รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

 ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่หรือไม่ และดูประวัติการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในเว็บไซต์

หากเว็บไซต์มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ บางส่วนหรือทุกส่วนของเว็บไซต์จะไม่แสดงในผลการค้นหาของ Google

เปิดรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

 

รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ใน Search Console - การฝึกอบรม Google Search Console

การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่คืออะไร

Google จะใช้การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่กับเว็บไซต์เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของ Google เห็นว่าหน้าเว็บไม่สอดคล้องกับนโยบายสแปมของ Google ส่วนใหญ่แล้วการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จะช่วยจัดการกับความพยายามที่จะควบคุมดัชนีการค้นหาของเรา ปัญหาส่วนใหญ่ที่ระบุในรายงานนี้จะส่งผลให้หน้าเว็บหรือเว็บไซต์ได้รับอันดับที่ต่ำลง หรือไม่แสดงในผลการค้นหาโดยไม่มีการแสดงให้ผู้ใช้ทราบ

หากเว็บไซต์ของคุณได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ เราจะแจ้งให้คุณทราบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่และที่ศูนย์ข้อความใน Search Console

เหตุใดจึงมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

นับตั้งแต่ที่มีการใช้เครื่องมือค้นหา มีคนบางกลุ่มที่พยายามหาวิธีพลิกแพลงเพื่อทำให้เว็บไซต์ของตนปรากฏอยู่ด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา การทำเช่นนี้เป็นผลเสียต่อผู้ค้นหาเพราะเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องมากกว่าจะถูกฝังอยู่ใต้ผลการค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้อง และยังเป็นผลเสียต่อเว็บไซต์ที่ปฏิบัติตามกฎ เพราะจะทำให้ค้นหาเว็บไซต์เหล่านี้ได้ยากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ดำเนินการเพื่อต่อต้านนักส่งสแปมตลอดมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ของ Google เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นคำตอบที่ต้องการเจอ และช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ที่ปฏิบัติตามกฎจากการค้นหา

Google ดำเนินการเพื่อปรับปรุงการค้นหาอยู่เสมอ เราใช้ข้อมูลเป็นหลักในการดำเนินการและว่าจ้างนักวิเคราะห์ นักวิจัย และนักสถิติให้ประเมินคุณภาพการค้นหาแบบเต็มเวลา การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในอัลกอริทึมของเราต้องผ่านการประเมินผลด้านคุณภาพอย่างครอบคลุมก่อนที่จะเผยแพร่ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัลกอริทึมของเรา

อัลกอริทึมของเราทำงานได้ผลดีเยี่ยมในการตรวจจับสแปม และในกรณีส่วนใหญ่แล้ว เราค้นพบสแปมและนำออกไปจากผลการค้นหาได้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การจัดทำดัชนีมีคุณภาพอยู่เสมอ เราจะยังคงใช้การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ควบคู่ไปด้วยเพื่อนำสแปมออกจากผลการค้นหา

เว็บไซต์ของฉันมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่บ้างไหม

คุณจะเห็นจำนวนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่บนเว็บไซต์ของคุณที่ด้านบนของรายงาน หากเว็บไซต์ไม่มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ คุณจะเห็นเครื่องหมายถูกสีเขียวและข้อความอธิบาย

แต่ฉันเพิ่งซื้อเว็บไซต์นี้มา

หากคุณเพิ่งซื้อเว็บไซต์ที่ละเมิดนโยบายสแปมก่อนที่คุณจะเป็นเจ้าของ ให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่แสดงในรายงานนี้ แล้วแจ้งให้เราทราบในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่าคุณเพิ่งได้เว็บไซต์มาและตอนนี้เว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว

หน้าเว็บใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ

ขยายคำอธิบายการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เพื่อดูรายการรูปแบบของหน้าเว็บที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจเป็นเฉพาะบางส่วนของเว็บไซต์หรือทั้งเว็บไซต์เลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่หน้าเว็บทุกหน้าที่ตรงกับรูปแบบจะต้องได้รับผลกระทบ

เช่น

  • https://example.com/real-estate/* – หน้าเว็บบางส่วนหรือทั้งหมดภายใต้ไดเรกทอรี real-estate/ ได้รับผลกระทบ
  • ส่งผลกระทบต่อทุกหน้า – การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ที่มีคำอธิบายนี้มีผลกระทบต่อทั้งเว็บไซต์

จะแก้ปัญหาได้อย่างไร

ในการแก้ไขการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในเว็บไซต์ของคุณ ให้ทำดังนี้

  1. ขยายแผงคำอธิบายการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในรายงานเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
  2. ดูว่าหน้าใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ
  3. ดูประเภทและคำอธิบายสั้นๆ ของปัญหา และคลิกลิงก์ "ดูข้อมูลเพิ่มเติม" เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดและขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา (ดูข้อมูลโดยละเอียดสำหรับแต่ละการดำเนินการได้ที่ด้านล่างของหน้านี้)
  4. แก้ไขปัญหาในหน้าเว็บที่ได้รับผลกระทบทุกหน้า การแก้ไขปัญหาเฉพาะบางหน้าไม่ได้ช่วยให้บางส่วนของเว็บไซต์กลับเข้าไปแสดงในผลการค้นหาได้ หากเว็บไซต์มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่หลายรายการ โปรดอ่านและแก้ไขปัญหาทั้งหมด
  5. ตรวจสอบว่า Google เข้าถึงหน้าเว็บได้ หน้าเว็บที่ได้รับผลกระทบไม่ควรให้มีการเข้าสู่ระบบ อยู่หลังเพย์วอลล์ หรือถูกบล็อกโดย robots.txt หรือคำสั่ง noindex คุณทดสอบการเข้าถึงได้โดยใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL
  6. เมื่อปัญหาทั้งหมดที่ระบุในรายงานได้รับการแก้ไขแล้วทุกหน้า ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานนี้ โดยอธิบายการแก้ไขของคุณในคำขอให้พิจารณาใหม่ คำขอที่ดีควรประกอบด้วย 3 สิ่งต่อไปนี้
    • อธิบายปัญหาด้านคุณภาพที่พบบนเว็บไซต์อย่างชัดเจน
    • อธิบายขั้นตอนที่คุณใช้ในการแก้ปัญหา
    • บันทึกผลจากการพยายามแก้ปัญหาของคุณ
  7. การตรวจสอบคําขอให้พิจารณาใหม่อาจใช้เวลาพอสมควร (ดูด้านล่าง) คุณจะได้รับแจ้งถึงความคืบหน้าทางอีเมล เมื่อส่งคำขอแล้ว คุณจะได้รับข้อความยืนยันว่าเรากำลังดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ โปรดอย่าส่งคำขอเข้ามาอีกจนกว่าจะได้รับผลการตรวจสอบของคำขอที่ส่งไป

การตรวจสอบคำขอให้พิจารณาใหม่จะใช้เวลานานเท่าใด

การตรวจสอบคําขอให้พิจารณาใหม่ส่วนใหญ่อาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ในบางกรณี เช่น คําขอให้พิจารณาใหม่ที่เกี่ยวข้องกับลิงก์อาจใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่าปกติ คุณจะได้รับแจ้งทางอีเมลเมื่อเราได้รับคำขอของคุณ เพื่อให้คุณรู้ว่าเรากำลังดำเนินการอยู่ และคุณจะได้รับอีเมลแจ้งเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น โปรดอย่าส่งคำขอเข้ามาอีกจนกว่าจะได้รับผลการตรวจสอบของคำขอที่ส่งไป

รายการการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

ต่อไปนี้เป็นรายการการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ซึ่ง Google อาจใช้และวิธีการแก้ไข

เว็บไซต์มีการละเมิดด้วยสแปมของบุคคลที่สาม
Google ตรวจพบว่าเว็บไซต์ของคุณมีส่วนสําคัญถูกละเมิดด้วยสแปม ซึ่งเป็นการละเมิดนโยบายสแปมของ Google และเพิ่มคุณค่าให้เว็บไซต์น้อยมากหรือไม่เพิ่มเลย เนื้อหาที่เป็นสแปมอาจปรากฏในฟอรัม สมุดเยี่ยม แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เครื่องมืออัปโหลดไฟล์ บริการโฮสติ้งฟรี หรือหน้าค้นหาภายใน
เนื้อหาสแปมนี้อาจสร้างขึ้นโดยผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือบุคคลที่สามอื่นๆ และใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ของคุณในการโปรโมตสแปมแทนที่จะเป็นเรื่องจริงๆ ในเว็บไซต์
หากคุณได้รับการแจ้งเตือนจาก Google เกี่ยวกับสแปมประเภทนี้ ข่าวดีคือเรามักจะเชื่อว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพดีพอที่เราไม่จำเป็นต้องดำเนินการกับทั้งเว็บไซต์ การดําเนินการโดยเจ้าหน้าที่นี้จะมีผลกับหน้าเว็บที่มีเนื้อหาที่เป็นสแปมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่เป็นสแปมประเภทนี้มากเกินไปก็อาจส่งผลต่อการประเมินเว็บไซต์โดยรวม และรวมถึงทําให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการจัดอันดับเว็บไซต์

การดำเนินการที่แนะนำ

ดูนโยบายสแปมของ Google ในหัวข้อสแปมที่ผู้ใช้สร้างขึ้น รวมถึงเอกสารประกอบเกี่ยวกับการป้องกันสแปมความคิดเห็นและสแปมของโฮสต์ฟรี ตลอดจนวิธีแก้ไขหน้าที่ถูกแฮ็ก จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจหาและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์ของคุณ

  1. ระบุหน้าในเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ ผู้เข้าชม หรือบุคคลที่สามอื่นๆ อาจเพิ่มเนื้อหาหรือโต้ตอบด้วย ซึ่งอาจเป็นหน้าฟอรัม สมุดเยี่ยม แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เครื่องมืออัปโหลดไฟล์ บริการโฮสต์ติ้งฟรี หรือหน้าค้นหาภายในที่ผู้ใช้ส่งคำค้นหาไปให้
  2. ตรวจสอบ URL ตัวอย่างในข้อความที่ได้รับใน Message Center ของ Search Console หรือทางอีเมล เพื่อทำความเข้าใจว่าเนื้อหาสแปมปรากฏอยู่ที่ใด นอกจากนี้ โปรดค้นหาเนื้อหาที่ไม่คาดคิดหรือที่เป็นสแปมในเว็บไซต์โดยใช้โอเปอเรเตอร์ "site:" ใน Google Search เพิ่มคีย์เวิร์ดเชิงโฆษณาหรือคีย์เวิร์ดสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อในเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น ค้นหา [site:your-domain-name viagra] หรือ [site:your-domain-name free movie watch online] เพื่อหาเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์ของคุณ ค้นหาสิ่งต่างๆ เช่น
    • ข้อความที่ไม่ตรงบริบทหรือลิงก์ที่ไม่ตรงประเด็นซึ่งมีจุดประสงค์เพียงเพื่อโปรโมตเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม (เช่น "ดาวน์โหลดภาพยนตร์ฟรี" หรือ "ดูออนไลน์")
    • คำที่ไม่มีความหมายหรือข้อความที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
    • ความคิดเห็นหรือข้อมูลที่ส่งมาโดยผู้ใช้ซึ่งมีคีย์เวิร์ดที่ฟังเหมือนเป็นเนื้อหาเชิงพาณิชย์ที่เกินจริง กล่าวคือชื่อผู้ใช้อย่างเช่น "Discount Insurance" ที่ฟังดูไม่เหมือนชื่อผู้ใช้จริง และลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง
    • ผลการค้นหาภายในที่คําค้นหาของผู้ใช้แสดงขึ้นเพื่อโปรโมตเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม
  3. ตรวจสอบไฟล์บันทึกของเว็บเซิร์ฟเวอร์เพื่อหาการเข้าชมที่ไม่คาดคิดหรืออธิบายไม่ได้ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน้าที่สร้างใหม่ ค้นหา URL ที่มีคีย์เวิร์ดในรูปแบบ URL ซึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์โดยสิ้นเชิง คุณดูหน้าเว็บที่มีจำนวนการคลิกสูงสุดใน Google Search ได้โดยใช้รายงานประสิทธิภาพสําหรับ Search
  4. นําเนื้อหาไม่เหมาะสมและบล็อกเนื้อหาของบุคคลที่สามที่ไม่เหมาะสมอย่างชัดเจนออกจากการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มของคุณ พร้อมทั้งรายการคําที่เป็นสแปม (เช่น สตรีมมิง ดาวน์โหลด ผู้ใหญ่ การพนัน หรือร้านขายยา)
  5. โปรดใช้คำแนะนำเหล่านี้ตามความเหมาะสม
  6. พิจารณาการรวมเนื้อหาแบบอินเทอร์แอกทีฟของคุณไว้ในเส้นทางไฟล์รวม เพื่อให้บำรุงรักษาและตรวจจับสแปมได้ง่ายขึ้น
  7. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  8. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  9. ในระหว่างนี้ เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบและกำจัดเนื้อหาที่เป็นสแปมดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงปรับปรุงระบบเว็บไซต์และแก้ไขช่องโหว่ของระบบเพื่อป้องกันสแปมดังกล่าวในอนาคต
สแปมที่ผู้ใช้สร้างขึ้น

Google ตรวจพบสแปมบนหน้าเว็บที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ส่งมา โดยปกติแล้ว สแปมรูปแบบนี้จะพบในหน้าฟอรัม สมุดเยี่ยม หรือในโปรไฟล์ผู้ใช้

Matt Cutts explains the "User-Generated Spam" manual action

การดำเนินการที่แนะนำ

ดูนโยบายของ Google เกี่ยวกับสแปมที่ผู้ใช้สร้างขึ้น จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจหาและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์ของคุณ

