คำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion ของ Ad Grants

เครื่องมือวัด Conversion เป็นเครื่องมือที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายที่รายงานการกระทำที่ต้องการซึ่งผู้เข้าชมเว็บไซต์ทำหลังจากที่ได้โต้ตอบกับโฆษณาของคุณ การคลิกจะวัดปริมาณการเข้าชมขณะที่ Conversion จะวัดมูลค่า  ตัวอย่างเป้าหมายของ Conversion ได้แก่ การกระทำที่สร้างรายได้ เช่น การบริจาค การซื้อ การขายตั๋ว ค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก และการกระทำที่ไม่สร้างรายได้ เช่น การลงชื่อสมัครรับอีเมล การลงชื่อเป็นอาสาสมัคร การกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มสมาชิกใหม่ การส่งคำขอข้อมูล การโทรศัพท์หาองค์กร หรือเวลาที่ใช้ในการอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ 

นโยบายของ Ad Grants กําหนดให้บัญชีที่สร้างขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 และบัญชีที่ใช้กลยุทธ์ Smart Bidding แบบอิงตาม Conversion ต้องใช้เครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง 

วิธีติดตามกิจกรรมที่มีความหมายบนเว็บไซต์ของคุณ

กำหนดว่าจะใช้เครื่องมือติดตามใด (แหล่งที่มาของ Conversion)

ติดตามด้วยแท็กจากบัญชี Ad Grants หรือนำเข้าเป้าหมายจาก Google Analytics

ระบบติดตาม Conversion ด้วยการเพิ่มโค้ดในเว็บไซต์ และเรียกให้ทำงานโดยผู้เข้าชมที่มีส่วนร่วมในหน้าเว็บหรือเนื้อหาที่มีการวางโค้ดไว้ เครื่องมือ Google ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายมีให้เลือกใช้ด้วยกัน 2 รายการ โดยคุณสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแท็กเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads หรือจะนําเข้าเป้าหมายจาก Google Analytics ก็ได้

เราขอแนะนำให้ใช้ Google Analytics หากยังไม่มีโค้ดเครื่องมือวัด Conversion ในเว็บไซต์ เราขอแนะนำให้ใช้ Google Analytics
 
หากเว็บไซต์มี Google Analytics อยู่แล้ว และคุณมั่นใจในการตั้งค่าโค้ดติดตามเว็บของคุณ ก็เพียงแค่สร้างเป้าหมายและนําเข้าเป้าหมายมายังบัญชี Ad Grants

กําหนดเป้าหมาย (การกระทําที่ถือเป็น Conversion)

เลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่มีความหมาย

การกระทําที่คุณติดตามในเว็บไซต์ควรแสดงถึงเป้าหมายขององค์กร จากรายการด้านล่าง ให้พิจารณาการกระทำทั้งหมดที่บ่งชี้ว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์มีส่วนร่วมกับองค์กร 

ตัวเลือกเป้าหมายของ Google Analytics (นำเข้ามายังบัญชี Ad Grants)

ประเภทเป้าหมายของ Google Analytics ที่ยอมรับ

เป้าหมายปลายทาง

คำแนะนำ: ติดตามผู้เข้าชมที่เห็น URL ของหน้า "ขอบคุณ" ซึ่งเป็น URL ที่จะเข้าถึงได้เมื่อผู้เข้าชมทำสิ่งที่มีความหมายในเว็บไซต์จนเสร็จสมบูรณ์เท่านั้น 

ไม่อนุญาต: ระบบอาจไม่ได้ใช้หน้าแรกหรือหน้าเว็บที่มีการเข้าชมบ่อยเป็นหน้า Landing Page สําหรับเป้าหมาย URL ปลายทาง เพราะจำนวน Conversion ไม่ได้แสดงถึงจำนวนคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก หากไม่มีหน้า "ขอบคุณ" ให้ใช้เป้าหมายสมาร์ทแทน

