ภาพรวมการตั้งค่าการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ได้แก่ Enterprise Plus และ Education Standard และ Education Plus  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

ก่อนที่จะเริ่มตั้งค่าการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ (CSE) ของ Google Workspace โปรดตรวจสอบข้อกำหนด ตัวเลือกคีย์การเข้ารหัส และภาพรวมการตั้งค่า

ข้อกำหนดของ CSE

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับ CSE

คุณต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบขั้นสูงของ Google Workspace จึงจะจัดการ CSE สําหรับองค์กรได้ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • การเพิ่มและจัดการบริการจัดการคีย์
  • การมอบหมายบริการจัดการคีย์ให้กับหน่วยขององค์กรและกลุ่ม
  • การเปิดหรือปิด CSE ให้กับผู้ใช้
ข้อกำหนดของผู้ใช้ภายในสำหรับ CSE

ข้อกำหนดใบอนุญาตของผู้ใช้

  • ผู้ใช้ต้องมีใบอนุญาต Google Workspace Enterprise Plus หรือ Google Workspace for Education Plus ในการใช้ CSE เพื่อดำเนินการต่อไปนี้
    • สร้างหรืออัปโหลดเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
    • จัดการประชุมที่เข้ารหัส
    • ส่งหรือรับอีเมลที่เข้ารหัส
  • ผู้ใช้อาจมีใบอนุญาต Google Workspace หรือ Cloud Identity ประเภทใดก็ได้ในการดำเนินการต่อไปนี้
    • ดู แก้ไข หรือดาวน์โหลดเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
    • เข้าร่วมการประชุม CSE
  • ผู้ใช้ที่มีบัญชี Google สําหรับผู้ใช้ทั่วไป (เช่น ผู้ใช้ Gmail) จะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ ส่งอีเมลที่เข้ารหัส หรือเข้าร่วมการประชุมที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ได้

ข้อกำหนดของเบราว์เซอร์

หากต้องการดูหรือแก้ไขเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ ผู้ใช้ต้องใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome หรือ Microsoft Edge (Chromium)

ข้อกําหนดของผู้ใช้ภายนอกสําหรับ CSE

คุณสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ภายนอกเข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ได้ โดยผู้ใช้ภายนอกต้องใช้ S/MIME เท่านั้นเพื่อเข้าถึงข้อความ Gmail ที่เข้ารหัสของผู้ใช้ของคุณ สำหรับเนื้อหาอื่นๆ ข้อกำหนดจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณใช้เพื่อให้สิทธิ์เข้าถึงจากภายนอก โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์จากภายนอก

ทำความเข้าใจตัวเลือกคีย์การเข้ารหัส

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

บริการจัดการคีย์ภายนอก
หากต้องการใช้การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ องค์กรของคุณต้องใช้คีย์การเข้ารหัสของตนเอง โดยคุณจะสร้างคีย์การเข้ารหัสได้ 2 วิธี ได้แก่
คีย์ฮาร์ดแวร์สำหรับ Gmail

Requires having the Assured Controls add-on.

หากผู้ใช้ในองค์กรใช้สมาร์ทการ์ดเพื่อเข้าถึงสถานที่และระบบ คุณสามารถตั้งค่าการเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์สำหรับ CSE ของ Gmail แทนบริการจัดการคีย์ได้ แล้วผู้ใช้จะใช้คีย์ฮาร์ดแวร์เพื่อลงนามและเข้ารหัสอีเมลได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อ Gmail เท่านั้น: ตั้งค่าและจัดการคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ 

ภาพรวมการตั้งค่า CSE

ภาพรวมขั้นตอนที่คุณต้องดำเนินการเพื่อตั้งค่าการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ของ Google Workspace มีดังนี้ วิธีตั้งค่า CSE จะขึ้นอยู่กับประเภทคีย์การเข้ารหัสที่ต้องการใช้

หากคุณใช้บริการจัดการคีย์การเข้ารหัสภายนอก

โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตั้งค่าการเข้ารหัสสำหรับ Google ไดรฟ์, Google ปฏิทิน และ Google Meet นอกจากนี้ คุณจะต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้สำหรับ Gmail ด้วย เว้นแต่คุณต้องการใช้เฉพาะคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์กับ Gmail

ขั้นตอน คำอธิบาย วิธีทำขั้นตอนนี้ให้เสร็จสมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 1: เลือกบริการจัดการคีย์การเข้ารหัสภายนอก
ลงชื่อสมัครใช้ด้วยพาร์ทเนอร์บริการจัดการคีย์การเข้ารหัสของ Google รายใดรายหนึ่ง หรือสร้างบริการของคุณเองโดยใช้ Google Workspace CSE API บริการจัดการคีย์ของคุณจะควบคุมคีย์การเข้ารหัสระดับบนสุดที่ปกป้องข้อมูลของคุณ
เลือกบริการจัดการคีย์สำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 2: เชื่อมต่อ Google Workspace กับผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัว

เชื่อมต่อ IdP ของบุคคลที่สามหรือข้อมูลประจำตัวของ Google โดยใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบหรือไฟล์ .well-known ที่โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ IdP ของคุณจะยืนยันตัวตนของผู้ใช้ก่อนอนุญาตให้เข้ารหัสเนื้อหาหรือเข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัส

เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 3: ตั้งค่าบริการจัดการคีย์ภายนอก ใช้งานพาร์ทเนอร์บริการจัดการคีย์เพื่อตั้งค่าบริการสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ของ Google Workspace ตั้งค่าบริการจัดการคีย์สำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มข้อมูลบริการจัดการคีย์ไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบ

เพิ่ม URL ของบริการจัดการคีย์ภายนอกไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบเพื่อเชื่อมต่อบริการกับ Google Workspace คุณสามารถเพิ่มบริการจัดการคีย์หลายรายการเพื่อมอบหมายบริการจัดการคีย์ที่แตกต่างกันให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ต้องการได้ 

เพิ่มและจัดการบริการจัดการคีย์สำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 5: มอบหมายบริการจัดการคีย์ให้กับผู้ใช้ มอบหมายบริการจัดการคีย์หรือบริการต่างๆ ให้กับหน่วยขององค์กรและกลุ่ม คุณจะต้องมอบหมายบริการจัดการคีย์เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับองค์กร มอบหมายการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ให้กับผู้ใช้
ขั้นตอนที่ 5: (CSE ของ Gmail เท่านั้น) อัปโหลดคีย์การเข้ารหัสของผู้ใช้

สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud Platform (GCP) และเปิดใช้ Gmail API จากนั้นให้สิทธิ์ API ในการเข้าถึงทั้งองค์กร แล้วเปิด CSE ให้กับผู้ใช้ Gmail และอัปโหลดคีย์การเข้ารหัสส่วนตัวและคีย์การเข้ารหัสสาธารณะไปยัง Gmail

หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ต้องใช้ประสบการณ์ในการใช้ API และสคริปต์ Python

Gmail เท่านั้น: อัปโหลดคีย์การเข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 6: เปิด CSE สำหรับผู้ใช้ เปิดใช้ CSE สำหรับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มใดก็ได้ในองค์กรที่มีผู้ใช้ที่ต้องการสร้างเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ เปิดหรือปิด CSE ให้กับผู้ใช้
ขั้นตอนที่ 7: (ไม่บังคับ) ตั้งค่าการเข้าถึงภายนอก สำหรับการเข้าถึงเนื้อหา Gmail ที่เข้ารหัส ผู้ใช้ภายนอกต้องใช้ S/MIME เท่านั้น หากไม่เช่นนั้น คุณจะมี 2 วิธีในการให้สิทธิ์เข้าถึงจากภายนอก ขึ้นอยู่กับองค์กรและเนื้อหา ให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์จากภายนอก
ขั้นตอนที่ 8: (ไม่บังคับ) นำเข้าข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ หากองค์กรของคุณมีข้อความในบริการอื่นหรือในรูปแบบการเข้ารหัสอื่น ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถย้ายข้อความดังกล่าวไปยัง Gmail เป็นข้อความที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ในรูปแบบ S/MIME ได้  ย้ายข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

หากใช้คีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์สำหรับ Gmail

Requires having the Assured Controls add-on.

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้หากต้องการตั้งค่าคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ Gmail ทั้งหมดหรือบางส่วน แทนบริการจัดการคีย์ภายนอก

ขั้นตอน คำอธิบาย วิธีทำขั้นตอนนี้ให้เสร็จสมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมต่อ Google Workspace กับผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัว เชื่อมต่อ IdP ของบุคคลที่สามหรือข้อมูลประจำตัวของ Google โดยใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบหรือไฟล์ .well-known ที่โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ IdP ของคุณจะยืนยันตัวตนของผู้ใช้ก่อนอนุญาตให้เข้ารหัสเนื้อหาหรือเข้าถึงเนื้อหาที่เข้ารหัส เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์

ติดตั้งแอปพลิเคชันคีย์ฮาร์ดแวร์ของ Google Workspace ในอุปกรณ์ Windows ของผู้ใช้ 

หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้อาศัยประสบการณ์ในการใช้สคริปต์ PowerShell

Gmail เท่านั้น: ตั้งค่าและจัดการคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์
ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มข้อมูลการเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ลงในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ป้อนหมายเลขพอร์ตที่ Google Workspace จะใช้สื่อสารกับเครื่องอ่านสมาร์ทการ์ดในอุปกรณ์ Windows ของผู้ใช้ Gmail เท่านั้น: ตั้งค่าและจัดการคีย์การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์
ขั้นตอนที่ 4: มอบหมายการเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ให้กับผู้ใช้ มอบหมายการเข้ารหัสคีย์ฮาร์ดแวร์ให้กับหน่วยขององค์กรและกลุ่ม  มอบหมายการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ให้กับผู้ใช้
ขั้นตอนที่ 5: อัปโหลดคีย์การเข้ารหัสสาธารณะของผู้ใช้

สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud Platform (GCP) และเปิดใช้ Gmail API จากนั้นให้สิทธิ์ API ในการเข้าถึงทั้งองค์กร แล้วเปิด CSE ให้กับผู้ใช้ Gmail และอัปโหลดคีย์การเข้ารหัสสาธารณะไปยัง Gmail

หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ต้องใช้ประสบการณ์ในการใช้ API และสคริปต์ Python

Gmail เท่านั้น: อัปโหลดคีย์การเข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์
ขั้นตอนที่ 6: (ไม่บังคับ) นำเข้าข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ หากองค์กรของคุณมีข้อความในบริการอื่นหรือในรูปแบบการเข้ารหัสอื่น ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถย้ายข้อความดังกล่าวไปยัง Gmail เป็นข้อความที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ในรูปแบบ S/MIME ได้  ย้ายข้อความไปยัง Gmail เป็นอีเมลที่เข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
4557593941979184855
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false