  1. ผู้ใช้มักจะเพิ่มเนื้อหาลงเว็บไซต์ต่างๆ ในฟอรัม ความคิดเห็นในบล็อก และโปรไฟล์ผู้ใช้ มองหาหน้าในเว็บไซต์ของคุณซึ่งผู้ใช้อาจเพิ่มเนื้อหาไว้
  2. มองหาโปรไฟล์ที่มีชื่อผู้ใช้ในเชิงโฆษณา เช่น “Discount Insurance” หรือโพสต์ที่มีโฆษณา ลิงก์ที่ไม่ตรงประเด็น หรือข้อความที่ไม่มีความหมาย โดยตรวจสอบตามนี้
    • โพสต์หรือโปรไฟล์ที่ดูเหมือนโฆษณา
    • โพสต์หรือโปรไฟล์ที่มีลิงก์ซึ่งไม่ตรงบริบทหรือไม่ตรงกับหัวข้อ
    • โพสต์หรือโปรไฟล์ที่มีชื่อผู้ใช้ในเชิงโฆษณา เช่น “Discount Insurance” ซึ่งไม่เหมือนชื่อคน และลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง
    • โพสต์หรือโปรไฟล์ที่ดูเหมือนสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ (ไม่ได้เขียนโดยผู้ใช้จริง)
  3. ค้นหาเนื้อหาที่ไม่คาดคิดหรือที่เป็นสแปมในเว็บไซต์โดยใช้โอเปอเรเตอร์ site: ใน Google Search เพิ่มคีย์เวิร์ดเชิงโฆษณาหรือคีย์เวิร์ดสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อในเว็บไซต์ เช่น ค้นหา [site:example.com ไวอากร้า] เพื่อค้นหาคำว่า "ไวอากร้า" ในเว็บไซต์ของคุณ
  4. นำเนื้อหาไม่เหมาะสมออก
  5. ลองนำมาตรการป้องกันสแปมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นมาใช้
  6. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  7. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
โฮสต์ฟรีที่เป็นสแปม

เว็บไซต์จำนวนมากที่โฮสต์บนบริการเว็บโฮสติ้งฟรีของคุณเป็นสแปม

Google พยายามดำเนินการอย่างเจาะจงเมื่อใช้การดำเนินการกับสแปมโดยเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีสแปมในหน้าต่างๆ จำนวนมากบนบริการเว็บโฮสติ้ง เราอาจใช้การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่กับบริการนั้นทั้งบริการ

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. รับเคล็ดลับในการป้องกันและระบุการใช้บริการของคุณอย่างไม่เหมาะสม
  2. นำบัญชีสแปมที่มีอยู่ออกจากบริการของคุณ
  3. ติดต่อทีมเทคนิคของบริการโฮสติ้งของคุณเพื่อแจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  4. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์เป็นไปตามนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  5. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
ปัญหาเกี่ยวกับ Structured Data

Google ตรวจพบว่ามาร์กอัปบางส่วนในหน้าเว็บอาจกำลังใช้เทคนิคที่อยู่นอกเหนือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ Structured Data เช่น การมาร์กอัปเนื้อหาที่ผู้ใช้มองไม่เห็น การมาร์กอัปเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องหรือที่ทำให้เข้าใจผิด หรือพฤติกรรมที่มีการควบคุมจัดการอื่นๆ

ต่อไปนี้คือปัญหาเกี่ยวกับ Structured Data บางส่วนที่อาจมีผลกับเว็บไซต์ของคุณ

ชื่อ คำอธิบาย
เนื้อหาในหน้าแตกต่างจาก Structured Data พบ Structured Data สำหรับ JobPosting ในหน้าที่ไม่มีเนื้อหาการประกาศรับสมัครงาน ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ส่งใบสมัครในหน้ารับสมัครงานไม่ได้ พบว่าเนื้อหาในหน้าแตกต่างจาก Structured Data ในหน้า ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Structured Data ไม่ตรงกับเนื้อหา พบว่าเนื้อหาในหน้าแตกต่างจาก Structured Data ในหน้า ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
มีการเรียกเก็บเงินค่าสมัครงาน หน้าที่มี Structured Data สำหรับ JobPosting เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครงาน ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
พบคำขอทำงานในหน้ารับสมัครงาน หน้าที่มี Structured Data สำหรับ JobPosting เป็นหน้าที่มองหางาน ไม่ใช่หน้ารับสมัครงาน ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่ทำงานที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หน้าที่มี Structured Data สำหรับ JobPosting มีช่องสถานที่ทำงานที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ประกาศรับสมัครงานไม่ว่าจ้างงาน หน้าที่มี Structured Data สำหรับ JobPosting มีการรวบรวมใบสมัครแต่ไม่มีการว่าจ้างงาน ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ปัญหาเกี่ยวกับ Structured Data ในหน้ารายการ หน้าที่มีรายการต่างๆ แสดงอยู่หลายรายการจะต้องมาร์กอัปแต่ละรายการแยกกัน การรวมข้อมูลจากหลายรายการลงในองค์ประกอบ Structured Data รายการเดียวขัดต่อนโยบายสแปม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Structured Data สำหรับ JobPosting ในหน้ารายการ หน้ารายการต้องไม่มี Structured Data สำหรับงานแต่ละตำแหน่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Structured Data สำหรับ JobPosting ในงานที่หมดอายุแล้ว ใช้มาร์กอัป JobPosting ในงานที่หมดอายุแล้วโดยไม่มีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ validThrough มาก่อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
เนื้อหาในหน้าแตกต่างจาก Structured Data พบ Structured Data สำหรับ ClaimReview ในหน้าที่ไม่มีการตรวจสอบคำกล่าวอ้าง ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ClaimReview ไม่มีข้อมูลอ้างอิง หรือข้อมูลอ้างอิงไม่ตรงกับผลการตรวจสอบ หน้าที่มี Structured Data สำหรับ ClaimReview ไม่มีแหล่งที่มาหรือข้อมูลอ้างอิงสนับสนุน ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
พบ Structured Data ในเนื้อหาที่ซ่อน พบ Structured Data ในองค์ประกอบที่ผู้ใช้มองไม่เห็น ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ไม่มีกลไกสำหรับการส่งรีวิวใหม่ หากในหน้ามีรีวิว หน้านั้นจะต้องมีช่องทางให้เขียนรีวิวหรือแสดงที่มาของรีวิวไว้อย่างชัดเจน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ทำเครื่องหมายบริษัทว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ติดป้ายกำกับบริษัทว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใน Structured Data ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ติดป้ายกำกับสิ่งที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ทำเครื่องหมายรายการทั่วไปที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
รีวิวเขียนขึ้นเองโดยเว็บไซต์หรือผู้ที่ให้บริการ ธุรกิจหรือผู้ให้บริการเนื้อหาต้องไม่เขียนหรือจัดทำรีวิวขึ้นเอง เว้นแต่จะเป็นรีวิวจากลูกค้า รีวิวอิสระ และรีวิวจากกองบรรณาธิการที่ไม่ได้รับค่าจ้าง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Structured Data สำหรับ Event ที่จริงแล้วเป็นการโปรโมต ข้อความที่มองเห็นหรือคำอธิบาย Structured Data มีเนื้อหาเป็นการโปรโมตหรือการขายมากกว่าการอธิบาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ติดป้ายกำกับสิ่งที่ไม่ใช่กิจกรรมว่าเป็นกิจกรรม ทำเครื่องหมายรายการที่ไม่ใช่กิจกรรมว่าเป็นกิจกรรม เช่น วันหยุดหรือคูปอง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ทำเครื่องหมายรายการที่ไม่ใช่สูตรอาหารว่าเป็นสูตรอาหาร ทำเครื่องหมายรายการที่ไม่ใช่สูตรอาหารว่าเป็นสูตรอาหาร สูตรต้องเป็นสูตรอาหารและมีทั้งส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
การละเมิดนโยบาย Structured Data คุณละเมิดนโยบาย Structured Data ในหน้าเว็บอย่างน้อย 1 หน้า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลนายจ้างไม่ถูกต้อง ข้อมูลนายจ้างในช่อง hiringOrganization ควรจะตรงกับข้อมูลนายจ้างในประกาศรับสมัครงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
รายละเอียดงานที่ไม่สมบูรณ์ ช่องรายละเอียดงานไม่สมบูรณ์หรือเข้าใจยาก ดูข้อมูลเพิ่มเติม

