดใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่"
เหตุผลในการปิดใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ เลือกเหตุผลที่อุปกรณ์ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ดังนี้
  • ไม่จำกัดบริการช่วยเหลือพิเศษ
  • ถูกล้างข้อมูลบัญชีโดยผู้ดูแลระบบ
  • เปิดกล้องถ่ายรูปไว้
  • ถูกบุกรุก
  • ผู้ดูแลระบบบล็อกไว้
  • มีแอปที่เป็นอันตราย
  • ต้องดำเนินการตรวจสอบแอป Device Policy ให้เสร็จ
  • ไม่รองรับ
  • ต้องมีข้อมูลล็อกหน้าจอ
  • คือโมเดลที่ผู้ดูแลระบบไม่อนุญาต
  • ถูกล้างข้อมูลโดยผู้ดูแลระบบ
  • ไม่ได้อยู่ในโหมดเจ้าของอุปกรณ์
  • ไม่มีแอป Device Policy เวอร์ชันล่าสุด
  • ไม่ได้สร้างโปรไฟล์งานไว้
  • ไม่จำกัดวิธีการป้อนข้อมูล
  • ต้องแปลงแอปอย่างน้อย 1 แอปเป็นสถานะที่มีการจัดการ
  • ไม่ได้ซิงค์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • เปิดใช้วิดเจ็ตในหน้าจอล็อก
  • มีบัญชีที่จัดการหลายบัญชี
  • ไม่เป็นไปตามนโยบายรหัสผ่าน
  • ไม่ได้รับสิทธิ์ให้รีเซ็ตรหัสผ่าน
  • ไม่ได้เปิดการซิงค์ไว้
อุปกรณ์ถูกบุกรุก (เฉพาะ Android เท่านั้น)

กฎจะทำงานเมื่ออุปกรณ์ Android ถูกบุกรุกหรือไม่ถูกบุกรุกอีกต่อไป โดยการบุกรุกอุปกรณ์ Android จะเกิดขึ้นเมื่อมีการรูท ซึ่งเป็นกระบวนการที่นำข้อจำกัดต่างๆ ออกจากอุปกรณ์ และอุปกรณ์ที่ถูกบุกรุกอาจส่งผลให้เกิดภัยคุกคามด้านความปลอดภัยได้

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
สถานะอุปกรณ์ถูกบุกรุก

เลือกสถานะของอุปกรณ์ที่เปลี่ยนเป็น ดังนี้

  • ถูกบุกรุก - ใช้กฎกับอุปกรณ์ที่ถูกบุกรุก
  • ไม่ถูกบุกรุกอีกต่อไป - ใช้กฎกับอุปกรณ์ที่เคยถูกบุกรุก แต่ไม่ถูกบุกรุกอีกต่อไป
การอัปเดตระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์

กฎจะทำงานเมื่อระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ (OS) มีการเปลี่ยนแปลง โดยประเภทของการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการที่เรียกใช้กฎจะขึ้นอยู่กับประเภทอุปกรณ์ ดังนี้

  • Android - การเปลี่ยนแปลงเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ หมายเลขบิลด์ เวอร์ชันเคอร์เนล เวอร์ชันเบสแบนด์ แพตช์ด้านความปลอดภัย หรือเวอร์ชันของ Bootloader
  • iOS - การเปลี่ยนแปลงเฉพาะเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการและหมายเลขบิลด์เท่านั้น เช่น ผู้ใช้อัปเดตระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์หรือแพตช์ด้านความปลอดภัยรุ่นใหม่

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
ค่าเดิม ป้อนค่าพร็อพเพอร์ตี้ของระบบปฏิบัติการบางส่วนหรือทั้งหมดที่เป็นค่าเดิมของอุปกรณ์
ค่าใหม่ ป้อนค่าพร็อพเพอร์ตี้ของระบบปฏิบัติการบางส่วนหรือทั้งหมดที่เป็นค่าใหม่ของอุปกรณ์
พร็อพเพอร์ตี้ของระบบปฏิบัติการ

เลือกพร็อพเพอร์ตี้ของระบบปฏิบัติการที่เรียกใช้กฎเมื่อค่ามีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

  • เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ
  • หมายเลขบิลด์
  • เวอร์ชันเคอร์เนล
  • เวอร์ชันเบสแบนด์ของอุปกรณ์
  • แพตช์ด้านความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ
  • เวอร์ชัน Bootloader ในอุปกรณ์ของตน

สำหรับ iOS จะรองรับเฉพาะเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการและหมายเลขบิลด์เท่านั้น

การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ (เฉพาะ Android เท่านั้น)

กฎจะทำงานเมื่อการเป็นเจ้าของอุปกรณ์เปลี่ยนจาก "ส่วนตัว" เป็น "ของบริษัท" หรือเปลี่ยนจาก "ของบริษัท" เป็น "ส่วนตัว"

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ของอุปกรณ์

เลือกสถานะการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ที่เปลี่ยนไป ดังนี้

  • ของบริษัท - ใช้กฎนี้กับอุปกรณ์ที่สถานะการเป็นเจ้าของเปลี่ยนเป็นของบริษัท
  • ส่วนบุคคล ใช้กฎกับอุปกรณ์ที่สถานะการเป็นเจ้าของถูกเปลี่ยนเป็น "ส่วนบุคคล"
การตั้งค่าอุปกรณ์มีการเปลี่ยนแปลง (เฉพาะ Android เท่านั้น)

กฎจะทำงานเมื่อการตั้งค่าอุปกรณ์ในอุปกรณ์ Android มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การแก้ไขข้อบกพร่อง USB, แหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก, ตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือตรวจสอบแอป

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
ค่าเดิม ป้อนการตั้งค่าอุปกรณ์บางส่วนหรือทั้งหมดที่เป็นค่าเดิมของอุปกรณ์
ค่าใหม่ ป้อนการตั้งค่าอุปกรณ์บางส่วนหรือทั้งหมดที่เป็นค่าใหม่ของอุปกรณ์
การตั้งค่าอุปกรณ์ เลือกการตั้งค่าอุปกรณ์ที่เรียกใช้กฎเมื่อค่ามีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
  • ตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
  • แหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก
  • การแก้ไขข้อบกพร่อง USB
  • ตรวจสอบแอป
การซิงค์อุปกรณ์

กฎจะทำงานเมื่อบัญชีของผู้ใช้ซิงค์ในอุปกรณ์

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
วันที่มีเหตุการณ์ตรวจสอบการซิงค์ครั้งล่าสุด

ป้อนวันที่เป็นการประทับเวลา UNIX เช่น 1606167154

คุณสามารถทำให้กฎทำงานได้เมื่อการซิงค์อุปกรณ์ล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากวันที่ระบุ (มากกว่า) หรือหลังจากวันที่ที่ระบุ (มากกว่าหรือเท่ากับ)

ความพยายามปลดล็อกหน้าจอที่ไม่สำเร็จ (เฉพาะ Android เท่านั้น)

กฎจะทำงานเมื่อมีการพยายามปลดล็อกอุปกรณ์ไม่สำเร็จถึงจำนวนที่กำหนด โดยค่าเริ่มต้น กฎจะทำงานเมื่อปลดล็อกไม่สำเร็จเกิน 5 ครั้ง

ใช้ตัวเลือกนี้หากต้องการเปลี่ยนแปลงจำนวนความพยายามที่ไม่สำเร็จก่อนจะเรียกใช้กฎ

เงื่อนไข ค่า
การปลดล็อกหน้าจอไม่สำเร็จ

เลือกวิธีนับจำนวนครั้งที่ไม่สำเร็จ (มากกว่าหรือมากกว่าหรือเท่ากับ) แล้วป้อนจำนวนครั้งที่ไม่สำเร็จ

เช่น หากป้อน 3 แล้วเลือกมากกว่า กฎจะทำงานเมื่อปลดล็อกหน้าจอไม่สำเร็จในครั้งที่ 4 หากป้อน 3 แล้วเลือกมากกว่าหรือเท่ากับ กฎจะทำงานเมื่อปลดล็อกหน้าจอไม่สำเร็จในครั้งที่ 3

