สร้างและตั้งค่าแอป

หลังจากสร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play แล้ว คุณจะสร้างและตั้งค่าแอปได้โดยใช้ Play Console

สร้างแอป

  1. เปิด Play Console
  2. เลือกแอปทั้งหมด > สร้างแอป
  3. เลือกภาษาเริ่มต้นแล้วเพิ่มชื่อแอปที่คุณต้องการให้แสดงใน Google Play คุณเปลี่ยนการตั้งค่านี้ในภายหลังได้
  4. ระบุว่าแอปพลิเคชันของคุณเป็นแอปหรือเกม คุณเปลี่ยนการตั้งค่านี้ในภายหลังได้
  5. ระบุว่าแอปพลิเคชันของคุณเป็นแบบฟรีหรือต้องซื้อ
  6. เพิ่มอีเมลที่ผู้ใช้ Play Store จะใช้เพื่อติดต่อคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ได้
  7. ในส่วน "ประกาศ" ให้ดำเนินการดังนี้
  8. เลือกสร้างแอป

ตั้งค่าแอป

หลังจากสร้างแอปแล้ว คุณจะเริ่มตั้งค่าได้ แดชบอร์ดของแอปจะแนะนำขั้นตอนที่สำคัญที่สุดทั้งหมดเพื่อให้แอปพร้อมใช้งานใน Google Play

คุณจะเริ่มต้นด้วยการให้รายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาของแอป และป้อนข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Google Play Store หลังจากนั้น คุณจะดำเนินการเผยแพร่แอปต่อไปได้ คำแนะนำข้างต้นจะบอกคุณเกี่ยวกับการจัดการ การทดสอบ และการโปรโมตก่อนเผยแพร่เพื่อสร้างความตื่นเต้นและการรับรู้ตั้งแต่ก่อนเผยแพร่ ขั้นตอนสุดท้ายคือการเปิดตัวแอปใน Google Play เพื่อให้ผู้ใช้หลายพันล้านคนใช้งานได้

นักพัฒนาแอปที่มีบัญชีส่วนบุคคลซึ่งสร้างขึ้นหลังวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการทดสอบที่เฉพาะเจาะจงก่อนจึงจะทำให้แอปของตนพร้อมให้บริการใน Google Play ได้ อ่านบทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

ในการเริ่มตั้งค่าแอป ให้เลือกหน้าแดชบอร์ดในเมนูด้านซ้าย สำหรับขั้นตอนถัดไป ให้ไปที่ตั้งค่าแอปในหน้าแดชบอร์ดของแอป

จัดการแอปและ App Bundle

Google Play ใช้ Android App Bundle เพื่อสร้างและนำส่ง APK ที่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการกำหนดค่าอุปกรณ์แต่ละรายการเพื่อให้แอปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ ซึ่งหมายความว่าคุณเพียงแค่สร้าง รับรอง และอัปโหลด App Bundle เดียวเพื่อรองรับ APK ที่เพิ่มประสิทธิภาพแล้วให้ใช้งานร่วมกับการกำหนดค่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้ จากนั้น Google Play จะช่วยจัดการและนำส่ง APK การจัดจำหน่ายของแอปให้คุณเอง

ชื่อแพ็กเกจสำหรับไฟล์แอปจะต้องไม่ซ้ำกันและเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้ ดังนั้นโปรดตั้งชื่อด้วยความระมัดระวัง ชื่อแพ็กเกจจะลบหรือนำมาใช้ซ้ำอีกไม่ได้

รุ่นจะมีสถานะใดสถานะหนึ่งใน 3 สถานะต่อไปนี้

  • ฉบับร่าง: APK ที่ยังไม่พร้อมบริการผู้ใช้
  • มีการใช้งาน: APK ที่ให้บริการผู้ใช้อยู่ในขณะนี้
  • ที่เก็บถาวร: APK ที่เคยมีการใช้งาน แต่ตอนนี้ไม่ให้บริการผู้ใช้แล้ว
ค้นหาไฟล์ APK

วิธีดู App Bundle และ APK

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้า App Bundle Explorer (รุ่น > App Bundle Explorer)
  2. หน้า App Bundle Explorer มีตัวกรองเวอร์ชันที่ด้านขวาบนของหน้า ซึ่งคุณจะใช้ร่วมกับแท็บ 3 แท็บ (รายละเอียด ดาวน์โหลด และการนำส่ง) เพื่อค้นหาเวอร์ชันและการกำหนดค่าต่างๆ ของ APK ของแอปในอุปกรณ์หลายประเภทได้
  • หมายเหตุ: ตัวกรองเวอร์ชันนี้มีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับ "ไลบรารีอาร์ติแฟกต์" ใน Play Console เวอร์ชันเก่า