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. ตรวจสอบว่ามาร์กอัปในเว็บไซต์เป็นไปตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ Structured Data ของ Google หากต้องการให้ปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยคุณอาจต้องอัปเดตมาร์กอัปที่มีอยู่หรือนำมาร์กอัปที่ละเมิดหลักเกณฑ์ออก
  2. เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดหลักเกณฑ์แล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
ลิงก์ที่ผิดปกติที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณ

Google ตรวจพบว่าลิงก์ที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณมีรูปแบบลิงก์ที่ผิดปกติ แปลกปลอม หลอกลวง หรือมีการควบคุมบงการ การซื้อลิงก์หรือมีส่วนร่วมในรูปแบบลิงก์เพื่อปรับแต่งการจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google Search เป็นการละเมิดนโยบายสแปม ซึ่งอาจส่งผลให้บางส่วนของเว็บไซต์หรือทั้งเว็บไซต์มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

Matt Cutts and Alex explain the "Unnatural links to your site" manual action

การดำเนินการที่แนะนำ

ก่อนอื่น ให้อ่านนโยบายสแปมลิงก์ของ Google

จากนั้น ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อระบุและแก้ไขการละเมิด

  1. ดาวน์โหลดรายการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณจาก Search Console คุณสามารถดาวน์โหลดลิงก์ได้ทั้งแบบจัดเรียงตามชื่อโฮสต์ (เว็บไซต์ยอดนิยมที่ลิงก์ > ส่งออก) หรือแบบจัดเรียงตามลำดับเวลา (รายงานลิงก์ส่งออกลิงก์ภายนอก > ลิงก์ล่าสุด)
  2. ตรวจดูว่ามีลิงก์ใดในรายการนี้ที่ละเมิดนโยบายสแปมลิงก์ หากลิงก์มีจำนวนมาก ให้เริ่มจากมองหาเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปที่คุณมากที่สุด หรือลิงก์ที่สร้างขึ้นมาล่าสุด (ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา)
  3. สำหรับลิงก์ใดก็ตามที่ละเมิดนโยบายสแปมของเรา โปรดติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว และขอให้นำลิงก์ออกไปหรือป้องกันไม่ให้มีการส่งลิงก์ผ่านเพจแรงก์ เช่น ด้วยการเพิ่มแอตทริบิวต์ rel=”nofollow” หรือแอตทริบิวต์ที่เจาะจงยิ่งขึ้น
  4. ใช้เครื่องมือปฏิเสธลิงก์ใน Search Console เพื่อปฏิเสธลิงก์ใดก็ตามที่คุณนำออกไม่ได้ เรามักพบว่ามีการใช้เครื่องมือปฏิเสธลิงก์อย่างไม่ถูกต้อง จึงควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้เสมอเมื่อใช้เครื่องมือดังกล่าว
    • หากคุณนำลิงก์ย้อนกลับออกได้ ให้พยายามอย่างดีที่สุดในการนำลิงก์นั้นออกก่อน การเพิ่มลิงก์ย้อนกลับทั้งหมดไปยังไฟล์การปฏิเสธโดยไม่ตรวจสอบเลยจะถือว่าไม่ใช่การพยายามอย่างดีที่สุด และไม่เพียงพอที่จะทำให้คำขอให้พิจารณาใหม่ประสบความสำเร็จ
    • สำหรับลิงก์หลายลิงก์จากโดเมนเดียวกันที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณ ให้ใช้โอเปอเรเตอร์ "domain:" ในไฟล์การปฏิเสธเพื่อความสะดวก
    • ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ปฏิเสธลิงก์ปกติที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณ
    • การปฏิเสธลิงก์ย้อนกลับทั้งหมดโดยไม่พยายามนำลิงก์ออกอาจนำไปสู่การปฏิเสธคำขอได้
  5. เมื่อคุณนำลิงก์ปลอมออกหรือปฏิเสธลิงก์แล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ อย่าลืมแนบหลักฐานประกอบลิงก์ที่คุณนำออก และเขียนคำอธิบายหากมีลิงก์ใดที่นำออกไม่ได้ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาคำขอของคุณ
  6. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
ลิงก์ที่ผิดปกติที่มาจากเว็บไซต์ของคุณ

Google ตรวจพบว่าลิงก์ขาออกในเว็บไซต์ของคุณมีรูปแบบลิงก์ที่ผิดปกติ แปลกปลอม หลอกลวง หรือมีการควบคุมบงการ การซื้อลิงก์หรือมีส่วนร่วมในรูปแบบลิงก์เพื่อปรับแต่งการจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google Search เป็นการละเมิดนโยบายสแปมของ Google

Matt Cutts and Sandy discuss the "Unnatural links from your site" manual action.

การดำเนินการที่แนะนำ

ก่อนอื่น ให้อ่านนโยบายสแปมลิงก์ของ Google

จากนั้น ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อระบุและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์

  1. ระบุลิงก์ทั้งหมดในเว็บไซต์ที่ได้รับค่าตอบแทนหรือที่ดูเหมือนจะละเมิดนโยบายสแปมลิงก์ เช่น มีการแลกเปลี่ยนลิงก์มากเกินไป
  2. นำลิงก์เหล่านี้ออกหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้มีการส่งลิงก์ผ่านเพจแรงก์อีก เช่น ด้วยการเพิ่มแอตทริบิวต์ rel=”nofollow” หรือเปลี่ยนเส้นทางผ่านหน้าเว็บที่ถูกบล็อกโดย robots.txt
  3. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ แสดงตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่นำออกไปและเนื้อหาที่ดีที่เพิ่มเข้ามา
  4. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาที่มีรายละเอียดน้อยและมีคุณค่าเพิ่มเติมน้อยหรือไม่มีเลย

Google ตรวจพบหน้าที่มีคุณภาพต่ำหรือหน้าที่มีเนื้อหาน้อยในเว็บไซต์ของคุณ นี่คือตัวอย่างหน้าที่พบโดยทั่วไปซึ่งมักมีเนื้อหาที่มีรายละเอียดน้อยและมีคุณค่าเพิ่มเติมน้อยมากหรือไม่มีเลย

  • เนื้อหาสแปมที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
  • หน้าแอฟฟิลิเอตเนื้อหาน้อย
  • เนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ เช่น เนื้อหาที่คัดลอกมาหรือบล็อกโพสต์คุณภาพต่ำของผู้เยี่ยมชม
  • ดอร์เวย์

เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ได้จากเทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่เนื้อหาต้นฉบับหรือไม่มีคุณค่ามากนักสำหรับผู้ใช้ และยังละเมิดนโยบายสแปมด้วย

Matt Cutts explains the "Thin Content with little or no added value" manual action.

