การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

แก้ปัญหาเครือข่าย เสียง และวิดีโอของ Meet

ใช้เคล็ดลับและข้อมูลในบทความนี้เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครือข่ายและคุณภาพเสียง/วิดีโอของ Google Meet สำหรับธุรกิจหรือสถานศึกษา

ขยายทั้งหมด  |  ยุบทั้งหมด


แก้ปัญหาคุณภาพเสียงและวิดีโอ

วัดเวลาในการตอบสนอง
คุณภาพวิดีโอจะสูงสุดเมื่อเวลาในการตอบสนองไป-กลับระหว่างไคลเอ็นต์กับ Google ต่ำกว่า 100 มิลลิวินาที และคุณภาพสื่อของ Meet จะลดลงหากเวลาในการตอบสนองคือ 300 มิลลิวินาทีขึ้นไป วิธีวัดเวลาในการตอบสนองมีดังนี้

ใช้คำสั่ง ping ในเซิร์ฟเวอร์ส่วนหน้าของสื่อ Google Meet เป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
> ping lens.meet.l.google.com
PING lens.meet.l.google.com (74.125.143.127): 56 data bytes
64 bytes from 74.125.143.127: icmp_seq=0 ttl=47 time=25.424 ms
64 bytes from 74.125.143.127: icmp_seq=1 ttl=47 time=25.271 ms
64 bytes from 74.125.143.127: icmp_seq=2 ttl=47 time=26.262 ms
64 bytes from 74.125.143.127: icmp_seq=3 ttl=47 time=26.085 ms
64 bytes from 74.125.143.127: icmp_seq=4 ttl=47 time=26.219 ms

หากเวลาในการตอบสนองสูงเกินไป ให้ใช้ยูทิลิตี traceroute เพื่อพิมพ์เส้นทางเครือข่าย โดยเส้นทางนี้ควรสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ใน Chromebook ให้ป้อน

> tracepath lens.meet.l.google.com

ตรวจสอบเขตข้อมูล

ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกจัดเก็บข้อมูลในเขตข้อมูลที่ต้องการได้ ผู้ใช้ที่อยู่นอกเขตข้อมูลดังกล่าวอาจพบว่าเวลาในการตอบสนองช้าลง โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเขตข้อมูล: เลือกสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์สำหรับข้อมูล

วัดและเพิ่มประสิทธิภาพแบนด์วิดท์
คุณจะใช้เครื่องมือตรวจสอบเครือข่ายของบุคคลที่สามเพื่อระบุจุดคอขวดในการรับส่งข้อมูลของ Meet ได้ ซึ่งใช้ระบุปริมาณการรับส่งข้อความของ Meet ได้โดยใช้โปรโตคอลและช่วงพอร์ต
หากเครือข่ายไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบเครือข่าย ให้ระบุจุดคอขวดโดยทำดังนี้
  • ทดสอบการประชุม
  • ใช้เครื่องมือทดสอบ WebRTC
ผู้ใช้ประสบปัญหาคุณภาพเสียงแย่
หากต้องการแก้ปัญหาคุณภาพเสียงแย่ ให้ตรวจสอบอุปกรณ์เสียงของผู้ใช้และตรวจสอบปัญหาเครือข่าย

ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้ใช้

  • ตรวจสอบว่าเลือกไมโครโฟนและลำโพงที่ถูกต้องในการตั้งค่า Meet ของผู้ใช้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเปลี่ยนการตั้งค่าวิดีโอและเสียงของคอมพิวเตอร์
  • หากใช้ Mac ให้ไปที่ System Preferences จากนั้น Sound จากนั้น Input แล้วยกเลิกการเลือกช่อง Use ambient noise reduction
    ตัวเลือกนี้ใช้ได้เฉพาะใน Mac บางรุ่น 

แก้ปัญหาไมค์ลำโพง

  • หากคุณใช้ Chromebox สำหรับการประชุม ให้ใช้ไมค์ลำโพงเพื่อคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด
  • วางไมค์ลำโพงให้อยู่ใกล้กับผู้เข้าร่วมประชุมและในระดับสายตา

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในคู่มือเริ่มใช้งานฉบับย่อของไมค์ลำโพงสำหรับ Meet

ตรวจสอบการตั้งค่ากล้องหรือไมโครโฟนแบบกำหนดเอง

  • อย่าใช้ไมโครโฟนของกล้องหากพื้นที่นั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดเสียงก้อง
  • ตรวจสอบว่ามีการตั้งระดับเสียงและเกนของไมโครโฟนและลำโพงไว้อย่างเหมาะสม การปรับเกนหรือความไวมากเกินไปจะทำให้เกิดเสียงก้องหรือเสียงกระตุกได้
  • ตรวจสอบว่าไมค์และลำโพงเชื่อมต่อกับนาฬิกาเสียงเดียวกัน
  • ตรวจสอบว่าไม่มีการบล็อกที่ไม่เป็นเส้นตรงอยู่ในเส้นทางของสัญญาณ

ข้อแนะนำ: ใช้ชุดหูฟังที่มาพร้อมกับไมโครโฟนปรับระดับได้ ชุดหูฟังจะแยกเสียงรบกวนรอบข้างและป้องกันการรั่วไหลของเสียงได้

