ตั้งค่าการทดสอบแบบเปิด ปิด หรือภายใน

 

สำคัญ: นักพัฒนาแอปที่มีบัญชีส่วนบุคคลซึ่งสร้างขึ้นหลังวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการทดสอบบางอย่างก่อนจึงจะทำให้แอปของตนพร้อมให้บริการใน Google Play ได้ อ่านบทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อใช้ Play Console คุณจะทดสอบแอปกับผู้ใช้เฉพาะกลุ่มหรือผู้ใช้ทั้งหมดใน Google Play ก็ได้

การทดสอบแอปช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคหรือด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ในขณะที่ยังส่งผลกระทบเพียงในวงแคบ เพื่อให้คุณเผยแพร่แอปเวอร์ชันที่ดีที่สุดใน Google Play ได้

ก่อนเริ่มต้น

  • ข้อกำหนดของอีเมล: ผู้ใช้ต้องมีบัญชี Google (@gmail.com) หรือบัญชี Google Workspace เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ
  • การเปลี่ยนแปลงการสร้างรายได้: หากคุณเปลี่ยนแปลงการกำหนดราคาของแอป การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อเวอร์ชันทั้งในปัจจุบันและในอนาคตสำหรับทุกแทร็ก
  • การเปลี่ยนแปลงประเทศที่พร้อมให้บริการ: หากคุณเปลี่ยนแปลงประเทศและภูมิภาคที่เผยแพร่แอป การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อเวอร์ชันทั้งในปัจจุบันและในอนาคตสำหรับทุกแทร็ก
    • หมายเหตุ: การทดสอบภายในมีข้อยกเว้นบางอย่างด้านการสร้างรายได้และประเทศที่พร้อมให้บริการ ดูรายละเอียดได้ในส่วนการตั้งค่าการทดสอบภายใน
  • เผยแพร่:
    • คุณต้องทดสอบแอปก่อนที่จะเผยแพร่เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานจริงได้
    • หลังจากเผยแพร่การทดสอบแบบเปิด ปิด หรือภายในเป็นครั้งแรก ลิงก์การทดสอบอาจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงกว่าจะพร้อมให้ผู้ทดสอบใช้งานได้ หากคุณเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงก่อนที่ผู้ทดสอบจะใช้งานได้
  • เพิ่มองค์กรไปยังการทดสอบโดยทำดังนี้
    • หากต้องการเพิ่มผู้ทดสอบที่เชื่อมโยงกับองค์กรที่ใช้ Managed Google Play ให้ไปที่แท็บ Managed Google Play ในหน้าการตั้งค่าขั้นสูงของแอป (การตั้งค่า > การตั้งค่าขั้นสูง) แล้วเลือกช่องข้าง "เปิด"
    • หากเป็นแอปส่วนตัว คุณจะต้องเพิ่มองค์กรที่เชื่อมโยงกับการทดสอบลงในรายการที่กำหนดเป้าหมายด้วยเช่นกัน
  • รีวิว: ความคิดเห็นจากผู้ใช้ทดสอบจะไม่ส่งผลต่อคะแนนสาธารณะของแอป
  • แอปที่ต้องซื้อ: หากคุณทดสอบแอปที่ต้องซื้อโดยใช้การทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด ผู้ทดสอบจะยังคงต้องซื้อแอป แต่หากคุณทดสอบแอปที่ต้องซื้อโดยใช้การทดสอบภายใน ผู้ทดสอบจะติดตั้งแอปได้ฟรี

ความแตกต่างระหว่างการทดสอบภายใน การทดสอบแบบปิด และการทดสอบแบบเปิด

คุณสร้างรุ่นในแทร็กทดสอบทั้ง 3 แทร็กได้ก่อนที่จะเผยแพร่แอปเป็นเวอร์ชันที่ใช้งานจริง การทดสอบในแต่ละระยะจะช่วยรวบรวมความคิดเห็นที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงแอปตลอดขั้นตอนการพัฒนา

การทดสอบภายใน: สร้างรุ่นการทดสอบภายในเพื่อเผยแพร่แอปอย่างรวดเร็วให้แก่ผู้ทดสอบไม่เกิน 100 คนสำหรับการตรวจสอบเพื่อรับรองคุณภาพเบื้องต้น เราขอแนะนำให้ทำการทดสอบภายในก่อนเผยแพร่แอปไปยังแทร็กแบบปิดหรือแบบเปิด คุณทดสอบภายในไปพร้อมกับการทดสอบแบบปิดและเปิดสำหรับแอปเวอร์ชันต่างๆ ได้หากจำเป็น โดยสามารถเริ่มการทดสอบภายในได้ก่อนที่จะตั้งค่าแอปเสร็จ