การดำเนินการที่แนะนำ

ก่อนอื่น ให้อ่านส่วนต่อไปนี้ของนโยบายสแปม

จากนั้น ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อระบุและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์

  1. ตรวจสอบเว็บไซต์ว่ามีเนื้อหาซ้ำกับเว็บอื่นไหม
  2. ตรวจสอบหน้าเนื้อหาที่มีรายละเอียดน้อยซึ่งมีลิงก์แอฟฟิลิเอตบนเว็บไซต์
  3. ตรวจสอบหน้าดอร์เวย์หรือเนื้อหาสแปมที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติในเว็บไซต์
  4. หากเว็บไซต์มีเนื้อหาดังกล่าว ลองพิจารณาว่าเว็บไซต์ได้ให้คุณค่าเพิ่มเติมที่สำคัญกับผู้ใช้หรือไม่ 
    เคล็ดลับ: ขอให้เพื่อนๆ สมาชิกในครอบครัว หรือคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณลองใช้หรือวิจารณ์เว็บไซต์เพื่อให้เกิดไอเดียในการพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป
  5. ปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อมอบคุณค่าที่สำคัญให้กับผู้ใช้
  6. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ แสดงตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่นำออกไปและเนื้อหาที่ดีที่เพิ่มเข้ามา
  7. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
การปิดบังหน้าเว็บจริงและ/หรือการแอบเปลี่ยนเส้นทาง

หน้าที่เว็บไซต์ของคุณแสดงต่อผู้ใช้ต่างจากหน้าที่แสดงต่อ Google หรือเว็บไซต์เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บซึ่งต่างจากที่ Google เห็น การปิดบังหน้าเว็บจริงและการแอบเปลี่ยนเส้นทางเป็นการละเมิดนโยบายสแปมของ Google

Matt Cutts explains cloaking

การสมัครใช้บริการและเนื้อหาเพย์วอลล์: ผู้เผยแพร่เนื้อหาควรใส่เนื้อหาเพย์วอลล์ไว้กับ Structured Data เพื่อช่วยให้ Google ทราบว่าเนื้อหาเพย์วอลล์นี้ไม่ใช่การปิดบังหน้าเว็บจริง ซึ่งเนื้อหาที่แสดงต่อ Googlebot จะแตกต่างจากเนื้อหาที่แสดงต่อผู้ใช้

การดำเนินการที่แนะนำ

ก่อนอื่น ให้อ่านนโยบายสแปมของ Google เกี่ยวกับการปิดบังหน้าเว็บจริงและการแอบเปลี่ยนเส้นทาง

จากนั้น ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อระบุและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์

  1. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL ใน Search Console เพื่อดึงหน้าเว็บจากพื้นที่บนเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบ
  2. เปรียบเทียบเนื้อหาที่ Google ดึงข้อมูลมากับเนื้อหาที่ผู้ใช้ (คุณ) เห็นเมื่อเข้าชมเว็บไซต์
  3. หากเนื้อหาแตกต่างกัน ให้ระบุและนำเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่แสดงให้กับ Google และผู้ใช้ไม่เหมือนกันออก คุณจะต้องตรวจสอบโค้ดของเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์
  4. ตรวจหา URL บนเว็บไซต์ที่เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นแทนหน้าที่พวกเขาต้องการ
  5. ตรวจหา URL บนเว็บไซต์ที่เปลี่ยนเส้นทางตามเงื่อนไข เช่น จะเปลี่ยนเส้นทางเฉพาะผู้ใช้ที่มาจาก Google Search เท่านั้น หรือเฉพาะผู้ใช้ที่มาจากที่อยู่ IP บางช่วง
  6. หากเว็บไซต์ของคุณเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ในลักษณะเหล่านี้ ให้ระบุและนำส่วนที่สร้างการเปลี่ยนเส้นทางดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ คุณจะต้องตรวจสอบโค้ดของเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์
    เคล็ดลับ: การเปลี่ยนเส้นทางประเภทนี้มักใช้ภาษา JavaScript หรือเขียนไว้ในไฟล์ .htaccess คุณอาจต้องตรวจสอบระบบจัดการเนื้อหาและปลั๊กอินด้วย
  7. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  8. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
สแปมแท้

หน้าเว็บบางหน้าอาจกำลังใช้เทคนิคที่ไม่ได้กล่าวถึงในนโยบายสแปม เว็บไซต์ดูเหมือนจะใช้เทคนิคสแปมที่รุนแรง เช่น เนื้อหาสแปมที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ การปิดบังหน้าเว็บจริง เนื้อหาที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์อื่น และ/หรือมีการละเมิดนโยบายสแปมของ Google ซ้ำๆ หรืออย่างร้ายแรง

Matt Cutts explains what it means if your site has a manual action labeled as "Pure spam" and what you can do to fix it.

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. อัปเดตเว็บไซต์เพื่อไม่ให้ละเมิดนโยบายสแปมของ Google อีก
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ แสดงตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่นำออกไปและเนื้อหาที่ดีที่เพิ่มเข้ามา
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
รูปภาพที่มีการปิดบังหน้าเว็บจริง

รูปภาพบางรูปของเว็บไซต์อาจแสดงผลในหน้าผลการค้นหาของ Google ต่างออกไปจากที่แสดงในเว็บไซต์ของคุณ การปิดบังหน้าเว็บจริงเป็นการนำเสนอให้ผู้ใช้ที่เป็นตัวบุคคลเห็นเนื้อหาที่แตกต่างออกไปจากเครื่องมือค้นหา การปิดบังหน้าเว็บจริงถือเป็นการละเมิดนโยบายสแปมของ Google เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ผู้ใช้คาดคิด รูปภาพที่ปิดบังหน้าเว็บจริงอาจทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานผลการค้นหารูปภาพของ Google ที่ไม่ดี เนื่องจากรูปภาพที่ไม่ชัดเจนและภาพขนาดย่อที่ไม่ตรงกันไม่ได้นำเสนอรูปภาพที่ผู้ใช้กำลังค้นหาอยู่

ตัวอย่างของรูปภาพที่ปิดบังหน้าเว็บจริง

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วนของพฤติกรรมการปิดบังหน้าเว็บจริงด้วยรูปภาพ

  • การแสดงรูปภาพใน Google ที่ถูกบดบังด้วยรูปภาพอื่น เช่น กลุ่มข้อความที่บล็อกรูปภาพ
  • การแสดงรูปภาพใน Google ที่แตกต่างจากรูปภาพที่แสดงให้ผู้เข้าชมหน้าเว็บเห็น

หากต้องการบล็อกรูปภาพจากผลการค้นหาของ Google ให้ใช้วิธีการที่อธิบายไว้ด้านล่าง

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. ตรวจสอบว่ารูปภาพที่เว็บไซต์แสดงให้ผู้ใช้เห็นในเว็บไซต์ตรงกันทุกประการกับที่แสดงในผลการค้นหาของ Google การปิดบังหน้าเว็บจริงยอมรับได้เฉพาะสำหรับการเลือกไม่ใช้การลิงก์แบบในหน้าของการค้นหารูปตามรายละเอียดด้านล่างเท่านั้น
  2. เมื่อแน่ใจว่ารูปภาพในเว็บไซต์ตรงกันทุกประการไม่ว่าจะดูในเว็บไซต์โดยตรงหรือดูจากผลการค้นหาของ Google ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

 

ย่อหรือบล็อกรูปภาพในผลการค้นหา

  • หากต้องการป้องกันไม่ให้รูปภาพขนาดเต็มแสดงในผลการค้นหาของ Google ให้เลือกไม่ใช้การลิงก์แบบในหน้า
  • หากต้องการป้องกันไม่ให้รูปภาพแสดงในผลการค้นหาเลย ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้

 

วิธีเลือกไม่ใช้การลิงก์แบบในหน้า

  1. เมื่อมีการขอรูปภาพ ให้ตรวจสอบส่วนหัว URL ที่มาของ HTTP ในคำขอ
  2. หากคำขอนั้นมาจากโดเมนของ Google โปรดตอบกลับด้วย HTTP 200 หรือ 204 โดยไม่มีเนื้อหา