ตรวจสอบปัญหาเครือข่าย

การที่เสียงลดลงเป็นเวลานานอาจเกิดจากปัญหาเครือข่ายไม่เสถียร หากปัญหาหายไปเมื่อผู้เข้าร่วมปิดเสียงตนเอง ปัญหานั้นอาจเกิดจากอุปกรณ์เสียงที่ต่อพ่วง พยายามตีกรอบปัญหาให้แคบลงที่สุด เช่น ตำแหน่งที่ตั้งหรือกลุ่มเครือข่าย

ไม่ได้ยินเสียงผู้ใช้
แจ้งให้ผู้ใช้ดำเนินการดังนี้
  • ตรวจสอบว่าไม่ได้ปิดเสียงไมโครโฟนหรือลำโพงไว้ หากสัญลักษณ์เสียง ที่อยู่ถัดจากรูปโปรไฟล์ของบุคคลนั้นไม่เคลื่อนไหว แสดงว่า Meet ไม่ได้รับเสียงจากผู้ใช้รายนั้น
    หากผู้ใช้ปิดเสียงอยู่ คุณจะเห็นสัญลักษณ์ปิดเสียง ถัดจากรูปโปรไฟล์ของผู้ใช้
  • ตรวจสอบว่าไม่ได้ปิดเสียงไมโครโฟนหรือลำโพงในอุปกรณ์
  • ตรวจสอบว่าเลือกไมโครโฟนและลำโพงที่ถูกต้องไว้แล้ว หากเลือกชุดหูฟังไร้สายไว้แต่ไม่ได้ใช้งาน อาจทำให้ดูเหมือนว่าเสียงไม่ทำงาน
  • ตรวจสอบว่าไม่มีการปิดเสียงลำโพงไว้ คุณได้ยินเสียงอะไรไหมขณะที่สัญลักษณ์เพิ่มเติม ข้างภาพของผู้เข้าร่วมเคลื่อนไหว
  • ใน macOS Mojave 10.14 หรือใหม่กว่า คุณต้องอนุญาตให้ Chrome และ Firefox เข้าถึงไมโครโฟน มิฉะนั้น Meet จะไม่รับเสียงจากอุปกรณ์
    วิธีอนุญาตให้ใช้ไมโครโฟนของคอมพิวเตอร์มีดังนี้
    1. ไปที่ System Preferences จากนั้น Privacy & Security
    2. เลือก Microphone
    3. เลือกช่องถัดจาก Chrome หรือ Firefox
ผู้ใช้พบปัญหาวิดีโอคุณภาพแย่
วิดีโอคุณภาพไม่ดีอาจเกิดจากปัญหาเครือข่ายหรือในห้องมีแสงน้อย หาต้นตอของปัญหาโดยทำดังนี้
  • ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของผู้ส่งและผู้รับมีกำลัง CPU และหน่วยความจำเพียงพอ
  • ตีกรอบตำแหน่งของปัญหาให้แคบลงที่สุด
  • ระบุว่าปัญหาเกิดจากผู้ส่งหรือผู้รับ หากผู้ชมทุกคนเห็นว่าวิดีโอจากผู้เข้าร่วมคนเดียวกันมีคุณภาพแย่ แสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากฝั่งผู้ส่ง 
  • ลดการใช้แบนด์วิดท์โดยตั้งค่าคุณภาพวิดีโอเริ่มต้น

แก้ปัญหาการส่ง

แก้ปัญหาการรับ

แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อกับ Meet

ผู้ใช้เข้าร่วมการประชุมไม่ได้

โปรดตรวจสอบว่าผู้ใช้ได้ทำดังนี้

  • ใช้เบราว์เซอร์ที่รองรับ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อใช้เว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับ
  • ใส่รหัสการประชุมหรือคลิกลิงก์ที่ถูกต้อง
  • ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม ผู้ใช้จะเข้าร่วมการประชุมโดยไม่ระบุชื่อไม่ได้ เว้นแต่ผู้ดูแลระบบจะติดต่อทีมสนับสนุนของ Google Workspace เพื่อขอยกเว้น
  • ใช้รหัสการประชุมที่ถูกต้อง 
    • หากเป็นผู้จัดการประชุม คุณสามารถสร้างการประชุมใหม่ได้
    • หากเป็นผู้เข้าร่วม คุณสามารถขอรหัสการประชุมใหม่จากผู้จัดการประชุมได้

หากวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ยังช่วยไม่ได้ โปรดตรวจสอบว่าบัญชีของเจ้าของการประชุมเป็นบัญชีปัจจุบัน

ผู้ใช้หลุดออกจากการประชุม

ผู้ใช้อาจหลุดออกจากการประชุมได้เนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้

ผู้ใช้ไม่พบ Meet ใน Gmail

หากผู้ใช้ในองค์กรไม่พบ Meet ใน Gmail ให้ทําดังนี้

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

หากคุณมีสิทธิ์เข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบ คุณสามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวเพื่อติดต่อทีมสนับสนุนของ Google Workspace ได้

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

 


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10108632039329745766
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false