ขั้นตอนของ Google สำหรับคำขอให้นำเนื้อหาออกมีอะไรบ้าง
ใครที่ส่งคำขอให้นำออกได้
ใครเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับคำขอให้นำเนื้อหาออกจากผลค้นหา
คุณประเมินคำขออย่างไร
เราได้กำหนดเกณฑ์อย่างรอบคอบให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของคณะทำงานมาตรา 29 หลังจากที่เราได้รับคำขอผ่านแบบฟอร์มในเว็บแล้ว เจ้าหน้าที่ของเราจะตรวจสอบคำขอ จะไม่มีคำขอในหมวดหมู่ใดที่ถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะโดยเจ้าหน้าที่หรือระบบ
เรามีขั้นตอนในการประเมิน 4 ขั้นดังนี้
- คำขอมีข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของเราหรือไม่
- บุคคลที่ส่งคำขอมีความสัมพันธ์กับประเทศในยุโรปหรือไม่ เช่น เป็นผู้อาศัยหรือเป็นพลเมืองของยุโรป
- หน้าเหล่านั้นปรากฏขึ้นในผลการค้นหาเมื่อค้นหาด้วยชื่อของผู้ขอหรือไม่ และชื่อของผู้ขอปรากฏในหน้าที่ขอให้นำออกจากผลการค้นหาหรือไม่
- หน้าที่ขอให้นำออกจากผลการค้นหามีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป หรือมากเกินความจำเป็น ตามข้อมูลที่ผู้ขอให้มาหรือไม่ ข้อมูลดังกล่าวที่เหลืออยู่ในผลการค้นหาอันเกิดจากการค้นหาด้วยชื่อของผู้ขอนั้นยังเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะบ้างหรือไม่
หากคำขอที่ส่งมาให้เรามีข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ เราอาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมาสนับสนุนการประเมินของเรา
เราได้รวมส่วนสรุปคำขอไว้ในรายงานเพื่อความโปร่งใส เพื่อแสดงให้เห็นถึงขอบเขตของคำขอให้นำออก
คุณจะนำหน้าเว็บทั้งหมดออกจากผลการค้นหาหรือไม่
ไม่ เราจะนำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหาตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับชื่อบุคคลเท่านั้น ดังนั้น หากเราอนุมัติคำขอให้นำบทความเกี่ยวกับการเดินทางไปยังปารีสของสมชาย ใจงามออก เราจะไม่แสดงผลลัพธ์สำหรับข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ [สมชาย ใจงาม] แต่จะแสดงผลลัพธ์สำหรับข้อความค้นหาเช่น [การเดินทางไปปารีส] เรานำ URL ออกจากโดเมน Google Search ทั้งหมดในยุโรป (google.fr, google.de, google.es เป็นต้น) และใช้ข้อมูลที่บ่งบอกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เพื่อจำกัดการเข้าถึง URL ดังกล่าวจากประเทศของผู้ที่ขอให้นำเนื้อหาออก
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเรานำ URL ออกตามคำขอของสมชาย ใจงาม ในประเทศไทย ผู้ใช้ในประเทศไทยจะไม่เห็น URL นั้นในผลการค้นหาที่มีคำว่า [สมชาย ใจงาม] เมื่อค้นหาในทุกโดเมนของ Google Search รวมถึง google.com แต่ผู้ใช้ที่อยู่นอกประเทศไทยจะมองเห็น URL ดังกล่าวในผลการค้นหาเมื่อทำการค้นหา [สมชาย ใจงาม] ในโดเมนของ Google Search ที่ไม่อยู่ในประเทศไทย
จะเกิดอะไรขึ้นหากมีผู้ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณ
คุณจะแจ้งให้เจ้าของเว็บไซต์ทราบเมื่อมีการนำเนื้อหาออกหรือไม่
เจ้าของเว็บไซต์มีวิธีใดที่จะคัดค้านการตัดสินใจของคุณบ้างหรือไม่
คำตัดสินนี้ใช้กับบริการค้นหาอื่นๆ ของ Google เช่น ค้นรูป ด้วยหรือเปล่า
คุณมักจะนำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหาในกรณีใดบ้าง
ตัวอย่างของปัจจัยด้านเนื้อหาที่พบบ่อยที่สุดซึ่งทำให้เราตัดสินใจนำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหา ได้แก่
- การไม่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างชัดเจน: เช่น เว็บไซต์รวบรวมเนื้อหาที่มีหน้าต่างๆ ซึ่งมีรายชื่อติดต่อส่วนตัวหรือข้อมูลที่อยู่ กรณีที่ชื่อของผู้ขอไม่ปรากฏอยู่ในหน้านั้นอีกต่อไป และหน้าที่ไม่พร้อมใช้งานทางออนไลน์อีกต่อไป (ข้อผิดพลาด 404)
- ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: หน้าที่มีเนื้อหาซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลสุขภาพ รสนิยมทางเพศ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ศาสนา ความผูกพันทางการเมือง และสถานะของสหภาพแรงงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
- เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์: เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์หรืออาชญากรรมของผู้เยาว์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้ขอยังเป็นผู้เยาว์อยู่
- ความผิดที่ชดใช้แล้ว/การพ้นจากความรับผิด/การพ้นจากข้อกล่าวหา: เรามักจะเห็นด้วยกับการนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่ชดใช้แล้วออกจากผลการค้นหา การกล่าวหาที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นเท็จในศาลยุติธรรม หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาทางอาญาซึ่งผู้ขอพ้นจากข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้วออก เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายท้องถิ่นที่มีผลบังคับใช้กับการฟื้นฟูสภาพของผู้กระทำความผิด ในการวิเคราะห์ของเรา เราพิจารณาอายุของเนื้อหานั้น รวมถึงลักษณะของอาชญากรรมด้วย
โดยทั่วไปแล้ว คุณจะไม่นำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหาในกรณีใดบ้าง
ตัวอย่างของปัจจัยด้านเนื้อหาที่พบบ่อยที่สุดซึ่งทำให้เราตัดสินใจไม่นำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหา ได้แก่
- การแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น: ยังมีวิธีอื่นที่ผู้ขอนำหน้าดังกล่าวออกจากผลการค้นหาของเราได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ขออาจเผยแพร่เนื้อหาลงในเว็บไซต์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถป้องกันไม่ให้เนื้อหาปรากฏในผลการค้นหา เราจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านี้แก่ผู้ขอเมื่อเป็นไปได้
- เหตุผลทางเทคนิค: URL ที่ไม่สมบูรณ์หรือใช้ไม่ได้เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่พบได้บ่อย ผู้ขออาจขอให้เรานำหน้าเว็บออกจากผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาที่ไม่ตรงกับชื่อของตน หรือชื่อของบุคคลที่ผู้ขออ้างว่าตนเป็นผู้แทน
- URL ที่ซ้ำโดยบุคคลคนเดียวกัน: ผู้ขอส่งคำขอหลายรายการให้นำหน้าเดียวกันสำหรับชื่อเดียวกันออกจากผลการค้นหา
- ผลประโยชน์ต่อส่วนรวมที่ชัดเจน: เราอาจปฏิเสธที่จะนำหน้าใดๆ ออกจากผลการค้นหา หากเรามีความเห็นว่าหน้าดังกล่าวมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างชัดเจน การกำหนดว่าเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือไม่นั้นเป็นการดำเนินการที่ซับซ้อน ซึ่งอาจต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เนื้อหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัว อาชญากรรมในอดีต ตำแหน่งทางการเมือง ตำแหน่งในชีวิตสาธารณะของผู้ขอหรือไม่ หรือพิจารณาว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นเนื้อหาที่เขียนขึ้นมาเอง เอกสารของรัฐบาล หรือเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นข่าวหรือไม่
ช่วยแสดงสถิติโดยละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของคำขอและการนำเนื้อหาเหล่านี้ออกได้หรือไม่
เหตุใดบางแผนภูมิจึงบอกว่าข้อมูลย้อนหลังไปถึงเดือนมกราคม 2016 เท่านั้น
Google จำแนกประเภทผู้ขออย่างไร
หมวดหมู่ต่างๆ ของผู้ขอมีอะไรบ้าง
- นิติบุคคล: ผู้ขอส่งคำขอในนามของธุรกิจหรือองค์กร
- ผู้เสียชีวิต: ผู้ขอส่งคำขอในนามของผู้เสียชีวิต
- เจ้าหน้าที่รัฐ: ผู้ขอเคยหรือกำลังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมือง
- ผู้เยาว์: ผู้ขอยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย
- บุคคลสาธารณะที่ไม่ใช่รัฐบาล: ผู้ขอเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ (เช่น นักแสดงชื่อดัง) หรือมีบทบาทในชีวิตสาธารณะที่สำคัญภายในภูมิภาคหรือพื้นที่บางแห่ง (เช่น นักวิชาการที่มีชื่อเสียงในสาขาวิชาชีพของตน)
- เอกชน: บุคคลนี้ไม่ตรงกับหมวดหมู่อื่นใดเลย
Google จำแนกประเภทเนื้อหาของหน้าอย่างไร
หมวดหมู่สำหรับเนื้อหาของหน้ามีอะไรบ้าง
- อาชญากรรม: เนื้อหาของหน้าอ้างถึงความเชื่อมโยงกับอาชญากรรมของผู้ขอ เช่น เนื้อหาอาจเกี่ยวข้องกับการพิพากษาลงโทษ คำให้การของสักขีพยาน หรือสถานะผู้เสียหายของผู้ขอ
- ไม่พบชื่อ: ไม่พบการอ้างอิงชื่อผู้ขอในหน้าเนื้อหาใน URL ที่ให้มา แต่อาจมีชื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏใน URL
- ข้อมูลไม่เพียงพอ: เนื้อหาของหน้าไม่ได้รับการจัดหมวดหมู่เพราะ Google ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการประเมินคำขอ เช่น ผู้ขอส่ง URL ที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ได้ระบุเหตุผลในการขอให้นำ URL ออก
- เบ็ดเตล็ด: เนื้อหาของหน้าไม่ตรงกับหมวดหมู่ใดๆ ของเนื้อหาเลย
- ข้อมูลส่วนบุคคล: เนื้อหาของหน้ามีที่อยู่ส่วนตัว ที่พักอาศัย หรือข้อมูลติดต่ออื่นๆ ของผู้ขอ เช่น รูปภาพและ/หรือวิดีโอของบุคคลดังกล่าว หรือข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอื่นๆ ที่ไม่มีความละเอียดอ่อน
- การเมือง: เนื้อหาของหน้ามีคำวิจารณ์กิจกรรมทางการเมืองหรือของรัฐบาลของผู้ขอ หรือมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติทางการเมือง นโยบายทางการเมือง หรือโปรไฟล์ของบุคคลดังกล่าวที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
- ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพการงาน: เนื้อหาของหน้ามีที่อยู่ที่ทำงาน ข้อมูลติดต่อ หรือข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจของผู้ขอ
- การกระทำผิดในอาชีพ: เนื้อหาของหน้าอ้างถึงคดีอาญาหรือกระบวนการในศาล เช่น อาชญากรรม การพ้นโทษ การพ้นผิด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบทบาทในหน้าที่การงาน
- เขียนขึ้นมาเอง: ผู้ขอเป็นผู้เขียนเนื้อหาในหน้าทั้งหมดหรือบางส่วน
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน: เนื้อหาของหน้ากล่าวถึงอาการทางการแพทย์ รสนิยมทางเพศ หลักความเชื่อ ชาติพันธุ์ หรือการเข้าร่วมทางการเมืองของผู้ขอ
Google จำแนกประเภทเว็บไซต์อย่างไร
หมวดหมู่ต่างๆ ของเว็บไซต์มีอะไรบ้าง
- ไดเรกทอรี: หน้าเว็บโฮสต์ในเว็บไซต์ที่ใช้เป็นไดเรกทอรีหรือผู้รวบรวมข้อมูล เช่น ที่อยู่ไปรษณีย์ หรือหมายเลขโทรศัพท์สำหรับธุรกิจหรือบุคคล
- รัฐบาล: หน้าโฮสต์ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาล ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่กล่าวถึงหรือมีบันทึกเกี่ยวกับรัฐบาล ธุรกิจ หรือบันทึกทางกฎหมาย เว็บไซต์ที่เป็นแหล่งเผยแพร่สื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาล (โปรดทราบว่าสื่อสาธารณะ เช่น BBC หรือ PBS จะไม่อยู่ในหมวดหมู่นี้)
- ข่าว: หน้าโฮสต์ในเว็บไซต์ของแหล่งเผยแพร่สื่อหรือหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช่รัฐบาล
- เบ็ดเตล็ด: หน้านี้โฮสต์ในเว็บไซต์ที่ตรงกับหมวดหมู่ใดๆ
- โซเชียลมีเดีย: หน้าเป็นโปรไฟล์ของบัญชี รูปภาพ ความคิดเห็น หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่โฮสต์ในเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กทางออนไลน์