ทำไมหน้าเว็บของฉันจึงหายไปจาก Google Search

การแก้ปัญหาหน้าเว็บและเว็บไซต์ที่หายไป

ต่อไปนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ที่พบบ่อยที่สุดเมื่อหน้าเว็บหรือเว็บไซต์หายไปจากผลการค้นหาของ Google Search

หากคุณเพิ่งสร้างหน้าเว็บหรือเพิ่งขอรับการจัดทำดัชนี
อาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ Google จัดทำดัชนีหน้าเว็บ โปรดรออย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากที่ส่ง Sitemap หรือส่งคำขอรับการจัดทำดัชนีก่อนจะคิดว่าหน้าเว็บหายไป หากหน้าเว็บหรือเว็บไซต์เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงไป ให้รอ 1 สัปดาห์แล้วกลับมาตรวจสอบอีกครั้งว่าหน้าเว็บหรือเว็บไซต์ยังหายไปอยู่หรือไม่

ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าหน้าเว็บหรือเว็บไซต์หายไป

ก่อนอื่นขอให้ยืนยันว่าหน้าเว็บหรือเว็บไซต์หายไปจากดัชนีของ Google จริงๆ เพราะหลายคนอาจคิดว่าหน้าเว็บไม่ได้อยู่ใน Google แต่แท้จริงแล้วแสดงอยู่ในอันดับท้ายๆ ของผลการค้นหา หรืออาจไม่แสดงเนื่องจากลักษณะเฉพาะของการค้นหา (เช่น คุณใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่อยู่ แต่หน้าเว็บใช้งานได้บนเดสก์ท็อปเท่านั้น)

วิธียืนยันว่าหน้าเว็บหายไปมีดังนี้

  1. ปิดฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยที่อาจกรองผลการค้นหาของคุณออกไป
  2. ค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บของคุณใน Google โดยทำดังนี้
    • หากเว็บไซต์หายไป ให้ทำการค้นหาเว็บไซต์โดยใช้ไวยากรณ์ site:your_domain_name
      ตัวอย่างเช่น site:example.com
    • หากหน้าเว็บหายไป ให้ทำการค้นหาเว็บไซต์โดยใช้ไวยากรณ์ site:url_of_page
      ตัวอย่างเช่น site:example.com/petstore/hamsters หรือ https://site:example.com/petstore/hamsters
  3. หากเห็นผลการค้นหา แสดงว่าเว็บไซต์หรือหน้าเว็บอยู่ในดัชนี
    • สำหรับเว็บไซต์ เป็นไปได้ว่าตัวเว็บไซต์เองอยู่ในดัชนีของเรา แต่มีหน้าเว็บบางหน้าที่ไม่ได้อยู่ใน Google โปรดเพิ่ม Sitemap เพื่อช่วยให้ Google ค้นพบหน้าทั้งหมดในเว็บไซต์ของคุณ
    • สำหรับหน้าเว็บ สาเหตุบางอย่างที่อาจทำให้คุณไม่สามารถเห็นหน้าเว็บในผลการค้นหาได้โดยง่ายมีดังนี้
      • หากหน้าอยู่ในดัชนีแต่มีประสิทธิภาพไม่ดีตามที่คุณคาดไว้ โปรดดูหลักเกณฑ์สำหรับเว็บไซต์
      • หากเมื่อเร็วๆ นี้หน้าเว็บมีอันดับต่ำลง ให้ลองแก้ปัญหาดังกล่าว
      • หากคุณมีหน้าเว็บหลายเวอร์ชัน (เช่น เวอร์ชันอุปกรณ์เคลื่อนที่และเวอร์ชันเดสก์ท็อป หรือมี URL 2 รายการที่ชี้ไปที่หน้าเดียวกัน) Google จะถือว่าเวอร์ชันหนึ่งเป็นหน้า Canonical (เชื่อถือได้) ส่วนเวอร์ชันอื่นๆ ทั้งหมดจะถือเป็นหน้าที่ซ้ำกัน และผลการค้นหาจะชี้ไปที่หน้า Canonical เท่านั้น คุณสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL กับหน้าเว็บเพื่อดูว่าหน้าดังกล่าวถือเป็นหน้าที่ซ้ำกันหรือไม่)
  4. หากยังหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บในผลการค้นหาไม่เจอ ให้ไปยังขั้นตอนที่ 2: แก้ไขปัญหา

ขั้นตอนที่ 2: แก้ไขหน้าที่หายไป

เมื่อยืนยันแล้วว่าหน้าเว็บหายไป คุณวินิจฉัยปัญหาได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้

วิธีการเหล่านี้ใช้สำหรับกรณีที่คุณมีบัญชี Search Console เนื่องจากการวินิจฉัยปัญหาการจัดทำดัชนีโดยใช้ Search Console นั้นทำได้ง่ายกว่ามาก

  1. หากเว็บไซต์หรือหน้าเว็บยังใหม่ ก็อาจยังไม่อยู่ในดัชนีเพราะเรายังไม่ได้ทำการ Crawl หรือจัดทำดัชนีให้ โดยอาจใช้เวลาสักระยะนับจากที่คุณโพสต์หน้าใหม่ก่อนที่เราจะทำการ Crawl และใช้เวลาเพิ่มเติมต่อจากนั้นเพื่อจัดทำดัชนี ปกติแล้วระยะเวลาโดยรวมอาจนาน 1-2 วันหรือ 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดูวิธีที่ Google ทำการ Crawl เว็บไซต์
  2. หากคุณเพิ่งซื้อหรือได้เว็บไซต์นี้มาจากคนอื่น เป็นไปได้ว่าคุณได้รับเว็บไซต์ที่มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งขัดขวางการแสดงเว็บไซต์ในผลการค้นหา หน้าประวัติในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยจะแสดงการดำเนินการที่มีผลต่อเนื่องมาซึ่งขัดขวางการแสดงเว็บไซต์ในผลการค้นหา อ่านเอกสารประกอบรายงานเพื่อดูวิธีแก้ปัญหาที่มีอยู่ก่อนแล้วในเว็บไซต์ที่ซื้อมา
  3. หากคุณเพิ่งปรับโครงสร้างเว็บไซต์หรือย้ายไปยังโดเมนใหม่ หรือเปลี่ยนไปเป็น https หน้าเว็บซึ่งก่อนหน้านี้มีประสิทธิภาพดีก็อาจมีอันดับต่ำลงในปัจจุบันหากมีข้อผิดพลาดขณะทำการปรับเปลี่ยน วิธีแก้ไข: ใช้การเปลี่ยนเส้นทาง 301 ("RedirectPermanent") เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้, Googlebot และ Crawler อื่นๆ (ใน Apache คุณสามารถดำเนินการได้ด้วยไฟล์ .htaccess ส่วนใน IIS คุณใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบได้) หากคุณเพิ่งเปลี่ยนไปเป็น https โปรดตรวจดูว่ามี URL ทั้งแบบ http และ https อยู่ใน Google อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีย้ายเว็บไซต์ให้ส่งผลต่อผลการค้นหาน้อยที่สุด
  4. ตรวจสอบว่ามีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในหน้าเว็บของคุณหรือไม่ การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จะลดอันดับของหน้าเว็บลงหรือนำทั้งหน้าออกจากผลการค้นหา ลองดูวิธีแก้ไขปัญหานี้ในรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ สำหรับการนำออกตามกฎหมาย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอให้นำออกตามกฎหมายและนโยบายการนำออก
  5. ตรวจสอบว่ามีการรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยในเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ ปัญหาด้านความปลอดภัยจะลดอันดับของหน้าเว็บลง หรือแสดงคำเตือนในเบราว์เซอร์หรือในผลการค้นหา ลองดูวิธีแก้ไขการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในรายงานปัญหาด้านความปลอดภัย
  6. ตรวจสอบหน้าเว็บโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL ดังนี้
    • หากเครื่องมือระบุว่าหน้านี้ยังไม่ได้รับการจัดทำดัชนี
      1. อ่านเอกสารประกอบเพื่อดูสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่
        • คุณกำลังบล็อกหน้าเว็บด้วยไฟล์ robots.txt, คำสั่ง noindex หรือกลไกอื่นๆ บางอย่าง เช่น การป้องกันด้วยรหัสผ่าน ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใด ให้ใช้วิธีการที่เหมาะสมในการเลิกบล็อก
        • หากในรายงานอธิบายถึงปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ โปรดอ่านเอกสารประกอบเพื่อดูว่ามีสาเหตุใดอีกบ้างที่อาจทำให้หน้าเว็บถูกบล็อก
        • หากไม่มีข้อผิดพลาด และไม่ได้มีการบล็อกหน้าเว็บเพื่อไม่ให้ Google เข้าถึง คุณอาจพบปัญหาเกี่ยวกับความเอื้อต่อการค้นหา
      2. ขอรับการจัดทำดัชนีหน้าเว็บโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL
    • หากเครื่องมือระบุว่าหน้าเว็บนี้ได้รับการจัดทำดัชนีแล้ว
      • ตรวจสอบว่าคำขอนำเว็บไซต์หรือ URL ออกจากดัชนีของคุณ (หรือคนอื่น) ได้รับอนุมัติแล้ว เปิดเครื่องมือนำ URL ออกเพื่อหาคำขอนำ URL หรือเว็บไซต์ออกที่อนุมัติแล้ว หากเจอคำขอดังกล่าวคุณขอเพิกถอนได้
      • หน้าเว็บอาจอันดับตกลงหรือไม่ได้รับการจัดทำดัชนีโดยไม่ทราบสาเหตุ (เว็บมีพื้นที่กว้างใหญ่และ Google อาจไม่เห็นครบทุกหน้า แต่เราจะพยายามให้ดีที่สุด) ขอให้ Google ทำการ Crawl หน้าเว็บอีกครั้ง
      • หากยังพบปัญหาอยู่ ไปที่ฟอรัม Search Central และอธิบายปัญหา (โปรดอธิบายปัญหาให้ละเอียดและใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณด้วย)

