สำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอ

คุณสามารถบันทึกรูปภาพและวิดีโอลงในบัญชี Google ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้การสำรองข้อมูล คุณสามารถเข้าถึงรูปภาพและวิดีโอที่บันทึกไว้ได้จากอุปกรณ์ทุกเครื่องที่คุณลงชื่อเข้าใช้ แต่จะมีเพียงคุณเท่านั้นที่มองเห็นรูปภาพและวิดีโอเหล่านั้น เว้นแต่คุณเลือกที่จะแชร์ คุณสามารถสำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอไปยังบัญชี Google ได้ครั้งละ 1 บัญชีเท่านั้น ดูวิธีแก้ไขปัญหาการสำรองข้อมูล

ก่อนเริ่มต้นใช้งาน

สิ่งที่จำเป็นในการสำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอ

สําคัญ: ระบบจะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลในบัญชี Google ร่วมกันในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Google Photos, Google ไดรฟ์ และ Gmail หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม คุณสามารถซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มหรือล้างพื้นที่เก็บข้อมูล

  • การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี
  • ขนาดไฟล์ที่สำรองข้อมูลได้
    • รูปภาพที่มีขนาดไม่เกิน 200 MB หรือ 200 MP
    • วิดีโอที่มีขนาดไม่เกิน 10 GB
    • ไฟล์ต้องมีขนาดใหญ่กว่า 256 x 256
  • ประเภทไฟล์ที่สำรองข้อมูลได้
    • รูปภาพ: ไฟล์ .jpg, .heic, .png, .webp, .gif, .avif, และไฟล์ RAW ส่วนใหญ่
    • วิดีโอ: ไฟล์ .mpg, .mod, .mmv, .tod, .wmv, .asf, .avi, .divx, .mov, .m4v, .3gp, .3g2, .mp4, .m2t, .m2ts, .mts, และ .mkv
  • รูปแบบไฟล์ที่สำรองข้อมูลได้
    • วิดีโอ HDR 10 บิต
    • Topshot (เฉพาะ Pixel)
    • สโลว์โมชัน
    • วิดีโอที่มีความลึก
    • รูปภาพเคลื่อนไหว
    • Live Photos เมื่อใช้แอป Google Photos ใน iPhone หรือ iPad

หากคุณพยายามสำรองข้อมูลซึ่งมีประเภทไฟล์ที่ไม่ได้ระบุไว้ในที่นี้ Google Photos อาจไม่รองรับไฟล์ดังกล่าว

ประเภทไฟล์ RAW ที่สำรองข้อมูลได้
Canon
EOS-1D X Mark III, EOS-1D X Mark II, EOS-1D X, EOS-1Ds Mark III, EOS-1Ds Mark II, EOS-1D Mark IV, EOS-1D Mark III, EOS-1D Mark II, EOS-1D C, EOS-1D Mark II N, EOS 5D Mark IV, EOS 5D Mark III, EOS 5D Mark II, EOS 5D, EOS 5Ds, EOS 5Ds R, EOS R5, EOS 6D Mark II, EOS 6D, EOS R6, EOS R, EOS Ra, EOS RP, EOS 7D Mark II, EOS 7D, EOS 90D, EOS 80D, EOS 70D, EOS 60D, EOS 60Da, EOS 50D, EOS 40D, EOS 30D, EOS 20D, EOS 20Da, EOS 9000D (EOS 77D), EOS 8000D (EOS REBEL T6S/EOS 760D), EOS Kiss X10i (EOS REBEL T8i/EOS 850D), EOS Kiss X9i (EOS REBEL T7i/EOS 800D), EOS Kiss X8i (EOS REBEL T6i/EOS 750D), EOS Kiss X7i (EOS REBEL T5i/EOS 700D), EOS Kiss X6i (EOS REBEL T4i/EOS 650D), EOS Kiss X10 (EOS REBEL SL3/EOS 250D/EOS 200D II), EOS Kiss X9 (EOS REBEL SL2/EOS 200D), EOS Kiss X7 (EOS REBEL SL1/EOS 100D), EOS Kiss X5 (EOS REBEL T3i/EOS 600D), EOS Kiss X4 (EOS REBEL T2i/EOS 550D), EOS Kiss X3 (EOS REBEL T1i/EOS 500D), EOS Kiss X2 (EOS DIGITAL REBEL XSi/EOS 450D), EOS Kiss X90 (EOS REBEL T7/EOS 2000D/EOS 1500D), EOS Kiss X80 (EOS REBEL T6/EOS 1300D), EOS Kiss X70 (EOS REBEL T5/EOS 1200D), EOS Kiss X50 (EOS REBEL T3/EOS 1100D), EOS Kiss F (EOS DIGITAL REBEL XS/EOS 1000D), EOS Kiss Digital X (EOS DIGITAL REBEL XTi/EOS 400D DIGITAL), EOS Kiss Digital N (EOS DIGITAL REBEL XT/EOS 350D DIGITAL), EOS Kiss M (EOS M50), EOS M6 Mark II, EOS M6, EOS M5, EOS M3, EOS M2, EOS M, EOS M10, EOS M200, EOS M100, PowerShot G9 X Mark II, PowerShot G9 X, PowerShot G7 X Mark III, PowerShot G7 X Mark II, PowerShot G7 X, PowerShot G5 X Mark II, PowerShot G5 X, PowerShot G3 X, PowerShot G1 X Mark III, PowerShot G1 X Mark II, PowerShot G1 X, PowerShot G16, PowerShot G15, PowerShot G12, PowerShot G11, PowerShot G10, PowerShot S120, PowerShot S110, PowerShot S100, PowerShot S95, PowerShot S90, PowerShot SX70 HS, PowerShot SX60 HS, PowerShot SX50 HS, PowerShot SX1 IS
Fuji
X100
Nikon
1AW1, 1J1, 1J2, 1J3, 1J4, 1S1, 1S2, 1V1, 1V2, 1V3, D3, D3X, D4, D4S, D40, D40X, D50, D60, D70, D70s, D80, D90, D200, D300, D300s, D600, D610, D700, D750, D800, D800E, D810, D3000, D3100, D3200, D3300, D5000, D5100, D5200, D5300, D5500, D7000, D7100, D7200, Df
Coolpix: A, P7800
Olympus
E-M1, E-M5, E-M10, E-P1, E-P2, E-P3, E-P5, E-PL3, E-PL5, E-PL7, OM-D E-M5 Mark II
Panasonic
CM1, FZ300, G70, GF1, GF3, GF5, GF7, GH3, GH4, GM1, GM5, GX1, GX8, LX5, LX7, LX100
Sony
A7, A7R, A7S, A7 Mark II, A55, A58, A65, A77, A77 Mark II, A99, A700, A3000, A5000, A5100, A6000, QX1, NEX-5, NEX-5N, NEX-5R, NEX-6, NEX-7, NEX-C3, NEX-F3, RX1, RX1R, RX10, RX10 Mark II, RX100, RX100 Mark II, RX100 Mark III, RX100 Mark IV
ไฟล์ DNG
รูปแบบ .dng ส่วนใหญ่