เป้าหมายสมาร์ท

คําแนะนํา: ใช้เป้าหมายสมาร์ทหากคุณไม่มีเป้าหมายปลายทางสำหรับติดตาม เป้าหมายสมาร์ทเป็นวิธีการที่ง่ายในการช่วยระบบระบุการเข้าชมที่มีคุณค่ามากที่สุดว่าเป็น Conversion (เช่น การนับเป็น "Conversion" เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ซึ่งจัดเป็นการเข้าชมที่มีคุณภาพมากที่สุด 5% แรก ซึ่งระบบจะระบุโดยการใช้สัญญาณต่างๆ เช่น ระยะเวลาเซสชัน จํานวนหน้าเว็บต่อเซสชัน สถานที่ตั้ง อุปกรณ์ และเบราว์เซอร์) 

เหตุการณ์

คําแนะนํา: หากคุณมีปุ่มบนเว็บไซต์ที่ต้องการติดตามเมื่อมีการคลิกปุ่มดังกล่าว ให้ใช้ "การติดตามเหตุการณ์" เช่น หากคุณมีปุ่ม "ติดต่อเรา" ที่จะนำไปยังวิดเจ็ตป๊อปอัป และไม่ได้ไปที่หน้า "ติดต่อเรา" โดยเฉพาะ ในกรณีนี้ให้ใช้การติดตามเหตุการณ์ เนื่องจากคุณไม่สามารถใช้ "เป้าหมายปลายทาง" ในกรณีนี้ คุณจึงใช้การติดตามการคลิกปุ่มแทนได้ 

อย่าลืมนำเข้าเป้าหมายจาก Google Analytics มายัง AdWords หลังจากสร้างเป้าหมายแล้ว  

ตัวเลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ของ Google Ads 

เว็บไซต์

คําแนะนํา: วางโค้ดในหน้า "ขอบคุณ" ที่ผู้เข้าชมจะเข้าถึงได้เมื่อทำสิ่งที่มีความหมายในเว็บไซต์จนเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น 

ไม่อนุญาต: ระบบอาจไม่ได้ใช้หน้าแรกหรือหน้าเว็บที่มีการเข้าชมบ่อยเป็นหน้า Landing Page สําหรับ Conversion หนึ่งๆ ในเว็บไซต์ เนื่องจากจำนวน Conversion ไม่ได้แสดงถึงจำนวนคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก หากไม่มีหน้า "ขอบคุณ" ให้ติดตั้ง Analytics แล้วใช้เป้าหมายสมาร์ทแทน 

แอป

คําแนะนํา: หากจะโปรโมตแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณอาจใช้เครื่องมือวัด Conversion เพื่อดูว่าการคลิกโฆษณาทําให้เกิดการติดตั้งแอปและการทํากิจกรรมในแอปได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด 

การติดต่อทางโทรศัพท์ (หมายเหตุ: ความพร้อมให้บริการในประเทศ)

คําแนะนํา: หากการติดต่อทางโทรศัพท์สําคัญต่อองค์กร คุณสามารถใช้เครื่องมือวัด Conversion เพื่อดูว่าการคลิกโฆษณาทําให้ผู้เข้าชมโทรศัพท์หาองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด 

​เลือกหมวดหมู่ Conversion ที่เหมาะสม

นโยบายของ Ad Grants: Conversion ในหมวดหมู่การซื้อ/ขายต้องใช้สําหรับ Conversion ที่เป็นการสร้างรายได้ เช่น การบริจาค การขายผลิตภัณฑ์ ค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก หรือการขายตั๋ว 

ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องมือวัด Conversion ในบัญชี Ad Grants หรือจะนำเข้าเป้าหมายจาก Google Analytics มายังบัญชี ให้ใช้ตารางข้อมูลอ้างอิงนี้เพื่อเลือกหมวดหมู่สําหรับ Conversion 
ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องมือวัด Conversion ในบัญชี Ad Grants หรือจะนำเข้าเป้าหมายจาก Google Analytics มายังบัญชี ให้ใช้ตารางข้อมูลอ้างอิงนี้เพื่อเลือกหมวดหมู่สําหรับ Conversion 