Google จะรวบรวมข้อมูลหน้าเว็บและเห็นรูปภาพนั้นอยู่ต่อไป แต่จะแสดงภาพขนาดย่อที่สร้างขึ้น ณ เวลาที่รวบรวมข้อมูลในผลการค้นหา การเลือกไม่ใช้นี้ทำได้ทุกเมื่อและไม่ต้องมีการดำเนินการกับรูปภาพของเว็บไซต์อีกครั้ง ลักษณะการทำงานนี้ไม่ถือว่าเป็นการปิดบังหน้าเว็บจริงด้วยรูปภาพ และจะไม่ส่งผลให้มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

ข้อความที่ถูกซ่อนและ/หรือการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด

หน้าเว็บบางหน้าอาจมีข้อความที่ถูกซ่อนหรือมีการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด ซึ่งเป็นเทคนิคที่นโยบายสแปมของ Google ไม่อนุญาตให้ใช้

Matt Cutts and Nelson explain what it means if your site has a manual action labeled as "Hidden text and/or keyword stuffing" and what you can do to fix it.

การดำเนินการที่แนะนำ

ก่อนอื่น ให้อ่านนโยบายสแปมของ Google ในหัวข้อข้อความที่ถูกซ่อนและการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด

จากนั้น ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อระบุและแก้ไขการละเมิดในเว็บไซต์

  1. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL ใน Search Console เพื่อตรวจหาเนื้อหาที่โปรแกรมรวบรวมข้อมูลมองเห็นแต่ผู้ใช้ (เช่นคุณ) ไม่เห็นเมื่อเข้าชมเว็บไซต์
  2. ตรวจสอบข้อความที่มีสีเหมือนหรือคล้ายกันกับพื้นหลังของหน้าเว็บ
    เคล็ดลับ: คุณแสดงข้อความดังกล่าวได้โดยเลือกข้อความทั้งหมดในหน้าเว็บ เช่น ด้วยการกด Ctrl + A หรือ Command + A
  3. ตรวจสอบข้อความใดๆ ที่ซ่อนอยู่โดยใช้การจัดรูปแบบหรือตำแหน่งด้วย CSS
  4. ลบหรือเปลี่ยนรูปแบบข้อความที่ซ่อนอยู่เพื่อให้ค้นหาได้ทั้งโดยโปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาและโดยผู้ใช้
  5. ตรวจสอบรายการหรือย่อหน้าที่มีคำซ้ำๆ โดยไม่มีบริบท
  6. ตรวจสอบแท็ก <title> และคำอธิบายภาพสำหรับสตริงของคำซ้ำ
  7. นำคำต่างๆ เหล่านั้นออกหรือคำอื่นๆ ที่เป็นการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด
  8. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  9. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหา AMP ไม่ตรงกัน

มีความแตกต่างระหว่างเนื้อหาของเวอร์ชัน AMP และหน้า Canonical

เนื้อหาของเวอร์ชัน AMP และหน้า Canonical โดยพื้นฐานแล้วต้องเหมือนกัน ซึ่งข้อความไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่หัวข้อควรจะเหมือนกัน และผู้ใช้ควรจะทำงานที่เหมือนกันได้จากทั้งหน้า AMP และหน้า Canonical

หน้า AMP ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่นี้จะไม่แสดงใน Google Search แต่หน้า Canonical จะแสดงขึ้นแทน

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. ตรวจสอบว่า AMP กำลังอ้างอิงหน้า Canonical ที่ถูกต้อง
  2. ตรวจสอบว่าเนื้อหาทั่วไปของหน้า AMP และหน้า Canonical เหมือนกัน
  3. ตรวจสอบว่าการแสดงผลหน้าเว็บที่ Google เห็นเหมือนกับที่ผู้ใช้เห็นโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL สำหรับทั้งหน้า AMP และหน้า Canonical เนื้อหาที่ไม่ตรงกันอาจเกิดขึ้นได้เมื่อไฟล์ robots.txt บล็อกทรัพยากรที่สำคัญในหน้าใดหน้าหนึ่ง ทรัพยากรที่ถูกบล็อกจะปรากฏในเครื่องมือตรวจสอบ URL ด้วย
  4. เมื่อหน้า AMP และหน้า Canonical เหมือนกันโดยพื้นฐานแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  5. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
การแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

หน้าบางหน้าในเว็บไซต์นี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปยังเนื้อหาที่ Crawler ของเครื่องมือค้นหาเข้าถึงไม่ได้ การแอบเปลี่ยนเส้นทางเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดนโยบายสแปมของ Google ทีมพัฒนาคุณภาพการค้นหาของ Google จะดำเนินการกับเว็บไซต์ดังกล่าวได้ รวมถึงนำ URL ออกจากดัชนีของเรา เพื่อดูแลให้ผู้ใช้ได้รับผลการค้นหาที่มีคุณภาพ

ภาพรวม

ในหลายกรณี คุณสามารถแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันเล็กน้อยบนอุปกรณ์ที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับหน้าจอสมาร์ทโฟนซึ่งมีพื้นที่เล็กกว่าอาจหมายความว่าจะมีการดัดแปลงเนื้อหาบางส่วน เช่น รูปภาพ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น การเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่มักจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ (เช่น การเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่จาก example.com/url1 ไปยัง m.example.com/url1) อย่างไรก็ตาม การแอบเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปยังเนื้อหาอื่นถือเป็นประสบการณ์การใช้งานที่แย่

Sneaky Mobile Redirect

ประสบการณ์ที่น่าหงุดหงิด: URL เดียวกันแสดงขึ้นในหน้าผลการค้นหาบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้คลิกผลการค้นหานี้บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ระบบจะพาไปที่ URL A แต่ถ้าผู้ใช้คลิกผลการค้นหาเดียวกันนี้ในสมาร์ทโฟน จะเปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL B ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง

เจ้าของเว็บไซต์อาจตั้งใจทำให้เกิดการแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่ในบางกรณีเจ้าของเว็บไซต์เองก็ไม่ทราบว่ามีการแอบเปลี่ยนเส้นทางเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการกำหนดค่าที่อาจทำให้เกิดการแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • การเพิ่มโค้ดที่สร้างกฎการเปลี่ยนเส้นทางสำหรับผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • การใช้สคริปต์หรือองค์ประกอบเพื่อแสดงโฆษณาและสร้างรายได้จากเนื้อหาที่เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • สคริปต์หรือองค์ประกอบที่แฮ็กเกอร์เพิ่มเข้ามาซึ่งเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. หากคุณไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมนี้โดยเจตนา ให้ปฏิบัติดังนี้
    1. ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้ถูกแฮ็ก

      ตรวจสอบรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยเพื่อดูว่า Google คิดว่าคุณถูกแฮ็กหรือไม่

    2. ตรวจสอบสคริปต์/องค์ประกอบของบุคคลที่สามบนเว็บไซต์

      หากเว็บไซต์ไม่ได้ถูกแฮ็ก เราขอแนะนำให้สละเวลาตรวจสอบสคริปต์หรือองค์ประกอบของบุคคลที่สามว่าทำให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางหรือไม่ โดยทำดังต่อไปนี้