การทดสอบแบบปิด: สร้างรุ่นการทดสอบแบบปิดเพื่อทดสอบเวอร์ชันก่อนการเผยแพร่ของแอปกับผู้ทดสอบจำนวนมากขึ้นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นที่ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น เมื่อคุณทดสอบกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใช้ที่เชื่อถือได้กลุ่มเล็กๆ แล้ว คุณจะขยายขอบเขตการทดสอบไปยังรุ่นแบบเปิดได้ ในหน้าการทดสอบแบบปิดจะมีแทร็กทดสอบแบบปิดพร้อมใช้งานเป็นการทดสอบแบบปิดเริ่มต้น คุณจะสร้างและตั้งชื่อแทร็กแบบปิดเพิ่มเติมด้วยก็ได้หากจำเป็น

หากคุณกำลังทดสอบแอปที่มีอยู่ซึ่งเคยเผยแพร่แล้ว เฉพาะผู้ใช้ในกลุ่มการทดสอบเท่านั้นที่จะได้รับการอัปเดตสำหรับเวอร์ชันปิด

การทดสอบแบบเปิด: สร้างรุ่นการทดสอบแบบเปิดเพื่อทำการทดสอบกับผู้ทดสอบกลุ่มใหญ่และแสดงเวอร์ชันทดสอบของแอปใน Google Play หากคุณใช้งานการทดสอบแบบเปิด ทุกคนจะเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบและส่งความคิดเห็นส่วนตัวให้คุณได้ ก่อนเลือกตัวเลือกนี้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปและข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store พร้อมที่จะแสดงใน Google Play แล้ว

ยุบทั้งหมด ขยายทั้งหมด

เคล็ดลับ

ฉันควรเริ่มต้นอย่างไร

เราขอแนะนำให้คุณเริ่มจากการทดสอบภายใน จากนั้นจึงขยายไปยังผู้ทดสอบแบบปิดกลุ่มเล็กๆ นักพัฒนาแอปที่มีบัญชีส่วนบุคคลซึ่งสร้างขึ้นหลังวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการทดสอบบางอย่างก่อนจึงจะทำให้แอปของตนพร้อมให้บริการใน Google Play ได้ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดให้เรียบร้อยภายในช่วงขยายเวลาก่อนจึงจะใช้การลงทะเบียนล่วงหน้าได้ อ่านบทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เหตุใดฉันจึงควรทำการทดสอบภายใน

เมื่อสร้างการทดสอบภายใน คุณจะเผยแพร่แอปให้แก่ผู้ทดสอบภายในได้ทันที วิธีนี้ช่วยให้คุณระบุปัญหาและรับความคิดเห็นได้แต่เนิ่นๆ ในขั้นตอนการพัฒนา การทดสอบภายในมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • รวดเร็ว: คุณเผยแพร่แอปผ่านแทร็กทดสอบภายในได้เร็วกว่าแทร็กแบบเปิดหรือแบบปิดมาก เมื่อเผยแพร่ Android App Bundle ใหม่ไปยังแทร็กทดสอบภายใน ผู้ทดสอบจะใช้งานได้ภายในไม่กี่นาที
    • หมายเหตุ: หากคุณเผยแพร่แอปเป็นครั้งแรก แอปจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ทดสอบภายในโดยทันที แต่จะมีชื่อและข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ชั่วคราวเป็นเวลาสูงสุด 48 ชั่วโมง
  • ยืดหยุ่น: คุณสามารถปรับเปลี่ยนการทดสอบภายในเพื่อรองรับระยะการทดสอบที่แตกต่างกัน เช่น การตรวจสอบเพื่อรับรองคุณภาพและการแก้ไขข้อบกพร่องหลังเปิดตัว
  • ปลอดภัย: เมื่อใช้แทร็กทดสอบภายใน แอปทดสอบจะเผยแพร่ไปยังผู้ใช้ได้อย่างปลอดภัยผ่าน Play Store
ฉันทำการทดสอบหลายรายการต่อแอปพร้อมกันได้ไหม

หากคุณต้องการทำการทดสอบหลายรายการกับแอปเดียวกัน โปรดทราบว่า

  • คุณทำการทดสอบแบบปิดหลายรายการและทำการทดสอบแบบเปิด 1 รายการไปพร้อมๆ กันได้ตลอด
  • ผู้ใช้ที่เลือกใช้การทดสอบภายในของแอปจะไม่มีสิทธิ์รับการทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิดอีกต่อไป หากต้องการรับสิทธิ์เข้าถึงการทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด ผู้ใช้จะต้องเลือกไม่ใช้การทดสอบภายในก่อน แล้วจึงเลือกใช้การทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่ารายละเอียดการทดสอบ