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการอาร์ติแฟกต์ได้ที่ตรวจสอบเวอร์ชันของแอปด้วย App Bundle Explorer

ขนาดสูงสุด

แอปใน Google Play มีขนาดสูงสุดซึ่งอิงตามขนาดสูงสุดของ APK ที่บีบอัดขณะดาวน์โหลดในอุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมด

หลังจากอัปโหลด App Bundle แล้ว Play Console จะใช้ gzip เพื่อประมาณขนาดการดาวน์โหลดของแอป Google Play ใช้เครื่องมือบีบอัดขั้นสูงที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหมายความว่าขนาดการดาวน์โหลดจริงของผู้ใช้มักจะเล็กกว่าขนาดโดยประมาณที่คุณเห็นใน Play Console

ขนาดสูงสุด ได้แก่

  • 200 MB: ขนาดการดาวน์โหลดสูงสุดของ APK ที่บีบอัดสำหรับอุปกรณ์ 1 เครื่องซึ่งสร้างจาก App Bundle โดยตัว App Bundle อาจมีขนาดใหญ่กว่านี้ได้หลายเท่า
  • 100 MB: ขนาดการดาวน์โหลดสูงสุดของ APK ที่บีบอัดสำหรับแอปที่เผยแพร่ด้วย APK (ใช้สำหรับแอปที่สร้างขึ้นก่อนเดือนสิงหาคม 2021 เท่านั้น)
กำหนดค่า Play App Signing

Android กำหนดให้ทุกแอปต้องรับรองด้วยระบบดิจิทัลพร้อมใบรับรองก่อนจึงจะติดตั้งแอปเหล่านั้นได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของนักพัฒนาแอป Android เมื่อสร้างรุ่นแรก คุณสามารถกำหนดค่า Play App Signing เพื่อเลือกว่าแอปควรใช้คีย์ App Signing ที่ Google สร้างขึ้นหรือคีย์ App Signing ที่คุณเลือก

ข้อกำหนดเวอร์ชันแอปสำหรับ Play Console

App Bundle และ APK ทุกรายการมี versionCode ในไฟล์ Manifest ที่เพิ่มขึ้นจากการอัปเดตแต่ละครั้งของแอป

หากต้องการอัปโหลดแอปไปยัง Play Console ค่าสูงสุดที่เป็นไปได้สำหรับ versionCode คือ 2100000000 หาก versionCode ของแอปเกินค่านี้ Play Console จะไม่อนุญาตให้คุณส่ง App Bundle ใหม่

เมื่อเลือก versionCode สำหรับ App Bundle โปรดทราบว่าคุณจะต้องเพิ่ม versionCode สำหรับการอัปเดตทุกครั้งโดยให้อยู่ต่ำกว่าค่าสูงสุด

หมายเหตุ: หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเวอร์ชันให้แอป โปรดไปที่เว็บไซต์ของนักพัฒนาแอป Android โปรดทราบว่า MAXINT ของ Android นั้นแตกต่างจากข้อกำหนดในการอัปโหลดของ Play Console

การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านระดับ API เป้าหมาย

App Bundle จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านระดับ API เป้าหมายของ Google Play เมื่อทำการอัปโหลด ต่อไปนี้คือระดับที่แอปต้องกำหนดเป้าหมายในปัจจุบันและจะต้องกำหนดเป้าหมายในอนาคต

โปรดอ่านข้อกำหนดด้านระดับ API เป้าหมายสำหรับแอป Google Play เพื่อศึกษาระดับ API เป้าหมายที่จำเป็นต่อการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ Android และ Google Play

ระบุข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store และการตั้งค่า

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปจะแสดงใน Google Play และมีรายละเอียดที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store จะใช้ในแทร็กต่างๆ รวมถึงแทร็กที่ทดสอบ

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store หลัก
  2. กรอกข้อมูลในช่องใต้ "รายละเอียดแอป"
ช่อง คำอธิบาย จำนวนอักขระสูงสุด* หมายเหตุ
ชื่อแอป ชื่อแอปของคุณใน Google Play สูงสุด 30 ตัว

คุณเพิ่มชื่อที่แปลแล้วได้ 1 ชื่อต่อ 1 ภาษา

คำอธิบายแบบย่อ ข้อความแรกที่ผู้ใช้เห็นเมื่อดูหน้ารายละเอียดแอปของคุณในแอป Play Store 80 ตัว ผู้ใช้ขยายข้อความนี้เพื่อดูคำอธิบายแอปแบบเต็มได้
คำอธิบายแบบเต็ม คำอธิบายแอปใน Google Play 4,000 ตัว  