หมวดหมู่ Conversion

เป้าหมาย Conversion ขององค์กรการกุศล
ซื้อ/ขาย 
  • การบริจาค
  • การซื้อ
  • ยอดขายการเป็นสมาชิก
  • ยอดขายตั๋ว 
ลงชื่อสมัครใช้ 
  • การลงชื่อสมัครเป็นอาสาสมัคร
  • การลงชื่อสมัครรับอีเมล/จดหมายข่าว
  • การกรอกแบบฟอร์มการเป็นสมาชิกใหม่
  • การลงทะเบียนบัญชีฟรี
  • การลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรม
โอกาสในการขาย
  • การดาวน์โหลดข้อมูล
  • การคลิกเพื่อโทร
  • การคลิกเพื่อส่งอีเมล 
  • การคลิกไปยังบัญชีโซเชียล
  • การส่งแบบฟอร์มติดต่อเรา
  • การคลิกปุ่มติดต่อเรา
การดูหน้าที่สำคัญ
  • การไปที่หน้าติดต่อเราหากคุณไม่มีแบบฟอร์มหรือปุ่ม "ติดต่อเรา"
  • เป้าหมายระยะเวลาบนเว็บไซต์
  • เป้าหมายจำนวนหน้าเว็บต่อเซสชัน
  • การดูวิดีโอ
อื่นๆ
  • อื่นๆ ที่เหลือ

กำหนดมูลค่า Conversion 

กำหนดมูลค่าให้กับ Conversion เพื่อให้คุณติดตามได้ว่าแคมเปญประเภทใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Conversion แต่ละประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บาง Conversion อาจมีคุณค่าต่อเป้าหมายของคุณมากกว่า Conversion อื่นๆ หากกำหนดมูลค่าให้กับ Conversion คุณจะวัดมูลค่ารวมที่เกิดจากโฆษณาสําหรับ Conversion ประเภทต่างๆ ได้ แทนที่จะวัดได้แค่จำนวน Conversion จากนั้นคุณจะสามารถระบุและมุ่งเน้นไปที่ Conversion ที่มีมูลค่าสูงสุดได้

[แนะนำ] ใช้มูลค่าต่างกันสำหรับ Conversion แต่ละรายการ

มูลค่าแบบเจาะจงธุรกรรมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่มี Conversion ประเภทเดียวกันเกิดขึ้น หากคุณรับการบริจาคทางออนไลน์ เช่น Conversion การบริจาครายการหนึ่งอาจมีมูลค่า 750 บาท ในขณะที่การบริจาคอีกรายการหนึ่งมีมูลค่า 3,000 บาท คุณสามารถติดตามมูลค่าที่ไม่ซ้ำกันของ Conversion แต่ละรายการสําหรับ Conversion ประเภทต่างๆ ได้ เช่น

  • การบริจาค
  • การซื้อ 
  • ค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก
  • ยอดขายตั๋ว 
  • เป้าหมายการสร้างรายได้อื่นๆ

หากเว็บไซต์ของคุณแสดงมูลค่าเฉพาะของ Conversion แต่ละรายการ และเว็บไซต์ไม่ได้นำไปยังหน้าขอบคุณแยกต่างหากสำหรับแต่ละ Conversion ให้ใช้การติดตามอีคอมเมิร์ซของ Google Analytics หรือมูลค่า Conversion แบบเจาะจงธุรกรรมของ AdWords เพื่อติดตามมูลค่าแบบไดนามิก 

สําหรับกรณีนี้ เราขอแนะนําให้คุณเลือก "ทุกรายการ" ในการตั้งค่าการนับ Conversion เพื่อให้ระบบนับการบริจาคทุกรายการแม้ว่าจะมาจากบุคคลเดียวกันก็ตาม ไม่ใช่นับแค่การบริจาคครั้งแรกของบุคคลนั้น

ด้านล่างนี้คุณจะเห็นคำแนะนำทีละขั้นตอนสำหรับวิธีการติดตามมูลค่าที่ไม่ซ้ำกันในแพลตฟอร์มการบริจาคยอดนิยมบางส่วน

ใช้มูลค่าเดียวกันกับทุก Conversion

หากเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งค่าให้แสดงยอดรวมการขายหรือมูลค่าเงินบริจาคที่ไม่ซ้ำกัน หรือหากมีเพียงกล่องข้อความว่างเพื่อใส่ยอดบริจาค ให้ใช้มูลค่าเฉลี่ยแทน 