เปิดหรือปิดการสํารองข้อมูล

สำคัญ: การสำรองข้อมูลอาจใช้เวลาสักครู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ขนาดไฟล์ที่อัปโหลด และเงื่อนไขอื่นๆ

  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  4. แตะการตั้งค่า Photos การตั้งค่า จากนั้น การสำรองข้อมูล
  5. เปิดหรือปิดการสำรองข้อมูล

เปิดหรือปิดการสำรองข้อมูล

เคล็ดลับ: ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของการสำรองข้อมูล

ตรวจสอบว่าการสำรองข้อมูลเสร็จสมบูรณ์หรือไม่

  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  4. ความคืบหน้าของการสํารองข้อมูลจะวัดจากจํานวนรายการที่รออัปโหลดอยู่
    • เมื่อระบบสำรองข้อมูลรายการต่างๆ เสร็จแล้ว สถานะจะแสดงเป็น "สํารองข้อมูลสำเร็จแล้ว"
    • หากสถานะของการสำรองข้อมูลปิดอยู่ สถานะจะแสดงเป็น "การสำรองข้อมูลปิดอยู่"

เคล็ดลับ: ดูวิธีแก้ไขปัญหาการสำรองข้อมูล

สำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอด้วยตนเอง

  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. เลือกโดยกดที่รูปภาพหรือวิดีโอที่ต้องการสำรองข้อมูลค้างไว้
  4. เลือกสำรองข้อมูล ที่ด้านล่าง

เคล็ดลับ: ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของการสำรองข้อมูล

ตรวจสอบสถานะการสำรองข้อมูลของรูปภาพหรือวิดีโอ

  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. เลือกรูปภาพหรือวิดีโอ
  3. เลือกเพิ่มเติม เพิ่มเติม
  4. เลื่อนไปที่ "รายละเอียด"
  5. หากระบบสำรองข้อมูลรูปภาพแล้ว สถานะและขนาดการสำรองข้อมูลจะแสดงอยู่ใต้ส่วน "สำรองข้อมูลแล้ว" เพิ่มในระบบคลาวด์เรียบร้อยแล้ว