เลือกวิธีทดสอบ

การทดสอบภายใน: จัดการผู้ทดสอบได้สูงสุด 100 คน

คุณสร้างรายชื่อผู้ทดสอบภายในได้ตามที่อยู่อีเมล การทดสอบภายในมีผู้ทดสอบได้สูงสุด 100 คนต่อแอป

เมื่อตั้งค่าการทดสอบภายใน โปรดคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

  • การเผยแพร่ในประเทศต่างๆ: คุณเพิ่มผู้ใช้จากประเทศใดก็ได้ลงในการทดสอบภายใน ผู้ทดสอบภายในจะยังได้รับสิทธิ์เข้าถึงการทดสอบภายในแม้จะอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ให้บริการแอปเวอร์ชันที่ใช้งานจริง ตลอดจนแอปเวอร์ชันการทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด
  • การชำระเงิน: สำหรับแอปที่ต้องซื้อ ผู้ทดสอบจะติดตั้งเวอร์ชันการทดสอบภายในได้ฟรี ผู้ทดสอบจะต้องชำระเงินสำหรับการซื้อในแอป เว้นแต่ว่าจะมีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ทดสอบที่มีใบอนุญาตด้วย
  • กฎการยกเว้นอุปกรณ์: ไม่มีการใช้กฎการยกเว้นอุปกรณ์กับผู้ทดสอบภายใน
  • นโยบายและการตรวจสอบความปลอดภัย: การทดสอบภายในอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของ Play หรือการตรวจสอบความปลอดภัยตามปกติ แอปที่กำลังใช้งานในแทร็กทดสอบภายในจะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องรวมอยู่ในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลของ Google Play
  • Google Groups: คุณสามารถใช้ Google Groups เพื่อจัดการผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบภายใน ซึ่งจะไม่เปลี่ยนขีดจํากัดผู้ทดสอบ 100 คน ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ 100 คนแรกจาก Google Group ของคุณที่ติดตั้งแอปจะได้เข้าร่วมการทดสอบ เมื่อมีผู้เข้าร่วมถึงขีดจำกัดแล้ว ผู้ใช้คนอื่นๆ จะเข้าร่วมการทดสอบภายในไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นสมาชิกของ Google Group นั้นก็ตาม หากมีผู้ทดสอบถอนการติดตั้งแอป ผู้ใช้รายอื่นก็จะสามารถเข้ามาแทนที่ได้

เริ่มการทดสอบภายใน

สร้างรายชื่ออีเมลของผู้ทดสอบ ดังนี้

หากสร้างรายชื่ออีเมลไว้แล้ว ให้ข้ามไปที่วิธีการ "เพิ่มผู้ทดสอบ"

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบภายใน (การทดสอบ > การทดสอบภายใน)
  2. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  3. ในส่วน "ผู้ทดสอบ" ให้เลือกสร้างรายชื่ออีเมล
  4. ป้อนชื่อของรายชื่ออีเมล คุณใช้รายชื่อเดียวกันนี้สำหรับการทดสอบในอนาคตกับแอปใดก็ได้
  5. เพิ่มอีเมลที่คั่นด้วยคอมมา หรือคลิกอัปโหลดไฟล์ CSV หากใช้ไฟล์ .CSV ให้ใส่อีเมล 1 รายการต่อบรรทัดโดยไม่ต้องมีคอมมา โดยมีข้อควรทราบดังนี้
    • หากอัปโหลดไฟล์ .CSV ไฟล์ดังกล่าวจะเขียนทับอีเมลที่คุณเพิ่มไว้ 
    • Play Console ไม่ยอมรับไฟล์ .CSV ในรูปแบบ UTF-8 ที่มี BOM
  6. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง แล้วเลือกสร้าง

เพิ่มผู้ทดสอบ

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบภายใน (การทดสอบ > การทดสอบภายใน)
  2. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  3. ในตาราง "ผู้ทดสอบ" ให้เลือกรายชื่อผู้ใช้ที่คุณต้องการให้ทดสอบรุ่นตามต้องการ
    • หากต้องการใช้ Google Group แทนรายชื่ออีเมล ให้เลือก Google Groups แล้วป้อนอีเมล Google Group ซึ่งอยู่ในรูปแบบ yourgroupname@googlegroups.com
  4. ระบุ URL หรืออีเมลสำหรับแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ทดสอบ ระบบจะแสดงช่องทางแสดงความคิดเห็นของแอปแก่ผู้ใช้ในหน้าการเลือกใช้ของผู้ทดสอบ
  5. คัดลอกลิงก์ที่แชร์ได้เพื่อแชร์รุ่นกับผู้ทดสอบ
  6. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง

ทดสอบแอปที่กำหนดค่าไม่สมบูรณ์

คุณสร้างรุ่นสำหรับการทดสอบภายในได้ด้วยแม้ว่าแอปยังกำหนดค่าไม่สมบูรณ์ เมื่อมี App Bundle ที่ใช้งานได้แล้ว คุณจะสามารถเผยแพร่ให้แก่ผู้ทดสอบจำนวนจำกัดได้อย่างรวดเร็ว หากต้องการทดสอบแอปที่กำหนดค่าไม่สมบูรณ์ โปรดคำนึงถึงหมายเหตุต่อไปนี้

  • ก่อนที่แอปจะได้รับการตรวจสอบครั้งแรก ผู้ใช้จะเห็นชื่อชั่วคราวของแอปใน Google Play คุณดูชื่อชั่วคราวของแอปได้ในสรุปข้อมูลแอปจากหน้าแดชบอร์ดของแอป
  • เมื่ออัปโหลดอาร์ติแฟกต์แล้ว ชื่อแพ็กเกจของแอปจะตายตัวและเปลี่ยนไม่ได้แล้ว
การทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบด้วยอีเมลหรือ Google Groups

เมื่อใช้การทดสอบแบบปิด คุณจะสร้างรายชื่อผู้ทดสอบตามอีเมลได้ คุณสร้างรายชื่อได้ทั้งหมด 200 รายการและแต่ละรายการมีผู้ใช้ได้สูงสุด 2,000 คน คุณสร้างรายชื่อได้สูงสุด 50 รายการต่อแทร็ก

ป้อนข้อมูลที่จำเป็นเพื่อเตรียมรุ่นการทดสอบภายใน บันทึกการเปลี่ยนแปลง แล้วเลือกตรวจสอบรุ่น

เริ่มการทดสอบแบบปิด

สร้างรายชื่ออีเมลของผู้ทดสอบ

หากสร้างรายชื่อผู้ทดสอบไว้แล้ว ให้ข้ามไปที่วิธีการ "เพิ่มผู้ทดสอบ"

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบแบบปิด (การทดสอบ > การทดสอบแบบปิด)
  2. เลือกจัดการแทร็ก
  3. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  4. ในส่วน "ผู้ทดสอบ" ให้เลือกสร้างรายชื่ออีเมล
  5. ป้อนชื่อของรายชื่ออีเมล คุณใช้รายชื่อเดียวกันนี้สำหรับการทดสอบในอนาคตกับแอปใดก็ได้
  6. เพิ่มอีเมลที่คั่นด้วยคอมมา หรือคลิกอัปโหลดไฟล์ CSV โดยมีข้อควรทราบดังนี้
    • หากอัปโหลดไฟล์ .CSV ไฟล์ดังกล่าวจะเขียนทับอีเมลที่คุณเพิ่มไว้ 
    • Play Console ไม่ยอมรับไฟล์ .CSV ในรูปแบบ UTF-8 ที่มี BOM
  7. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง แล้วเลือกสร้าง

เพิ่มผู้ทดสอบ

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบแบบปิด (การทดสอบ > การทดสอบแบบปิด)
  2. เลือกจัดการแทร็ก
  3. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  4. ในส่วน "ผู้ทดสอบ" คุณจะเพิ่มผู้ทดสอบผ่านอีเมลหรือ Google Groups ก็ได้ โดยทำดังนี้
    • อีเมล: ระบบจะเลือกอีเมลไว้โดยอัตโนมัติ หากต้องการใช้อีเมล ก็เลือกรายชื่อผู้ใช้ที่คุณต้องการให้ทดสอบรุ่นได้เลย
    • Google Groups: เลือก Google Groups แล้วป้อนอีเมล Google Group ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบ yourgroupname@googlegroups.com มีเพียงผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกของ Google Groups ที่คุณระบุเท่านั้นที่จะเข้าร่วมการทดสอบได้
  5. ระบุ URL หรืออีเมลสำหรับแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ทดสอบ ระบบจะแสดงช่องทางแสดงความคิดเห็นของแอปแก่ผู้ใช้ในหน้าการเลือกใช้ของผู้ทดสอบ

  6. คัดลอกลิงก์ที่แชร์ได้เพื่อแชร์รุ่นกับผู้ทดสอบ

  7. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง
การทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร

เมื่อใช้การทดสอบแบบปิด คุณสามารถเลือกองค์กรที่จะเข้าถึงแทร็กได้ โดยผู้ดูแลระบบขององค์กรเหล่านี้สามารถให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการทดสอบรุ่นของคุณ

เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มผู้ทดสอบผ่าน Play Console หรือจากหน้าการตั้งค่าแอป Android ในคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google เท่านั้น หากมีการเลือกผู้ใช้คนเดียวกันให้ทดสอบทั้งจาก Play Console และคอนโซลผู้ดูแลระบบ ผู้ใช้จะได้รับแอปเวอร์ชันสูงสุดในบรรดาเวอร์ชันที่พร้อมให้บริการ

วิธีเพิ่มผู้ทดสอบ

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบแบบปิด (การทดสอบ > การทดสอบแบบปิด)
  2. เลือกจัดการแทร็ก
  3. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  4. ในส่วน "จัดการองค์กร" ให้เลือกเพิ่มองค์กร
  5. ป้อนรหัสและชื่อองค์กรที่เข้าถึงแทร็กของคุณได้
  6. เลือกเพิ่ม
    • เคล็ดลับ: ระบบจะสร้างรหัสองค์กรโดยอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าการจัดการ Android และเข้าถึง Managed Google Play ดูข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าการจัดการ Android พร้อมด้วยสิทธิ์เข้าถึง Managed Google Play ได้ที่การเข้าถึง Managed Google Play หากองค์กรจัดการอุปกรณ์ Android อยู่แล้ว ดูวิธีการค้นหารหัสองค์กรได้ที่เผยแพร่แอปส่วนตัว
  7. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง
การทดสอบแบบเปิด: แสดงแอปทดสอบใน Google Play

หากคุณตั้งค่าการทดสอบแบบเปิด ผู้ใช้จะพบแอปทดสอบได้ใน Google Play ก่อนเลือกตัวเลือกนี้ โปรดตรวจสอบว่าแอปพร้อมที่จะปรากฏใน Google Play

  • สำหรับแอปทดลองใช้ก่อนเปิดตัว (แอปใหม่ที่ยังไม่เคยเผยแพร่เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานจริงมาก่อน): ผู้ใช้อาจค้นหาการทดสอบแบบเปิดได้ผ่านการค้นหาใน Google Play เมื่อผู้ใช้พบข้อมูลผลิตภัณฑ์แล้วก็จะติดตั้งและใช้แอปได้
  • สำหรับแอปซึ่งมีเวอร์ชันที่ใช้งานจริงเผยแพร่อยู่: ผู้ใช้จะเลือกใช้การทดสอบแบบเปิดจากข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ได้

นอกจากนี้ คุณยังแชร์ลิงก์ URL ลงในเว็บไซต์หรืออีเมลได้อีกด้วย ผู้ใช้ทุกคนที่มีลิงก์จะเข้าถึงการทดสอบแบบเปิดได้

เริ่มการทดสอบแบบเปิด

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบแบบเปิด (การทดสอบ > การทดสอบแบบเปิด)
  2. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  3. ขยายส่วน "จัดการผู้ทดสอบ" หากส่วน "จัดการผู้ทดสอบ" ไม่มีข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าคุณได้อัปโหลด App Bundle แล้ว
  4. เลือกจำนวนผู้ทดสอบที่ใช้แอปของคุณได้
    • ไม่จำกัด: ตัวเลือกนี้จะเลือกอยู่โดยค่าเริ่มต้น
    • จำกัดจำนวน: คุณระบุจำนวนสูงสุดได้ (ต้องมีอย่างน้อย 1,000 คน)
  5. ระบุ URL หรืออีเมลสำหรับแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ทดสอบ ระบบจะแสดงช่องทางแสดงความคิดเห็นของแอปแก่ผู้ใช้ในหน้าการเลือกใช้ของผู้ทดสอบ
  6. คัดลอกลิงก์ที่แชร์ได้เพื่อแชร์รุ่นกับผู้ทดสอบ
  7. เลือกบันทึกการเปลี่ยนแปลง
สร้างแทร็กทดสอบแบบปิดเพิ่มเติมสำหรับทีมพัฒนา

คุณอาจต้องการแทร็กการทดสอบแบบปิดเพิ่มเติมในบางกรณี ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีทีมพัฒนาหลายทีมที่จำเป็นต้องแก้ไขข้อบกพร่องในฟีเจอร์ต่างๆ หากแต่ละทีมสร้างแทร็กที่ทดสอบของตนเอง ก็จะทำงานกับฟีเจอร์ต่างๆ ไปพร้อมกันได้