กิจกรรมที่น่าสงสัย

กฎจะทำงานเมื่อพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์มีการเปลี่ยนแปลงในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ และพร็อพเพอร์ตี้นั้นไม่ใช่พร็อพเพอร์ตี้ที่มักมีการเปลี่ยนแปลง เช่น รุ่นของอุปกรณ์เปลี่ยนแปลงแต่อุปกรณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับอุปกรณ์ Android กิจกรรมน่าสงสัยนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์ต่อไปนี้

  • เวอร์ชันของ Bootloader
  • แบรนด์ของอุปกรณ์
  • ฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์
  • ผู้ผลิต
  • รุ่นอุปกรณ์
  • สิทธิ์ของแอป Device Policy
  • หมายเลข IMEI
  • หมายเลข MEID
  • หมายเลขซีเรียล
  • ที่อยู่ MAC ของ Wi-Fi

สำหรับ iPhone และ iPad กิจกรรมน่าสงสัยนี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ MAC ของ Wi-Fi เท่านั้น

หากต้องการใช้กฎกับอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น ให้กำหนดเงื่อนไขตามพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์และตัวเลือกเฉพาะเหตุการณ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข ค่า
พร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์

เลือกพร็อพเพอร์ตี้ของอุปกรณ์ที่ทำให้กฎทำงานเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หากต้องการเลือกพร็อพเพอร์ตี้มากกว่า 1 รายการ ให้สร้างกฎแยกต่างหากสำหรับพร็อพเพอร์ตี้นั้น และหากเพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ลงในกฎมากกว่า 1 รายการ อุปกรณ์ต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงพร็อพเพอร์ตี้ทั้งหมดที่เลือก

หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ iOS ระบบจะตรวจพบเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ MAC ของ Wi-Fi เท่านั้น

ค่าเดิม สำหรับอุปกรณ์ Android ให้เลือกสิทธิ์การจัดการที่เป็นค่าเดิมของอุปกรณ์
ค่าใหม่ สำหรับอุปกรณ์ Android ให้เลือกสิทธิ์การจัดการที่เป็นค่าใหม่ของอุปกรณ์
การรองรับโปรไฟล์งาน (เฉพาะ Android เท่านั้น)

ใช้กฎเมื่ออุปกรณ์ Android เริ่มรองรับโปรไฟล์งาน เช่น เมื่อมีการอัปเกรดเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ ทำให้ขณะนี้อุปกรณ์รองรับโปรไฟล์งานได้

ดูข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตรวจพบ

คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ในการตรวจสอบกฎ

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น การรายงานจากนั้นการตรวจสอบความถูกต้องและข้อเท็จจริงจากนั้นเหตุการณ์ในบันทึกของกฎ
  3. หากต้องการตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกฎการจัดการอุปกรณ์ ให้คลิกเพิ่มตัวกรองจากนั้นการจัดการอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังกรองตามลักษณะเหตุการณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ชื่อกฎหรือบัญชีของเจ้าของอุปกรณ์ (กรองตามเจ้าของทรัพยากร)
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการปรับแต่งข้อมูลที่เห็น ให้คลิกจัดการคอลัมน์ ทางด้านขวา เลือกคอลัมน์ที่ต้องการดูหรือซ่อนจากนั้นคลิกบันทึก

  5. (ไม่บังคับ) วิธีการส่งออกข้อมูลรายงานไปยังไฟล์ Google ชีตใน Google ไดรฟ์โดยตรง หรือดาวน์โหลดไฟล์ CSV ที่มีข้อมูลรายงานมีดังนี้
    1. คลิกดาวน์โหลด
    2. ในส่วนเลือกคอลัมน์ ให้คลิกคอลัมน์ที่กำลังเลือกอยู่หรือคอลัมน์ทั้งหมด
    3. เลือกรูปแบบแล้วคลิกดาวน์โหลด

    คุณสามารถส่งออกข้อมูลแถวได้สูงสุด 100,000 แถวสำหรับไฟล์ทั้ง 2 ประเภท

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10036643083339560040
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false