*จำนวนอักขระสูงสุดจะใช้กับทั้งอักขระแบบเต็มความกว้างและแบบครึ่งความกว้าง ตัวเลขที่แสดงอยู่ด้านบนเป็นขีดจำกัดสูงสุด ไม่ว่าคุณจะใช้อักขระประเภทใดก็ตาม

หมายเหตุ: การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำๆ หรือที่ไม่เกี่ยวข้องในชื่อแอป คำอธิบายแอป หรือคำอธิบายเพื่อโปรโมตแอปอาจสร้างประสบการณ์ที่ไม่น่าพอใจให้กับผู้ใช้และส่งผลให้มีการระงับแอปใน Google Play ได้ โปรดดูหลักเกณฑ์ทั้งหมดในนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play

เนื้อหาตัวอย่าง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มเนื้อหาตัวอย่าง (ซึ่งรวมถึงคำอธิบายแบบย่อ ภาพหน้าจอ และวิดีโอ) เพื่อแสดงแอปของคุณให้โดดเด่น

ภาษาและคำแปล

เพิ่มและจัดการคำแปล

เมื่อคุณอัปโหลดแอป ภาษาเริ่มต้นจะเป็นภาษาอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา, en-US) คุณเพิ่มคำแปลข้อมูลของแอปพร้อมทั้งภาพหน้าจอในภาษาต่างๆ และเนื้อหากราฟิกอื่นๆ ได้ ดูวิธีการได้ที่แปลแอปเป็นภาษาท้องถิ่น

รูปภาพและวิดีโอที่แปลแล้ว

เพื่อให้การเผยแพร่แอปออกสู่ตลาดเป็นภาษาอื่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณเพิ่มเนื้อหากราฟิกที่แปลแล้วลงในหน้าข้อมูลหลักของผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปได้

ผู้ใช้จะเห็นเนื้อหากราฟิกที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นใน Google Play หากผู้ใช้ตั้งค่ากำหนดของภาษาตรงกับภาษาที่คุณเพิ่มไว้

คำแปลอัตโนมัติ

หากคุณไม่ได้เพิ่มคำแปลของตัวเอง ผู้ใช้จะดูคำแปลอัตโนมัติของหน้าข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Google Play Store ของแอปได้โดยใช้ Google แปลภาษาหรือภาษาเริ่มต้นของแอป

คำแปลอัตโนมัติจะมีหมายเหตุอธิบายว่าคำแปลดังกล่าวเป็นการแปลโดยอัตโนมัติ พร้อมมีตัวเลือกเพื่อดูภาษาเริ่มต้นของแอป โปรดทราบว่าระบบยังไม่รองรับการแปลอัตโนมัติสำหรับภาษาซูลู ตากาล็อก เรโต-โรแมนซ์ และอาร์เมเนีย

การจัดหมวดหมู่และแท็ก

คุณเลือกหมวดหมู่และเพิ่มแท็กลงในแอปหรือเกมใน Play Console ได้ หมวดหมู่และแท็กช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาและค้นพบแอปที่เกี่ยวข้องมากที่สุดได้ใน Play Store

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกและการเพิ่มหมวดหมู่และแท็กสำหรับแอปหรือเกม

ข้อมูลติดต่อ

เมื่อคุณระบุอีเมล เว็บไซต์ หรือหมายเลขโทรศัพท์สำหรับแอป ข้อมูลติดต่อดังกล่าวจะพร้อมใช้งานแก่ผู้ใช้ในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอป

คุณจำเป็นต้องมีอีเมลสำหรับติดต่อ แต่เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการสนับสนุนที่ดีที่สุด เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณใส่เว็บไซต์ที่ผู้ใช้จะติดต่อคุณได้ลงไปด้วย

วิธีเพิ่มข้อมูลสนับสนุน

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการตั้งค่า Store (ขยายการมองเห็น > การแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > การตั้งค่า Store)
  2. เลื่อนลงไปที่ "ข้อมูลติดต่อ"
  3. ระบุอีเมลเพื่อการสนับสนุน (จำเป็น) หมายเลขโทรศัพท์ และ URL ของเว็บไซต์

เคล็ดลับ: ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนแก่ผู้ใช้

ขั้นตอนถัดไป

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเผยแพร่แอปได้ใน Academy for App Success

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10425818345115328998
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
92637
false
false