แทร็กทดสอบเพิ่มเติมช่วยให้คุณสร้างรายชื่อผู้ทดสอบโดยใช้อีเมลหรือจัดการผู้ทดสอบโดยใช้ Google Groups ได้ กลุ่มเหล่านี้มีขนาดไม่จำกัด

สร้างแทร็กทดสอบเพิ่มเติม

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าการทดสอบแบบปิด (การทดสอบ > การทดสอบแบบปิด)
  2. ที่บริเวณด้านขวาบนของหน้า ให้เลือกสร้าง
  3. ป้อนชื่อแทร็ก ชื่อแทร็กจะนำมาใช้เป็นชื่อแทร็กใน Play Console และ Google Play Developer API
  4. เลือกสร้างแทร็ก
  5. เลือกแท็บผู้ทดสอบ
  6. ในส่วน "ผู้ทดสอบ" คุณจะเพิ่มผู้ทดสอบผ่านอีเมลหรือ Google Groups ก็ได้ โดยทำดังนี้
    • อีเมล: ระบบจะเลือกอีเมลไว้โดยอัตโนมัติ หากต้องการใช้อีเมล ก็เลือกรายชื่อผู้ใช้ที่คุณต้องการให้ทดสอบรุ่นได้เลย
    • Google Groups: เลือก Google Groups แล้วป้อนอีเมล Google Group ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบ yourgroupname@googlegroups.com มีเพียงผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกของ Google Groups ที่คุณระบุเท่านั้นที่จะเข้าร่วมการทดสอบได้
  7. ระบุ URL หรืออีเมลสำหรับแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ทดสอบ ระบบจะแสดงช่องทางแสดงความคิดเห็นของแอปแก่ผู้ใช้ในหน้าการเลือกใช้ของผู้ทดสอบ
  8. คัดลอกลิงก์ที่แชร์ได้เพื่อแชร์รุ่นกับผู้ทดสอบ
  9. เลือกบันทึก

เคล็ดลับและการรองรับสำหรับการทดสอบ

เมื่อคุณสร้างแทร็กแบบปิดเพิ่มเติม ระบบจะไม่รองรับฟีเจอร์ต่อไปนี้

จัดการผู้ทดสอบสำหรับบริการเกมของ Google Play

หากคุณใช้บริการเกมของ Google Play จะมีการแชร์กลุ่มผู้ทดสอบระหว่างแอปของคุณกับบริการเกมของ Google Play โดยอัตโนมัติ

ผู้ทดสอบจะสามารถลองใช้การเปลี่ยนแปลงที่คุณบันทึกไว้ในโปรเจ็กต์เกม เช่น รางวัลพิเศษและลีดเดอร์บอร์ด ก่อนที่จะเผยแพร่สู่ผู้ใช้จริง คุณจัดการผู้ทดสอบแต่ละรายได้โดยใช้อีเมลของผู้ทดสอบ หรือจะใช้ผู้ทดสอบกลุ่มเดียวกับที่ใช้กับแทร็กที่เผยแพร่ก็ได้

คุณใช้การสลับผู้ทดสอบเพื่อรวมผู้ใช้ที่เลือกใช้การทดสอบแอปได้โดยอัตโนมัติในหน้าบริการเกมของ Play > การตั้งค่าและการจัดการ > ผู้ทดสอบ

วิธีเพิ่มผู้ทดสอบแต่ละคนให้กับบริการเกมของ Google Play ด้วยตนเอง

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าผู้ทดสอบบริการเกมของ Play (บริการเกมของ Play > การตั้งค่าและการจัดการ > ผู้ทดสอบ)
  2. ที่เมนูด้านซ้าย ให้เลือกบริการเกมของ Play > การตั้งค่าและการจัดการ > ผู้ทดสอบ
  3. พิมพ์อีเมลที่คุณต้องการเพิ่ม อีเมลต้องเป็นบัญชี Google ที่ถูกต้องซึ่งลงชื่อเข้าใช้ด้วยบริการเกมของ Google Play
  4. เลือกเพิ่ม

เมื่อผู้ใช้เลือกเข้าร่วมกลุ่มทดสอบแล้ว ก็จะสามารถลงชื่อเข้าใช้ด้วยบริการเกมของ Google Play, รับรางวัลพิเศษแบบร่างหรือแบบเผยแพร่แล้ว และโพสต์ลงในลีดเดอร์บอร์ดแบบร่างหรือแบบเผยแพร่แล้วได้

ขั้นตอนที่ 2: สร้างรุ่น

เมื่อตั้งค่ารายละเอียดการทดสอบของแอปแล้ว คุณจะเตรียมพร้อมและเปิดตัวรุ่นได้

หากต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการประเทศที่พร้อมให้บริการแทร็กทดสอบแบบปิดและแทร็กทดสอบแบบเปิดของแอป โปรดไปที่เผยแพร่รุ่นต่างๆ ของแอปไปยังประเทศที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 3: แชร์แอปกับผู้ทดสอบ

หากคุณกำลังทำการทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด ผู้ทดสอบจะค้นหาแอปทดสอบของคุณใน Google Play ได้โดยใช้อุปกรณ์ของผู้ทดสอบเอง หากเป็นการทดสอบแบบปิด ผู้ทดสอบในรายชื่อหรือกลุ่มของคุณจะยังใช้งานแอปทดสอบได้

ผู้ทดสอบจะไม่เห็นแอปของคุณใน Google Play หากคุณทำการทดสอบภายในหรือการทดสอบแบบปิดก่อนที่จะทำให้แอปพร้อมใช้งานผ่านการทดสอบแบบเปิดหรือการเปิดตัวเป็นเวอร์ชันที่ใช้งานจริง คุณต้องแชร์ URL ใน Play Store ของแอปกับผู้ทดสอบเพื่อให้ผู้ทดสอบดาวน์โหลดแอปได้

หากผู้ทดสอบไม่พบแอปของคุณใน Google Play ด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณยังมีตัวเลือกในการแชร์ลิงก์การเลือกใช้กับผู้ทดสอบด้วย ด้านล่างนี้คือหมายเหตุเกี่ยวกับการใช้ลิงก์การเลือกใช้

  • ลิงก์การเลือกใช้จะแสดงเมื่อแอป "เผยแพร่แล้ว" เท่านั้น แอปสถานะ "ฉบับร่าง" หรือ "รอการเผยแพร่" จะไม่แสดงลิงก์การเลือกใช้
  • หลังจากคลิกลิงก์การเลือกใช้ ผู้ทดสอบจะได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับความหมายของการเป็นผู้ทดสอบพร้อมลิงก์เพื่อที่จะเลือกใช้ ผู้ทดสอบแต่ละรายจะต้องใช้ลิงก์ดังกล่าวในการเลือกใช้
  • หากคุณทำการทดสอบแบบปิดกับ Google Group ผู้ใช้จะต้องเข้าร่วมกลุ่มก่อนจึงจะเลือกใช้การทดสอบได้

ขั้นตอนที่ 4: รับความคิดเห็น

เมื่อผู้ทดสอบติดตั้งแอปแล้ว ผู้ทดสอบจะได้รับการอัปเดตเพื่อใช้เวอร์ชันทดสอบโดยอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที

ผู้ทดสอบจะเขียนรีวิวสาธารณะสำหรับเวอร์ชันทดสอบของแอปใน Google Play ไม่ได้ ดังนั้นจึงควรใส่ช่องทางแสดงความคิดเห็นหรือแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีแสดงความคิดเห็น (ทางอีเมล เว็บไซต์ หรือฟอรัมข้อความ)

หากคุณกำลังทำการทดสอบแบบเปิดหรือแบบปิด ผู้ทดสอบจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่าน Google Play ได้ด้วย

ขั้นตอนที่ 5: สิ้นสุดการทดสอบ

วิธีนำผู้ใช้ออกจากการทดสอบของแอป

  1. เปิด Play Console แล้วไปที่หน้าของการทดสอบที่คุณต้องการให้สิ้นสุด
  2. ค้นหาการทดสอบที่ต้องการให้สิ้นสุด แล้วเลือกจัดการแทร็ก
    • หมายเหตุ: คุณอาจไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทการทดสอบที่คุณต้องการให้สิ้นสุดและจำนวนการทดสอบที่คุณทำอยู่
  3. ที่บริเวณด้านขวาบนของหน้า ให้เลือกหยุดเผยแพร่แทร็กชั่วคราว
  4. หลังจบการทดสอบ ผู้ทดสอบจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกแต่แอปจะติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ทดสอบต่อไป

รหัสเวอร์ชันและสถานะของแทร็กที่ทดสอบ

ข้อกำหนดเกี่ยวกับรหัสเวอร์ชัน

ผู้ใช้จะได้รับเวอร์ชันของแอปที่มีลักษณะดังนี้

  • มีรหัสเวอร์ชันสูงสุดที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ และ
  • เผยแพร่ไปยังแทร็กที่ตนมีสิทธิ์ได้รับแล้ว

ผู้ใช้ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับแทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริงเสมอ หาก App Bundle ที่เผยแพร่ในแทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริงมีรหัสเวอร์ชันสูงกว่าในแทร็กทดสอบที่ผู้ใช้เลือกรับ ผู้ใช้จะได้รับรุ่นเวอร์ชันที่ใช้งานจริง

ผู้ใช้ต้องมีคุณสมบัติดังนี้จึงจะมีสิทธิ์ได้รับแทร็กทดสอบ

  • อยู่ในการกำหนดค่าแทร็กที่มีการจัดการ และ
  • เลือกรับโปรแกรมทดสอบที่สอดคล้องกัน

ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ได้รับหลายแทร็กจะได้รับรุ่นที่มีรหัสเวอร์ชันสูงสุดที่เผยแพร่ในแทร็กเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ในการทดสอบแบบเปิดมีสิทธิ์ทั้งสำหรับแทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริงและแทร็กการทดสอบแบบเปิด ผู้ใช้ในการทดสอบแบบปิดมีสิทธิ์ทั้งสำหรับแทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริงและแทร็กการทดสอบแบบปิด ผู้ใช้ทั้งในการทดสอบแบบเปิดและการทดสอบแบบปิดจะมีสิทธิ์ใช้แทร็กเวอร์ชันที่ใช้งานจริง การทดสอบแบบเปิด และการทดสอบแบบปิด

ผู้ใช้ที่เลือกใช้การทดสอบภายในจะไม่มีสิทธิ์ใช้การทดสอบแบบเปิดและการทดสอบแบบปิด แม้จะอยู่ในฐานะผู้ทดสอบก็ตาม ผู้ใช้เหล่านี้จะไม่ได้รับรหัสเวอร์ชันที่สูงกว่าซึ่งเผยแพร่ในแทร็กเหล่านั้น และจะได้รับเฉพาะรหัสเวอร์ชันที่เผยแพร่ในแทร็กการทดสอบภายในเท่านั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กำหนดเวอร์ชันของแอป

สถานะของแทร็กที่ทดสอบ

เมื่อเปิดตัวรุ่น คุณอาจเห็นข้อความสำหรับตรวจสอบความถูกต้องซึ่งจะแจ้งให้ทราบเมื่อผู้ใช้ของแทร็กนั้นๆ ได้รับอัปเดตแอปจากแทร็กอื่น หรือที่รู้จักกันในชื่อสถานะสำรองของแทร็ก

ข้อกำหนดและสถานะสำรอง

  • ถูกทำตามและสังเกต: App Bundle หนึ่งจะสังเกตและทำตาม App Bundle อีกรายการหนึ่งเมื่อให้บริการในการกำหนดค่าอุปกรณ์แบบเดียวกันบางส่วนหรือทั้งหมด และมีรหัสเวอร์ชันที่สูงกว่า
  • ถูกเลื่อนระดับ: App Bundle ที่มีการใช้งานทั้งหมดของแทร็กถูกเก็บไว้ใน App Bundle ที่มีการใช้งานของแทร็กสำรอง (เช่น App Bundle ที่มีการใช้งานทั้งหมดของแทร็กทดสอบแบบเปิดมีการใช้งานในเวอร์ชันที่ใช้งานจริงด้วย) คุณอาจเห็นสถานะนี้หากคุณเผยแพร่ในแทร็กที่ทดสอบก่อน แล้วจึงเผยแพร่ App Bundle ที่ทดสอบแล้วในรุ่นที่มีความเสถียรมากกว่า
  • ถูกแทนที่: App Bundle ที่มีการใช้งานทั้งหมดในแทร็กจะถูกแทนที่โดย App Bundle ที่มีการใช้งานและมีรหัสเวอร์ชันสูงกว่าในแทร็กสำรอง App Bundle ทั้งหมดในแทร็กนั้นจึงไม่ได้ให้บริการแก่ผู้ใช้ เพราะผู้ใช้จะได้รับ App Bundle จากแทร็กสำรอง ซึ่งหมายความว่า ระบบได้ยกเลิกโปรแกรมการทดสอบที่ได้จากแทร็กที่ถูกแทนที่
  • ถูกทำตามและสังเกตบางส่วน: App Bundle ที่มีการใช้งานอย่างน้อย 1 รายการในแทร็กถูกสังเกตและทำตามโดย App Bundle ที่มีรหัสเวอร์ชันสูงกว่าในแทร็กสำรอง ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้แทร็กทดสอบแบบเปิดบางส่วนจะได้รับบริการ App Bundle จากแทร็กทดสอบแบบเปิด แต่บางส่วนอาจได้รับบริการ App Bundle จากเวอร์ชันที่ใช้งานจริง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ากรณีนี้เกิดจากความผิดพลาดในการกำหนดรหัสเวอร์ชัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
13355893442322873015
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
92637
false
false
false