ตัวอย่างเช่น หากทุกการบริจาคพาไปยังหน้า "ขอบคุณ" เดียวกัน และคุณทราบว่าเงินบริจาคออนไลน์เฉลี่ยที่ได้คือ 600 บาท คุณก็กำหนดให้ค่าเฉลี่ยสําหรับทุกการเข้าชมหน้า "ขอบคุณ" อยู่ที่ 600 บาทได้

หากต้องการเปลี่ยนแปลงมูลค่า Conversion ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิกไอคอนเครื่องมือที่มุมขวาบนของบัญชี
  3. คลิก Conversion ในส่วน "การวัด"
  4. คลิกชื่อการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
  5. คลิก "แก้ไขการตั้งค่า"
  6. คลิก "มูลค่า"
  7. เลือก "ใช้มูลค่าเดียวกันกับทุก Conversion"
  8. ป้อนสกุลเงินและมูลค่าเฉลี่ยของการบริจาคแต่ละรายการในตัวเลือกแบบเลื่อนลง
  9. คลิก "บันทึก"
  10. คลิก "เสร็จสิ้น" 

กําหนดวิธีการนับ Conversion

โปรดตรวจสอบว่าคุณนับการกระทำที่มีความหมายทั้งหมดอย่างถูกต้อง

ติดตามการนับ Conversion ตามประเภท Conversion ที่กำลังติดตาม คุณเลือกที่จะนับ Conversion ทุกรายการที่เกิดขึ้นหลังจากการคลิกครั้งหนึ่ง หรือจะนับ Conversion แค่ 1 รายการที่เกิดขึ้นหลังจากการคลิกครั้งหนึ่งก็ได้

ใช้ตัวเลือกทุกรายการเฉพาะเมื่อใส่มูลค่าเพิ่มเติมด้วย Conversion พิเศษแล้ว เช่น ผู้เข้าชมที่ลงชื่อสมัครเข้าร่วมงานวิ่งเพื่อการกุศล 2 รายการหลังจากการคลิกโฆษณาแค่ 1 ครั้ง ในกรณีนี้หากคุณต้องการติดตามหรือนับ Conversion เป็น 2 รายการ ก็ให้เลือกเป็นทุกรายการ 

หากไม่มีการสร้างค่าเพิ่มเติม ให้เลือกเป็น 1 รายการ เช่น หากผู้เข้าชมคนเดียวกันดาวน์โหลดเนื้อหาเดียวกัน 2 ครั้ง และคุณต้องการติดตามหรือนับ Conversion นี้เป็นแค่ 1 ครั้ง ก็ให้เลือกเป็น 1 รายการ

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการนับ Conversion ที่สร้างไว้ได้แล้ว ให้ปรับการตั้งค่าการนับ

กำหนดกรอบเวลา Conversion

รวม Conversion ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม

อีกตัวเลือกหนึ่งที่ปรับแต่งได้เมื่อตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion คือกรอบเวลา Conversion คุณสามารถปรับกรอบเวลาที่ต้องการนับ Conversion จากผู้เข้าชมที่คลิกโฆษณา 


กรอบเวลาเริ่มต้นจะอยู่ที่ "30 วัน" ซึ่งหมายความว่าคุณจะติดตาม Conversion ที่เกิดขึ้นภายใน 30 วันนับจากที่มีการคลิกโฆษณา

แนวทางปฏิบัติแนะนํา: ขยายกรอบเวลา Conversion สำหรับการกระทำที่ต้องใช้เวลาพิจารณานานขึ้น (เช่น เงินบริจาคจำนวนมากหรือสัญญาผูกมัดอาสาสมัครที่นานขึ้น)
 
องค์กรการกุศลมักจะมีกรอบเวลาที่นานกว่าถึงจะเกิดการกระทำที่ถือเป็น Conversion หลังจากที่ผู้เข้าชมได้ศึกษาข้อมูลการดําเนินการขององค์กรแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริจาค ดังนั้นจึงควรตั้งค่ากรอบเวลาไว้สูงสุดที่ "90 วัน"

​รวมเฉพาะการกระทำที่เป็นมาโครและเป็น Funnel ระดับล่างไว้ใน "Conversion"