ปรับปรุงความสามารถของ Google ในการค้นหาและทำการ Crawl เว็บไซต์

หาก Google เห็นหน้าเว็บไซต์ของคุณไม่ครบทุกหน้า อาจเป็นไปได้ว่า Google ไม่พบหน้าเว็บ (ทำการ Crawl) หรือพบแต่เข้าใจหน้าเหล่านั้นไม่ถูกต้อง (จัดทำดัชนี) อ่านข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนี

ปัญหาการรวบรวมข้อมูล

Google ต้องพบหน้าเว็บของคุณเพื่อจัดทำดัชนี วิธีหลักที่จะช่วยให้ Google พบหน้าเว็บมีดังนี้

  • ส่ง Sitemap ซึ่งจะบอกให้ Google ทราบอย่างแน่นอนว่าคุณต้องการให้รวบรวมข้อมูลหน้าใดบ้าง มีผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งหลายเจ้าที่สร้างและส่งแผนผังไซต์ให้ลูกค้า คุณจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว โปรดอ่านเอกสารประกอบของบริการโฮสติ้งเพื่อทราบข้อมูล (ค้นหาคำว่า "แผนผังไซต์")
  • ตรวจสอบว่าผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ Google พบเว็บไซต์ใหม่จากเว็บไซต์ที่มีอยู่
  • ใช้ลิงก์นำทางไปส่วนต่างๆ ให้ทั่วเว็บไซต์ ตรวจสอบว่าคุณเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ได้ทุกหน้า ด้วยวิธีคลิกลิงก์ต่อๆ กันอย่างน้อย 1 ลิงก์จากหน้าแรก หลีกเลี่ยงการใช้ลิงก์ที่ต้องมีการโต้ตอบของผู้ใช้จึงจะแสดงขึ้นมาได้ หรือใช้เทคโนโลยีการลิงก์ที่ไม่ใช่แบบมาตรฐาน หรือลิงก์ที่ฝังอยู่ในไฟล์สื่อหรือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอื่นๆ
  • ส่งคำขอรับการจัดทำดัชนีสำหรับหน้าแรก หากหน้าเว็บมีการลิงก์ที่ดีระหว่างกัน Google ควรพบหน้าเว็บทั้งหมดได้จากหน้าแรก
  • เว็บไซต์ที่ใช้พารามิเตอร์ของ URL แทนที่จะเป็นเส้นทาง URL หรือชื่อหน้าอาจทำให้ทำการ Crawl ได้ยากขึ้น Google จะพบหน้าเว็บที่อยู่ที่ example.com/petstore/zebra ได้ง่ายกว่าหน้าเว็บที่อยู่ที่ example.com?page=1234

ปัญหาการจัดทำดัชนี

อ่านคู่มือ SEO สำหรับมือใหม่เพื่อทราบเคล็ดลับดีๆ มากมายในการปรับปรุงการ Crawl และการจัดทำดัชนีของเว็บไซต์

และตรวจสอบด้วยว่าหน้าเว็บเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน Search Essentials ของ Google

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
11650006896873197360
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
83844
false
false