      1. นำสคริปต์หรือองค์ประกอบของบุคคลที่สามที่คุณไม่ได้เป็นผู้ควบคุมออกจากหน้าการเปลี่ยนเส้นทางทีละรายการ
      2. หลังจากนำสคริปต์หรือองค์ประกอบแต่ละรายการออกแล้ว ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเว็บไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือในโปรแกรมจำลองอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Chrome (หรือใช้โปรแกรมจำลองอื่นๆ) เพื่อดูว่าไม่มีการเปลี่ยนเส้นทางแล้ว
      3. หากคุณคิดว่าสคริปต์หรือองค์ประกอบรายการใดทำให้เกิดการแอบเปลี่ยนเส้นทาง ให้ลองนำรายการดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ และแก้ปัญหาร่วมกับผู้ให้บริการสคริปต์หรือองค์ประกอบดังกล่าว (ถ้าทำได้)
  2. หากคุณมีส่วนร่วมในพฤติกรรมนี้โดยเจตนา ให้ปฏิบัติดังนี้
    แก้ไขหน้าเว็บ
  3. ตรวจยืนยันการแก้ไข โดยไปที่หน้าเว็บของคุณจากผลการค้นหาของ Google ด้วยสมาร์ทโฟน หรือในโปรแกรมจำลองอุปกรณ์เคลื่อนที่
  4. เมื่อแก้ไขปัญหาของทุกหน้าในเว็บไซต์แล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
  5. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายสแปมแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

การหลีกเลี่ยงการแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในอนาคต

ในการบรรเทาความเสี่ยงของการเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยที่คุณไม่ทราบ ให้ดูแลว่าได้เลือกผู้ลงโฆษณาที่จัดการการเข้าชมของผู้ใช้อย่างโปร่งใส หากสนใจสร้างความน่าเชื่อถือในพื้นที่ของการโฆษณาออนไลน์ คุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติแนะนำในอุตสาหกรรมเมื่อเข้าร่วมเครือข่ายโฆษณาต่างๆ ตัวอย่างของหลักเกณฑ์ที่น่าสนใจคือหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพของพื้นที่โฆษณาของ Trustworthy Accountability Group (Interactive Advertising Bureau) คุณสามารถสร้างรายได้จากเนื้อหาด้วยโซลูชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่มากมายซึ่งมอบประสบการณ์ของผู้ใช้ที่มีคุณภาพสูง อย่าลืมใช้โซลูชันเหล่านั้น

โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจหาการแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเว็บไซต์

  1. ตรวจสอบว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางหรือไม่เมื่อคุณไปยังเว็บไซต์ของคุณบนสมาร์ทโฟน

    เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยไปที่หน้าของคุณจากผลการค้นหาของ Google ด้วยสมาร์ทโฟน เวลาแก้ไขข้อบกพร่อง การเลียนแบบอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อปนั้นเป็นวิธีที่ดี เนื่องจากคุณจะสามารถทดสอบอุปกรณ์ที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น คุณสามารถดูหน้าเว็บเหมือนเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้โดยตรงจากในเบราว์เซอร์ Chrome, Firefox หรือ Safari (สำหรับ Safari โปรดตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้ฟีเจอร์ “แสดงเมนูนักพัฒนาในแถบเมนู” แล้ว)

  2. รับฟังผู้ใช้ของคุณ

    ผู้ใช้มองเห็นเว็บไซต์ของคุณในมุมที่ต่างออกไป คุณจึงต้องใส่ใจกับการร้องเรียนของผู้ใช้เสมอ เพื่อจะได้รับทราบปัญหาที่เกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. ตรวจสอบผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในข้อมูล Analytics ของเว็บไซต์

    คุณสามารถตรวจหากิจกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยดูข้อมูลบางส่วนในข้อมูล Analytics ของเว็บไซต์คุณ ตัวอย่างเช่น สังเกตเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ใช้บนเว็บไซต์ของคุณเป็นพิเศษ หากจู่ๆ เฉพาะผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็ใช้เวลาบนเว็บไซต์ของคุณน้อยลงกว่าที่เคย อาจเป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

    การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในกิจกรรมของผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะช่วยให้คุณระบุการแอบเปลี่ยนเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือน Google Analytics ที่จะเตือนให้คุณทราบเมื่อระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ใช้บนเว็บไซต์ของคุณหรือจำนวนผู้ใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการแจ้งเตือนเหล่านี้จะไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่ามีการแอบเปลี่ยนเส้นทางบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเว็บไซต์ แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบ

การละเมิดนโยบายของ News และ Discover

คุณละเมิดนโยบายเนื้อหาของ Google News และ/หรือ Discover ส่วนต่อไปนี้จะอธิบายประเภทของการละเมิด

เนื้อหาที่มีธีมสําหรับผู้ใหญ่ (Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาที่มีธีมสำหรับผู้ใหญ่เนื่องจากมีภาพเปลือย กิจกรรมทางเพศ กิจกรรมที่มีการชี้นำทางเพศ หรือเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายของ Discover โดยนําเนื้อหาที่มีธีมสำหรับผู้ใหญ่ออก
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
การอัปเดตที่ไม่ได้มีการอัปเดตใหม่จริงๆ (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายการเผยแพร่ที่ไม่ได้มีการอัปเดตใหม่จริงๆ
  • การเผยแพร่บทความที่ไม่ได้มีการอัปเดตใหม่จริงๆ โดยระบุวันที่ตีพิมพ์ใหม่ซึ่งไม่มีการเพิ่มข้อมูลสำคัญหรือเหตุผลที่น่าสนใจอื่นๆ ในการอัปเดต และ/หรือ
  • การสร้างบทความที่มีการอัปเดตเพียงเล็กน้อยจากที่เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้

การดำเนินการที่แนะนำ

  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบาย (นโยบายของ News/นโยบายของ Discover) โดยทำดังนี้
    1. อัปเดตบทความที่ไม่ได้มีการอัปเดตใหม่จริงๆ ให้เป็นวันที่เดิมที่ถูกต้องและ/หรือแยกการเปลี่ยนเส้นทางของบทความแต่ละเวอร์ชันออกจากกัน หรือ
    2. แสดงหลักฐานว่าการอัปเดตบทความมีนัยสำคัญพอที่จะอัปเดตวันที่เผยแพร่
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาที่เป็นอันตราย (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาที่เป็นอันตรายเนื่องจากมีเนื้อหาที่อาจเป็นส่วนที่ทำให้คนหรือสัตว์ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอย่างฉับพลัน
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาที่เป็นอันตรายออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาที่มีการคุกคาม (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ดูเหมือนว่าจะละเมิดนโยบายเนื้อหาที่มีการคุกคาม เนื่องจากมีเนื้อหาที่เป็นการคุกคาม การกลั่นแกล้ง หรือการข่มขู่ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเนื้อหาที่อาจใช้เพื่อล่วงละเมิดบุคคลใดโดยเฉพาะ ข่มขู่ว่าจะทำอันตรายร้ายแรง ทำให้ผู้อื่นตกเป็นเป้าหมายในเรื่องเพศอย่างไม่พึงประสงค์ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นซึ่งอาจนำไปใช้ในการข่มขู่ ดูหมิ่น หรือเหยียดหยามเหยื่อความรุนแรงหรือโศกนาฏกรรม หรือปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง หรือคุกคามในลักษณะอื่นๆ
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาที่ละเมิดออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
การละเมิดนโยบายของ News และ Discover: เนื้อหาแสดงความเกลียดชัง
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาแสดงความเกลียดชัง โดยเป็นเนื้อหาที่ส่งเสริมความเกลียดชัง
เราไม่อนุญาตให้มีเนื้อหาที่สนับสนุนหรือยอมรับการใช้ความรุนแรง หรือมีเป้าหมายหลักในการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเหตุผลทางเชื้อชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนา ความพิการ อายุ สัญชาติ สถานะทหารผ่านศึก เพศ รสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ หรือลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบหรือทำให้สถานะของบุคคลนั้นๆ ลดลงหรือต่ำกว่ากลุ่มอื่น
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
สื่อที่มีเนื้อหายั่วยุปลุกปั่น (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ดูเหมือนว่าจะละเมิดนโยบายสื่อที่มีเนื้อหายั่วยุปลุกปั่น เราไม่อนุญาตเนื้อหาเสียง วิดีโอ หรือรูปภาพที่ถูกดัดแปลงเพื่อหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทำให้เข้าใจผิดด้วยการสร้างการนำเสนอการกระทําหรือกิจกรรมที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เกิดขึ้น และอาจทําให้วิญญูชนเกิดความเข้าใจหรือความรู้สึกที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบ่อนทำลายการมีส่วนร่วม ตลอดจนความเชื่อมั่นในกระบวนการเลือกตั้งหรือการปกครอง
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยระบุสื่อที่ผ่านการดัดแปลง เปิดเผยเจตนาของการเสียดสีหรือล้อเลียน หรือนําออกในส่วนของเนื้อหาที่ทําให้เข้าใจผิดซึ่งลดทอนการมีส่วนร่วมหรือความเชื่อถือในกระบวนการทางการเมืองหรือการเลือกตั้งอย่างมีนัยสําคัญ (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาทางการแพทย์ (News และ Discover)
เราไม่อนุญาตให้มีเนื้อหาที่ขัดแย้งหรือตรงข้ามกับความเห็นพ้องทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์และแนวทางปฏิบัติแนะนำซึ่งมีหลักฐานอ้างอิง
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาทางการแพทย์ออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาที่ทำให้เข้าใจผิด (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่มีการละเมิดนโยบายเนื้อหาที่ทําให้เข้าใจผิดและหลอกล่อให้ผู้ใช้เข้ามีส่วนร่วมกับเนื้อหาดังกล่าวด้วยการแกจ้งว่ามีรายละเอียดหนึ่งๆ อยู่ในเนื้อหาที่ไม่มีอยู่จริง
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายของ Discover โดยนําเนื้อหาที่ทําให้เข้าใจผิดออก
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง (News และ Discover) 
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้งเนื่องจากมีภาพหรือวิดีโอเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้งซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้งออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายเนื่องจากส่งเสริมการกระทำของผู้ก่อการร้ายหรือพวกหัวรุนแรง ซึ่งรวมถึงการรับสมาชิกใหม่ การยุยงให้เกิดความรุนแรง หรือเฉลิมฉลองการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
ความโปร่งใส (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายความโปร่งใสของเรา
ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณต้องการเชื่อมั่นและทราบว่าใครเป็นผู้เผยแพร่เนื้อหาที่ตนกําลังอ่าน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนบทความต่างๆ แหล่งข่าวใน Google จึงต้องระบุวันที่และบรรทัดที่ลงชื่อผู้เขียน ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน สื่อเผยแพร่ ผู้เผยแพร่เนื้อหา บริษัท หรือเครือข่ายผู้อยู่เบื้องหลัง ตลอดจนข้อมูลติดต่ออย่างชัดเจน
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายของ News โดยระบุวันที่ที่ชัดเจน ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับผู้แต่ง สื่อเผยแพร่ ผู้เผยแพร่ กองบรรณาธิการ บริษัทหรือเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงข้อมูลติดต่อโดยเฉพาะ
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
เนื้อหาที่มีความรุนแรงและน่าหวาดกลัว (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายซึ่งมีความรุนแรงและน่าหวาดกลัวเนื่องจากมีเนื้อหาที่ยั่วยุหรือยกย่องการใช้ความรุนแรง รวมถึงเนื้อหาที่แสดงความรุนแรงหรือมีความรุนแรงอย่างชัดเจนโดยมีเจตนาทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนําเนื้อหาที่มีความรุนแรงและน่าหวาดกลัวออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
ภาษาที่ไม่เหมาะสมและคำหยาบคาย (News และ Discover)
Google ตรวจพบเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่ละเมิดนโยบายเนื้อหาภาษาหยาบโลนและคำหยาบคายเนื่องจากมีคำลามกหรือหยาบคายโดยไม่มีเหตุอันควร
การดำเนินการที่แนะนำ
  1. ตรวจสอบและอัปเดตหน้าเว็บให้เป็นไปตามนโยบายโดยนำเนื้อหาที่ทำให้เกิดความไม่พอใจออก (นโยบายของ News / นโยบายของ Discover)
  2. เมื่อแน่ใจว่าเว็บไซต์ไม่ละเมิดนโยบายแล้ว ให้เลือกขอรับการตรวจสอบในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และให้หลักฐานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านบรรณาธิการที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายด้านบรรณาธิการใหม่ และกองบรรณาธิการพร้อมประวัติของแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุง
  3. หลังจากส่งคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว โปรดรอรับข้อความแจ้งสถานะการตรวจสอบในบัญชี Search Console ซึ่งเราจะแจ้งไปเมื่อตรวจสอบเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าเว็บไซต์ไม่ได้ละเมิดนโยบายแล้ว เราจะเพิกถอนการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ต่างกับรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างไร

รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยมีแนวคิดบางประการที่คาบเกี่ยวกันอยู่ ดังนั้นการทราบถึงข้อแตกต่างระหว่างรายงาน 2 ประเภทนี้จึงมีประโยชน์

รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่แสดงปัญหาเกี่ยวกับหน้าเว็บหรือเว็บไซต์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นความพยายามบิดเบือนดัชนีการค้นหา แต่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้เสมอไป ปัญหาส่วนใหญ่ที่ระบุในรายงานนี้จะส่งผลให้หน้าเว็บหรือเว็บไซต์ได้รับอันดับที่ต่ำลง หรือไม่แสดงในผลการค้นหาโดยไม่มีการแสดงให้ผู้ใช้ทราบ

รายงานปัญหาด้านความปลอดภัยจะแสดงข้อบ่งชี้ว่าเว็บไซต์ของคุณถูกแฮ็ก หรือระบุถึงพฤติกรรมบนเว็บไซต์ของคุณที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้เข้าชมหรือคอมพิวเตอร์ของผู้ชม ตัวอย่างเช่น การโจมตีแบบฟิชชิง หรือการติดตั้งมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ หน้าเหล่านี้อาจปรากฏขึ้นพร้อมกับป้ายคำเตือนในผลการค้นหา หรือเบราว์เซอร์อาจแสดงหน้าคำเตือนคั่นระหว่างหน้าเมื่อผู้ใช้พยายามเข้าชมหน้าเว็บ

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

true
เป็นมือใหม่ Search Console ใช่ไหม

หากไม่เคยใช้ Search Console มาก่อน เริ่มได้เลยที่นี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ ผู้เชี่ยวชาญ SEO หรือนักพัฒนาเว็บไซต์

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
9819707028821773691
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
83844
false
false