ตรวจสอบว่าเครื่องมืออัตโนมัติใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

การตั้งค่านี้จะกําหนดว่าจะรวมการกระทําที่ถือเป็น Conversion รายการใดสำหรับให้ฟีเจอร์อัตโนมัติต่างๆ นำไปใช้

สําหรับกลยุทธ์ Smart Bidding อย่างเช่น การเพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด ระบบจะรวม Conversion ทั้งหมดที่ในส่วน "รวมใน Conversion" ระบุไว้ว่า "ใช่" เพื่อให้ระบบทำการตัดสินใจต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเสนอราคา การตั้งค่าเริ่มต้นคือให้รวมไว้ แต่คุณอาจเลือกยกเว้นเป้าหมาย Conversion บางรายการที่มีมูลค่าน้อยสำหรับองค์กรก็ได้

เลือก "รวมใน Conversion" เป็น "ใช่" สำหรับ Conversion ที่คุณต้องการให้กลยุทธ์ Smart Bidding ที่อิงตาม Conversion ทำการเสนอราคาให้สูงขึ้น 

กำหนดรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่คุณจะใช้

กำหนดว่าจะให้เครดิตสำหรับแต่ละคลิกก่อนเกิด Conversion เท่าไร

ก่อนเกิด Conversion ผู้ใช้อาจทำการค้นหาหลายครั้งและโต้ตอบกับโฆษณาหลายรายการจากผู้ลงโฆษณารายเดียวกัน รูปแบบการระบุแหล่งที่มาช่วยให้คุณเลือกได้ว่าจะให้เครดิตแก่แต่ละคลิกสำหรับ Conversion เท่าใด จะให้เครดิตแก่คลิกแรกของลูกค้า คลิกสุดท้าย หรือหลายๆ คลิกรวมกันก็ได้

แนวทางปฏิบัติแนะนํา: ลองใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่คลิกสุดท้าย

เราขอแนะนําให้ใช้รูปแบบลดลงตามเวลา (หรือที่เรียกว่ารูปแบบ Waterfall) วิธีนี้จะกระจายค่าที่มีการจัดสรรให้กับการโต้ตอบสุดท้ายมากขึ้น เช่น เมื่อเกิด Conversion ขึ้น 1 รายการจากการคลิกโฆษณา 4 ครั้ง การคลิกทุกครั้งจะได้รับการปันส่วน Conversion เช่น 0.4, 0.3, 0.2 และ 0.1  

ใช้ข้อมูล Conversion เพื่อแจ้ง Smart Bidding

ผู้รับสิทธิ์ Ad Grants ที่ใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่อิงตาม Conversion แบบอัตโนมัติ เช่น เพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด, CPA เป้าหมาย และ ROAS เป้าหมาย จะเสนอราคาสูงกว่าขีดจํากัดการเสนอราคาที่ 60 บาทของโปรแกรมได้

เครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สําคัญ ทั้งนี้ก็เพื่อให้กลยุทธ์ Smart Bidding ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องแม่นยําเพื่อเสนอราคาให้สูงขึ้นสำหรับการคลิกที่มีคุณค่าต่อองค์กร

ตั้งค่ากลยุทธ์การเสนอราคาเป็น "เพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด" หรือ "เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด"

ใช้กลยุทธ์ Smart Bidding ที่อิงตาม Conversion เพื่อให้ระบบเสนอราคาสูงขึ้นสําหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มว่าน่าจะทําเป้าหมายทางออนไลน์จนเสร็จสมบูรณ์ 

Ad Grants จำกัดต้นทุนต่อคลิก (CPC) ไว้ที่ 60 บาท แต่เพื่อช่วยให้ผู้รับสิทธิ์สามารถดึงดูดผู้เข้าชมที่มีความหมายได้มากขึ้น ต้นทุนต่อคลิกก็สามารถสูงกว่านี้ได้หากใช้ Smart Bidding ที่อิงตาม Conversion

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิกแคมเปญในเมนูหน้าเว็บทางซ้าย
  3. เลือกแคมเปญที่ต้องการแก้ไข
  4. คลิกการตั้งค่าในเมนูหน้าเว็บของแคมเปญนี้
  5. เปิดการเสนอราคา แล้วคลิกเปลี่ยนกลยุทธ์การเสนอราคา
  6. เลือก "เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด" "เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด" "CPA เป้าหมาย" หรือ "ROAS เป้าหมาย" จากเมนูแบบเลื่อนลง เราขอแนะนําให้เลือก "เพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด" 
  7. คลิกบันทึก

 การแก้ปัญหาเครื่องมือวัด Conversion 

นโยบายของ Ad Grants: เครื่องมือวัด Conversion มีไว้สำหรับการรายงาน Conversion ที่ถูกต้องในแต่ละเดือนเท่านั้น

 

หากคุณบันทึกจํานวน Conversion ได้ต่ำผิดปกติหรือไม่มีเลย

หากคุณใช้แท็ก Conversion ของ Google Ads

ตรวจสอบว่าแท็ก Conversion ใช้งานได้: ไปที่ Conversion แล้วดูที่คอลัมน์ "สถานะการติดตาม" วางเมาส์เหนือสัญลักษณ์ข้อความ "การบันทึก Conversion" เพื่อดูสถานะของคุณ ทําตามคำแนะนําเพื่อแก้ไขปัญหา ดูตรวจสอบแท็กเครื่องมือวัด Conversion

ตรวจสอบว่าโค้ด/แท็กอยู่ในตําแหน่งที่ถูกต้อง: หลังจากที่คลิก Conversion แต่ละรายการที่เพิ่มไว้แล้ว คุณจะเห็นแท็บชื่อหน้าเว็บซึ่งแสดงรายการ URL ของหน้าเว็บที่คุณติดตาม Conversion ซึ่งก็คือหน้าเว็บที่คุณเพิ่มแท็ก Conversion ลงไปนั่นเอง เข้าไปที่ URL เหล่านี้และใช้ผู้ช่วยแท็กของ Google เพื่อดูว่าโค้ดมีปัญหาหรือไม่

หากทุกอย่างทำงานเรียบร้อยดี แต่คุณบันทึก Conversion ได้ 0 รายการ ให้ทําดังนี้

  • ตรวจสอบว่าคุณได้คัดลอกและวางโค้ดในเว็บไซต์อย่างถูกต้อง 

  • ตรวจหาแอปพลิเคชันและ/หรือปลั๊กอินอื่นๆ ที่รบกวนการทำงานของโค้ด 

  • โค้ดการรีมาร์เก็ตติ้งกับโค้ด Conversion มีลักษณะคล้ายกัน ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีการใช้ปนกัน

หากคุณใช้เป้าหมาย Google Analytics อยู่ 

ดู Analytics ไม่ติดตามเป้าหมาย

 

ในกรณีที่คุณบันทึกจำนวน Conversion หรืออัตรา Conversion ได้สูงผิดปกติ

ปรับการตั้งค่าการนับ: ไปที่ส่วน Conversion ใน Google Ads และดูคอลัมน์อัตราการทําซ้ำ หาก Conversion ใดดูจะมีอัตราการทำซ้ำสูง ให้ปรับการตั้งค่าการนับ 
นําแท็กที่ซ้ำกันในเว็บไซต์ออก: ใช้ Google Tag Manager ซึ่งเป็นเครื่องมือของ Google ที่จะช่วยคุณอัปเดตแท็กเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพื่อลดการนับ Conversion เดียวกันมากกว่า 1 ครั้งโดยไม่ตั้งใจ
นําเครื่องมือวัด Conversion ของ AdWords ออกจากหน้าที่มีการเข้าชมบ่อย: หากต้องการติดตามการรับรู้ในเนื้อหาและเป้าหมายด้านการศึกษา ให้ใช้ประเภทเป้าหมาย "ระยะเวลา" หรือ "หน้าเว็บ/หน้าจอต่อการเข้าชม" ของ Google Analytics แทน หากต้องการติดตามการดูหน้าเว็บหรือเส้นทางเว็บไซต์ทั่วไป โปรดไปที่ Google Analytics

 

คู่มือ 

 

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
13516631289883425041
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
false
false