เปลี่ยนการตั้งค่าการสำรองข้อมูล

สำรองข้อมูลไปยังบัญชีอื่น
  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  4. แตะการตั้งค่า Photos การตั้งค่า จากนั้น การสำรองข้อมูล
  5. ในส่วน "บัญชีและพื้นที่เก็บข้อมูล" ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  6. เลือกบัญชี Google ที่ต้องการสำรองข้อมูล
สำรองข้อมูลโฟลเดอร์อุปกรณ์
  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  4. แตะการตั้งค่า Photos การตั้งค่า จากนั้น การสำรองข้อมูล
  5. ในส่วน "การตั้งค่า" ให้แตะสำรองข้อมูลโฟลเดอร์อุปกรณ์
  6. เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการสำรองข้อมูล
กำหนดขีดจำกัดการสำรองข้อมูลต่อวัน
  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  3. เลือกการตั้งค่า Photos การตั้งค่า จากนั้น การสำรองข้อมูล จากนั้น ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ
  4. คุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้
    • เลือกปริมาณอินเทอร์เน็ตมือถือต่อวันที่ Google Photos ใช้ได้ในขณะสำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอโดยอัตโนมัติ
    • ปิดสำรองข้อมูลวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตมือถือ
    • ปิดสำรองข้อมูลขณะโรมมิ่ง
สำรองข้อมูลขณะโรมมิ่ง
  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ
  4. แตะการตั้งค่า Photos การตั้งค่า จากนั้น การสำรองข้อมูล จากนั้น ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ
  5. เปิดสำรองข้อมูลขณะโรมมิ่ง
สำรองข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ตมือถือแบบไม่จำกัด
ผู้ให้บริการมือถือบางรายจะให้สิทธิ์เข้าถึง "อินเทอร์เน็ตมือถือแบบไม่จํากัด" ซึ่งเป็นปริมาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้นับรวมในโควต้าหรือขีดจํากัดของผู้ให้บริการ ปัจจุบันตัวเลือกนี้มีให้บริการสําหรับผู้ใช้บางรายของผู้ให้บริการ เช่น Verizon และ AT&T ในสหรัฐอเมริกา หากคุณใช้บริการจากหนึ่งในผู้ให้บริการเหล่านี้ คุณอาจเห็นตัวเลือกที่เปิดใช้การสำรองข้อมูลสำหรับ "Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตมือถือแบบไม่จำกัด"
สําคัญ: การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมือถือแบบไม่จำกัดอาจถูกจํากัดไว้ให้ใช้ได้เฉพาะ 5G
  1. เปิดแอป Google Photos Photos ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ จากนั้น การตั้งค่า Photos การตั้งค่า
  3. แตะการสํารองข้อมูล จากนั้น ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ จากนั้น เมื่อไม่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi
  4. แตะใช้อินเทอร์เน็ตมือถือแบบไม่จำกัดเท่านั้นเมื่อไม่นับรวมในแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตของคุณ
แก้ปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล
สําคัญ: การสํารองข้อมูลอาจทํางานได้ไม่ดีหากคุณเปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่สําหรับแอป Photos หากพบปัญหานี้ คุณสามารถปิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ได้ 
หากต้องการปิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ Android บางรุ่น ให้ทําดังนี้
  1. เปิดแอปการตั้งค่าของอุปกรณ์
  2. แตะค้นหา ที่ด้านบน
  3. ค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ การใช้งานแบตเตอรี่ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
  4. แตะการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
  5. แตะแอปทั้งหมด จากนั้น Photos จากนั้น ไม่เพิ่มประสิทธิภาพ จากนั้น เสร็จสิ้น

ปิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ Android อื่นๆ

  1. จากหน้าจอหลัก ให้แตะแอป Photos Photos ค้างไว้
  2. แตะข้อมูล ข้อมูล
  3. เลือกไม่จํากัดในส่วน "จัดการการใช้งานแบตเตอรี่"

ดูข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อสำรองข้อมูลรูปภาพ

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณเปิดการสำรองข้อมูลไว้

  • ไม่พลาดทุกช่วงเวลาประทับใจ: ระบบจะบันทึกรูปภาพที่คุณถ่ายจากอุปกรณ์ที่เปิดการสํารองข้อมูลไว้ในบัญชี Google

หากคุณสำรองข้อมูลเนื้อหาด้วยตนเองหรือโดยอัตโนมัติ

  • ซิงค์อัตโนมัติ: คุณสามารถเข้าถึงรูปภาพที่ถ่ายไว้และทําการแก้ไขในอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้ หากคุณแก้ไขและบันทึกรูปภาพไว้ในโทรศัพท์ รูปภาพเหล่านั้นจะเหมือนกับใน Google Photos
  • การค้นหาที่รวดเร็วและทรงพลัง: คุณจะค้นหารูปภาพจากผู้คนในภาพเหล่านั้นได้เมื่อเปิดกลุ่มใบหน้า นอกจากนี้ยังค้นหาด้วยสถานที่และสิ่งของในรูปภาพได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องติดแท็ก
  • ผลงานอัตโนมัติ: คุณสามารถเติมชีวิตชีวาให้รูปภาพได้ด้วยวิดีโอไฮไลต์ ภาพคอลลาจ ภาพเคลื่อนไหว และพาโนรามาที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก